LOGINไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเป็นคนเดียวกับผู้หญิงน่ารังเกียจคนนั้น เธอเปลี่ยนไปจนเขาแทบจำไม่ได้ ที่สำคัญเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างเธอนั้นลูกเขาแน่นอน เพราะฉะนั้นภาระกิจจามจีบแม่ของลูกจึงเริ่มขึ้น เรื่องราวความรักของกรณ์กิตติกับญาดา จากคนที่เกลียดกลายมาเป็นพ่อแม่ของลูก ‘กักหัวใจไว้ใกล้รัก’ เป็นเรื่องต่อจาก ‘กองหัวใจไว้ตรงรัก’ เขาเลขาฯ สายโหด เนื่องจากต้องช่วยเจ้านาย เขาจึงได้ทำลายผู้หญิงเลว ๆ คนหนึ่ง แต่ที่ไหนได้ เขากลับมาพบภายหลังว่าเธอยังบริสุทธิ์ ผิดกับทาทางร่านร้ายที่เธอแสดงออกภายนอก และความบริสุทธิ์ของเธอถูกทำลายด้วยน้ำมือเขาเอง เธอกลายมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอถูกตัดขาดจากครอบครัว ทว่าวันหนึ่งกลับต้องมาเจอคนที่คิดว่าไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนก็ไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว คนที่เป็นพ่อของลูกเธอ เมื่อค้นพบความจริงบางอย่าง การตกหลุมรักจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย เขาจึงเริ่มปฏิบัติการตามจีบแม่ของลูก เธอคิดว่าเขาจะพรากลูกไปจากเธอ แต่ผิดแล้ว เขาต้องการทั้งแม่และลูก และจะกักหัวใจท้องสองไว้กับเขาตลอดไป
View More“ไอ้ชั่ว!! แกเอาอะไรให้ฉันกินฮะ!” เธอตวาดเขาทันทีที่มือใหญ่ปล่อยให้เป็นอิสระ
“ก็ยาแบบเดียวกับที่คุณให้เจ้านายผมกินไงล่ะ...ถ้าผมชั่วคุณมันก็หน้าด้าน ไร้ยางอาย จ้องจับผู้ชายที่มีแฟนแล้ว”
กรณ์กิตติด่ากลับอย่างไม่ไว้หน้า มองดูร่างกายที่เริ่มนั่งไม่นิ่งเพราะยาเริ่มออกฤทธิ์
“ไหวไหมล่ะ ...ขอร้องผมสิ”
“ไม่ ฉันไม่มีวันขอร้องคนอย่างแก”
“ตามใจ...ถ้าคุณขอร้องผมจะสนองคุณเอง แต่ถ้าคุณไม่ยอมผมจะเรียกคนข้างนอกมาช่วยให้”
กล้องตัวเล็กจับทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นบนเตียง จนกระทั่งเสียงครวญครางเงียบลง ชายหนุ่มทิ้งตัวลงข้างกายและกระชับเธอเข้ามาใกล้ โน้มกระซิบเสียงเย็นริมหู
“ถ้าคุณยังวุ่นวายกับเจ้านายผมอีก รับรองว่าคลิปหลุดแน่นอน”
“หึ...แกจะต้องอายไปพร้อมกันถ้าแกทำแบบนั้น”
“ผมก็แค่เลขาของเจ้านาย ชื่อเสียงก็ไม่มี ผมไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว...อย่าเสี่ยงเลยญาดา คุณก็รู้ว่าผมทำได้จริง”
ญาดาพลิกตัวหันหลังหนีด้วยความเจ็บใจที่แผนการพลาดพลั้ง ยังดีที่ไม่ถูกเอาเรื่องถึงตำรวจไม่งั้นพ่อเธอคงโกรธมาก
กรณ์กิตติมองคนที่หันหนีด้วยยิ้มหยันก่อนจะลุกขึ้นแต่งตัวออกจากห้องไปพร้อมกับกล้องตัวนั้น โดยไม่สนใจเธออีก
-- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- --
-- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- --
กรุณาอ่านเรื่อง "กองหัวใจไว้ตรงรัก" เพื่อเข้าใจเนื้อเรื่องที่เชื่อมโยงมาก่อนหน้านี้
สายตาของทุกคนในห้องหันขวับไปมองเจ้าของเสียงดุดันที่ก้าวพรวดพราดเข้ามาอย่างไม่สนใจมารยาท แค่ได้ยินเสียงร้องไห้หัวใจคนเป็นพ่อก็เจ็บปวด เด็กน้อยเห็นคนคุ้นเคยที่ทำให้อุ่นใจก็หยุดร้องแล้วยื่นมือไปสุดแขนความหมายคือต้องการให้กรณ์กิตติอุ้มคนเป็นพ่อไม่รอช้าไม่สนใจหน้าใครทั้งนั้น เขาอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วก้าวมายืนเคียงข้างญาดา“แกเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง ใครอนุญาต ไม่มีมารยาท!” พ่อของญาดาส่งเสียงดังทำให้เด็กชายกลัวจนซุกหน้ากับบ่าของพ่อ“ผมเป็นพ่อของน้องภีม” กรณ์กิตติยังไม่อยากใช้ไม้แข็ง ยังไงก็ไม่อยากให้ครอบครัวมีปัญหาไปมากกว่านี้“แก..แกที่มันทำลายอนาคตของลูกสาวฉัน”“พ่อคะ...ก็บอกแล้วไงว่าเป็นความผิดของญาดาเอง”“นังลูกชั่ว!”“ขอเถอะครับ อย่าพูดหยาบคายและใช้เสียงดังต่อหน้าเด็กแบบนี้” กรณ์กิตติลดน้ำเสียงลงและลูบแผ่นหลังของลูกอย่างปลอบโยน ประโยคของเขาทำให้ผู้ใหญ่ทุกคนเงียบปากลง กรณ์กิตติจึงพูดต่อ“ผมเป็นพ่อของน้องภีมและพร้อมจะรับผิดชอบ แม้ผมไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็สามารถเลี้ยงดูลูกเมียได้ ไม่ให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องลำบากใจ”“ไม่ได้นะ ญาดา
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะลางานไปเพราะผู้หญิงคนเดียว”เสียงภาวัตเอ่ยถามทันทีที่เห็นกรณ์กิตติเดินเข้ามาในออฟฟิศ เลขาฯ หนุ่มถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เขายืนประสานมือนิ่งอยู่หน้าเจ้านายของตน“ที่บอกว่าเรื่องด่วนนี่เรื่องอะไรครับ”“เดี๋ยวนี้ฉันเรียกนาย ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ”“มันยังอยู่ในวันลาพักของผมครับ”กรณ์กิตติตอบน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้คิดกระด้างกระเดื่องผู้เป็นนายแต่อย่างใด เพียงแต่ตอนนี้เขามีลูกและเมียที่ต้องดูแล ไม่สามารถทุ่มเทเวลาทั้งหมดเพื่อเจ้านายได้ภาวัตยื่นซองจดหมายส่งให้ บนหน้าซองมีโลโก้ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ กรณ์กิตติเห็นก็จำได้ทันทีว่าเป็นโรงพยาบาลที่ตรวจดีเอ็นเอของเขาและลูก“เจ้านายครับ...” กรณ์กิตติพูดน้ำเสียงเคร่งเครียด“ทำไมฉันถึงมีซองจดหมายนี้ใช่ไหม จริง ๆ ฉันไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวนาย แต่อยากรู้ว่าทำไมอยู่ ๆ นายถึงหยุดงานไปเป็นเดือน”“ผมไม่เคยคิดทรยศหักหลังเจ้านาย” เขาพูดไปตามสัตย์จริง“เรื่องนั้นฉันรู้ ฉันมั่นใจว่า นายจะไม่ทำอย่างนั้นกับฉันและภัควเดชา แต่นายรู้หรือเปล่า ผู้หญิงที่นายยุ่งอยู่
เก๋ไก๋เดินลงมาจากชั้นบนหิ้วกระเป๋าสีรุ้งเตรียมไปทำงานต่างจังหวัด ช่วงนี้ได้งานแต่งหน้านักแสดงในกองถ่าย เธอจึงไม่ค่อยได้อยู่บ้านนัก แต่ก่อนเธอมักเป็นห่วงญาดากับลูกที่ต้องอยู่บ้านกันแค่สองคน แต่ตอนนี้ที่บ้านมีผู้ชายตัวโตมาอยู่ด้วย ถึงจะเทียวไปเทียวมาแต่ก็นับได้ว่าดูแลสองแม่ลูกอย่างดีในห้องนั่งเล่นที่เป็นทุกอย่างของบ้าน มีสองหนุ่มต่างวัยกำลังต่อรางรถไฟจำลอง เด็กชายภีมหัวเราะคิกคักปีนหลังขี่คอเล่นสนุกสนาน ดูไปดูมาเหมือนมีเด็กชายสองคนในบ้านเสียมากกว่า“นี่ซื้อมาเอาใจน้องภีมหรือว่าอยากเล่นเองคะ” เก๋ไก๋หัวเราะแล้วชี้ ๆ ไปที่ของเล่นในห้อง“ก็ทั้งซื้อให้ลูกแล้วก็อยากเล่นเองด้วยครับ” กรณ์กิตติหัวเราะเขิน ๆ “ตอนเด็ก ๆ อยากเล่นแต่ไม่มีเงิน พอมีลูกแล้วก็เลยขอเล่นพร้อมลูกเลยแล้วกัน”เก๋ไก๋ได้ยินเขาเรียก ‘ลูก’ อย่างไม่ขัดเขินก็ยิ้มพอใจ “ฝากดูแลสองแม่ลูกด้วยนะคะ เก๋ไก๋ไปทำงานสามสี่วันถึงจะกลับ”“ได้ครับ ไม่ต้องห่วงแล้วถ้าติดขัดอะไรหรือจะให้ไปรับก็โทรบอกได้นะครับ นั่งแท็กซี่ดึก ๆ มันอันตราย”“ต๊ายรู้ว่าฉันกลับดึกด้วย” เก๋ไก๋หัวเราะร่า “คุณก็รู้ว่าฉันเป็นสาว
กลายเป็นภาพไม่คุ้นตาเมื่อหน้าร้านอุ่นรักเบเกอรี่มีพนักงานขายเป็นผู้ชายตัวโต วันแรก ๆ ทำหน้านิ่งเคร่งขรึมจนลูกค้านึกว่าเป็นพวกเจ้าหนี้นอกระบบ“นี่คุณจะมาช่วยหรือไล่ลูกค้า”ญาดาดุกรณ์กิตติ เขาขออาสาเป็นผู้ช่วยในร้านของเธอ หญิงสาวจำได้ว่าวันแรกที่เห็นเขาโผล่หน้ามาแต่เช้าและบอกวัตถุประสงค์ที่มา เธอกวาดตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า คนตัวสูงสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์แบบที่เธอไม่เคยเห็น สลัดภาพเลขาฯ หนุ่มที่สวมสูทเนี้ยบตลอดเวลา เธอให้เขามาช่วยงานเพราะคิดว่าเขาคงทำได้ไม่กี่วันก็คงหายไปจากชีวิตเธอเอง วันแรกก็ถูกเธอดุยกใหญ่แต่เขาก็ไม่โกรธหรือหัวเสียใส่แค่ยิ้มและขอโทษพร้อมทั้งปรับปรุงไม่ทำผิดซ้ำอีก ไป ๆ มา ๆ เขามาช่วยงานเธอเป็นสัปดาห์จนเธอนึกว่าเขาลาออกจากงานแล้ว“ผมลาพักร้อน” เขายิ้ม ตั้งใจว่าจะใช้เวลาช่วงนี้ตีสนิทกับลูกชายเสียหน่อย ยังไงก็เป็นแค่เด็กแม้จะหวงแม่มากไปนิดแต่เขาเชื่อว่าสามารถพิชิตใจลูกชายได้ เพราะตอนนี้น้องภีมก็ไม่ได้ทำหน้าตึงใส่เขาแล้ว แม้จะมีบ้างที่ยังลังเลเวลาเขาซื้อของเล่นมาให้“แล้วถ้าหมดวันลาพักร้อนล่ะ” เธอถามแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจนัก แต่ลึก ๆ แล้ว ก





