เข้าสู่ระบบฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขา
ฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา "ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน "จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น "พี่รักฝนนะครับ" "ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย" เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่ "พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ" เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่างจริงจัง "พี่อยากเข้าไปทำความรู้จักกับท่านอย่างเป็นทางการ" ฝนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย "ก็พี่เอกเคยเจอแม่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ตอนงานแต่งพี่ฟ้า" "ครับ... เคยเจอแล้ว แต่ยังไม่ได้คุยอะไรมาก" เอกตอบ "วันนั้นวันงานดูจะยุ่งๆ แค่ทักทายกันผ่านๆ แต่ตอนนี้... พี่อยากเข้าไปฝากเนื้อฝากตัวกับแม่ ก็พี่รักลูกสาวเขาไปแล้วนี่ ให้ทำยังไง" เอกพูดพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ฝนหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความเขินอาย "แม่ฝนคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง ถ้าพี่จะขอดูแลลูกสาวคนนี้ของท่าน" เอกพูดอย่างหยั่งเชิง "ไม่หรอกค่ะ แม่ไม่ค่อยอะไรกับฝนมาก" ฝนตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย "คนไม่ค่อยได้อยู่กับแม่อยู่แล้ว" เอกกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอย่างปลอบโยน เขาเข้าใจดีถึงความรู้สึกของเธอ "แต่ไม่ใช่ว่าแม่ไม่เห็นความสำคัญของฝนหรอกนะ แล้วฝนก็ไม่ใช่ว่าไม่เห็นความสำคัญของแม่ เพียงแค่แม่จะไม่ค่อยมาก้าวก่ายหลายๆ อย่างในชีวิตฝน" เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ "เพราะตั้งแต่ที่ฝนย้ายไปอยู่กับพ่อ ฝนกับแม่ก็ค่อนข้างจะห่างเหินกัน พูดตรงๆ เลยก็คือตอนนั้นฝนก็ยังโกรธแม่ที่แม่ไม่พยายามจะยื้อฝนไว้... แต่ตอนนี้ฝนไม่อะไรกับท่านแล้วค่ะ ฝนรู้ว่าท่านก็รักฝนเหมือนกัน" "ดีแล้วครับ" เอกลูบผมของเธออย่างอ่อนโยน "อย่างน้อยฝนก็ยังมีแม่ มีครอบครัว... ดูอย่างพี่สิ ไม่มีใครอยู่ข้างๆ" ฝนเงยหน้าขึ้นมองเอกด้วยความเข้าใจในความรู้สึกของเขา เธอยื่นมือไปหยิกแขนเขาเบาๆ อย่างหยอกล้อ "โอ๋ๆ ... ดูทำเป็นเด็กไปได้" "ไม่เป็นไรนะ ต่อไปนี้... ฝนจะดูแลพี่เอกเอง ดีไหม" เอกรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่ฝนยังเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ทำไมเธอถึงมอบความอบอุ่นให้เขาได้ขนาดนี้ และเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรักและอยากปกป้องผู้หญิงคนนี้ได้มากขนาดนี้หน้าร้านเสริมสวยนวล "พี่เอกเอารถไปจอดฝั่งโน้นก่อนนะคะ หน้าร้านน่าจะไม่มีที่จอดเดี๋ยวฝนข้ามไปฝั่งโน้นก่อน"พูดจบฝนก็เดินลงรถไป เสียงกรีดร้องของนวลดังลั่นด้วยความตกใจสุดขีด เอกที่กำลังจะข้ามถนนมาหาเธอได้ยินเสียงก็หันขวับทันที เขามองเห็นภาพฝนที่เกือบจะถูกรถชนอย่างจัง ก่อนที่ภาพเหล่านั้นจะตัดฉับไปพร้อมกับเสียงบีบแตรที่ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้น ภาพเหตุการณ์ในอดีตก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา เป็นภาพที่พร่ามัวแต่เจ็บปวด... ภาพเด็กผู้ชายอายุราวสิบขวบต้นๆ กำลังวิ่งไล่ตามผู้หญิงท่าทางเหมืที่อุ้มเด็กทารกอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าของเด็กผู้ชายเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแต่ก็ไม่ยอมหยุดวิ่ง เขาจำได้ว่าในตอนนั้นเขาพยายามจะช่วยเด็กทารกคนนั้นให้พ้นจากผู้หญิงที่กำลังอุ้มเธอหนีไปอย่างบ้าคลั่ง เขาตะโกนเรียกให้ผู้หญิงคนนั้นหยุด แต่เสียงของเขาก็เหมือนจะจมหายไปในความสับสนวุ่นวาย ก่อนที่ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือแสงไฟหน้ารถที่สาดส่องเข้ามาอย่างแรง แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง... "ฝน!" เสียงที่ดังขึ้นอีกครั้งดึงสติเขากลับมาในปัจจุบัน เอกรีบวิ่งข้ามถนนไปหาฝนที่ทรุดตัวลงนั่งบนพื้น มือปิดหูแน่น ตัวสั่นเทาด้วยความตกใจสุดขีด นวลรีบเข้าไปกอดลูกสาวเอาไว้แน่นด้วยความโล่งใจที่รถเบรกทันและลูกสาวปลอดภัย "ฝน! ไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไรนะ" นวลกอดปลอบลูกสาวพลางลูบศีรษะเธอเบาๆ ฝนเงยหน้าขึ้นมองแม่ด้วยสายตาที่ยังคงตกใจ ก่อนที่น้ำตาจะเริ่มไหลออกมา "แม่..." เธอเรียกแม่ด้วยเสียงสั่นเครือ นวลกอดเธอแน่นขึ้นแล้วหันมามองเอกที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่... ไม่ใช่แค่ความตกใจ... ในสายตาของเธอยังมีความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างประหลาด... มันคือความเอ็นดูและความสงสารที่ปนเปกันอยู่ เธอรู้สึกคุ้นเคยกับเขาอย่างประหลาด... ราวกับเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อน... แต่ก็นึกไม่ออก...นวลรีบปิดร้านเสริมสวยและพาเอกกับฝนเข้ามาในบ้าน เอกประคองฝนให้นั่งลงบนโซฟาอย่างแผ่วเบา
“ไม่เป็นไรนะครับ ตกใจมากไหม” เอกถามอย่างห่วงใยฝนสั่นเทาเล็กน้อย พยักหน้าเบาๆ แล้วหันไปหาแม่ด้วยน้ำตาคลอเบ้า “แม่คะ นี่พี่เอกค่ะ แม่เคยเจอตอนงานแต่งพี่ฟ้าแล้วครั้งนึง”
“สวัสดีครับคุณอา ผมเอก เอกภพครับ” เอกทักทายอย่างนอบน้อม สายตายังคงจับจ้องที่ฝนอย่างไม่วางตานวลเห็นทั้งคู่ที่ดูสนิทสนมและจับมือกันอย่างแนบแน่นก็ยิ้มและเข้าใจในทันที เอกจึงเริ่มเอ่ยขึ้นมาด้วยความหนักแน่น
“คือผมรู้ว่าเรื่องนี้มันอาจจะดูเร็วเกินไป...แต่ผมอยากจะบอกคุณอาว่าผมอยากดูแลลูกสาวของคุณอา ผมอยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอครับ” นวลมองเอกด้วยความเอ็นดู “ให้เจ้าตัวเขาตัดสินใจเองเลย แม่ไม่ขัดขวางไม่ห้ามอะไรลูกทั้งสองหรอก ถ้าฝนพร้อมอยากจะใช้ชีวิตคู่กับพี่เขาแม่ก็ตามใจ ฝนที่ผ่านมาแม่ก็ไม่ได้ดูแลหนูเท่าที่ควร ตอนนี้พ่อก็จากไป ถ้าฝนจะมีคนดูแลแม่คงสบายใจ แต่ขอแค่คน ๆ นั้นต้องรักลูกสาวแม่แค่นี้แม่ก็ดีใจแล้ว” "แล้วจะไปเที่ยวไหนกัน ในรถเห็นมีกระเป๋าเดินทาง"นวลถาม เอกกับฝนสบตากันแล้วยิ้ม ฝนจึงหันไปตอบแม่ “อ๋อ พวกเราไปเที่ยวทะเลกันค่ะแม่ พอดีนาน ๆ ทีจะได้มีเวลาพัก” “เหนื่อย ๆ ก็ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไหมลูก นอนที่นี่ก็ได้ ไม่ต้องกลับคอนโดหรอก” นวลเอ่ยชวนอย่างอบอุ่น ฝนหันไปมองหน้าเอกเพื่อขอความเห็น เอกยิ้มเล็กน้อยเป็นคำตอบ “แล้วแต่ฝนเลย” “ถ้างั้นคืนนี้เอกนอนห้องรับแขกแล้วกันนะลูก เดี๋ยวแม่ขึ้นไปจัดห้องให้ ไปนั่งพักผ่อนกันไปก่อนนะ” ฝนพูดแทรกขึ้นมา “อ้อแม่! แม่เห็นซองสีน้ำตาลที่วันนั้นพี่หมอเอามาให้ไหมคะ” “อ๋อ วางอยู่บนหัวเตียง แม่ก็เห็นวางอยู่นั่นนะ มันคืออะไรน่ะลูก” นวลถามต่อ “ฝนก็ไม่แน่ใจค่ะ พี่หมอบอกว่าอาจารย์หมอฝากมาให้คุณพ่อแต่พ่อไม่อยู่แล้ว หมอเลยฝากไว้ให้ฝนแทน ฝนก็ยังไม่ได้เปิดดูเหมือนกันค่ะ” “โอเค...งั้นก็ตามสบายนะลูก” นวลพูดพร้อมกับหันไปมองเอก “เดี๋ยวแม่ไปดูอะไรในครัวก่อนว่าจะทำอะไรให้กิน” “ครับคุณอา” เอกตอบรับขณะมองแผ่นหลังของนวลด้วยความรู้สึกอบอุ่นและคุ้นเคยอย่างประหลาดใจทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนช่วงเวลาพลิกผัน ขณะที่เอกนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกชั้นล่าง ฝนที่อยู่บนห้องนอน ตัดสินใจเปิดซองสีน้ำตาลออกดู ทันทีที่อ่านเนื้อหาในซอง เธอก็ตัวแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็ง กระดาษในมือร่วงลงพื้น น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ความรู้สึกอยากอาเจียนแล่นขึ้นมาในลำคอ เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและทรุดลงกับพื้น ร้องกรีดออกมาสุดเสียงพร้องกับร้องไห้ฟูมฟาย เสียงกรีดร้องที่ดังลงมาทำให้เอกกับนวลที่อยู่ชั้นล่างตกใจรีบวิ่งขึ้นไป ภาพที่เห็นคือฝนนั่งร้องไห้กอดตัวเองก่อนจะหมดสติไป เอกรีบอุ้มฝนขึ้นมาเพื่อพาไปโรงพยาบาล ส่วนนวลก้มลงหยิบเอกสารในซองที่ตกอยู่ขึ้นมาพร้อมกับมือถือและกระเป๋าของลูกสาวแล้วรีบวิ่งตามลงไปขณะที่ขับรถ นวลมองสลับระหว่างเอกกับฝนที่หมดสติอยู่บนตักเธอ น้ำตาของนวลไหลออกมาอย่างเงียบเชียบ เนื้อหาในเอกสารทำให้เธอกับฝนตกอยู่ในความตกใจเหมือนกันแต่ในคนละแง่มุม
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เอกเดินกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างร้อนใจ นวลเดินมาข้างหลังแล้วพูดขึ้น “นนท์” เอกไม่ได้ยิน นวลจึงเรียกซ้ำอีกครั้ง “นนท์” เอกหันมามองด้วยความสงสัย “คุณอาพูดกับผมหรือเปล่าครับ” นวลตั้งสติแล้วเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “อารบกวนอะไรอีกหน่อยได้ไหม” “ว่าไงครับคุณอา” “ช่วยปลดกระดุมเสื้อออก ให้อาดูหน้าอกหน่อย” เอกตกใจกับคำขอ แต่เมื่อเห็นสายตาจริงจังของนวลก็ยอมทำตาม เขายอมปลดกระดุมเสื้อจนถึงเม็ดที่สี่แล้วเปิดออก นวลมองเห็นรอยปานสีแดงรูปใบหม่อนตรงราวนมของเอก เป็นรอยปานแบบเดียวกับที่นนท์ในวัยเด็กเคยมี น้ำตาของนวลไหลหลาก “นนท์...นนท์จริง ๆ ใช่ไหม...นนท์ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม...ในที่สุด...ก็เจอแล้ว” นวลโผเข้ากอดเอกพร้อมกับปล่อยโฮออกมา เอกไม่เข้าใจว่านวลกำลังพูดถึงอะไร...นพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง







