“แหวะ เหม็นเหล้าชะมัดทำไมแถวนี้ถึงมีแต่คนเมาเนี่ย” เยว่เล่อที่มานั่งอยู่ข้างร้านแห่งหนึ่งพร้อมกับถ้วยคู่ใจนั่งมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา
ขนสากเพราะมอมแมมของเสวี่ยปิงถูไถมือของเยว่เล่อเป็นการปลอบใจ มันสงสารนายหญิงตกอับของตัวเองเหลือเกิน เป็นคุณหนูผู้มีเกียรติและร่ำรวยอยู่ดีๆก็มาตกระกำลำบาก
ฝั่งเยว่เล่อที่ไม่รู้ความคิดของเสวี่ยปิงจึงคิดว่ามันอ้อนเลยลูบหัวมันอย่างเอ็นดู ส่วนคนที่เขาใจความคิดของหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวอย่างเป่าตงก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ ทำไมมันต้องมาอยู่กับพวกโง่เช่นนี้ด้วย?
ซ่า น้ำเย็นถูกสาดลงมาบนตัวของเยว่เล่อ นางมึนงงไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก
“ออกไปสะนังขอทาน อย่ามานั่งที่หน้าหอของข้าอัปมงคล ออกไป! พวกเจ้ารีบเอาน้ำมาล้างพื้น!”
“เจ้าค่ะท่านแม่” ร่างบางของสาวงามสามคนรีบเดินกลับเข้าไปตักน้ำในร้านตามที่แม่เล้าของตัวเองสั่ง
“ส่วนนังขอทานเช่นจะ…เจ้า เจ้าน่ะเงยหน้ามาให้ข้ามองสิ” ใบหน้าเล็กที่ถูกน้ำชะความมอมออกไปเผยให้เห็นความงามล้ำที่ซ่อนอยู่ ดวงหน้าเรียวพร่างพราวด้วยหยดน้ำเกาะดูผ่องใส ดวงตากลมโตล้อมด้วยขนตางอนหนา จมูกโด่งดูดื้อรั้นและซุกซนยิ่งรับกับริมฝีบางเล็ก นี่คือความงามระดับล่มเมืองไม่ผิดแน่! เลือดแม่เล้าของนางเดือดพลุ่งพล่าน ตั้งแต่เกิดมาจนอายุสี่สิบกว่าปีนางไม่เคยเห็นสตรีที่ม่อซ่อแล้วยังงดงามขนาดนี้มาก่อน
“แม่หนูลุกเร็วเข้า มาเดี๋ยวป้าช่วยนะจ้ะ”
“หือ” เยว่เล่อที่กำลังมึนงงเพราะโดนน้ำเย็นจัดสาดใสตัวลุกขึ้นตามแรงประคอง
“ท่านแม่น้ำมาแล้วเจ้าค่ะ” นางคณิกาตัวน้อยถือถึงน้ำใบใหญ่มาคนล่ะใบ
“จะเอาน้ำมาทำอะไร ไปหยิบผ้าคลุมมาให้แม่หนูคนนี้เร็วเดี๋ยวนางจะเป็นหวัด ยังจะยืนนิ่งทำไม!” นางคณิกาน้อยยืนอึ้งกับอารมณ์ของแม่เล้าจนโดนดุ นางจึงรีบไปน้ำผ้ามาให้ท่านแม่คลุมตัวนังหญิงขอทานคนนั้นอย่างไม่เข้าใจ
“เมื่อกี้เจ้าไม่ใช่คนสาดน้ำข้าหรือ?” เสียงหวานของเยว่เล่อถามอย่างไม่เข้าใจพฤติกรรมของหญิงวัยกลางคน
“เป็นข้าผิดเองที่มองไม่ดีจนทำแม่หนูเปียกไปหมด มาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอของข้าก่อนเถอะ”
เยว่เล่อที่ยังมึนงงถูกลากไปที่ประตูหลังร้านแล้วถูกจับถอดเสือผ้าอาบน้ำหนึ่งคน หนึ่งหมา หนึ่งแมวถูกสาวใช้ฟอกตัวจนฟองท่วม เพราะเยว่เล่อยืนยันว่าพวกมันคือสัตว์เลี้ยงแสนรักทั้งสองตัวจึงได้เข้ามาด้วย หลังจากเริ่มมีสติเยว่เล่อก็ปล่อยตัวไปกับความสบายของอ่างน้ำร้อนพร้อมกับมีคนใช้ช่วยขัดตัว เฮ้ออ การอาบน้ำในรอบหลายอาทิตย์นี่ดีจริงๆ
แต่สำหรับเป่าตงแล้วการอาบน้ำก็เหมือนการตกนรกมันดิ้นหนีสาวใช้ไปทั่วห้องอาบน้ำจนในที่สุดก็มีสภาพขนลีบไปกับตัวจนดูไม่ได้ อัปยศ อัปยศจริงๆ พยัคฆ์นิลกาฬเช่นมันถูกมนุษย์จับอาบน้ำถูตัวราวกับสัตว์ตัวหนึ่ง! มันไม่แต่ครวญครางแล้วมองคู่แค้นคู่กัดของมันอย่างเสวี่ยปิงที่นอนหงายพุงให้สาวรับใช้เกาปนิบัติสบายอารมณ์
“เจ้าผิวดีมากจนข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าเป็นขอทาน นี่เจ้าทำเช่นไรถึงมีผิวเรียบเนียนขาวผ่องได้” สาวใช้ที่ขัดแขนของเยว่เล่อถามนาง นึกอิจฉาอยู่ในใจ
“อืมมม ท่านแม่ของข้ามีสูตรเครื่องประทินผิวอยู่ นางชอบบังคับให้ข้าใช้แต่ข้าไม่รู้หรอกนะว่ามันทำมาจากอะไร”
“น่าเสียดายจริง หากเจ้ารู้แล้วอย่าลืมมาบอกข้านะ” เยว่เล่อพยักหน้าแต่ไม่รับปาก นางจะไปถามท่านแม่ยังไงในเมื่อนางกำลังหนีออกจากบ้านอยู่
ดวงตาของแม่เล้าเป็นประกาย หัวใจของนางสั่นไหวอย่างรุนแรง เด็กสาวขอทานมอมแมมคนนั้นเมื่อจับอาบน้ำแต่งตัวแล้วกลับกลายเป็นหญิงงามโฉมสะคราญ ใบหน้าของนางนั้นไร้ที่ติ รูปทรงก็แสนยั่วยวนใจ ผิวพรรณผ่องใสยิ่งกว่าลูกผู้ดีในเมืองเสียอีก พอคิดแล้วก็เกิดความสงสัยในใจขึ้นมา
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ไม่มีทางที่เจ้าจะเป็นแค่ขอทานธรรมดา”
“ขะ ข้าเคยเป็นคุณหนูมาก่อน” พอได้ยินหญิงวัยกลางคนถามเหมือนจะรู้อะไรเยว่เล่อจึงรีบร้อนโพลงออกมาโดยไม่ทันคิด เป่าตงที่ได้ยินถึงกับส่ายหัวเหนื่อยหน่ายใจ
“ข้าว่าแล้วเชียว ชีวิตเจ้าคงพลิกพลันจนกลายเป็นเช่นนี้สินะแม่หนู ไม่ต้องห่วงนะ มาอยู่กับป้ามั้ยล่ะจ้ะ หากมาเป็นนางคณิกาที่ร้านป้าก็ไม่ต้องลำบากอีกต่อไป ที่นี้มีข้าวและที่อยู่ให้เจ้าอย่างสุขสบาย” ท่าทางเม้มปากแน่นของเยว่เล่อทำให้แม่เล้าคิดไปว่านางคงเจอชะตาชีวิตที่ยากลำบาก เจอเรื่องโชคร้ายจนกลายมาเป็นขอทาน มีให้เห็นอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ
พวกที่เคยสูงส่งดั่งท้องฟ้าแต่ก็ร่วงหล่นลงมา เด็กคนนี้ก็คงเหมือนกัน
“นางคณิกา! นางคณิกาน่ะหรือ?” นางคณิกาที่คุนฟู่ชอบนักหนาน่ะหรือ
“ใช่จ้ะแม่หนู สนใจมั้ยล่ะ มาเป็นครอบครัวเดียวกันกับแม่ แม่จะดูแลหนูอย่างดีแน่นอน ความงดงามของหนูมีมากเช่นนี้แม่จะทำให้หนูเป็นดาวเด่นของย่านนี้เอง” ร้านของนางเคยรุ่งเรืองจนเป็นที่หนึ่งในย่านนี้แต่เริ่มตกต่ำลงเพราะร้านคู่แข่งได้นางคณิกาคนหนึ่งที่มีความงามพริ้มจนดึงดูดคนไปหมด เมื่อชะตาฟ้าลิขิตให้นางเจอแม่นางโฉมสะคราญคนนี้นางต้องไคว้คว้าเอาไว้ให้ได้ต่อให้นางต้องทุ่มเงินเกือบทั้งหมดที่มีก็ตาม
“ไม่เอา ต่อให้ต้องตายข้าก็ไม่ขายตัวเองเพื่อไปบำเรอคนอื่นหรอกนะ!” ใช่แล้ว เยว่เล่อเป็นถึงคุณหนูแห่งสำนึกอันดับหนึ่ง นางไม่ยอมเสียเกียรติของตนเองเพื่อกลายเป็นนางคณิกา ชีวิตของนางไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดนั้น!
“ถึงแม้ว่าแม่จะซื้อตัวหนู1000ตำลึงทองน่ะหรือจ้ะ แถมยังให้ส่วนแบ่งค่าตัวหนูถึงสามส่วนด้วย แม่ให้หนูเยอะยิ่งกว่าเด็กคนอื่นมากเลยนะ” นางคณิกาคนอื่นที่ได้ยินรีบหันมามองด้วยความอิจฉาริษยา ท่านแม่ซื้อพวกนางราคาแพงที่สุดก็300ตำลึงทองเท่านั้น แต่นี่อะไรกัน ท่านแม่แสนตระหนี่คนนั้นยอมควักเงินถึง1000ตำลึงทองเลยหรือ! แม้พวกนางจะเจ็บใจแต่เมื่อมองความงามของหญิงขอทานคนนั้นก็ได้แต่ปลงใจ พวกนางงามสู้หญิงขอทานคนนั้นมิได้แม้แต่น้อย
1000ตำลึงทอง!!! เยว่เล่อตรากตำลำบากขอทานเป็นอาทิตย์กลับได้เงินเพียง300ตำลึงมิใกล้เคียงกับหนึ่งหมื่นตำลึงทองเลยสักนิด ทว่าแค่ขายตัวเป็นนางโลมนางก็จะได้1ใน10ส่วนของเป้าหมายมาแล้ว นี่มันดีมากเลยมิใช่หรอ แต่นางที่แบกรับชื่อเสียงและเกียรติยศของสำนักจะทำได้เช่นไร เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
“ท่านแม่ แล้วนางโลมต้องทำอะไรบ้างล่ะ” รอยยิ้มหวานหยดแสนสดใสยิ่งทำให้เยว่เล่อดูงดงาม เป่าตงและเสวี่ยปิงที่ถูกสาวใช้เช็ดขนให้อยู่ที่พื้นขมวดคิ้วจนหน้ายับ นี่เจ้านายของพวกมันฉลาดหรือโง่กันแน่
“ดี ดี! ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเรานะจ้ะ ต่อไปนี้ลูกชื่อว่าเหมยฮวา ค่ำคืนแรกของดอกเหมยน้อยๆของแม่คืออีกห้าวัน ระหว่างนี้ก็ฝึกการเป็นนางโลมกับพวกพี่สาวเจ้าให้ดี” แม่เล้าอารมณ์ดีเป็นอย่างมากที่นางได้อัญมณีที่งดงามล้ำค่ามาไว้มือ
“เจ้าค่ะท่านแม่” แหม ไว้อีกห้าวันค่อยคิดแล้วกันว่าจะทำเช่นไรตอนนี้ข้าขอนอนกอดเงิน1000ตำลึงให้สาแก่ใจเสียก่อน คิก คิก
หลังจากเดินซื้อของจนหมดเรี่ยวแรงร่างกายของเยว่เล่อก็ล้มตัวนอนบนฟูกนุ่มๆทันทีเมื่อกลับถึงห้อง เป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนรออยู่ในห้องเงยหัวขึ้นมามอง “ไปอาบน้ำก่อนค่อยนอน” เสียงเรียบๆของเป่าตงดังขึ้นมา ตอนนี้มันเหมือนกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กเต็มตัว “ขอนอนพักสักพักค่อยไปอาบ” เยว่เล่อนอนหงายกางแขนกางขาจนเต็มเตียง สายตามองเพดานเตียงอย่างเลื่อนลอย ส่วนหนึ่งในใจตื่นเต้นที่จะได้ออกเดินทางจากทวีปหยางจื่อตี้แล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็กังวลอยู่เรื่องหนึ่ง ฟึบ เยว่เล่อตะแคงข้างหันไปมองเป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนอยู่บนเบาะของตัวเอง ตอนแรกนางตกลงกับพวกมันว่าหากข้ามทวีปได้สำเร็จจะปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระ…แต่ในใจเยว่เล่อดันเกิดความเห็นแก่ตัวขึ้นมา นางไม่อยากปล่อยพวกมันไปเลย แม้เป่าตงจะขี้บ่น ขี้เหวี่ยง ขี้วีนแค่ไหน แต่มันก็คอยช่วยนางอยู่ข้างๆเสมอ เสวี่ยปิงเองถึงแม้จะเป็นหมาขี้ประจบ แต่มันก็เป็นเหมือนเพื่อนที่ดีของนาง การมีทั้งสองตัวอยู่ด้วยทำให้การเดินทางของนางไม่เหงาเลยสักวัน ทุกวันมีแต่เรื่องสนุกเต็มไปหมด ถ้าจะต้องจากกันในวันพรุ่งนี้… แค่คิดถึงเรื่องน่าเศร้าดวงตาของเยว่เล่อก็เริ่มแดงก่ำ
พอเช้าวันต่อมา เยว่เล่อ ฮุ่ยหมินและเหล่าสหายโจรก็นั่งเรือซ่อมซ่อลำเดิมพร้อมปลาหมึกกลับมายังท่าเรือ สภาพของเหล่าสหายโจรดูย่ำแย่เกินกว่าจะบรรยายได้ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอเหล่าสหายพี่น้องกองโจรมาหลายอาทิตย์จึงกินดื่มกันจนเมาหัวราน้ำ ส่วนเยว่เล่อมิได้ร่วมดื่มแต่สภาพกลับไม่ต่างกันเท่าไรนักเมื่อนางเมากลิ่นซากปลาหมึก! เยว่เล่อไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าจะเอาพวกมันไปด้วยทำไม แต่พอนางบอกให้เอาโยนทิ้งไปฮุ่ยหมินก็รีบมาห้ามไว้เพราะบอกว่ากลับไปมือเปล่ามันน่าสงสัย “แหวะ อ้วก” เพียงแค่ขึ้นมาถึงฝั่งเยว่เล่อและเหล่าสหายโจรก็ประจำพุ่มไม้แยกกันอ้วกจนหมดพุง หลังลากสังขารกลับโรงเตี๊ยมได้ หลงจู๊ของโรงเตี๊ยมรีบวิ่งมารายงานคนที่สภาพดีที่สุดเช่นฮุ่ยหมินว่ามีคนฝากจดหมายเอาไว้ให้ เมื่อเขาคลี่จดหมายออกจึงพบว่าเป็นนัดหมายตกลงราคาสินค้า เขามิค่อยพอใจนักที่นางจะขายสิ่งล้ำค่าหายากเช่นไข่ของหงส์เพลิง แต่ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าเขาได้เงินนางได้หินนั่นจึงทำอะไรไม่ได้ อีกอย่างคนที่คว้าชัยชนะมาได้ก็คือนาง “น้องสาวเจ้าไหวมั้ยเนี่ย” ฮุ่ยหมินพยุงหิ้วปีกร่างของเยว่เล่อขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ดีๆ “เอ้า จดหมายของเจ
ใช้แรงไปไม่น้อยเมื่อต้องปีนบันไดเชือกมาถึงสามสิบชั้น แต่เพียงแค่ขึ้นมาถึงดาดฟ้าเรือใจของเยว่เล่อก็เต้นระส่ำไปหมด มีเรื่องน่าสนใจให้จ้องมองเต็มไปหมด ทั้งหอคอยปราการที่ตั้งสูงบนนั้นแล้วยังติดตั้งปืนใหญ่เอาไว้ ทั้งยังมีบ่อปลาเสริมมงคล ไหนจะห้องดูหรูหราตกแต่งด้วยทองบนอีกชั้นของดาดฟ้านั่นอีก แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเยว่เล่อที่สุดคงจะเป็นบัลลังก์สีดำสลักลวดลายอสูรตัวใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ นางรีบวิ่งไปดูบัลลังก์สุดอลังการนั่นด้วยความตื่นเต้นในทันที นี่แหละความอลังการที่นางหวังถึง! เยว่เล่อลูบลายสลักด้วยความประณีตอย่างแผ่วเบา พอมาใกล้ๆแล้วบัลลังก์ดูใหญ่กว่าเดิมอีก “ข้าลองนั่งดูได้หรือไม่” เยว่เล่อหันไปถามฮุ่ยหมินกับสหายโจรที่กำลังเดินมาหา “ได้สิ ถ้าเจ้ายอมมาเป็นเมียข้าย่อมมีสิทธินั่งบนบัลลังก์อยู่แล้ว” เยว่เล่อชะงักตูดของตัวเองที่กำลังจะนั่งลงเมื่อยินคำว่า ‘ได้สิ’ แต่เมื่อได้ยินเงื่อนไขข้างหลังจึงรีบยกตูดตัวเองขึ้นมายืน มองบัลลังก์ด้วยสายตาดุจรังเกียจมาก “ชิ แค่รองเท้าข้ายังไม่อยากเอาไปวางเลย” เยว่เล่อสะบัดหน้าหนี กำลังมองหาสิ่งสนุกใหม่ก็ได้ยินเสียงชาย
เยว่เล่อออกมากับพวกอันหรานและหยู่เซินโดยที่ไม่มีเป่าตงและเสวี่ยปิงตามมาด้วย ท่าเรือในยามค่ำคืนยังคงคึกคักมิต่างจากตอนกลางวัน ตลอดถนนเส้นทางมีโคมไฟจุดจนสว่าง เยว่เล่อสังเกตเห็นว่ามีเรือเข้าออกตลอดเวลา ทั้งยังมีคนของทางการเดินตรวจตราเข้มงวด นางเดินตามอันหรานกับหยู่เซินจนมาพบกับฮุ่ยหมินและฮันสุ่ยยืนพิงกำแพงรออยู่ “ไหนล่ะเรื่องสนุกที่เจ้าว่า” เยว่เล่อถามฮุ่ยหมิน นางไม่เห็นทีท่าว่าท่าเรือที่มีคนเยอะแยะเช่นนี้จะสามารถมีรังโจรซุกซ่อนเอาไว้ได้ “ตามมาสิ” ฮุ่ยหมินตอบ เขาใช้พลังปราณใช่แหวนมิตินำถุงผ้าและเบ็ดตกปลาหลายคันมาถือและแบ่งให้กับลูกน้องของตัวเองเยวเล่อเดินตามเขาไปเรื่อยๆ แม้พวกเขาจะเดินตรงไปที่ท่าเรือแต่นางก็ยังไม่ถามอะไรออกมา พวกเขาเดินตรงไปที่ซุ่มโต๊ะที่มีการตรวจตาคนเข้าออกท่าเรือ “พวกเจ้าจะออกเรือไปทำอะไร” นายตรวจถามเสียงเข้มเมื่อมีชายหนุ่มหน้าตาเจ้าสำอางกับผู้ชายอีกสามคนและมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนยืนอยู่ด้านหลัง ดูน่าสงสัยไม่น้อย “ข้ากับคนในครอบครัวจะออกออกไปตกหมึกน่ะ ท่านเป็นนายตรวจแห่งท่าเรือนี้คงรู้สิน่ะว่าหมึกต้องตกตอนกลางคืนน่ะ” “พวกเจ้าไปได้แ
ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้นเสวี่ยปิงจึงรีบลากคอเป่าตงจนตัวลอยมาวางไว้ข้างหลังผ้าคลุมโต๊ะแล้วกระซิบเสียงลอดไรฟันว่า ‘คอยดูสถานการณ์ไปก่อน’ เป่าตงที่กำลังมึนงงยิ่งงงเข้าไปอีกเมื่ออยู่ๆหมาโง่อย่างเสวี่ยปิงกับไม่ทำเรื่องงี่เง่าแต่กลายเป็นมันเสียเอง “พระเจ้า ข้าขอดูใกล้ๆสักหน่อย” เมื่อพ่อค้าทำท่าจะถลาตัวเข้ามาหยิบไข่ไป เยว่เล่อที่ไหวตัวทันจึงรีบไปหลบหลังฮุ่ยหมินที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ ความคิดแรกของพ่อค้าคือจะใช้กำลังแย่งชิงมาต้องตกไปเพราะเขาพึ่งจับได้กับสัมผัสไอปราณที่พึ่งออกมาจากรอบๆตัวของชายหน้าตาเจ้าสำอาง ถึงพ่อค้าจะมีระดับปราณต่ำกว่าจนมิสามารถล่วงรู้ได้ว่าเขาอยู่ระดับไหนแต่จากประสบการณ์ชายคนนี้ย่อมมีระดับไม่ต่ำกว่าระดับหกแน่ ขนของเขาลุกซู่รีบถอยหลังกลับไป “ข้าแค่จะขอตรวจดูเท่านั้นว่าใช่ของจริงหรือป่าว” “พี่ชาย อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเลย ชายสี่คนที่มากับข้าถึงจะดูไม่เอาไหนไปบ้าง ดูติ๊งต๊องไปสักหน่อย แต่พวกเขาเป็นถึงสมาชิกองโจรที่โหมเหี้ยมเช่นกองโจรเงาพรายอสูรเชียวนะ หากเกิดอะไรขึ้นมาร้านเล็กๆของท่านมิรู้ว่าจะมีสิ่งใดเหลือบ้าง…แต่หากคิด ว่าเบื้องหลังท่านยิ่ง
ณ เมืองท่าของแคว้นซูบรรยากาศอบอ้าวไปด้วยลมร้อนของทะเล กลิ่นเค็มจากสายลมทำให้สมองตื่นตัวแบบน่าประหลาด ทั้งผืนน้ำกว้างใหญ่ หาดทรายและต้นมะพร้าวสูงใหญ่ล้วนเป็นสิ่งที่เยว่เล่อไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต นางวิ่งเหยียบย่ำทรายนุ่มขาวกับเสวี่ยปิงโดยมีเป่าตงเดิมสง่างามตามมา มันมองเหยียดยัยเด็กฟันน้ำนมและหมาโง่ที่ทำตัวเป็นบ้านนอกไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน ซ่า เมื่อคลื่นทะเลซัดพื้นทรายจนมาโดนเท้าของเป่าตง มันตกใจมากจนวิ่งหนีออกจากฝั่งไปไกล สะบัดเท้าเอาน้ำทะเลออกจากฝ่ามือแล้วดม พอได้กินเค็มๆจึงลองชิมอย่างกล้าๆกลัวๆ มันเบิกตาโตทันทีเมื่อพบว่าน้ำมันเค็ม อย่าบอกนะว่าผืนน้ำที่กว้างใหญ่ทั้งหมดนี้คือน้ำเค็มทั้งหมด! ฮุ่ยหมิน ฮันสุ่ย อันหรานและหยู่เซินทำหน้าตายมองภาพคนบ้านนอกตื่นทะเล พวกเขาอยากจะทำเป็นไม่รู้จักกับเยว่เล่อด้วยซ้ำเมื่อเห็นนางสะดุดขาตัวเองแล้วจมทะเลลึกแค่เข่า! เสวี่ยปิงใช้หัวดันหลังเจ้านายตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะจมน้ำตื้นตาย เป็นการตายที่น่าสมเพสมากมิใช่หรือ มันไม่อยากมีประวัติว่าเคยมีเจ้านายโง่ขนาดนี้มาก่อน มันยังไม่อยากถูกลูกหลานตัวเองล้อจนตาย! แค่กๆ เยว่เล่อลุกข