นลินนานอนพลิกตัวไปมาบนเตียงนุ่ม คืนนี้เป็นอีกคืนที่เธอข่มตาหลับไม่ลง ไม่ใช่เพราะความกังวลเหมือนเมื่อครั้งที่นอนผิดที่ผิดทาง แต่เป็นเพราะความตื่นเต้นกับบทบาทใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้
แม้ที่ผ่านมาจะเรียนอย่างหนักและใช้เวลาฝึกงานอยู่หลายเดือน แต่มันก็ให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างมาก การเป็นนักศึกษาฝึกงานกับการทำงานโดยไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของครูพี่เลี้ยงนั้นมันต่างกันอย่างลิบลับ หญิงสาวพยายามทำสมาธิให้ตัวเองสงบลงแต่นั้นก็เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเวลาตีห้านลินนาดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนทันทีด้วยความตื่นเต้นกับการไปเริ่มงานวันแรก เธอเดินออกมาจากห้องนอน ตรงไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าซึ่งปกติแล้วคนที่เตรียมอาหารจะเป็นป้าสุรีย์เสียมากกว่า แต่วันนี้นลินนาอยากจะแบ่งเบาภาระและแสดงความพร้อมสำหรับการเป็นผู้ใหญ่
เมื่อป้าของเธอตื่นนอนมาในอีกชั่วโมงต่อมา ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นอาหารทุกอย่างพร้อมอยู่บนโต๊ะแล้ว ทั้งข้าวสวยร้อนๆ และกับข้าวอีกหลายอย่างที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยลิน ทำไมอาหารเสร็จเร็วแบบนี้ล่ะ” ป้าสุรีย์ถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“ก็ลินตื่นเต้นดีค่ะป้าสุ ก็เลยตื่นมาทำกับข้าวตั้งแต่เช้า” นลินนาตอบพลางยิ้มกว้าง แม้ใบหน้าจะดูอิดโรยเล็กน้อยจากการนอนไม่พอแต่ก็เต็มใจที่จะทำอาหารเช้านี้
“แล้วเมื่อคืนนอนหลับหรือเปล่า ป้าว่าเช้านี้หนูดูไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่” ป้าสุรีย์เดินเข้ามาใกล้แล้วลูบผมหลานสาวเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย
“ลินหลับไปได้ไม่นานค่ะป้า มันกังวลมากเลยค่ะ วันนี้เป็นวันแรกด้วย ลินไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมงานจะเป็นยังไงบ้าง จะเจอปัญหาอะไรที่ไม่เคยเรียนมาหรือเปล่า” นลินนาพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคู่สวยฉายแววไม่มั่นใจ
“ไม่ต้องกลัวนะลิน การไปทำงานแรกๆ จะมีรุ่นพี่คอยให้คำแนะนำอยู่แล้วแหละหนู ไม่ต้องกังวลไปเลย” ป้าสุรีย์ปลอบโยนอย่างอ่อนโยน พลางจับมือหลานสาวเบาๆ
“ป้าคะ ถ้าเกิดรุ่นพี่เขาไม่ช่วยให้คำแนะนำลินจะทำยังไง” เธอเงยหน้าขึ้นมองป้าสุรีย์แล้วด้วยความไม่แน่ใจ
“คนในแผนกเดียวกันยังไงก็ต้องได้ให้คำแนะนำจ้ะ เพราะยิ่งลินทำงานเป็นเร็วเท่าไหร่ เพื่อนร่วมงานก็จะเหนื่อยน้อยลง ลินอย่ากังวลเลยนะ ป้าว่าตอนนี้หนูไปอาบน้ำให้สดชื่นแล้วแต่งหน้าแต่งตาสักหน่อยนะ แล้วค่อยออกมากินข้าวดีไหม” ป้าสุรีย์พูดพร้อมรอยยิ้มอุ่นใจ พยายามคลายความกังวลให้หลานสาว
“ค่ะป้า แล้วตอนนี้ป้าสุหิวหรือยังคะ” นลินนายิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของป้า เธอถามด้วยน้ำเสียงกังวลว่าป้าจะรอนาน
“ป้ายังไม่หิวหรอกจ้ะ กะว่าจะออกไปรดน้ำต้นไม้สักหน่อย ไหนๆ ก็ไม่ต้องทำกับข้าวแล้วนี่” ป้าสุรีย์ตอบอย่างอารมณ์ดี
“ถ้างั้นลินขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะป้า”
“ได้จ้ะ อีกครึ่งชั่วโมงค่อยมากินข้าวพร้อมกันนะ” ป้าสุรีย์บอกพลางส่งยิ้มให้
“ค่ะ” นลินนาตอบรับเสียงใส ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเองด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายมากขึ้น
หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน ใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแบบอ่อนๆ ริมฝีปากบางทาลิปสติกสีชมพูนู้ด ปัดมาสคาร่าเล็กน้อยเสริมให้ดวงตากลมโตดูน่าค้นหายิ่งขึ้น ผมยาวถูกมัดรวบเป็นหางม้าแล้วผูกโบว์สีขาวเสริมให้ดูดียิ่งขึ้น
เธอเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวไว้ด้านในและสวมทับด้วยสูทพอดีตัวสีดำสนิท คู่กับกระโปรงทรงสอบสีน้ำตาลเข้ม ชุดทำงานที่ดูสุภาพแต่ก็แฝงไปด้วยความคล่องตัว นลินนาหมุนตัวอยู่หน้ากระจกหลายรอบเพื่อสำรวจความเรียบร้อย ก่อนจะเดินออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มมั่นใจ
“วันนี้หลานสาวของป้าสวยมากเลย”
“ขอบคุณค่ะป้า”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะจากเด็กน้อยจะกลายเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานแล้ว ป้าภูมิใจในตัวลินมากเลยนะ” ป้าสุรีย์เอ่ยชมด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ เธอมองหลานสาวด้วยความรักใคร่
“ถ้าลินไม่ได้ป้าสุส่งเสียให้เรียนก็คงแย่” นลินนายิ้มเขินเล็กน้อยและพูดด้วยความซาบซึ้งใจ
“อย่าพูดอย่างนั้นสิลูก เงินที่ป้าเอามาส่งเสียหนูก็เป็นเงินของพ่อแม่หนูทั้งนั้นแหละ” ป้าสุรีย์พูดพลางลูบผมหลานเบาๆ น้ำเสียงอ่อนโยน
“แต่ถ้าไม่มีป้าสุ ลินก็คงไม่มีวันนี้ ขอบคุณป้าสุมากนะคะที่คอยให้กำลังใจและช่วยลินจนเรียนจบ ลินสัญญาค่ะ ถ้าลินได้เงินเดือนเยอะๆ เมื่อไหร่ ลินจะให้ป้าลาออกจากงานแล้วมาอยู่บ้านเฉยๆ” เธอพูดอย่างหนักแน่น ดวงตาเป็นประกายด้วยความมุ่งมั่น
“ถ้าป้าลาออกแล้วป้าจะไปทำงานอะไรล่ะลูก งานที่ป้าทำมันไม่ได้หนักหนาอะไรเลย และป้าก็ทำมานานเกือบยี่สิบปีแล้วนะ”
“แต่ลินอยากให้ป้าได้พักบ้าง ป้าเหนื่อยมามากแล้วนะคะ” นลินนาพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“เอาเป็นว่าถ้าป้าทำงานไม่ไหวจริงๆ ป้าจะอยู่บ้านเฉยๆ ปลูกต้นไม้ปลูกดอกไม้ให้ลินเป็นคนหาเลี้ยงดีไหมล่ะ” ป้าสุรีย์เสนอทางออกด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความสุขที่ได้เห็นหลานเติบโต
“ลินยินดีที่จะดูแลป้าสุค่ะ แต่วันนี้ป้าสุคงต้องไปทำงานก่อนนะคะ เพราะเงินเดือนลินยังไม่ออกเลย” นลินนาพูดติดตลก
“นั่นสิป้าลืมไปเลย แล้วเดือนนี้ป้าคงต้องเพิ่มเงินเดือนให้หนูแล้วแหละ” ป้าสุรีย์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าค่าใช้จ่ายของหลานสาวจะต้องมากขึ้นกว่าตอนไปเรียน
“ไม่ต้องเพิ่มหรอกค่ะป้า เงินเก็บหนูยังพอมีอยู่” นลินนารีบปฏิเสธ
“ได้ยังไงล่ะหนู ไปทำงานต้องนั่งรถไฟฟ้าไปตั้งหลายสถานี ไหนจะต้องมีค่าอาหารกลางวันอีก”
“แค่ข้าวกลางวันคงไม่ต้องให้เพิ่มหรอกค่ะป้า” นลินนากล่าวอย่างเกรงใจ
“บริษัทกลางใจเมืองแบบนั้นราคาอาหารไม่เหมือนในมหาวิทยาลัยนะ เดี๋ยวป้าจะโอนค่าใช้จ่ายเพิ่มให้ก็แล้วกันนะ” ป้าสุรีย์พูดอย่างใจดีไม่ยอมให้หลานปฏิเสธ
“ก็ได้ค่ะป้า ลินจะใช้อย่างประหยัดนะคะ”
ป้ากับหลานนั่งทานอาหารเช้าเสร็จก็ช่วยกันล้างจาน จากนั้นนลินนาก็นั่งรถของคุณป้ามาลงที่สถานีรถไฟฟ้า เธอโบกมือลาป้าด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนจะเดินขึ้นไปบนสู่สถานีรถไฟฟ้า เธอรู้สึกตื่นเต้นและพร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ ในชีวิต
เธอใช้เวลาบนรถไฟฟ้าประมาณครึ่งชั่วโมง มองออกไปนอกหน้าต่าง ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า เมื่อมาถึงสถานีปลายทาง เธอก็เดินมุ่งหน้าไปยังบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง ทันทีที่ก้าวเข้าสู่โถงตึกกระจกขนาดใหญ่ นลินนาก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่และเป็นมืออาชีพของสถานที่แห่งนี้
เธอไปรายงานตัวที่แผนกบุคคลที่ชั้น 15 ตามที่ได้รับแจ้งไว้ พนักงานต้อนรับยิ้มแย้มและให้คำแนะนำอย่างดี หลังจากจัดการเรื่องเอกสารเรียบร้อย นลินนาก็ได้รับบัตรพนักงานและคำแนะนำให้ตรงไปยังแผนกจัดซื้อที่ชั้น 12 ทันที
หัวใจของนลินนาเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง นี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตการทำงานอย่างเป็นทางการของเธอ เธอไม่รู้ว่าอะไรกำลังรอเธออยู่บ้าง แต่เธอก็พร้อมที่จะเรียนรู้และเติบโตในเส้นทางสายอาชีพนี้อย่างเต็มที่
“ที่รักเหนื่อยไหม” เขากระซิบข้างหู ปากก็พรมจูบไปทั่วใบหน้า หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ“ถ้างั้นพี่ว่าลินน่าจะขย่มพี่บ้างดีไหม”พูดจบเขาก็พลิกร่างของเธอให้ขึ้นมานอนอยู่บนตัวเขานลินนาวางมือบนหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ สะโพกงอนงามบดขยี้แก่นกายด้วยความเสียวซ่าน“โอ่ว...แน่นอะไรอย่างนี้...ลินจ๋า...อ่าส์...อืมม...ดีจัง”ธีรกฤษมองกลีบกุหลาบที่กลืนกินท่อนเอ็นเข้าออกด้วยความซ่านสยิว แม้ว่าเธอจะตัวเล็กแต่ร่างกายของเธอก็โอบรัดเขาไว้ได้จนหมด หญิงสาววนสะโพกไปมาเป็นวงกลม ด้วยแรงปรารถนาที่ลุกโชน“โอ่วว...เสียวจังที่รัก... ลินเก่งจัง...พี่เสียวไปหมดแล้ว...อ่าส์”เขาแทบคลั่งกับทุกการเคลื่อนไหวของคู่หมั้นสาว นลินนาทำทุกอย่างตามจังหวะที่ร่างกายเรียกร้อง เมื่อเห็นใบหน้าสุขสมของคนรักเธอก็ยิ่งเร่งจังหวะอย่างไม่รู้จักเหนื่อย เนิ่นนานจนเสียงครางของชายหนุ่มดังไม่ขาดสาย“อ่า...โอ่ว...ลินจ๋า...แบบนั้นแหละ...อ่าส์...อื้มมม...อูววซ์”“อ๊ะ...อ่าส์...เสียวจัง”หญิงสาวโยกสะโพกขึ้นลงตามอารมณ์ ทุกจังหวะครอบลงมาบนท่อนเอ็นร้อนเสียวจนเธอต้องจิกเล็บลงบนแผงอกกว้าง ธีรกฤษเอื้อมมือมาบีบคลึงเต้านมเพิ่มความเสียว สองนิ้วบี้
เขาเสียวจนต้องครางออกมาอย่างไม่อาจควบคุม ปากหยักดูดกินสองเต้า ความเสียวแล่นไปทุกส่วนของกายเขาขบเม้มเต้างามเพื่อบรรเทาความเสียวที่แล่นพล่านไปทั่ว“อ๊ะ!”ร่างบางสะดุ้งตามแรงกัด ความเสียวซ่านทวีคูณ มือน้อยเร่งจังหวะเร็วขึ้นจนชายหนุ่มต้องพ่นลมหายใจทางปาก“ที่รัก...ผมจะไม่ไหวแล้ว คุณช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ อูซวซซซ์ แบบนั้น...อ่าส์”เขาครางแทบไม่เป็นภาษา เส้นเลือดรอบท่อนเอ็นบวมปูนจนแทบจะปริ“พร้อมนะที่รัก”ตอนนี้ธีรกฤษเสียวจนเกินจะต้านท่อนเอ็นร้อนมันอยากมุดเข้าไปหาร่องแห่งความสุขจนทนต่อไปไม่ไหว นลินนาไม่ตอบ แต่เธอแอ่นสะโพกขึ้นรอความสุขที่เขากำลังจะมอบให้ชายหนุ่มสอดแทรกท่อนเอ็นเข้าเพียงแค่ส่วนหัวก็ต้องสูดปากระบายความเสียว“ลินจ๋า ไม่เกร็งนะครับคนเก่งของพี่”“อ๊ะ!...”นลินนารู้สึกถึงความแข็งร้อนที่พยายามสอดเข้าร่องสาว ความใหญ่โตของเขาบวกกับการขมิบของเธอที่ทำวันละหลายร้อยรอบ ส่งผลให้ทุกอย่างแทบจะคล้ายกับสาวบริสุทธิ์“อื้ม.....ไมมันคับกว่าเดิมที่รัก พี่จะพยายามให้ลินเจ็บน้อยที่สุดนะ”เขาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ความคับแน่นของเธอนับวันจะยิ่งมากขึ้นแทบจะแตกใส่เธอทันทีเพียงแค่ได้เข้าไปแค่ส่วนปลายหยัก
เครื่องบินแตะรันเวย์ที่นาริตะในเวลาเช้าธีรกฤษก็จับมือหญิงสาวมารอกระเป๋าจากนั้นเขาก็ใช้บริการรถเช้าเพื่อพาหญิงสาวมุ่งหน้าสู่คาวากุจิโกะเมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามที่สุด ทั้งสองเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่นลินนากับเขาช่วยกันเลือก“สวยกว่าที่คิดไว้นะคะพี่ธีร์” นลินนามองออกไปนอกหน้าต่างที่เห็นภูเขาไฟฟูจิอย่างชัดเจน ยอดเขามีหิมะปกคลุมตัดกับท้องฟ้าสีครามดูแล้วสวยงามราวกับภาพวาด“ชอบไหม” เขากอดเธอจากด้านหลังเกยคางไว้บนไหล่มน“ชอบที่สุดเลยค่ะพี่ธีร์วิวมันสวยมาก”“ลินจะนอนพักก่อนหรือจะไปเที่ยวดีล่ะ”“มาไกลถึงที่นี่แล้วจะเอาแต่นอนได้ยังไงคะ”ทั้งสองพักที่โรงแรมนี้หนึ่งคืนจากนั้นก็ไปเที่ยวต่อที่เมืองหลวงทั้งคู่ก็พากันไปที่ห้าแยกชิบูย่า หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของโตเกียว นลินนาตื่นตาตื่นใจมากกับทุกสถานที่ที่คนรักพาเธอไป ชายหนุ่มพาเธอไปเดินเล่นที่ฮาราจูกุแหล่งรวมแฟชั่น หญิงสาวเพลิดเพลินกับการเดินชมร้านค้าที่หลากลายมีทั้งเสื้อผ้าสีสันสดใสและของกระจุกกระจิกน่ารักๆนอกจากเดินเที่ยวแล้วเขายังพาเธอไปซื้อสินค้าแบรนด์เนมอีกหลายอย่างทั้งที่เธอพยายามจะปฏิเสธแต่ชายหนุ่มก็ไม่เ
หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็วความรักของนลินนาและธีรกฤษ เติบโตและพัฒนาไปอีกขั้น จากคู่รักที่ต้องผ่านบททดสอบและอุปสรรคมากมาย บัดนี้สถานะของทั้งสองได้ขยับจากแฟนมาเป็น คู่หมั้นอย่างเป็นทางการ เสียงหัวเราะและรอยยิ้มได้กลับมาเติมเต็มชีวิตของพวกเขา กำหนดวันแต่งงานถูกวางไว้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า ซึ่งเป็นเวลาที่ทั้งคู่ตั้งใจจะเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตคู่ที่สมบูรณ์แบบหลังจากพิธีหมั้นผ่านพ้นไปนลินนาก็ตัดสินใจย้ายมาทำงานที่บริษัทของธีรกฤษตามที่เขาเคยเอ่ยปากชวนไว้ แม้ธีรกฤษจะอยากให้เธอมาทำงานในตำแหน่งเลขาของเขาเพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดกันตลอดเวลา แต่เธอก็ยังคงยืนกรานที่จะทำงานในแผนกจัดซื้ออย่างที่เธอถนัดและคุ้นเคย“พี่ธีร์คะ ลินเข้าใจว่าพี่อยากให้ลินมาเป็นเลขา แต่ลินมีความสุขกับการทำงานในแผนกจัดซื้อมากกว่าค่ะ ลินถนัดงานด้านนั้นจริงๆ” เธอจ้องมองเขาด้วยแววตาออดอ้อนธีรกฤษถอนหายใจเล็กน้อย เขาอยากให้เธอมาอยู่ใกล้ๆ เขาจริงๆ แต่ก็ต้องยอมรับในเหตุผลของเธอ“ให้ลินทำงานที่แผนกจัดซื้อนั่นแหละดีแล้วธีร์ อย่างน้อยลินก็จะได้ช่วยดูแลแผนกจัดซื้อเพราะแผนกนี้เป็นแผนกที่สำคัญมาก จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์เหมือนบริษัทของชัยวัฒน์อีก”
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปหลังจากเหตุการณ์เลวร้ายที่บ่อนของเสี่ยอำนาจสภาพจิตใจของนลินนาดีขึ้นมาก ส่วนบาดแผลบนใบหน้าของธีรกฤษก็เริ่มจางลง แต่เพราะเหตุการณ์นั้นก็ทำให้ทั้งเขาและเธอมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นธีรกฤษดูแลเอาใจใส่นลินนาอย่างดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้เขากลายเป็นเงาตามตัวของเธอ คอยรับส่งและอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง ทำให้หัวใจของนลินนาเต็มไปด้วยความอบอุ่นวันเสาร์ธีรกฤษก็มาหานลินนาที่บ้านในเวลาบ่ายเพราะวันนี้ชายหนุ่มมีเรื่องสำคัญจะทำ“ป้าสุรีย์ไม่อยู่เหรอลิน”“ป้าออกไปกับเพื่อนค่ะ พี่ธีร์มีอะไรกับป้าหรือเปล่าคะ”“เปล่าหรอกครับ พี่ก็แค่จขอนุญาตพาลินออกไปข้างนอก”“เราจะไปไหนกันคะกลับดึกหรือเปล่า”“พี่จะพาลินไปทานข้าวที่บ้านแม่ของพี่น่ะ คงกลับไม่ดึกลินโทรบอกป้าก่อนนะท่านจะได้ไม่เป็นห่วง”“พี่จะพาลินไปไหนนะคะ” หญิงสาวถามย้ำเพราะไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงครอบครัวมาก่อนเลยและเธอก็ไม่เคยถาม“ไปบ้านแม่พี่ครับ ลินโทรบอกป้าก่อนนะแล้วพี่จะเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังทีหลัง” เขานัดบิดามารดาไว้แล้วว่าวันนี้จะพาคนรักไปกราบท่าน ที่ผ่านมาเขาไม่ได้เล่าเรื่องครอบครัวให้นลินนาฟังเพราะอยากจะมั่นใจก่อนว่าเขาพร
บรรยากาศภายในบ่อนเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครม ผู้คนมากมายกำลังมั่วสุมอยู่กับการพนัน ธีรกฤษไม่สนใจสายตาของใคร เขากวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อมองหาเจ้าของบ่อนไม่นานนักเขาก็เห็นชายร่างท้วมคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา เขากำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ธีรกฤษเดินไปด้วยความมั่นใจว่านั่นคือเสี่ยอำนาจที่นัทธมนพูดถึง“มึงเอาแฟนกูไปไว้ที่ไหนวะ” ธีรกฤษตะคอกเสียงดังลั่นจนผู้คนรอบข้างหันมามองแต่เขาก็ไม่สนใจเพราะมีเพียงนลินนาเท่านั้นที่สำคัญสำหรับเขา“มึงพูดอะไรวะ” เสี่ยร่างท้วมถามอย่างหงุดหงิดเพราะเสียงที่ดังของธีรกฤษทำให้นักพนันหันมามองด้วยความสนใจ“กูถามมึงอีกครั้งว่าแฟนกูอยู่ไหน” เขาตะโกนถามอย่างไม่เกรงกลัวแม้ว่าตอนนี้คนของเสี่ยอำนาจเข้ามายืนล้อมเขาไว้“แฟนมึงคือใครวะ” เสี่ยอำนาจถามอย่างไม่สบอารมณ์“ก็ผู้หญิงที่ไอ้มนตรีมันให้คนไปเอามาส่งให้มึงไงล่ะ เธอชื่อลินเป็นและเธอเป็นแฟนกู”“กูไม่แน่ใจหรอกนะว่าผู้หญิงที่นอนรอกูอยู่ในห้องชื่ออะไร ถ้าเธอตื่นกูจะถามให้ก็แล้วกันนะ แต่ตอนนี้มึงต้องกลับไปก่อน” เสี่ยอำนาจเริ่มเบื่อที่จะคุย“กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้ากูไม่ได้ลินกลับไปพร้อมกู” ธีรกฤษตะคอกกลับ เขาแทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเอ