เข้าสู่ระบบ"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."
นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาล เอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ "ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล" วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาล นวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพัง ขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันที แต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอกอย่างจังจนเขาสลบไป โชคดีที่พลเมืองดีเข้าช่วยน้องสาวคนนั้นไว้ได้ทัน นวลที่หันกลับมาไม่เห็นลูกในรถเข็นกับเอกก็รีบวิ่งออกไปตามหา พลางได้ยินเสียงคนตะโกนว่า "มีคนขโมยเด็ก! มีคนขโมยเด็ก!" ด้วยความตกใจ เธอจึงรีบวิ่งออกไปนอกโรงพยาบาล ภาพที่เห็นคือผู้คนกำลังมุงดูจุดที่เกิดอุบัติเหตุ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากมองหาลูกสาว จนกระทั่งได้ยินเสียงพลเมืองดีที่ช่วยอุ้มเด็กไว้และกำลังจับตัวหญิงสาวที่เสียสติ นวลดีใจมาก เธอรีบวิ่งเข้าไปรับลูกสาวตัวน้อยมาโอบกอดไว้ในอ้อมอกด้วยความโล่งใจ จนลืมไปว่ายังมีเด็กอีกคน ซึ่งนั่นก็คือเอก เรื่องราวน่าแปลกใจที่เอกได้ยินจากนวล ไม่ต่างอะไรกับการถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ เอกรีบหยิบเอกสารที่ระบุว่าเขาคือลูกชายของนพพล พ่อของฝน และฝนคือลูกสาวต่างแม่ของเขาอย่างนั้นเหรอ ภาพความทรงจำเมื่อไม่กี่วันก่อนผุดขึ้นมา... เขาเพิ่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่อาจเป็น...น้องสาวของเขาเอง ความรู้สึกผิดบาปกัดกินหัวใจจนแทบแหลกสลาย มือของเอกสั่นเทาจนกำเอกสารแน่น นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจอย่างที่สุด "ไม่... ไม่จริง!" เสียงแหบพร่าหลุดออกมาจากลำคอ "ไม่ใช่แบบนั้น! มันไม่ใช่แบบนั้นเอก เอกไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดกับฝน!" นวลรีบสวนขึ้นพร้อมกับจับมือเอกไว้แน่น "เอกคือลูกชายของพี่ประทิน หรือลุงทินของฝนนั่นเอง..." นวลเล่าต่อว่าหลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทุกคนก็ออกตามหานนท์ แต่มันไม่ง่ายเลยเพราะเอกสารยืนยันตัวตนต่างๆ มีปัญหา ทำให้การตามหาต้องหยุดชะงักลง "อาขอโทษนะลูก ถ้าวันนั้นอาไม่มัวแต่ห่วงฝน นนท์คงไม่พลัดพรากไปจากครอบครัว อารู้สึกผิดกับเรื่องนี้จริงๆ" นวลเข้ามากอดเอกพร้อมกับปล่อยโฮออกมา เอกรับเอกสารแล้วมองมันอย่างงงงวย เอกสารระบุว่าเขาคือลูกชายของนพพล แต่ทำไมนวลถึงยืนยันว่าเขาคือลูกของลุงทิน แล้วทำไมนพพลถึงได้สงสัยว่าเอกคือคนที่ตามหาจนต้องแอบไปตรวจ DNA กันนะ... ความจริงที่กำลังจะเปิดเผยทำให้หัวใจของเอกเต้นรัวกว่าที่เคยในวินาทีที่นวลกับเอกกำลังสับสนอยู่นั้น เสียงเอะอะโวยวายของพยาบาลก็ดังขึ้น พยาบาลคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากห้องพร้อมกับตะโกนว่า “คนไข้หายไปไหน! ลูกออกไปจากเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้เลยหรือไง!”
นวลกับเอกหันไปมองหน้ากันด้วยความรู้สึกไม่ดีในใจ ทั้งคู่รีบวิ่งกลับไปที่วอร์ดทันที และเมื่อไปถึงก็พบว่า คนไข้ที่หายไปคือฝน หัวใจของนวลแทบหยุดเต้น ส่วนเอกก็รู้สึกเหมือนโดนกระชากลงสู่ห้วงแห่งความกังวล ภาพเหตุการณ์ในอดีตเมื่อ 28 ปีก่อน ผุดขึ้นมาในหัวของเอกอย่างรวดเร็ว ภาพที่เขาในวัยเด็กกำลังวิ่งตามหญิงสาวสติไม่สมประกอบที่อุ้มน้องสาวตัวน้อยไป และภาพที่เขาโดนรถเฉี่ยวชนจนหมดสติ ความทรงจำที่ขาดหายไปมาโดยตลอดกำลังประติดประต่อกันเป็นเรื่องราวอีกครั้ง เอกยกมือขึ้นกุมศีรษะที่กำลังปวดหนึบ และในที่สุดทุกอย่างก็ชัดเจน เขาจำได้แล้ว... วันนั้นเขาเฝ้ารออานวลที่กำลังจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลอยู่ แล้วจู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยของเขาไป ด้วยความตกใจเขาจึงวิ่งตามพร้อมกับร้องให้คนช่วย แต่ไม่ทันระวังตัวจึงโดนรถชน หลังจากนั้นความทรงจำของเขาก็ว่างเปล่าไปเลย จนถึงวันนี้ ความรู้สึกผิดที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกำลังย้อนกลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง “ผมจำได้แล้วครับคุณอา!” เอกหันไปหานวลด้วยแววตาแน่วแน่ “ผมจำได้หมดแล้วว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น… ผมจะตามหาน้องเองครับ ผมจะไม่ยอมให้เธอไปจากผม ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ผมก็จะตามเธอกลับมาให้ได้ครับคุณอา!” นวลมองเอกด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวที่กำลังบอบช้ำ แต่ก็รู้สึกเข้าใจในความรู้สึกผิดที่เอกกำลังเผชิญอยู่ เอกหยิบมือถือขึ้นมาและตรวจสอบสัญญาณ GPS ที่เขาเคยแอบเปิดไว้เมื่อครั้งที่ไปเที่ยวทะเลกับฝน เผื่อในกรณีที่ฝนคิดหนีไปไหน “แล้วเราจะทำยังไงกันดีลูก?” นวลถามเสียงสั่น “ไม่ต้องห่วงครับคุณอา ตอนนี้น้องไปไหนผมก็รู้ แค่น้องเปิดมือถือทิ้งไว้ ผมก็จะตามน้องกลับมาให้ได้” “อาไปด้วย ให้อาไปด้วยนะลูก อาเป็นห่วงฝน” “ได้ครับคุณอา” ทั้งคู่ไม่รอช้า รีบตามสัญญาณ GPS ไปทันที เอกขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าจุดหมายปลายทางที่ฝนไปคือทางกลับบ้านของเธอ “เส้นทางที่ฝนไปคือทางกลับบ้านครับคุณอา” เอกหันไปบอกนวล “อย่างน้อยเราก็โล่งใจได้ว่าเธอจะกลับบ้าน แต่ยังไงผมก็ต้องไปคุยเรื่องนี้กับเธอก่อนที่ทุกอย่างมันจะแย่ลงไปกว่านี้” ทั้งคู่ขับรถตามไปอย่างกระชั้นชิด แต่โชคร้ายที่รถของเอกน้ำมันหมดกลางทาง ทำให้ต้องใช้เวลาหาคนมาช่วยเหลืออีกหลายชั่วโมง และนั่นทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขากับฝนเพิ่มขึ้นไปอีกโลกที่พังทลาย ขณะเดียวกัน... ฝน กำลังรู้สึกหมดแรงและอ่อนล้า เมื่อเธอกลับมาถึงบ้านก็พบว่าไม่มีใครอยู่ มีแต่บ้านที่ว่างเปล่า พ่อที่เคยเป็นเสาหลักของบ้านก็จากไป บ้านหลังนี้จึงไม่เหมือนบ้านอีกต่อไป แม้ว่าแม่แววจะเคยเอ็นดูเธอ แต่เธอก็ไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของแม่แววอยู่ดี ยิ่งตอนนี้พี่ทิพย์ ซึ่งเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของแม่แววกลับมาแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน และความจริงที่กำลังกัดกินหัวใจเธอในตอนนี้ ก็คือเรื่องราวของเธอกับผู้ชายที่เธอรัก ผู้ชายที่ชื่อ เอก เธอเคยวาดฝันไว้ว่าจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้ แต่ความจริงมันโหดร้ายเกินกว่าเธอจะรับไหว ราวกับมีบางอย่างนำพาเธอไป เธอเดินมาจนถึงกระท่อมน้อยริมน้ำ ซึ่งเป็นสถานที่แห่งความทรงจำระหว่างเธอกับพ่อ เธอใช้มือลูบไปที่กระท่อม ลูบไปบนแผ่นไม้เก่า ๆ พร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างไม่เหลือภาพ เธอรู้สึกว่าชีวิตของเธอมันสูญสิ้นทุกอย่าง ความหวังเดียวที่เคยมีได้พังทลายลงไปจนไม่เหลือชิ้นดี คนที่เธอรักกลับกลายเป็นพี่ชายของตัวเอง และที่เจ็บปวดยิ่งกว่านั้นก็คือ ทั้งเธอและเขากลับมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะถอยกลับไปได้ ฝนใช้กำปั้นทุบไปที่หน้าอกตัวเองซ้ำ ๆ พร้อมกับร้องไห้จนแทบขาดใจ เธอใช้มือสั่น ๆ ลูบไปที่ท้อง แล้วความรู้สึกหวั่นวิตกกะทันหันก็แล่นเข้าสู่สมองของเธอ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอกับเอกตัดสินใจที่จะสร้างครอบครัวด้วยกัน ทั้งคู่เลือกที่จะปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างไปโดยไม่ได้ป้องกัน แล้วถ้าเกิด... อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ถ้าเธอท้องขึ้นมา เธอจะทำยังไง? ถ้าลูกที่เกิดมามีพ่อที่เป็นพี่ชายของแม่ เธอจะใช้ชีวิตอยู่กับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้ยังไง? ฝนร้องไห้จนแทบขาดใจ เธอเดินเข้าไปในกระท่อม มองดูข้าวของเครื่องใช้ ภาพวาดที่เคยวาดไว้ และความทรงจำต่าง ๆ ที่เคยมีร่วมกับพ่อ สายตาของเธอเหลือบไปเห็นกล่องเล็ก ๆ กล่องหนึ่ง เมื่อเปิดออกเธอก็พบกับรองเท้าเล็ก ๆ ที่พ่อเคยซื้อให้เหลืออยู่เพียงแค่ข้างเดียว เธอทรุดตัวลงร้องไห้ด้วยความเวทนาในชีวิตตัวเองที่ช่างโหดร้ายจนเกินรับได้ โชคชะตากำลังเล่นตลกกับเธอ ขนาดรองเท้าแค่ 1 ข้างยังต้องพลัดพรากจากกันไป เธอโอบกอดรองเท้าคู่เล็ก ๆ นั้นไว้แน่นพร้อมกับร้องไห้ราวกับคนจะขาดใจ โลกทั้งใบของเธอได้พังทลายลงแล้ว เธอไม่เหลือใครในชีวิต และไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้มันมืดมนไปหมด...นพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง







