ธีรกฤษอาบน้ำเสร็จก็นึกขึ้นว่าเขายังไม่ได้เอาเอกสารหลังรถออกมาเขาจึงลงมาที่รถอีกครั้ง
ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าเอกสารของตนเองและไม่ลืมจะหยิบกระเป๋าสะพายของผู้หญิงที่นอนอยู่ที่เบาะหลังติดมือมาด้วย
เขาวางมันไว้ที่ห้องรับแขกและกำลังจะกลับขึ้นห้องนอนเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของหญิงสาวก็ดังขึ้น ธีรกฤษไม่สนใจเพราะไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่โทรศัพท์ของเธอก็ดังไม่หยุด
ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เขาเห็นสายไม่ได้รับจากคนเดียวกันหลายสายนอกจากนั้นยังมีข้อควางไลน์เข้ามาอีกรัวๆ ข้อความส่วนใหญ่ก็คือถามว่าเธออยู่ไหน เป็นอันตรายหรือเปล่า
ธีรกฤษคิดว่าถ้ายังไม่ตอบเสียงโทรศัพท์ก็คงจะดังไม่หยุด เขาจึงพิมพ์ข้อความกลับไปว่าเธอนั่งแท็กซี่กลับมาบ้านแล้ว
เช้าวันต่อมาที่บ้านของธีรกฤษ
นลินนาหยีตาสู้แสงแดดที่ส่องเข้ามาจากรอยแยกของผ้าม่านในห้องนอนแขก หญิงสาวรู้ปวดที่ศีรษะเหมือนมีคนเอาฆ้อนหนักๆ มาทุบ
เปลือกตาหนักอึ้งปรือเปิดขึ้นช้าๆ ภาพแรกที่เห็นคือเพดานสีขาวสะอาดและผ้าม่านลวดลายหรูหราที่ไม่คุ้นตา ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของตนเองและยังไม่ใช่ห้องของธมนวรรณอีกด้วย
หญิงสาวลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็ไม่ใช่ชุดเดรสสีแดงที่เธอใส่เมื่อคืนแต่มันเป็นชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดตา ใบหน้าสวยหวานซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เธอกวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง อย่างตื่นตระหนก ทุกอย่างในห้องนี้ดูหรูหราเกินกว่าที่จะเป็นห้องของเพื่อนคนใดคนหนึ่งของเธอ
ความทรงจำเมื่อคืนมันขาดๆ หายๆ เธอจำได้แค่ว่าไปฉลองเรียนจบกับธมนวรรณและดื่มหนักกว่าทุกครั้ง นอกเหนือจากนั้นนลินนาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
“แล้วที่นี่มันที่ไหนนะ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” นลินนาพึมพำก่อนจะรีบลงจากเตียงแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปมากกว่าปกติหญิงสาวจึงเซถลาไปชนกับโต๊ะข้างเตียงเสียงดังโครม
เสียงที่ดังมาจากห้องนอนแขกทำให้น้าสมรที่กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ในครัวรีบปิดเตาแล้ววิ่งขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ห้องนอนแขก เธอรีบเปิดประตูห้องออกแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นผู้หญิงที่เจ้านายพามาเมื่อคืนนั่งกองอยู่กับพื้นห้อง
“คุณ ตื่นแล้วหรือคะ เป็นอะไรหรือเปล่าแล้วทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะคะ ขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนเถอะค่ะ” น้าสมรถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและห่วงใย ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร
“คุณเป็นใครคะ แล้วที่นี่ที่ไหน ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” เธอถามรัวเร็ว น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความหวาดกลัว
น้าสมรเห็นท่าทีตื่นตระหนกและหวาดกลัวของนลินนาก็นั่งลงข้างเธอแล้วพูดปลอบโยน
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ เมื่อคืนคุณเมามาก”
“แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ หรือนี่เป็นบ้านของเพื่อนฉันคะ” หญิงสาวหวังว่าที่นี่จะเป็นบ้านเพื่อนคนไหนสักคนเพราะเมื่อคืนนอกจากธมนวรรณแล้วยังมีเพื่อนอีกหลายคนที่ไปด้วย
“คุณขึ้นรถคุณธีร์มาค่ะ แล้วคุณธีร์เห็นคุณหมดสติไป เขาเลยพาขึ้นมาพักที่นี่ค่ะ” น้าสมรอธิบายด้วยน้ำเสียงใจดี
“คุณธีร์เหรอคะ” นลินนาทวนคำด้วยความสงสัย พยายามนึกว่ามีเพื่อนชื่อนี้หรือเปล่าแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“ใช่ค่ะ คุณธีรกฤษ เขาเป็นเจ้านายของน้าและเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ด้วยค่ะ”
“น้าเป็นคนเปลี่ยนชุดให้ฉันใช่ไหมคะ” ถามออกไปแล้วก็รอลุ้นคำตอบ
“ใช่ค่ะ คุณธีร์ให้น้าช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ก็คุณอ้วกเลอะเทอะไปหมด” น้าสมรพูดเน้นย้ำเพื่อให้หญิงสาวสบายใจ
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ใช่ไหม” เธอถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อยเพราะความกังวล
“จริงแท้แน่นอนค่ะ คุณธีร์เป็นสุภาพบุรุษมาก เขาก็แค่เห็นคุณเมามากจนหมดสติเลยช่วยเหลือเท่านั้นเองค่ะ” น้าสมรรับรองพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“ขอบคุณมากนะคะ น้าชื่ออะไรคะ”
“น้าชื่อสมรจ้ะ แล้วคุณล่ะคะ”
“ฉันชื่อลินค่ะ”
“คุณลิน เป็นยังไงบ้างคะ เมื่อกี้ทำไมถึงลงไปนั่งบนพื้นล่ะคะ”
“น้าเรียกแค่ลินเฉยๆ ก็ได้ค่ะ เมื่อกี้ลินรีบลุกไปหน่อยค่ะก็เลยเป็นอย่างที่เห็น” นลินนาพูดแล้วหัวเราะอย่างอายๆ
“แล้วปวดหัวไหมล่ะ”
“ปวดค่ะ น้ารู้ได้ยังไงคะ”
“ก็เจ้านายของน้าเป็นนักดื่มน่ะ ตอนนี้หนูคงหิวแล้วใช่ไหมคะ น้าเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้วค่ะ ลงไปทานก่อนไหมคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ....คือลินต้องรีบกลับแล้วค่ะ น้าเห็นกระเป๋าของลินไหมคะ”
“มันอยู่หลังรถค่ะ เมื่อเช้าคุณธีร์เอามาให้แล้วตอนนี้อยู่ข้างล่าง ถ้าหนูลินจะกลับบ้านก็รอน้าก่อนนะคะ น้าจะเอาชุดมาให้เปลี่ยนค่ะ”
น้าสมรกลับออกไปจากห้องไม่นานก็กลับมาพร้อมกับชุดที่เธอใส่มาเมื่อคืนและมันถูกซักจนสะอาด
“ขอบคุณนะคะน้าสมร”
“น้าว่าหนูอาบน้ำก่อนกลับดีกว่านะ จะได้สดชื่น ของใช้ในห้องน้ำหนูใช้ได้เลย น้าจะลงไปรอข้างล่างนะ” เธอพูดกับนลินนาแล้วยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้อง
“ค่ะ” นลินนารับคำอย่างว่าง่ายเพราะเธอเองก็อยากจะทำตัวสดชื่นก่อนจะกลับไปเจอหน้ากับป้าสุรีย์และไหนจะต้องบอกธมนวรรณอีกว่าเมื่อคืนเธอหายไปไหนมาเพราะป่านนี้เพื่อนก็คงเป็นห่วงเธอมาก
หญิงสาวอาบน้ำและสวมชุดเดิมจากนั้นก็เดินลงมาชั้นล่างและเธอหวังว่าจะเจอกับคนที่พาเธอมาที่นี่
“มากินข้าวก่อนกลับเถอะค่ะ” น้าสมรเรียกเมื่อเห็นนลินนาเดินลงมาจากชั้นสอง
“ไม่เป็นไรค่ะน้าสมรลินเกรงใจ”
“อย่าเกรงใจเลยน้าทำไว้แล้วล่ะ ถ้าหนูลินไม่กินก็น่าเสียดายนะคะ”
“น้าสมรคะแล้วเจ้านายของน้าล่ะคะ คือว่าลินอยากจะขอบคุณเขา”
“คุณธีร์ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
“แล้วคนอื่นล่ะคะมีอีกไหม” หญิงสาวมองไปรอบๆ บ้านเผื่อว่าจะเจอคนอื่น
“บ้านนี้อยู่กันแค่สองคนค่ะ มีแค่คุณธีร์กับน้า มานั่งก่อนนะคะเดี๋ยวน้าตักข้าวต้มให้ค่ะ”
นลินนาทานข้าวต้มและน้ำส้มที่น้าสมรเตรียมให้จนหมดหญิงสาวก็ขอตัวกลับ
“แล้วหนูลินจะกลับยังไงคะ”
“เดี๋ยวลินเรียกรถมารับที่นี่ก็ได้ค่ะ น้าคะกระเป๋าลินอยู่ตรงไหนคะ”
“อยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกค่ะ” น้าสมรเดินนำหญิงสาวมาที่ห้องรับแขกจากนั้นก็ส่งกระเป๋าสะพายให้กับเธอ
“ลินขอบคุณน้ามากนะคะทั้งเรื่องเมื่อคืนและเรื่องอาหารเช้านี้ แล้วก็ฝากขอบคุณคุณธีร์ด้วยนะคะ” หญิงสาวยกมือไว้อย่างอ่อนน้อม
“หนูลินจ้ะ อย่าหาว่าน้าสอนเลยนะคะ น้าอยากจะเตือนหนูว่าอย่าไม่เมามายจนไม่ได้สติแบบนี้ที่ไหนอีก เพราะถ้าไปเจอคนไม่ดีขึ้นมาคงจะแย่” สมรเตือนด้วยความหวังดี เธอรู้สึกเอ็นดูผู้หญิงคนนี้มากและนึกห่วงว่าเธอถ้าเธอไปเจอคนอื่นเรื่องคงจบไม่สวยเหมือนอย่างเมื่อคืน
“ลินเข็ดแล้วล่ะค่ะน้า ลินโชคดีมากที่เจอเจ้านายของน้าถ้าเจอคนไม่ดีอย่างที่น้าว่าลินคงแย่” หญิงสาวพูดด้วยความรู้สึกผิด
“นั่นเสียงรถมาแล้ว น้าขอให้หนูโชคดีนะ”
“ขอบคุณค่ะน้าสมร ลินไปก่อนนะคะ”
เมื่อขึ้นมานั่งบนรถนลินนาก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเธอเห็นสายเรียกจากธมนวรรณนับสิบสายและเห็นด้วยว่าเพื่อนไลน์หาหลายข้อความและเธอก็ตอบเพื่อนไปว่าถึงบ้านแล้ว หญิงสาวกำลังสับสนว่าเธอไปพิมพ์ตอบเพื่อนตอนไหนแต่ก็เก็บความสงสัยไว้ก่อนเพราะตอนนี้เธอต้องรีบกลับบ้านเพราะบอกกับป้าสุรีย์ไว้ว่าจะไปค้างบ้านเพื่อนและรีบกลับแต่เช้า
“ที่รักเหนื่อยไหม” เขากระซิบข้างหู ปากก็พรมจูบไปทั่วใบหน้า หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ“ถ้างั้นพี่ว่าลินน่าจะขย่มพี่บ้างดีไหม”พูดจบเขาก็พลิกร่างของเธอให้ขึ้นมานอนอยู่บนตัวเขานลินนาวางมือบนหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ สะโพกงอนงามบดขยี้แก่นกายด้วยความเสียวซ่าน“โอ่ว...แน่นอะไรอย่างนี้...ลินจ๋า...อ่าส์...อืมม...ดีจัง”ธีรกฤษมองกลีบกุหลาบที่กลืนกินท่อนเอ็นเข้าออกด้วยความซ่านสยิว แม้ว่าเธอจะตัวเล็กแต่ร่างกายของเธอก็โอบรัดเขาไว้ได้จนหมด หญิงสาววนสะโพกไปมาเป็นวงกลม ด้วยแรงปรารถนาที่ลุกโชน“โอ่วว...เสียวจังที่รัก... ลินเก่งจัง...พี่เสียวไปหมดแล้ว...อ่าส์”เขาแทบคลั่งกับทุกการเคลื่อนไหวของคู่หมั้นสาว นลินนาทำทุกอย่างตามจังหวะที่ร่างกายเรียกร้อง เมื่อเห็นใบหน้าสุขสมของคนรักเธอก็ยิ่งเร่งจังหวะอย่างไม่รู้จักเหนื่อย เนิ่นนานจนเสียงครางของชายหนุ่มดังไม่ขาดสาย“อ่า...โอ่ว...ลินจ๋า...แบบนั้นแหละ...อ่าส์...อื้มมม...อูววซ์”“อ๊ะ...อ่าส์...เสียวจัง”หญิงสาวโยกสะโพกขึ้นลงตามอารมณ์ ทุกจังหวะครอบลงมาบนท่อนเอ็นร้อนเสียวจนเธอต้องจิกเล็บลงบนแผงอกกว้าง ธีรกฤษเอื้อมมือมาบีบคลึงเต้านมเพิ่มความเสียว สองนิ้วบี้
เขาเสียวจนต้องครางออกมาอย่างไม่อาจควบคุม ปากหยักดูดกินสองเต้า ความเสียวแล่นไปทุกส่วนของกายเขาขบเม้มเต้างามเพื่อบรรเทาความเสียวที่แล่นพล่านไปทั่ว“อ๊ะ!”ร่างบางสะดุ้งตามแรงกัด ความเสียวซ่านทวีคูณ มือน้อยเร่งจังหวะเร็วขึ้นจนชายหนุ่มต้องพ่นลมหายใจทางปาก“ที่รัก...ผมจะไม่ไหวแล้ว คุณช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ อูซวซซซ์ แบบนั้น...อ่าส์”เขาครางแทบไม่เป็นภาษา เส้นเลือดรอบท่อนเอ็นบวมปูนจนแทบจะปริ“พร้อมนะที่รัก”ตอนนี้ธีรกฤษเสียวจนเกินจะต้านท่อนเอ็นร้อนมันอยากมุดเข้าไปหาร่องแห่งความสุขจนทนต่อไปไม่ไหว นลินนาไม่ตอบ แต่เธอแอ่นสะโพกขึ้นรอความสุขที่เขากำลังจะมอบให้ชายหนุ่มสอดแทรกท่อนเอ็นเข้าเพียงแค่ส่วนหัวก็ต้องสูดปากระบายความเสียว“ลินจ๋า ไม่เกร็งนะครับคนเก่งของพี่”“อ๊ะ!...”นลินนารู้สึกถึงความแข็งร้อนที่พยายามสอดเข้าร่องสาว ความใหญ่โตของเขาบวกกับการขมิบของเธอที่ทำวันละหลายร้อยรอบ ส่งผลให้ทุกอย่างแทบจะคล้ายกับสาวบริสุทธิ์“อื้ม.....ไมมันคับกว่าเดิมที่รัก พี่จะพยายามให้ลินเจ็บน้อยที่สุดนะ”เขาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ความคับแน่นของเธอนับวันจะยิ่งมากขึ้นแทบจะแตกใส่เธอทันทีเพียงแค่ได้เข้าไปแค่ส่วนปลายหยัก
เครื่องบินแตะรันเวย์ที่นาริตะในเวลาเช้าธีรกฤษก็จับมือหญิงสาวมารอกระเป๋าจากนั้นเขาก็ใช้บริการรถเช้าเพื่อพาหญิงสาวมุ่งหน้าสู่คาวากุจิโกะเมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามที่สุด ทั้งสองเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่นลินนากับเขาช่วยกันเลือก“สวยกว่าที่คิดไว้นะคะพี่ธีร์” นลินนามองออกไปนอกหน้าต่างที่เห็นภูเขาไฟฟูจิอย่างชัดเจน ยอดเขามีหิมะปกคลุมตัดกับท้องฟ้าสีครามดูแล้วสวยงามราวกับภาพวาด“ชอบไหม” เขากอดเธอจากด้านหลังเกยคางไว้บนไหล่มน“ชอบที่สุดเลยค่ะพี่ธีร์วิวมันสวยมาก”“ลินจะนอนพักก่อนหรือจะไปเที่ยวดีล่ะ”“มาไกลถึงที่นี่แล้วจะเอาแต่นอนได้ยังไงคะ”ทั้งสองพักที่โรงแรมนี้หนึ่งคืนจากนั้นก็ไปเที่ยวต่อที่เมืองหลวงทั้งคู่ก็พากันไปที่ห้าแยกชิบูย่า หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของโตเกียว นลินนาตื่นตาตื่นใจมากกับทุกสถานที่ที่คนรักพาเธอไป ชายหนุ่มพาเธอไปเดินเล่นที่ฮาราจูกุแหล่งรวมแฟชั่น หญิงสาวเพลิดเพลินกับการเดินชมร้านค้าที่หลากลายมีทั้งเสื้อผ้าสีสันสดใสและของกระจุกกระจิกน่ารักๆนอกจากเดินเที่ยวแล้วเขายังพาเธอไปซื้อสินค้าแบรนด์เนมอีกหลายอย่างทั้งที่เธอพยายามจะปฏิเสธแต่ชายหนุ่มก็ไม่เ
หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็วความรักของนลินนาและธีรกฤษ เติบโตและพัฒนาไปอีกขั้น จากคู่รักที่ต้องผ่านบททดสอบและอุปสรรคมากมาย บัดนี้สถานะของทั้งสองได้ขยับจากแฟนมาเป็น คู่หมั้นอย่างเป็นทางการ เสียงหัวเราะและรอยยิ้มได้กลับมาเติมเต็มชีวิตของพวกเขา กำหนดวันแต่งงานถูกวางไว้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า ซึ่งเป็นเวลาที่ทั้งคู่ตั้งใจจะเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตคู่ที่สมบูรณ์แบบหลังจากพิธีหมั้นผ่านพ้นไปนลินนาก็ตัดสินใจย้ายมาทำงานที่บริษัทของธีรกฤษตามที่เขาเคยเอ่ยปากชวนไว้ แม้ธีรกฤษจะอยากให้เธอมาทำงานในตำแหน่งเลขาของเขาเพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดกันตลอดเวลา แต่เธอก็ยังคงยืนกรานที่จะทำงานในแผนกจัดซื้ออย่างที่เธอถนัดและคุ้นเคย“พี่ธีร์คะ ลินเข้าใจว่าพี่อยากให้ลินมาเป็นเลขา แต่ลินมีความสุขกับการทำงานในแผนกจัดซื้อมากกว่าค่ะ ลินถนัดงานด้านนั้นจริงๆ” เธอจ้องมองเขาด้วยแววตาออดอ้อนธีรกฤษถอนหายใจเล็กน้อย เขาอยากให้เธอมาอยู่ใกล้ๆ เขาจริงๆ แต่ก็ต้องยอมรับในเหตุผลของเธอ“ให้ลินทำงานที่แผนกจัดซื้อนั่นแหละดีแล้วธีร์ อย่างน้อยลินก็จะได้ช่วยดูแลแผนกจัดซื้อเพราะแผนกนี้เป็นแผนกที่สำคัญมาก จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์เหมือนบริษัทของชัยวัฒน์อีก”
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปหลังจากเหตุการณ์เลวร้ายที่บ่อนของเสี่ยอำนาจสภาพจิตใจของนลินนาดีขึ้นมาก ส่วนบาดแผลบนใบหน้าของธีรกฤษก็เริ่มจางลง แต่เพราะเหตุการณ์นั้นก็ทำให้ทั้งเขาและเธอมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นธีรกฤษดูแลเอาใจใส่นลินนาอย่างดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้เขากลายเป็นเงาตามตัวของเธอ คอยรับส่งและอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง ทำให้หัวใจของนลินนาเต็มไปด้วยความอบอุ่นวันเสาร์ธีรกฤษก็มาหานลินนาที่บ้านในเวลาบ่ายเพราะวันนี้ชายหนุ่มมีเรื่องสำคัญจะทำ“ป้าสุรีย์ไม่อยู่เหรอลิน”“ป้าออกไปกับเพื่อนค่ะ พี่ธีร์มีอะไรกับป้าหรือเปล่าคะ”“เปล่าหรอกครับ พี่ก็แค่จขอนุญาตพาลินออกไปข้างนอก”“เราจะไปไหนกันคะกลับดึกหรือเปล่า”“พี่จะพาลินไปทานข้าวที่บ้านแม่ของพี่น่ะ คงกลับไม่ดึกลินโทรบอกป้าก่อนนะท่านจะได้ไม่เป็นห่วง”“พี่จะพาลินไปไหนนะคะ” หญิงสาวถามย้ำเพราะไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงครอบครัวมาก่อนเลยและเธอก็ไม่เคยถาม“ไปบ้านแม่พี่ครับ ลินโทรบอกป้าก่อนนะแล้วพี่จะเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังทีหลัง” เขานัดบิดามารดาไว้แล้วว่าวันนี้จะพาคนรักไปกราบท่าน ที่ผ่านมาเขาไม่ได้เล่าเรื่องครอบครัวให้นลินนาฟังเพราะอยากจะมั่นใจก่อนว่าเขาพร
บรรยากาศภายในบ่อนเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครม ผู้คนมากมายกำลังมั่วสุมอยู่กับการพนัน ธีรกฤษไม่สนใจสายตาของใคร เขากวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อมองหาเจ้าของบ่อนไม่นานนักเขาก็เห็นชายร่างท้วมคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา เขากำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ธีรกฤษเดินไปด้วยความมั่นใจว่านั่นคือเสี่ยอำนาจที่นัทธมนพูดถึง“มึงเอาแฟนกูไปไว้ที่ไหนวะ” ธีรกฤษตะคอกเสียงดังลั่นจนผู้คนรอบข้างหันมามองแต่เขาก็ไม่สนใจเพราะมีเพียงนลินนาเท่านั้นที่สำคัญสำหรับเขา“มึงพูดอะไรวะ” เสี่ยร่างท้วมถามอย่างหงุดหงิดเพราะเสียงที่ดังของธีรกฤษทำให้นักพนันหันมามองด้วยความสนใจ“กูถามมึงอีกครั้งว่าแฟนกูอยู่ไหน” เขาตะโกนถามอย่างไม่เกรงกลัวแม้ว่าตอนนี้คนของเสี่ยอำนาจเข้ามายืนล้อมเขาไว้“แฟนมึงคือใครวะ” เสี่ยอำนาจถามอย่างไม่สบอารมณ์“ก็ผู้หญิงที่ไอ้มนตรีมันให้คนไปเอามาส่งให้มึงไงล่ะ เธอชื่อลินเป็นและเธอเป็นแฟนกู”“กูไม่แน่ใจหรอกนะว่าผู้หญิงที่นอนรอกูอยู่ในห้องชื่ออะไร ถ้าเธอตื่นกูจะถามให้ก็แล้วกันนะ แต่ตอนนี้มึงต้องกลับไปก่อน” เสี่ยอำนาจเริ่มเบื่อที่จะคุย“กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้ากูไม่ได้ลินกลับไปพร้อมกู” ธีรกฤษตะคอกกลับ เขาแทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเอ