Share

หวั่นไหว

Author: Hawaii
last update Last Updated: 2025-12-02 20:16:50

เช้าวันรุ่งขึ้น..

“ตื่นได้แล้ว!”

“ฉันเพิ่งได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเองนะ”กว่าอาการปวดท้องของหญิงสาวทุเลาก็ปาไปเช้ามืดของอีกวันและนั่นจึงส่งผลให้เธอนอนไม่เต็มอิ่ม

“ฉันไม่สน”พูดจบเขาก็ลากหญิงสาวลุกจากที่นอน

“เดี๋ยวฉันไปเอง”หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงเบาก่อนที่เธอจำใจลงไปหุงข้าวเช้าให้เขาตามปกติแม้จะอยากนอนต่อก็ตาม ความลำบากที่หญิงสาวพบเจอทำให้เธอคิดถึงชีวิตที่สุขสบาย เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้น้ำตาคลอ

“วันนี้ฉันกลับดึกนะ พอดีต้องไปงานวันเกิดเพื่อน”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวก่อนจะเดินจากไป ส่วนหญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นก็ทำได้แค่พยักหน้ารับทราบแม้จะไม่เห็นด้วยกับเขาก็ตาม และพอรถกระคันเก่าขับแล่นออกไปแล้ว หญิงสาวจึงรีบซักผ้าต่อให้มันแล้วเสร็จจากนั้นเธอก็กลับขึ้นไปบนห้องพร้อมกับลากโซ่เล็กเส้นสาวขึ้นไปด้วย เมื่อถึงที่นอนร่างเล็กไม่รอช้าที่จะทิ้งตัวนอนลงด้วยความรู้สึกอ่อนเพลียจากการที่เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ใกล้ค่ำหญิงสาวก็ปิดประตูหน้าต่างแล้วนอนคดตัวโดยที่เอาผ้าห่มคลุมหัวจรดเท้า เธอรอคอยให้ชายหนุ่มกลับมาแต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่มีวี่แววของเขาจนกระทั่งตกดึกเกือบเที่ยงคืน เสียงรถกระบะอันคุ้นเคยทำให้หญิงสาวรีบดึงผ้าห่มออกจากนั้นเธอก็แกล้งหลับ

“ฉันห่อเค้กที่เหลือจากงานมาฝากถ้าอยากกินก็ลุกมากินซะ ถ้าเก็บไว้ถึงพรุ่งนี้เดี๋ยวมดขึ้น”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวที่กำลังแกล้งหลับ

“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันยังไม่ได้นอน”ส่วนหญิงสาวที่ได้ดังนั้นก็ค่อยๆลุกจากที่นอน

“จะกินไม่กิน”ชายหนุ่มถามด้วยท่าทีรำคาญ

“กินสิ หิวจะตายอยู่แล้ว”หญิงสาวตอบด้วยเสียงเบา

“อ่ะ กินให้หมดหล่า อย่าให้เหลือแม้แต่นิดเดี๋ยวมดขึ้น”

เมื่อหญิงสาวเห็นของหวานที่เธอต้องการในช่วงที่เป็นวันนั้นของเดือนจึงเผยรอยยิ้มจากนั้นเธอก็รีบกินจนหมดอย่างไม่ห่วงว่าน้ำหนักจะขึ้น

….

“วันนี้นายไม่ออกไปทำงานหรอ”หญิงสาวถามชายหนุ่มด้วยความสงสัยเมื่อเขาไม่ยอมออกจากบ้านสักที

“ไม่ วันนี้ฉันจะทำแคร่ไม้ไผ่เพิ่ม ส่วนเธอต้องถางหญ้า”

“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”พูดจบหญิงสาวก็เดินไปถางหญ้าอย่างไม่มีท่าทีต่อต้าน

ส่วนชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นจึงเดินไปตัดไม้ไผ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกระท่อมหลังเล็ก เขาใช้เวลาไม่นานมากในการนำไม้ไผ่มาเรียงกันไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นเหมาะแก่การนั่งทำแคร่ ด้วยอากาศร้อนอบอ้าวชายหนุ่มจึงถอดเสื้อออกจนเผยให้เห็นร่างกายท่อนบนที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อทุกสัดส่วนอย่างไร้ที่ติ ส่วนหญิงสาวที่ตั้งใจนำน้ำดื่มไปให้กับชายหนุ่มในตอนแรกก็เปลี่ยนใจเมื่อเห็นเขาในสภาพเปลือยกายท่อนบน

“ไม่คิดว่าฉันจะหิวน้ำบ้างรึไงถึงไม่เอาน้ำมาให้ฉันดื่มสักที”ชายหนุ่มกล่าวตำหนิหญิงสาวด้วยความไม่พอใจที่เธอไม่ยอมมาเสิร์ฟน้ำดื่มให้กับเขาซึ่งกำลังเหน็ดเหนื่อยจากการทำแคร่ไม้ไผ่จนเหงื่อท่วมตัว

“ฉันกำลังจะเอาไปเสิร์ฟให้”ส่วนหญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นจึงรีบนำน้ำดื่มที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ไปให้กับชายหนุ่มด้วยความลุกลี้ลุกลนและไม่ทันระวังตัวเลยเผลอไปเหยียบเศษท่อนไม้ไผ่กลมจนเสียหลักแล้วร่างกระโจนเข้าหาเขาอย่างไม่ตั้งใจ

“ถ้าคิดจะอ่อยกันก็ควรรอให้หายเป็นเมนส์ก่อนมั้ย เพราะฉันไม่อยากฝ่าไฟแดง”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวในขณะที่เธอกำลังเกาะร่างเขาไว้เพื่อพยุงร่างตัวเองไม่ให้ถลาเข้ากับพื้น

“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อหญิงสาวกลับมาตั้งหลักได้จึงรีบถอยห่างจากเขาด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อย

“เธอทำน้ำหกใส่ฉัน แล้วยังไม่รีบไปเอาผ้ามาเช็ดให้ฉันอีก ทำไมต้องให้บอกทุกเรื่อง”ชายหนุ่มตำหนิหญิงสาวด้วยความไม่พอใจ

“นายก็เอาเสื้อของนายเช็ดไปก่อนสิ”ส่วนหญิงสาวที่เห็นดังนั้นจึงรีบแนะนำ

“มันเปื้อนเหงื่อ”

“แต่ว่านายก็เปื้อนเหงื่อนี่”

“ไปหาผ้าสะอาดมาเช็ดให้ฉันเดี๋ยวนี้”ชายหนุ่มออกคำสั่งด้วยสีหน้าจริงจังจนหญิงสาวที่เห็นดังนั้นจึงรีบกลับเข้าไปในกระท่อมหลังเล็ก เมื่อได้ผ้ามาแล้วเธอก็ไม่รอช้าที่จะซับน้ำออกจากตัวเขาด้วยมือไม้สั่นเทา

“มาเดี๋ยวฉันเช็ดเอง”ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นจึงแย่งผ้าผืนเล็กจากมือหญิงสาวจากนั้นเขาก็ค่อยๆซับน้ำที่อยู่บนร่างกายออก

“งั้นฉันขอตัวกลับเข้าไปเอาน้ำมาให้ใหม่นะ”พูดจบหญิงสาวก็หันหลังให้เขาเพื่อละสายตาจากแผ่นอกกว้าง

“ลืมไปแล้วรึไงว่าเมื่อกี้เธอถือน้ำดื่มมาด้วย”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวอย่างต้องการให้เธอขายขี้หน้า

“ใช่ฉันลืม งั้นฉันขอตัวไปถางหญ้าต่อนะ”หญิงสาวแสดงท่าทีเขินอายแล้วเดินจากไปโดยที่ไม่หันกลับมามองเขา ส่วนชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นก็ส่ายหัวพร้อมกับเผยรอยยิ้มตรงมุมปากจากนั้นเขาก็เดินไปหยิบน้ำที่อยู่ในแก้วแล้วยกดื่มด้วยความหิวกระหาย

“นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย”หญิงสาวสะบัดศีรษะเพื่อลบภาพของชายหนุ่มออกจากหัว แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เธอลืมภาพตอนที่เห็นเขาเปลือยกายท่อนแล้วเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆจนทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอนั้นเต้นตุบๆอย่างที่ไม่เคยรู้สึกเป็นแบบนั้นมาก่อน

“มัวทำอะไรทำไมไม่รีบถางหญ้าให้มันเสร็จๆ ถ้าเธอถางหญ้าไม่ทันเสร็จก่อนเที่ยงก็ไม่ต้องทานข้าวนะ”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสาวพร้อมกับกล่าวตักเตือนเธอด้วยสีหน้าเรียบๆ

“เมื่อสักครู่นายพูดว่าอะไรนะ”ส่วนหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในภวังค์เผยท่าทีสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่ดังมาจากข้างหลังเธอ

“นี่เธอเหม่อจนไม่ได้ยินในสิ่งที่ฉันพูดก่อนหน้านี้เลยใช่มั้ย”

“คือฉันกำลังคิดว่าเย็นนี้จะทำอะไรกินดี”หญิงสาวรีบแก้ตัวเพื่อแก้เขินอาย

“แน่ใจนะว่าไม่ได้กำลังจินตนาการถึงฉัน”

“ฉันเปล่านะ!”หญิงสาวรีบปฏิเสธเสียงแข็งทั้งที่แก้มของเธอนั้นกำลังแดงเป็นลูกตำลึง

“ยังไม่รีบถางหญ้าอีก ถ้าเธอถางหญ้าไม่ทันเสร็จก่อนเที่ยงก็ไม่ต้องทานข้าว”

“ฉันจะพยายามถางหญ้าให้เสร็จก่อนเที่ยง”พูดจบหญิงสาวก็รีบถางหญ้าที่อยู่ตรงหน้าต่อส่วนชายหนุ่มก็กลับไปทำแคร่ไม้ไผ่ต่อเช่นกันจนกระทั่งใกล้เที่ยงเขาก็กลับเข้าไปพักทานข้าวเพื่อที่จะได้มีแรงในการทำแปลงผักต่อ

“ไม่หิวรึไงถึงได้ไม่มาทานข้าวด้วยกัน”ชายหนุ่มถามหญิงสาวในขณะที่เขากำลังนั่งทานข้าวอยู่คนเดียว

“ก็ฉันถางหญ้าไม่ทันเสร็จก่อนเที่ยงนี่”หญิงสาวกล่าวด้วยสีหน้าผิดหวังเมื่อไม่สามารถถางหญ้าให้เสร็จก่อนเที่ยงตามที่รับปากเอาไว้

“ไปล้างมือซะ แล้วรีบๆมาทานข้าว จะได้มีแรงไปช่วยฉันทำแปลงผักต่อ ส่วนหญ้าค่อยถางต่อพรุ่งนี้”

“ฉันยังไม่หิว”

“ตามใจ งั้นก็อย่ามาบ่นหิวทีหลังก็แล้วกัน”ส่วนชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นกลับไม่สนใจเธอแล้วทานข้าวต่อ

“ไปช่วยฉันพรวนดิน”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวหลังจากที่เขาทานข้าวเสร็จแล้วแล้วเตรียมตัวเดินไปยังแปลงผัก

“ไม่เห็นหรือไงว่าฉันถางหญ้าอยู่”หญิงสาวหันไปคุยกับชายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ฉันสั่งให้เธอไปพรวนดิน”ส่วนชายหนุ่มออกคำสั่งกับหญิงสาวพร้อมกับส่งสัญญาณผ่านสายตาว่าถ้าหากเธอไม่ยอมไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยความจำใจจากนั้นเธอก็เดินกระแทกเท้าตามเขาไปยังแปลงผัก

ทั้งสองช่วยกันพรวนดินท่ามกลางแสงแดดจ้าและมีอุณหภูมิที่สูงเกือบสี่สิบองศาเซลเซียสจนหญิงสาวเกือบเป็นลมล้มพับกลางอากาศ

“กลับไปถางหญ้าไป อยู่ที่นี่แล้วเกะกะฉันเปล่าๆ”ชายหนุ่มที่เห็นท่าไม่ดีจึงไล่ให้เธอกลับไปถางหญ้าต่อซึ่งมันไม่ต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดดแต่ก็หนีไม่พ้นอากาศที่อบอ้าว

“อืม”หญิงสาวทำตามคำสั่งของชายหนุ่มอย่างว่าง่าย แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินพ้นแปลงผักจู่ๆร่างเล็กก็หมดสติท่ามกลางแปลงผักที่เพิ่งพรวนดินไป

“โถ่โว้ย ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้วะ”ชายหนุ่มรีบอุ้มร่างเล็กขึ้นแล้วเดินไปยังที่ร่ม จากนั้นเขาก็ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้หญิงสาวจนกระทั่งเธอฟื้นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ

“ฟื้นแล้วก็หาข้าวกินซะ เดี๋ยวฉันจะไปพรวนดินต่อ”พูดจบชายหนุ่มก็เดินไปพรวนดินแล้วทิ้งให้หญิงสาวอยู่คนเดียวเพียงลำพังทั้งที่เธอเพิ่งรู้สึกตัวหลังจากที่หมดสติไปเป็นเวลากว่าสิบห้านาที

“เธอไปนอนพักเถอะ เดี๋ยวฉันทำเอง”เมื่อชายหนุ่มพรวนดินเสร็จจึงกลับเข้าไปยังกระท่อมหลังเล็ก และพอเขาเห็นหญิงสาวกำลังตั้งหน้าตั้งตาก่อไฟจึงอาสาช่วยเธอ

“แต่มันเป็นหน้าที่ของฉัน”

“วันนี้ฉันไม่ได้ไปทำงาน ดังนั้นฉันจะทำงานบ้านแทนเธอเอง”

“แต่ว่านายก็ไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆนี่ นายทำนั่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา แถมยังตากแดดมาทั้งวันคงเหนื่อยน่าดู”หญิงสาวแสดงความเป็นห่วงชายหนุ่มจากความรู้สึกข้างในลึกๆ

ส่วนชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะนึกย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็กซึ่งเป็นช่วงเขามีความทรงจำมากมายร่วมกับผู้เป็นพี่สาว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กลแค้นซ่อนรัก   ลมพายุ

    “นายไม่ไปทำงานตั้งหลายวันแล้วไม่กลัวโดนไล่ออกหรอ”หญิงสาวตัดสินใจถามในสิ่งที่สงสัยเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ไปทำงานติดต่อกันได้สี่วันถ้านับวันที่เขาลาด้วย“ก็ลาออกไปแล้ว”ชายหนุ่มเงยหน้าตอบหญิงสาวในขณะที่เขากำลังประคบเย็นตรงข้อเท้าให้กับเธอ“ห๊า นายพูดจริงหรือพูดเล่น”หญิงสาวแสดงสีหน้าตกใจเมื่อได้รู้ความจริงว่าชายหนุ่มได้ลาออกจากงานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ปักใจเชื่อ“พูดจริง”ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ“นี่ฉันทำนายตกงานหรอ ขอโทษ”“ถ้าฉันไปทำงานแล้วใครจะดูแลเธอ กว่าข้อเท้าเธอจะหายคาดว่าต้องใช้เวลาประมาณสองอาทิตย์”“ต่อไปฉันจะไม่ทำให้นายต้องเดือดร้อนอีก”“ช่างมันเถอะ แค่เธอไม่เป็นอะไรมากก็ดีแค่ไหนแล้ว”“ทำไมนายดูเป็นห่วงเป็นใยฉันทั้งที่มันไม่ควรเป็นแบบนั้นนี่”ตลอดระยะสองวันที่ผ่านมาชายหนุ่มดูแลเอาใจใส่หญิงสาวในยามที่เธอมีไข้และคอยประคบเย็นให้เธอทุกวันแถมยังอุ้มเธอห้องน้ำวันละหลายรอบอย่างไม่มีบ่น นั่นจึงทำให้หญิงสาวเกิดความสงสัยว่าเขาทำดีกับเธอไปเพื่ออะไร “ที่ฉันเป็นห่วงเธอและดูแลเธอเป็นอย่างดีก็เพราะว่าฉันรู้สึกผิดที่ทำเธอเจ็บตัว”“ไม่ นายอย่าคิดแบบนั้น”“ทำไมถึงไม่อยากให้ฉันคิดแบบน

  • กลแค้นซ่อนรัก   อุบัติเหตุ

    ชายหนุ่มพยายามเร่งมือในการซ่อมแซมหลังคาเพื่อที่จะได้กลับมาดูแลหญิงสาวต่อ แต่แล้วเขากลับพบว่าเธอนั้นได้หลับไปแล้ว “ทำไมมันปวดขนาดนี้เนี่ย!”หญิงสาวตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดูเจ็บปวดจากการที่ข้อเท้าของเธอเริ่มบวมช้ำ “ตื่นสักที แล้วนี่เธอหิวหรือยัง อาการเป็นยังไงบ้าง”เมื่อชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวตื่นแล้วจึงรีบกลับเข้ามาในห้องจากนั้นเขาก็รีบเข้าไปดูข้อเท้าข้างที่ได้รับบาดเจ็บ“มันเจ็บกว่าเดิมอีก”หญิงสาวกล่าวด้วยสีหน้าเจ็บปวดจนน้ำตาแทบไหลออกมา“เดี๋ยวฉันจะไปเอานำแข็งมาประคบให้อีกรอบ”พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามาหาหญิงสาวอีกครั้งพร้อมกับถือชามข้าวกับน้ำแข็งที่ถูกห่อด้วยผ้า “เธอทานข้าวไข่เจียวไปก่อนเดี๋ยวฉันจะคอยประคบข้อเท้าให้”ชายหนุ่มยื่นข้าวไข่เจียวที่อยู่ในจานให้หญิงสาวก่อนที่เขาจะค่อยๆนั่งคุกเข่าเพื่อทำการประคบเย็นข้อเท้าข้างที่บวม“ไม่ต้อง เดี๋ยวทานข้าวเสร็จฉันจะประคบเอง”ส่วนหญิงสาวที่เห็นดังนั้นจึงรีบปฏิเสธไม่ให้ชายหนุ่มประคบเย็นให้“เจ็บเอวด้วยไม่ใช่หรอ ถ้าก้มบ่อยๆมันจะยิ่งเจ็บเข้าไปใหญ่”ชายหนุ่มให้เหตุผลที่ไม่ต้องการให้หญิงสาวประคบเย็นด้วยตัวเองหญิงสาวนั่งตัวตรงแล

  • กลแค้นซ่อนรัก   ความหลัง

    “โอม มานั่งพักได้แล้วเดี๋ยวก็เป็นลมตายพอดี”ผู้เป็นพี่สาวตะโกนบอกน้องชายวัยสิบห้าที่กำลังพรวนดินอย่างขยันขันแข็ง“พี่อันพักคนเดียวเถอะ เดี๋ยวน้องจะพยายามพรวนดินให้เสร็จเราจะได้กลับบ้านไวๆ”“แต่ว่าโอมยังไม่ได้พักเลยทั้งที่พี่มานั่งพักแล้วตั้งสองรอบ”“ก็พี่เป็นผู้หญิงส่วนผมเป็นผู้ชาย อีกอย่างผมไม่อยากให้พี่เหนื่อย”ผู้เป็นพี่สาวทราบซึ้งในความเสียสละของน้องชายดังนั้นเธอจึงจัดสินใจออกไปช่วยผู้เป็นน้องเพื่อที่จะให้งานเสร็จไวๆแล้วน้องชายของเธอจะได้พัก และสองพี่น้องก็ช่วยกันทำงานกลางทุ่งนาโดยปราศจากเงาของผู้เป็นแม่ที่วันๆเอาแต่กินเหล้าและออกไปเล่นการพนันจนสองพี่น้องต้องดูแลกันเพียงลำพัง “ถ้าพี่ไม่เอาอนาคตตัวเองมาทิ้งไว้กับผม ป่านนี้พี่คงได้ไปเป็นดาราไปแล้ว”ผู้เป็นน้องอดไม่ได้ที่จะกล่าวโทษตัวเองเมื่อเห็นว่าพี่สาวมีโอกาสหลายครั้งที่จะได้ไปเป็นดาราแต่พี่สาวของเขากลับปฏิเสธ“การจะเป็นดาราได้มันไม่ง่ายขนาดนั้น อีกอย่างเรามีกันแค่สองคนพี่ไม่อยากทิ้งโอมไว้กับแม่ ถ้าโอมอยู่กับแม่พี่กลัวว่าโอมจะไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด”ส่วนผู้เป็นพี่สาวก็ให้เหตุผลกับน้องชายอย่างต้องการให้น้องชายเข้าใจเธอ“ไม่หรอกพี่ ผ

  • กลแค้นซ่อนรัก   หวั่นไหว

    เช้าวันรุ่งขึ้น..“ตื่นได้แล้ว!”“ฉันเพิ่งได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเองนะ”กว่าอาการปวดท้องของหญิงสาวทุเลาก็ปาไปเช้ามืดของอีกวันและนั่นจึงส่งผลให้เธอนอนไม่เต็มอิ่ม “ฉันไม่สน”พูดจบเขาก็ลากหญิงสาวลุกจากที่นอน“เดี๋ยวฉันไปเอง”หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงเบาก่อนที่เธอจำใจลงไปหุงข้าวเช้าให้เขาตามปกติแม้จะอยากนอนต่อก็ตาม ความลำบากที่หญิงสาวพบเจอทำให้เธอคิดถึงชีวิตที่สุขสบาย เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้น้ำตาคลอ “วันนี้ฉันกลับดึกนะ พอดีต้องไปงานวันเกิดเพื่อน”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวก่อนจะเดินจากไป ส่วนหญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นก็ทำได้แค่พยักหน้ารับทราบแม้จะไม่เห็นด้วยกับเขาก็ตาม และพอรถกระคันเก่าขับแล่นออกไปแล้ว หญิงสาวจึงรีบซักผ้าต่อให้มันแล้วเสร็จจากนั้นเธอก็กลับขึ้นไปบนห้องพร้อมกับลากโซ่เล็กเส้นสาวขึ้นไปด้วย เมื่อถึงที่นอนร่างเล็กไม่รอช้าที่จะทิ้งตัวนอนลงด้วยความรู้สึกอ่อนเพลียจากการที่เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ใกล้ค่ำหญิงสาวก็ปิดประตูหน้าต่างแล้วนอนคดตัวโดยที่เอาผ้าห่มคลุมหัวจรดเท้า เธอรอคอยให้ชายหนุ่มกลับมาแต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่มีวี่แววของเขาจนกระทั่งตกดึกเกือบเที่ยงคืน เสียงรถกระบะอันคุ้นเคยทำให

  • กลแค้นซ่อนรัก   ต่อต้าน

    เช้าวันต่อมา..“กรี๊ด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มตกใจจนวิ่งออกมาจากห้องน้ำทั้งที่ยังไม่ทันได้แปรงฟัน“เกิดอะไรขึ้น?”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังฝึกหุงข้าวด้วยตัวเอง แต่โชคร้ายโดนน้ำซาวข้าวลวกใส่แขน“น้ำแข็งๆขึ้นไปเอาน้ำแข็งมาให้ฉันหน่อย”หญิงสาวยื่นแขนที่โดนน้ำซาวข้าวร้อนๆลวกให้ชายหนุ่มดู ส่วนเขาที่เห็นดังนั้นจึงวิ่งขึ้นไปหยิบน้ำแข็งจากบนบ้านจากนั้นเขาก็ค่อยๆประคบน้ำแข็งบริเวณแผลที่บวมแดงของหญิงสาว “ฮือๆๆๆฉันเจ็บ”หญิงสาวร้องไห้โฮราวกับเด็กน้อยเมื่อไม่สามารถทนต่อความรู้สึกแสบร้อนบริเวณแขน ส่วนชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นจึงพาเธอขึ้นไปบนห้อง “ร้องไห้เป็นเด็กไปได้”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเรียบๆในขณะที่กำลังปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับเธอ“ก็มันทั้งเจ็บทั้งแสบร้อน ใครมันจะไปทนได้”หญิงสาวกล่าวด้วยความน้อยใจ“ก็เข้าใจว่ามันปวดแสบแต่ไม่จำเป็นต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งขนาดนั้น”ส่วนชายหนุ่มแม้จะบ่นกับหญิงสาวแต่ในใจลึกๆเขาก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้เช่นกัน“แล้วใครกันที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้”หญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งน้อยใจเข้าไปใหญ่จนอดไม่ได้ที่จะกล่าวโทษเขาแบบทางอ้อม“ฉันไม่ได้เอา

  • กลแค้นซ่อนรัก   กระท่อมหลังน้อย

    ณ กระท่อมหลังน้อย“นายซื้ออะไรมาเยอะแยะเต็มรถเลย”หญิงสาวถามชายหนุ่มด้วยความสงสัยเมื่อเห็นข้าวของเต็มท้ายกระบะ “ก็เห็นอยู่ว่าของเยอะทำไมถึงได้นั่งดูเฉยๆไม่คิดจะช่วยกันขนของเข้าบ้าน”“ก็เดี๋ยวนายจะหาว่าฉันยุ่งเลยขออยู่เฉยๆดีกว่า อีกอย่างฉันโดนล่ามโซ่อยู่”เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าใกล้ค่ำแล้วเขาจึงตัดสินใจไขกุญแจให้หญิงสาว จากนั้นทั้งสองก็ช่วยกันขนของที่อยู่ท้ายกระบะเข้าไปไว้ในบ้าน และในขณะที่ชายหนุ่มยกฟูกที่นอนเข้าไปไว้ในบ้านอย่างทุลักทุเลหญิงสาวจึงใช้โอกาสนั้นแอบหยิบกุญแจรถกระบะคันเก่าอย่างระมัดระวังไม่ให้เขารู้ตัว เมื่อได้กุญแจมาแล้วเธอก็รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีค่อยๆไขประตูรถกระบะ ส่วนชายหนุ่มที่จัดการวางฟูกที่นอนบนแคร่ไม้ไผ่เสร็จก็รีบเดินออกจากห้องเพื่อช่วยหญิงสาวขนของต่อ แต่แล้วเขาก็พบว่าเธอกำลังพยายามจะสตาร์ทรถยนต์เพื่อหนี “ให้ตายเถอะมันขับยังไงเนี่ย!”หญิงสาวหายใจเข้าออกลึกๆแล้วตั้งสติเพื่อคิดหาวิธีสตาร์ทรถกระบะคันเก่า โดยที่ไม่รู้ตัวว่ากระกระทำของเธอนั้นอยู่ในสายตาของเขา “ให้ฉันสอนวิธีสตาร์ทมั้ย”ชายหนุ่มเปิดประตูรถออกแล้วยืนดูการกระทำของเธออย่างใจเย็น “ไอ่บ้า! ฉันตกใจหมด”ส่วนหญิง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status