ร่างกายเยว่เล่อโงนเงนไปตามแรงของสาวใช้ที่อาบน้ำให้นาง ดวงตาของนางปิดปรือไม่รับรู้สิ่งใด งานของพวกนางคณิกามันเริ่มตอนกลางคืนมิใช่หรือ เหตุใดนางถึงถูกดึงจากที่นอนตั้งแต่ฟ้ายังมิสางแบบนี้! ฮืออออ ข้าอยากนอนเตียงดีๆที่ไม่ได้นอนมานาน ถ้ารู้ว่าจะลำบากขนาดนี้จะเรียกค่าตัวเพิ่มอีกสักพันตำลังทอง
“พระเจ้า ผิวแม่นางเหมยฮวาดีอย่างที่เจ้าบอกจริงๆ ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว”
“ใช่มั้ยล่ะ นอกจากผิวแล้วรูปร่างหน้าตาของพี่เหมยฮวายังงดงามจนข้าอดอิจฉาไม่ได้เลยล่ะ งดงามยิ่งกว่าพี่สาวคนไหนๆในร้านนี้อีกนะ” เสียงของสาวใช้ดังเข้ามาในหูเยว่เล่อไม่ขาด ในน้ำเสียงมีความประจบประแจงอยู่แปดส่วน แน่นอนล่ะทั้งเมื่อคืนและตอนนี้นางได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดจากแม่เล้า ทั้งห้องที่ดีที่สุด เสื้อผ้าเครื่องประดับที่ดีที่สุด ไม่แปลกใจหากสาวรับใช้พวกนี้จะอยากพันแข้งพันขานาง
“ไปเอาชุดมาอีก เร็วเข้าอีกเดี๋ยวจิตรกรก็จะมาแล้ว ครั้งนี้ข้าลงทุนจ้างจิตรกรฝีมือดีค่าตัวไม่ใช่น้อย อย่าทำให้เสียเวลา”
“เจ้าค่ะท่านแม่” ทั้งสาวใช้และคณิกานับสิบชีวิตวุ่นวายกับการแต่งตัวให้เยว่เล่อออกมางดงามที่สุด
“เหมยเอ๋อร์ของแม่ใส่อะไรก็งามไปหมด แต่ชุดพวกนี้ยังดึงความงามของเจ้าได้ไม่หมด อืมมม เจ้าไปเอาชุดสีแดงของหลานฮวาที่ข้าพึ่งให้นางมาสิ บอกนางว่าเดี๋ยวข้าจะส่งชุดอื่นไปแทน”
“อะไรนะท่านแม่จะมาขอชุดของข้าให้นังขอทานนั่นหรือ!”“เจ้าค่ะพี่หลานฮวา ท่านแม่บอกว่าจะหาชุดอื่นมาให้พี่แทน” เมื่อได้ยินจิตใจของหลานฮวายิ่งไม่มีความสุข เมื่อวานนางยังเป็นนางคณิกาอับดับหนึ่งของร้านนี้อยู่เลย ของที่ดีที่สุดย่อมเป็นของนางแต่บัดนี้กำลังมีคนแย่งมันไปจากนาง โดยเฉพาะชุดสีแดงอันงดงามตัวนั้น นางพึ่งได้มันมาและยังไม่เคยใส่มันสักครั้งเดียว!!!
หลานฮวายื่นชุดสีแดงคลิปทองล่ำค่าส่งไปให้สาวใช้อย่างไม่เต็มใจนัก
แม่เล้ายิ้มพึ่งพอใจมากเมื่อเห็นร่างบางของเยว่เล่อใช่ชุดสีแดงขับผิวอวดทรวดทรง เกาะอกรัดแน่นจนเห็นร่องเนินอก เปิดเอวคอดอันเย้ายวน กางเกงแม้จะเป็นขายาวแต่กลับโปร่งจนเห็นไปยันขาอ่อน บนเส้นผมถูกจัดทรงและประดับด้วยเครื่องทองและหยกล้ำค่า ประกอบกับดวงตาหวาน เมื่อมองโดยร่วมแล้วคือความงามที่ ยากจะห้ามใจ ท่าทีง่วงซึมยิ่งทำให้นางดูเย้ายวนกว่าเดิม
เยว่เล่อที่ยังไม่ตื่นดีถูกประคองไปนั่งที่ห้องหนึ่งซึ่งมีจิตกรกำลังนั่งรออยู่ในห้อง แม่เล้าเขย่าไหล่ของเยว่เล่อแรงๆจนนางสะดุ้งตื่นจากฝัน
“ขะ ข้าต้องทำอะไรหรือ?” ร่างกายเยว่เล่อแข็งทื่อเมื่อตนถูกจับนั่งอยู่กลางห้องโดยมีแม่เหล้ากับชายอีกคนยืนคู่กันอยู่ริมห้อง
“เจ้านั่งเฉยๆแล้วทำท่าทางงดงามค้างไว้ เชิดหน้าขึ้น บิดสะโพกอวดรูปทรง ทำหน้ายั่วยวนด้วยสิ” เยว่เล่อพยายามทำตามท่าทางที่ถูกสั่ง
“ข้าทำหน้ายั่วยวนไม่เป็น” ใบหน้าเยว่เล่อเริ่มไม่มีความสุข นางถูกดึงออกจากที่นอนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางและถูกจับทำนู้นนี้ไม่ได้พัก งานนางโลมนี่หนักมากจริงๆ แต่พอนึกถึงเงิน1000 ตำลึงทองที่นางนอนกอดเมื่อคืนก็ได้แต่ถอนหายใจ
“โถ่เหมยเอ๋อร์ เพราะเจ้าเคยเป็นคุณหนูไร้เดียงสามาก่อถึงได้ถูกหลอกยังไงล่ะ มาเถอะเดี๋ยวแม่จะช่วยสอนเจ้า จวี๋ฮวาเจ้าไปแสดงใบหน้ายั่วยวนให้นางดู”
“เจ้าค่ะท่านแม่” สาวงามอันดับสองเดินนวยนาดเชื่องช้ามีจริต นางปรือตาลงเล็กน้อย ยกยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ใช้สายตามองอย่างสื่อความหมาย
คิ้วงามขมวดมุ่นคิดเท่าไรเยว่เล่อก็มิเข้าใจ สตรีผู้นี้จะทำหน้าเหมือนคนขับถ่ายอุจจาระไม่ออกไปทำไม! เหตุใดปวดท้องแล้วต้องอดทนด้วยเล่า เดินบิดหน้าบูดถึงเพียงนี้แล้วแท้ๆ
“ท่าทางน่าอายเช่นนี้ข้าทำไม่ได้จริงๆ” ใบหน้าเหยเกอยากจะรับไหว ใช่แล้วต่อให้เยว่เล่อจะยอมเป็นขอทานกับนางโลมแต่จะมิยอมให้คนวาดใบหน้าอั้นอุจจาระของนางเด็ดขาด! แม่เล้าถอนหายใจยังต้องฝึกกันอีกมาก
“งั้นแค่ยิ้มเฉยๆเจ้าคงทำได้นะ…ดี! งดงามมากค้างท่านั้นเอาไว้ จิตรกรท่านรีบวาดเร็วเข้า”
“ดะ เดี๋ยวก่อนท่านแม่ ท่านจะนำรูปข้าไปทำอะไร” เยว่เล่อพะงาบปากถาม
“เราจะประมูลค่ำคืนแรกของหนูในอีกห้าวันไงจ้ะ เราต้องวาดภาพเหมือนส่งไปในเมืองและเมืองข้างๆเพื่อเรียกแขกมาชมความงามดอกเหมยของแม่”
บ้าไปแล้วรึป่าว เยว่เล่อเลิกเกร็งเดินเซไปทางแม่เล้าดวงตาลุกลน ให้เอาหน้าไปติดหลาอยู่กลางเมืองน่ะหรือนางหนีออกจากบ้านอยู่นะ ถ้าคนของสำนักมาเห็นเข้าขึ้นมาจะทำยังไง!
“อย่าทำเช่นนั้นเลยท่านแม่ ท่านลองคิดดู ด้วยความงามเหนือจินตนาการของข้าหากท่านให้คนเอาภาพข้าไปแปะ ใครจะไปเชื่อว่านั้นใบหน้านี้จะมีอยู่จริง พวกเขาต้องคิดว่าท่านจ้างให้จิตรกรวาดภาพเกินจริงเพื่อเรียกแขกแน่ หากเป็นเช่นนั้นแล้วยังจะมีคนมาชื่นชมข้าอีกหรือ เฮ้อ นี่คงเป็นชะตากรรมของโฉมสะคราญล่มเมืองเยี่ยงข้า ไร้คนเหลียวแลคงเป็นเพียงสตรีราคาถูกที่ขายได้เพียงไม่กี่ตำลึง” ใบหน้าโศกศัลย์สะเทือนใจจนต้องทรุดตัวลงไปนั่งกุมหัวใจที่พื้น หยดใสไหลหลั่งให้กับชะกรรมของตนเองมากแค่ไหนแต่ปากเยว่เล่อไม่ลืมชมตัวเองให้มาก เชิดหน้าโอ้อวดอีกเล็กน้อย
“ตายแล้ว ลุกขึ้นเถอะ ที่หนูพูดก็มีเหตุผล แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยจะมีคนรู้งานประมูลได้เช่นไร”
“รูปภาพไหนเลยจะสู้ให้พวกเขาได้เห็นข้าด้วยตัวเองเล่า คืนนี้ให้ข้าออกไปร่ายรำดีหรือไม่ พวกเขาต้องนำความงามของข้าไปเล่าลือกันแน่ ข่าวลือจากปากนักท่องราตรีดูน่าสนใจมากมิใช่หรือ” เมื่อตอนไปหาคุนฟู่ในย่านเริงรมณ์เยว่เล่อมักเห็นพวกนางคณิกาแต่งกายยั่วยวนร่ายรำอยู่บนเวทีจนคุนฟู่น้ำลายหกไปหมด
“เป็นความคิดที่ดีมาก! เช่นนั้นคืนนี้หนูต้องร่ายรำให้แขกของเราดูนะจ้ะ เหมยเอ๋อร์ของแม่เคยเป็นถึงคุณหนูตระกูลผู้ดีคงร่ายรำได้งดงามอยู่แล้วสินะ”
“ไม่เป็นเจ้าค่ะ” คนที่วันๆเอาแต่หนีเที่ยวอย่างเยว่เล่อจะไปทำได้เช่นไร?
รอยยิ้มของแม่เล้าแข็งค้างพูดอะไรไม่ออก แต่เพียงชั่วพริบตาสายตาสิ้นหวังก็กลายเป็นไฟลุกโหม ตอนนี้พระอาทิตย์พึ่งโผล่พ้นฟ้ายังมีเวลาอีกเยอะกว่าจะถึงเวลารับแขกช่วงค่ำ การฝึกหนักจึงเริ่มขึ้นกลางความไม่เต็มใจของเยว่เล่อ
เป่าตงและเสวี่ยปิงนอนรออยู่ในห้องพักของเยว่เล่อ พวกมันกระดิกหูเมื่อได้ยินเสียงย่ำเท้าจากหน้าห้องดังใกล้เข้ามา หลังจากนั้นประตูก็ถูกเปิดออกโดยร่างโรยแรงของเยว่เล่อ นางเดินเซล่มตัวนอนลงบนฟูก
“พวกนั้นใช้แรงงานข้าหนักเกินไปแล้วจริงๆ” ตั้งแต่เช้านางพึ่งได้หยุดพักจากการสอนร่ายรำจากเหล่าพี่สาวทั้งหลาย ตอนค่ำนี้ยังไปร่ายรำให้แขกดูอีก เยว่เล่อหันมองหนึ่งหมากับแมวที่ถูกอาบน้ำจนขนพองสวย พวกมันชูคอมองนางอยู่บนเบาะนวมอย่างดี ภายในใจรู้สึกอิจฉาพวกมันที่วันๆไม่ต้องทำอะไร
“ไม่ต้องมาอิจฉาพวกข้าหรอก ถือว่าเป็นเวรกรรมของเจ้าที่หลอกพวกข้ามาใช้งานแล้วกัน” เป่าตงฟุบหัวกลับไปนอนแล้วไม่สนใจยัยเด็กฟันน้ำนมขี้อิจฉาอีกต่อไป
“พวกนั้นโหดร้ายกับนายหญิงเกินไป ให้ข้าไปฆ่าพวกนางให้ดีหรือไม่ พวกนั้นเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีแม้แต่ลมปราณด้วยซ้ำ ฆ่าพวกนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย” หมาขนสีขาวปุกปุยกระโดดขึ้นบนเตียงของเยว่เล่อ มันเอาหัวถูไถกับมือของนาง
“ไม่ต้องๆ เห็นแบบนี้ข้าก็เป็นผู้มีคุณธรรมที่สุดในใต้หล้าเชียวนะ เรื่องแบบนั้นข้ามิคิดจะทำ อีกอย่างเราหาเงินจากพวกเขาได้อีกมากเลยล่ะ” ประโยคหลังดูจริงใจกว่ามาก ดวงตาหวานมีประกายแห่งความสุขเมื่อนึกถึงเงินก้อนโตในอนาคต ใช้ลมปราณเรียกถุงเงินหนึ่งพันตำลึงทองออกจากกำไลมิติมานอนกอดแล้วหลับไป
หลังจากเดินซื้อของจนหมดเรี่ยวแรงร่างกายของเยว่เล่อก็ล้มตัวนอนบนฟูกนุ่มๆทันทีเมื่อกลับถึงห้อง เป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนรออยู่ในห้องเงยหัวขึ้นมามอง “ไปอาบน้ำก่อนค่อยนอน” เสียงเรียบๆของเป่าตงดังขึ้นมา ตอนนี้มันเหมือนกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กเต็มตัว “ขอนอนพักสักพักค่อยไปอาบ” เยว่เล่อนอนหงายกางแขนกางขาจนเต็มเตียง สายตามองเพดานเตียงอย่างเลื่อนลอย ส่วนหนึ่งในใจตื่นเต้นที่จะได้ออกเดินทางจากทวีปหยางจื่อตี้แล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็กังวลอยู่เรื่องหนึ่ง ฟึบ เยว่เล่อตะแคงข้างหันไปมองเป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนอยู่บนเบาะของตัวเอง ตอนแรกนางตกลงกับพวกมันว่าหากข้ามทวีปได้สำเร็จจะปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระ…แต่ในใจเยว่เล่อดันเกิดความเห็นแก่ตัวขึ้นมา นางไม่อยากปล่อยพวกมันไปเลย แม้เป่าตงจะขี้บ่น ขี้เหวี่ยง ขี้วีนแค่ไหน แต่มันก็คอยช่วยนางอยู่ข้างๆเสมอ เสวี่ยปิงเองถึงแม้จะเป็นหมาขี้ประจบ แต่มันก็เป็นเหมือนเพื่อนที่ดีของนาง การมีทั้งสองตัวอยู่ด้วยทำให้การเดินทางของนางไม่เหงาเลยสักวัน ทุกวันมีแต่เรื่องสนุกเต็มไปหมด ถ้าจะต้องจากกันในวันพรุ่งนี้… แค่คิดถึงเรื่องน่าเศร้าดวงตาของเยว่เล่อก็เริ่มแดงก่ำ
พอเช้าวันต่อมา เยว่เล่อ ฮุ่ยหมินและเหล่าสหายโจรก็นั่งเรือซ่อมซ่อลำเดิมพร้อมปลาหมึกกลับมายังท่าเรือ สภาพของเหล่าสหายโจรดูย่ำแย่เกินกว่าจะบรรยายได้ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอเหล่าสหายพี่น้องกองโจรมาหลายอาทิตย์จึงกินดื่มกันจนเมาหัวราน้ำ ส่วนเยว่เล่อมิได้ร่วมดื่มแต่สภาพกลับไม่ต่างกันเท่าไรนักเมื่อนางเมากลิ่นซากปลาหมึก! เยว่เล่อไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าจะเอาพวกมันไปด้วยทำไม แต่พอนางบอกให้เอาโยนทิ้งไปฮุ่ยหมินก็รีบมาห้ามไว้เพราะบอกว่ากลับไปมือเปล่ามันน่าสงสัย “แหวะ อ้วก” เพียงแค่ขึ้นมาถึงฝั่งเยว่เล่อและเหล่าสหายโจรก็ประจำพุ่มไม้แยกกันอ้วกจนหมดพุง หลังลากสังขารกลับโรงเตี๊ยมได้ หลงจู๊ของโรงเตี๊ยมรีบวิ่งมารายงานคนที่สภาพดีที่สุดเช่นฮุ่ยหมินว่ามีคนฝากจดหมายเอาไว้ให้ เมื่อเขาคลี่จดหมายออกจึงพบว่าเป็นนัดหมายตกลงราคาสินค้า เขามิค่อยพอใจนักที่นางจะขายสิ่งล้ำค่าหายากเช่นไข่ของหงส์เพลิง แต่ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าเขาได้เงินนางได้หินนั่นจึงทำอะไรไม่ได้ อีกอย่างคนที่คว้าชัยชนะมาได้ก็คือนาง “น้องสาวเจ้าไหวมั้ยเนี่ย” ฮุ่ยหมินพยุงหิ้วปีกร่างของเยว่เล่อขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ดีๆ “เอ้า จดหมายของเจ
ใช้แรงไปไม่น้อยเมื่อต้องปีนบันไดเชือกมาถึงสามสิบชั้น แต่เพียงแค่ขึ้นมาถึงดาดฟ้าเรือใจของเยว่เล่อก็เต้นระส่ำไปหมด มีเรื่องน่าสนใจให้จ้องมองเต็มไปหมด ทั้งหอคอยปราการที่ตั้งสูงบนนั้นแล้วยังติดตั้งปืนใหญ่เอาไว้ ทั้งยังมีบ่อปลาเสริมมงคล ไหนจะห้องดูหรูหราตกแต่งด้วยทองบนอีกชั้นของดาดฟ้านั่นอีก แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเยว่เล่อที่สุดคงจะเป็นบัลลังก์สีดำสลักลวดลายอสูรตัวใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ นางรีบวิ่งไปดูบัลลังก์สุดอลังการนั่นด้วยความตื่นเต้นในทันที นี่แหละความอลังการที่นางหวังถึง! เยว่เล่อลูบลายสลักด้วยความประณีตอย่างแผ่วเบา พอมาใกล้ๆแล้วบัลลังก์ดูใหญ่กว่าเดิมอีก “ข้าลองนั่งดูได้หรือไม่” เยว่เล่อหันไปถามฮุ่ยหมินกับสหายโจรที่กำลังเดินมาหา “ได้สิ ถ้าเจ้ายอมมาเป็นเมียข้าย่อมมีสิทธินั่งบนบัลลังก์อยู่แล้ว” เยว่เล่อชะงักตูดของตัวเองที่กำลังจะนั่งลงเมื่อยินคำว่า ‘ได้สิ’ แต่เมื่อได้ยินเงื่อนไขข้างหลังจึงรีบยกตูดตัวเองขึ้นมายืน มองบัลลังก์ด้วยสายตาดุจรังเกียจมาก “ชิ แค่รองเท้าข้ายังไม่อยากเอาไปวางเลย” เยว่เล่อสะบัดหน้าหนี กำลังมองหาสิ่งสนุกใหม่ก็ได้ยินเสียงชาย
เยว่เล่อออกมากับพวกอันหรานและหยู่เซินโดยที่ไม่มีเป่าตงและเสวี่ยปิงตามมาด้วย ท่าเรือในยามค่ำคืนยังคงคึกคักมิต่างจากตอนกลางวัน ตลอดถนนเส้นทางมีโคมไฟจุดจนสว่าง เยว่เล่อสังเกตเห็นว่ามีเรือเข้าออกตลอดเวลา ทั้งยังมีคนของทางการเดินตรวจตราเข้มงวด นางเดินตามอันหรานกับหยู่เซินจนมาพบกับฮุ่ยหมินและฮันสุ่ยยืนพิงกำแพงรออยู่ “ไหนล่ะเรื่องสนุกที่เจ้าว่า” เยว่เล่อถามฮุ่ยหมิน นางไม่เห็นทีท่าว่าท่าเรือที่มีคนเยอะแยะเช่นนี้จะสามารถมีรังโจรซุกซ่อนเอาไว้ได้ “ตามมาสิ” ฮุ่ยหมินตอบ เขาใช้พลังปราณใช่แหวนมิตินำถุงผ้าและเบ็ดตกปลาหลายคันมาถือและแบ่งให้กับลูกน้องของตัวเองเยวเล่อเดินตามเขาไปเรื่อยๆ แม้พวกเขาจะเดินตรงไปที่ท่าเรือแต่นางก็ยังไม่ถามอะไรออกมา พวกเขาเดินตรงไปที่ซุ่มโต๊ะที่มีการตรวจตาคนเข้าออกท่าเรือ “พวกเจ้าจะออกเรือไปทำอะไร” นายตรวจถามเสียงเข้มเมื่อมีชายหนุ่มหน้าตาเจ้าสำอางกับผู้ชายอีกสามคนและมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนยืนอยู่ด้านหลัง ดูน่าสงสัยไม่น้อย “ข้ากับคนในครอบครัวจะออกออกไปตกหมึกน่ะ ท่านเป็นนายตรวจแห่งท่าเรือนี้คงรู้สิน่ะว่าหมึกต้องตกตอนกลางคืนน่ะ” “พวกเจ้าไปได้แ
ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้นเสวี่ยปิงจึงรีบลากคอเป่าตงจนตัวลอยมาวางไว้ข้างหลังผ้าคลุมโต๊ะแล้วกระซิบเสียงลอดไรฟันว่า ‘คอยดูสถานการณ์ไปก่อน’ เป่าตงที่กำลังมึนงงยิ่งงงเข้าไปอีกเมื่ออยู่ๆหมาโง่อย่างเสวี่ยปิงกับไม่ทำเรื่องงี่เง่าแต่กลายเป็นมันเสียเอง “พระเจ้า ข้าขอดูใกล้ๆสักหน่อย” เมื่อพ่อค้าทำท่าจะถลาตัวเข้ามาหยิบไข่ไป เยว่เล่อที่ไหวตัวทันจึงรีบไปหลบหลังฮุ่ยหมินที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ ความคิดแรกของพ่อค้าคือจะใช้กำลังแย่งชิงมาต้องตกไปเพราะเขาพึ่งจับได้กับสัมผัสไอปราณที่พึ่งออกมาจากรอบๆตัวของชายหน้าตาเจ้าสำอาง ถึงพ่อค้าจะมีระดับปราณต่ำกว่าจนมิสามารถล่วงรู้ได้ว่าเขาอยู่ระดับไหนแต่จากประสบการณ์ชายคนนี้ย่อมมีระดับไม่ต่ำกว่าระดับหกแน่ ขนของเขาลุกซู่รีบถอยหลังกลับไป “ข้าแค่จะขอตรวจดูเท่านั้นว่าใช่ของจริงหรือป่าว” “พี่ชาย อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเลย ชายสี่คนที่มากับข้าถึงจะดูไม่เอาไหนไปบ้าง ดูติ๊งต๊องไปสักหน่อย แต่พวกเขาเป็นถึงสมาชิกองโจรที่โหมเหี้ยมเช่นกองโจรเงาพรายอสูรเชียวนะ หากเกิดอะไรขึ้นมาร้านเล็กๆของท่านมิรู้ว่าจะมีสิ่งใดเหลือบ้าง…แต่หากคิด ว่าเบื้องหลังท่านยิ่ง
ณ เมืองท่าของแคว้นซูบรรยากาศอบอ้าวไปด้วยลมร้อนของทะเล กลิ่นเค็มจากสายลมทำให้สมองตื่นตัวแบบน่าประหลาด ทั้งผืนน้ำกว้างใหญ่ หาดทรายและต้นมะพร้าวสูงใหญ่ล้วนเป็นสิ่งที่เยว่เล่อไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต นางวิ่งเหยียบย่ำทรายนุ่มขาวกับเสวี่ยปิงโดยมีเป่าตงเดิมสง่างามตามมา มันมองเหยียดยัยเด็กฟันน้ำนมและหมาโง่ที่ทำตัวเป็นบ้านนอกไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน ซ่า เมื่อคลื่นทะเลซัดพื้นทรายจนมาโดนเท้าของเป่าตง มันตกใจมากจนวิ่งหนีออกจากฝั่งไปไกล สะบัดเท้าเอาน้ำทะเลออกจากฝ่ามือแล้วดม พอได้กินเค็มๆจึงลองชิมอย่างกล้าๆกลัวๆ มันเบิกตาโตทันทีเมื่อพบว่าน้ำมันเค็ม อย่าบอกนะว่าผืนน้ำที่กว้างใหญ่ทั้งหมดนี้คือน้ำเค็มทั้งหมด! ฮุ่ยหมิน ฮันสุ่ย อันหรานและหยู่เซินทำหน้าตายมองภาพคนบ้านนอกตื่นทะเล พวกเขาอยากจะทำเป็นไม่รู้จักกับเยว่เล่อด้วยซ้ำเมื่อเห็นนางสะดุดขาตัวเองแล้วจมทะเลลึกแค่เข่า! เสวี่ยปิงใช้หัวดันหลังเจ้านายตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะจมน้ำตื้นตาย เป็นการตายที่น่าสมเพสมากมิใช่หรือ มันไม่อยากมีประวัติว่าเคยมีเจ้านายโง่ขนาดนี้มาก่อน มันยังไม่อยากถูกลูกหลานตัวเองล้อจนตาย! แค่กๆ เยว่เล่อลุกข