LOGINนาฬิกาดิจิทัลบนผนังบอกเวลาเกือบตีหนึ่ง ภายในเพนท์เฮาส์สุดหรูบนชั้นสูงสุดของคอนโดมิเนียมย่านดังที่มองเห็นวิวกรุงเทพฯ แบบพาโนรามา ออสตินทิ้งตัวลงบนโซฟาหนังสีดำตัวยาว เขาปลดเนกไทราคาแพงโยนทิ้งไปบนพื้นอย่างไม่ไยดี ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนออกเพื่อระบายความอึดอัดที่สุมอยู่ในอก
"น่ารำคาญ..."
ชายหนุ่มสบถออกมาเสียงต่ำ มือหนาคว้าแก้ววิสกี้ที่รินค้างไว้ขึ้นมากระดกจนหมดแก้ว ความร้อนของแอลกอฮอล์บาดลึกไปในลำคอ แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับไฟโทสะที่กรุ่นอยู่ในใจเขาตลอดทั้งบ่าย
สาเหตุของความหงุดหงิดไม่ใช่เรื่องหุ้นตก ไม่ใช่เรื่องคู่แข่งทางธุรกิจ...
แต่เป็นยัยป้าเลขาหน้าใหม่ที่ชื่อมินตราคนนั้น…
ทั้งที่เขากลั่นแกล้ง หวังจะเห็นเธอทำงานพลาด แต่กลายเป็นว่าตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมา เธอทำงานได้ดีเยี่ยมไม่มีที่ติจนน่าขนลุก เอกสารทุกชิ้นถูกจัดหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบ ตารางงานถูกจัดใหม่จนมีประสิทธิภาพสูงสุด กาแฟที่เธอชงมาให้ก็รสชาติดีจนเขาหาเรื่องติไม่ได้
ยิ่งเธอทำดี เขายิ่งหงุดหงิด!
มันเหมือนทฤษฎีของเขาถูกสั่นคลอน ปกติผู้หญิงที่เข้ามาทำงานกับเขามีแค่สองประเภท คือ 'สวยแต่โง่' หรือ 'เก่งแต่ขี้อวด' แต่ยัยป้านี่กลับเงียบกริบ เจียมตัว ก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนหุ่นยนต์ และที่สำคัญ... สายตาภายใต้แว่นหนาเตอะนั่นที่มองมาที่เขา มันว่างเปล่าจนน่าโมโห ไม่มีแววชื่นชมหลงใหลเหมือนผู้หญิงคนอื่น
"เป็นอะไรไปวะกู แค่ป้าคนหนึ่ง…"
ออสตินพยายามสลัดความคิดเรื่องเลขาป้าแว่นออกจากหัว เขาหยิบแฟ้มเอกสารปึกสุดท้ายที่เธอยื่นให้ก่อนกลับบ้านขึ้นมาเปิดดูเพื่อตรวจทานความเรียบร้อย หวังลึกๆ ว่าจะเจอจุดผิดสักจุดเพื่อเอาไปด่าวันพรุ่งนี้
แต่สิ่งที่พบมีเพียงความเรียบร้อย ลายมือบรรจงที่เขียนโน้ตแปะไว้ และการไฮไลท์ประเด็นสำคัญที่ตรงใจเขาเป๊ะๆ
ขณะที่นิ้วแกร่งกำลังพลิกหน้ากระดาษ จมูกโด่งพลันได้กลิ่นหอมจางๆ บางอย่างลอยแตะจมูก...
มันเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายแป้งเด็ก กลิ่นที่ดูสะอาด บริสุทธิ์ และไร้จริตปรุงแต่ง มันติดอยู่จางๆ บนกระดาษทุกแผ่นที่ผ่านมือผู้หญิงคนนั้นมา
"กลิ่นนี้อีกแล้ว..."
ออสตินชะงัก ลมหายใจสะดุดกึก ความทรงจำบางอย่างที่ในส่วนลึกของสมองถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างรุนแรง
ภาพเหตุการณ์เมื่อ 5 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายชัดในหัวราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน กลิ่นกายหอมละมุนของหญิงสาวปริศนาในคืนนั้น กลิ่นที่ทำให้สติของเขากระเจิดกระเจิงและคลุ้มคลั่งยิ่งกว่ายาปลุกกำหนัด
"บ้าชิบ! ทำไมต้องมานึกถึงตอนนี้ด้วย"
ออสตินโยนแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะอย่างแรง
แต่ร่างกายของเขากลับไม่ฟังคำสั่ง หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้น เลือดลมในกายเริ่มสูบฉีดพล่านไปทั่วร่าง เพียงแค่กลิ่นจางๆ กลับมีอิทธิพลต่อเขามากมายขนาดนี้ ชายหนุ่มขบกรามแน่น เดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำหวังจะดับความฟุ้งซ่าน
สายน้ำที่ผ่านร่างของเขา แทบไม่ได้ช่วยลบเลือนความทรงจำ5ปีนั้นเลย
หลังจากอาบน้ำ ออสตินทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างขนาดคิงไซส์ พยายามข่มตาหลับ
ในที่สุด ความเหนื่อยล้าก็ดึงออสตินเข้าสู่ห้วงนิทรา... แต่เป็นนิทราที่ร้อนรุ่มดั่งไฟ
ในความฝัน... เขากลับไปอยู่ที่ห้องนั้นอีกครั้ง ห้องวีไอพีที่มืดสลัว ห้องมืดๆนั้นมีเพียงแสงไฟจากด้านนอกสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ร่างบางของหญิงสาวคนเดิมบนเตียงหลังเดิม แต่วันนี้มาในท่วงท่าคลานสี่ขา กระดกก้นขึ้นจนสูง แถมยังส่ายหมุนวนล่อตาอย่างยั่วยวน
"คุณคะ… ชะ ช่วยช่วยฉันด้วย"
ใบหน้าหวานเหลียวมามองทางเขา ดวงตาคู่สวยฉ่ำน้ำจ้องมองเขาอย่างอ้อนวอน ริมฝีปากอิ่มสีชมพูอ่อนเผยอเล็กน้อย ในฝันแม้หน้ากากขนนกที่เคยปิดบังใบหน้าเธอหายไปแล้ว แต่ใบหน้างามกลับยังคงพร่ามัว ถูกหมอกบางๆ ปกคลุมไว้
ออสตินเอื้อมมือไปบีบขยำก้นอวบอิ่ม ถลกชายกระโปรงตลบขึ้นมาไว้บนบั้นเอว
"อย่าหนีฉันไปอีก..."
นิ้วแกร่งกรีดไปบนบิกี่นี่ตัวจิ๋วที่ชุ่มไปด้วยน้ำหวาน
"อ๊า… ซิ้ดดด…" เธอครวญคราง “ถอดมันออกสิคะ…”
เขาไม่รอช้า เขากระชากบิกินี่ออกจนมันขาดวิ่นเห็นก้นขาวผ่อง
มือใหญ่ตบตูดกลมกลึงดังเพี๊ยะ! จนเนื้อเด้งสั่น ออสตินไม่รอช้า จับ8;k,ยาวใหญ่ที่แข็ง-noจ่อตรงรอยแยกเปียกชุ่ม แล้วกระแทกมิดลำในทีเดียว
“อือ… เสียว อ้ายยย…” เสียงหวานหวีดร้องลั่น ความใหญ่โตนั้นกลับทำให้เสียวจนถึงแก่น
เขาครางกระเส่า แล้วเริ่มกระแทกสะโพกแรงๆ เสียงเนื้อกระทืบกันดังตั้บๆ ตั้บๆ ตั้บๆ! เร็วและหนักหน่วงจนเตียงสั่นสะเทือน
“อ๊าาาา! เสียว ซิ้ดดดด…” มือขาวจิกผ้าปูที่นอนแน่น ร่างบางสั่นระริกทุกครั้งที่ความใหญ่กระแทกโดนจุดเสียวลึกสุด เขาโน้มตัวลง ก้มหน้าดูดงับต้นคอขาว ฟันกัดเบาๆ ทิ้งรอยแดงไว้เต็ม
“ชอบมั้ย... แบบนี้” เขาถามเสียงแหบ มือข้างหนึ่งล้วงลงไปบดบี้แรงๆ ในร่องชุ่มชื้นด้านหน้า สลับกับการกระแทกสะโพกไม่หยุด
“ชอบค่ะ…” เธอร้องครวญครางไม่เป็นภาษา สะโพกเด้งสวนกลับรับทุกการกระแทก ทุกครั้งที่เขาถอนออกมาแล้วกระแทกกลับเข้าไป ออสตินมือตบตูดกลมกลึงดังเพี๊ยะ! เพี๊ยะ! สลับซ้ายขวาจนแดงก่ำ
นมใหญ่ของมินตราแกว่งกระเพื่อมรุนแรง เขาจับบีบเคล้นแรงๆ หัวนีบหัวนมจนเธอแอ่นอกกรีดร้อง ภายในโพรงสวาทเธอขมิบรัวๆ ตอดรัดตัวตนของออสติน
จณะที่เขาคิดว่าเขากำลังจะปลดปล่อย…
"เฮือก!"
ออสตินสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เหงื่อเม็ดโตผุดพราย ลมหายใจหอบกระเส่าราวกับเพิ่งไปวิ่งมาราธอนมา แต่สิ่งที่รุนแรงกว่าเสียงหอบหายใจ คือความปวดร้าวที่กลางลำตัว
ความเป็นชายของเขาตื่นตัวเต็มที่ แข็งขึงและปวดหนึบจนแทบทนไม่ไหว ความต้องการที่คั่งค้างมาจากความฝันเรียกร้องการปลดปล่อยอย่างเร่งด่วน
ชายหนุ่มสบถคำหยาบคายออกมาหลายคำ
"เวรเอ๊ย!"
ออสตินทิ้งตัวลงนอนหงายกับเตียงอีกครั้ง มือหนาเลื่อนลงไปปลดกางเกงนอนออก รูดรั้งแก่นกายที่ร้อนผ่าวของตัวเองด้วยความรวดเร็วและหนักหน่วง
เขาหลับตาลง จินตนาการว่ามือที่กำลังสัมผัสอยู่นี้ไม่ใช่ของเขา แต่เป็นความคับแน่นนุ่มนิ่มของช่องทางรักที่เขาไม่เคยลืมมาตลอด 5 ปี
“ซิ้ดดด”
ในหัวของเขาจินตนาการถึงร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวคนนั้น ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่ใต้ร่างเขา ขาเรียวเกี่ยวรัดเอวสอบของเขาไว้ ออสตินขยับมือรัวเร็วขึ้นตามจังหวะอารมณ์ที่พุ่งทะยาน จินตนาการว่าเขากำลังกระแทกกระทั้นตัวตนเข้าไปในร่างเธออย่างดิบเถื่อน ไร้ความปรานี
ความโกรธแค้นที่เธอทิ้งเขาไปผสมปนเปกับความใคร่ กลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่รุนแรง เขาขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน เสียงคำรามต่ำในลำคอดังลอดไรฟัน
"เธอมันใจร้าย..."
มือแกร่งรูดรั้งเน้นย้ำที่ส่วนปลาย
ยิ่งเจ็บ มันยิ่งเสียวซ่าน
ยิ่งคิดถึงสัมผัสของเธอ
ก็ยิ่งอยากจะจับตัวมาลงโทษให้สาสม จินตนาการว่าเขากำลังจับข้อมือเธอตรึงไว้กับหัวเตียง บังคับให้เธอรับแรงกระแทกจากเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะร้องขอชีวิต
จังหวะหายใจของเขาเริ่มขาดห้วง ร่างกายเกร็งเขม็งไปทุกสัดส่วน ความสุขสมแล่นพล่านไปทั่วร่าง
"อ่า... ซี้ดดด..."
ในวินาทีสุดท้าย ออสตินเร่งจังหวะมือจนถึงขีดสุด จินตนาการว่าเขาได้ปลดปล่อยทุกหยาดหยดเข้าไปในกายเธอ ตีตราความเป็นเจ้าของ ร่างสูงกระตุกเกร็งอย่างรุนแรง ปลดปล่อยธารอารมณ์สีขุ่นออกมาเลอะเต็มหน้าท้องแกร่งและฝ่ามือ
ความเงียบสงบกลับมาครอบคลุมห้องกว้างอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของชายหนุ่มที่นอนแผ่หลากับเตียง อกแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความเหนื่อย
ความรู้สึกว่างเปล่าถาโถมเข้ามาแทนที่ความสุขสมเมื่อครู่ทันทีที่เขาลืมตาตื่นสู่โลกความจริง
ไม่มีเธอ... ไม่มีใคร... มีแต่ความว่างเปล่า
เขาเกลียดความรู้สึกนี้ เกลียดที่ตัวเองต้องมานั่งช่วยตัวเองโดยมีแค่จินตนาการถึงผู้หญิงที่ทิ้งเขาไป 5 ปี เขาก็ยังหาตัวเธอไม่เจอ
ที่สำคัญร่างกายของเขาไม่ยอมตอบสนองกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย
ชายหนุ่มลุกขึ้นไปจัดการทำความสะอาดตัวเองในห้องน้ำ สายตาคมกริบมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก แววตาที่เคยสับสนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความดุดัน
"เธอหนีฉันมานานเกินไปแล้ว..." ออสตินพึมพำเสียงเย็นเยียบ "ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน หรือกำลังทำอะไรอยู่ แต่..."
"คนอย่างออสติน เอ็มไพร์ อยากได้อะไรก็ต้องได้... และฉันต้องการเธอ ฉันจะลากตัวเธอกลับมาชดใช้สิ่งที่ทำไว้กับฉันให้ได้... แม่ตัวดี!"
ดวงตาของพยัคฆ์หนุ่มวาวโรจน์ท่ามกลางความมืดมิด ค่ำคืนนี้ไฟราคะอาจจะมอดลงแล้ว แต่ไฟแห่งการตามล่าเพิ่งจะถูกเติมเชื้อฟืนให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
เขาจะตามล่าเงาอดีตให้เจอ และจัดการกับเธอเหมือนเมื่อ5ปีก่อน...
นาฬิกาดิจิทัลบนผนังบอกเวลาเกือบตีหนึ่ง ภายในเพนท์เฮาส์สุดหรูบนชั้นสูงสุดของคอนโดมิเนียมย่านดังที่มองเห็นวิวกรุงเทพฯ แบบพาโนรามา ออสตินทิ้งตัวลงบนโซฟาหนังสีดำตัวยาว เขาปลดเนกไทราคาแพงโยนทิ้งไปบนพื้นอย่างไม่ไยดี ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนออกเพื่อระบายความอึดอัดที่สุมอยู่ในอก"น่ารำคาญ..."ชายหนุ่มสบถออกมาเสียงต่ำ มือหนาคว้าแก้ววิสกี้ที่รินค้างไว้ขึ้นมากระดกจนหมดแก้ว ความร้อนของแอลกอฮอล์บาดลึกไปในลำคอ แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับไฟโทสะที่กรุ่นอยู่ในใจเขาตลอดทั้งบ่ายสาเหตุของความหงุดหงิดไม่ใช่เรื่องหุ้นตก ไม่ใช่เรื่องคู่แข่งทางธุรกิจ... แต่เป็นยัยป้าเลขาหน้าใหม่ที่ชื่อมินตราคนนั้น…ทั้งที่เขากลั่นแกล้ง หวังจะเห็นเธอทำงานพลาด แต่กลายเป็นว่าตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมา เธอทำงานได้ดีเยี่ยมไม่มีที่ติจนน่าขนลุก เอกสารทุกชิ้นถูกจัดหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบ ตารางงานถูกจัดใหม่จนมีประสิทธิภาพสูงสุด กาแฟที่เธอชงมาให้ก็รสชาติดีจนเขาหาเรื่องติไม่ได้ยิ่งเธอทำดี เขายิ่งหงุดหงิด!มันเหมือนทฤษฎีของเขาถูกสั่นคลอน ปกติผู้หญิงที่เข้ามาทำงานกับเขามีแค่สองประเภท คือ 'สวยแต่โง่' หรือ 'เก่งแต่ขี้อวด' แต่ยัยป้านี่กลั
อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ใจกลางย่านธุรกิจ บรรยากาศภายในชั้นผู้บริหารสูงสุดที่ปกติจะเงียบสงบและเต็มไปด้วยความหรูหรา วันนี้กลับคุกรุ่นไปด้วยรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากห้องทำงานใหญ่ที่ปลายสุดทางเดิน"ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้! ฉันบอกว่าอย่าอ่อย ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง!"เพล้ง!เสียงตวาดลั่นดุจฟ้าผ่าตามมาด้วยเสียงแก้วแตกกระจาย ดังทะลุประตูไม้สักบานหนาออกมา ทำเอาบรรดาผู้สมัครงานสาวสวยห้าคนที่นั่งรออยู่หน้าห้องถึงกับสะดุ้งโหยง ตัวสั่นงันงกราวกับลูกนกตกน้ำวินาทีต่อมา ประตูห้องท่านประธานก็ถูกกระชากเปิดออก ร่างระหงของเลขาคนสวยในชุดเดรสรัดรูปวิ่งร้องไห้โฮออกมาด้วยสภาพน้ำตานองหน้า เครื่องสำอางราคาแพงไหลเยิ้มเปรอะเปื้อนใบหน้า"ฮือๆๆ... โรคจิต ใครจะไปทนทำงานด้วยได้วะ" เธอตะโกนก้องก่อนจะวิ่งหนีหายเข้าไปในลิฟต์ ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมฉุนกึกและความหวาดผวาให้แก่ผู้ที่ยังเหลืออยู่"คนต่อไป! เข้ามา!"เสียงทุ้มต่ำดังลอดออกมาจากห้องนั้น มันไม่ใช่คำเชิญชวน แต่เหมือนเรียกไปรับโทษ ผู้สมัครสาวสวยคนแรกที่นั่งอยู่ใกล้ประตูที่สุดหน้าซีดเผือด เธอลุกขึ้นยืนขาสั่นพับๆ หันมามองเพื่อนร่วมชะตากรรมแล้วส่ายหน้า"มะ... ไม
"แม่จ๋า..."เสียงเล็กๆ ที่เจือความน่าเอ็นดูดังขึ้นทำลายความเงียบของเช้าวันใหม่ในบ้านเช่าหลังเล็กชานเมืองมินตราที่กำลังนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเก่าสะดุ้งตื่น ร่างบางรีบดีดตัวลุกจากฟูกนอนที่ปูอยู่กับพื้นห้องโล่งๆ"สายป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย" มินตราพึมพำกับตัวเอง พลางรีบกุลีกุจอวิ่งไปดูที่มุมครัวเล็กๆภาพที่เห็นคือ ออโต้ลูกชายคนโตวัย 4 ขวบ ยืนเขย่งปลายเท้า เกาะขอบเคาน์เตอร์ครัว จ้องมองหม้อหุงข้าวเก่าคร่ำครึด้วยสายตานิ่งๆ คิ้วน้อยๆ ขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังสงสัยว่าทำไมแสงไฟสีแดงถึงไม่ทำงาน ส่วนมือป้อมๆ ก็พยายามกดสวิตช์ย้ำๆ"แม่จ๋า กดแล้วมันเด้งขึ้นมาตลอดเลย" เด็กชายฟ้องเสียงอ่อย หันมามองแม่ด้วยแววตาที่ถอดแบบมาจาก ผู้ชายคนนั้น ราวกับแกะ ทั้งดวงตาคมกริบที่ดูนิ่งเกินวัยและโครงหน้าที่ฉายแววหล่อแต่เด็ก แต่ในเวลานี้มันเต็มไปด้วยความผิดหวังแบบเด็กๆ ที่หิวข้าว"โธ่ลูก... หม้อใบนี้มันเกเรอีกแล้วเหรอครับ" มินตราถอนหายใจเฮือกใหญ่ รีบเข้าไปดู ก็พบว่าหม้อหุงข้าวคู่ยากนิ่งสนิทไปแล้วจริงๆ "สงสัยคราวนี้จะพังจริงๆ แล้วล่ะลูก เอายังไงดีล่ะเนี่ย""ฮืออออ... แม่จ๋า อะตอมหิววววว ท้องร้องจ๊อกๆ แล้ววว"เสียงร้องงอ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านเนื้อหนา เข้ามากระทบเปลือกตาที่ปิดสนิทของหญิงสาวที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงกว้าง ความรู้สึกแรกที่มินตราสัมผัสได้ไม่ใช่ความสดชื่นของการตื่นนอน แต่เป็นความปวดร้าวที่แล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย ราวกับร่างกายของเธอเพิ่งผ่านสงครามอันหนักหน่วงมาหมาดๆ "อือ..."เสียงครางแผ่วเบาเล็ดลอดออกจากริมฝีปากที่บวมเจ่อ มินตราพยายามขยับตัว แต่ก็พบว่ามีบางสิ่งพาดทับอยู่ช่วงเอว ความอึดอัดนั้นทำให้เธอต้องฝืนลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบากภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาที่ยังพร่ามัวคือท่อนแขนกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ผิวสีแทนเข้มตัดกับความขาวสะอาดของผ้าปูที่นอน ไล่สายตาขึ้นไป เธอพบแผ่นอกกว้างที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจสม่ำเสมอ และเมื่อเงยหน้าขึ้นอีกนิด ลมหายใจของเธอก็สะดุดกึกใบหน้าคมเข้มของชายแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังหลับสนิทอยู่ห่างจากเธอเพียงคืบ จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้มพาดเฉียง และริมฝีปากหยักลึกที่ดูดุดันแม้ในยามหลับใหลสมองที่เคยว่างเปล่าของมินตราเริ่มประมวลผล ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนวานเริ่มไหลย้อนกลับมา. งานเลี้ยงหน้ากากที่บริษัทส่งเธอมา"ไม่จริง..."เสียงหวานกระซิบกับตัวเองด้วยค
บทที่ 1: คืนแห่งกลลวง เสียงดนตรีแจ๊สแว่วหวานผสานกับเสียงพูดคุยจอแจของผู้คนในชุดราตรีหรูหราดังก้องไปทั่วห้องบอลรูมขนาดใหญ่ของโรงแรมระดับหกดาว ใจกลางมหานครที่เต็มไปด้วยแสงสี งานเลี้ยงหน้ากากการกุศลประจำปีของตระกูลดังช่างดูงดงามราวกับภาพฝันสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับ มินตราหญิงสาวในชุดเดรสยาวสีน้ำเงินเข้มที่ขับผิวขาวผ่องให้ดูโดดเด่น สถานที่แห่งนี้คือความอึดอัดที่เธออยากจะหนีออกไปให้เร็วที่สุดใบหน้าสวยหวานถูกซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากขนนกสีขาวเหลือบเงิน เผยให้เห็นเพียงริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อและดวงตากลมโตที่ฉายแววกังวล เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาคู่ครองหรือโอ้อวดความร่ำรวยเหมือนคุณหนูไฮโซคนอื่น แต่เธอมาในฐานะ ตัวแทนของเจ้านายที่บังเอิญป่วยกะทันหัน หน้าที่ของเธอเพียงแค่นำของขวัญมามอบให้เจ้าภาพและรีบกลับ แต่นั่นคือสิ่งที่เธอคิด... ก่อนที่แก้วไวน์ใบนั้นจะถูกยื่นมาตรงหน้า"ดื่มหน่อยสิครับคุณผู้หญิง เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าภาพ" บริกรหนุ่มยิ้มอย่างเป็นมิตรมินตราปฏิเสธไม่เป็น เธอจิบมันไปเพียงเล็กน้อยเพื่อรักษามารยาท แต่เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น โลกทั้งใบของเธอก็เริ่มหมุนคว้างความร้อนวูบวาบประหลาดเริ่มก







