นินนี่นั่งจ้องใบหน้าของเพื่อนสาวด้วยความแปลกใจ คืนนั้นแทนที่อัญญาจะต่อว่าเธอแต่กลับไม่ใช่ แถมยังบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด
“ใช่ๆ ใครจะเลวถึงขนาดส่งเพื่อนไปขายตัว”
นินนี่รีบแก้ตัวทันที แปลกใจกับท่าทีของอัญญา
“ไม่เป็นไรหรอกเรื่องเข้าใจผิดนะ” เธอพยายามมองโลกในแง่ดี
“นั่นกระเป๋าคอคเลคชั่นล่าสุดเอามาจากไหน” นินนี่เพิ่งสังเกตว่าเพื่อนเริ่มของแบรนด์เนม ใบหน้าดูมีความสุขกว่าแต่ก่อน ตอนนั้นคิดว่าสวยแล้วตอนนี้ดูมีความเป็นลูกคุณหนูขึ้นมาอีก
“อัญญาครับพี่ซื้อของมาฝาก” นัทหนุ่มรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง เดินเข้ามาทักทายและยื่นของให้อัญญาด้วยท่าทีเขินอาย
“ขอบคุณค่ะพี่นัท” เธอรับของมาหากบางสิ่งมีมูลค่าเธอปฏิเสธ เพราะมันไม่เหมาะกับเธอสักเท่าไรของแพงแบบนั้นสมควรที่คนอื่นจะได้รับมากกว่าเธอ
“เย็นนี่ว่างไหมครับพี่ว่าจะชวนไปดูหนัง” นัทรีบก้มหน้าเพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะเห็นว่าเขาเขินอายแค่ไหน
“อัญญาไม่ว่างเลยค่ะต้องขอโทษด้วยนะคะ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาชวนออกเดต
“อัญญาเขาไม่ว่างเพราะตอนนี้หัวใจไม่ว่างแล้วนะ ไม่เห็นเสื้อผ้าของใช้เหรอของแพงทั้งนั้น!” นินนี่เอ่ยขึ้นแต่มันไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นเลย เหมือนเป็นการบอกรุ่นพี่ว่าอัญญาเป็นเด็กเลี้ยง
“มะ ไม่เป็นไรครับพี่ขอตัวก่อน” นัทรีบเดินออกไปเมื่อเข้าใจความหมาย เขาตามจีบรุ่นน้องตั้งนานแต่ต้องกินแห้วตลอด
นินนี่ยิ่งอิจฉาทั้งที่เธอก็สวยและรวยกว่าอัญญาที่บ้านก็จน จนต้องทำงานหลังเลิกเรียนแบบนั้น เธอไม่เข้าใจพวกผู้ชายตาต่ำพวกนั้นเลยจริงๆ ว่าทำไมถึงชอบมันกันนัก
“เธอไม่โกรธฉันใช่ไหมที่พูดไปแบบนั้น”
“ไม่โกรธหรอกเรารู้ว่านินนี่ต้องการช่วยเรา”
“อืม” โง่แล้วโง่อีกไม่มีใครหน้าโง่เท่าอัญญาอีกแล้ว รอบก่อนมันไปเจอใครถึงได้ดูมีราศีขึ้นมา ตั้งใจส่งให้คนแก่รุ่นเดียวกับพ่อแท้ๆ แต่พลาด
อัญญาก็ยังคงปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เข้ามาจีบเธอและไม่คิดจะสนใจใครทั้งสิ้น เพราะเป็นข้อตกลงของเธอกับเขาซึ่งเธอไม่อยากมีปัญหา
“นั่งทำอะไรกันอยู่ครับสาวๆ” ธีธัชเดินเข้ามาทักทายแฟนสาว แต่สายตาของเขามองอัญญาเพราะอะไรเขาจึงไม่มีวาสนาได้พาคนสวยขึ้นเตียง
“พี่ธีเรียนเสร็จแล้วเหรอคะ” นินนี่รีบเข้าไปคล้องแขนแสดงความเป็นเจ้าของทันที รู้ว่าธีธัชเป็นคนเจ้าชู้มากแต่เขารวยเธอจึงทำใจยอมรับได้
“พี่จะชวนนินนี่ไปดินเนอร์พี่ของร้านอาหารสุดหรูไว้แล้ว”
“เราไปกันเลยไหมคะ”
“แล้วอัญญากลับยังไงครับ”
เขาเสียดายทั้งที่จีบตั้งนานแต่เล่นตัว จนเขาได้นินนี่แทนซึ่งหญิงสาวมีนิสัยที่ขี้อิจฉาไม่น้อย
“อัญญากลับเองได้ค่ะ”
“เดี๋ยวนี้อัญญาไม่ต้องทำงานหนักแล้วเพราะมีเสี่ยเลี้ยงพี่ธีไม่รู้อะไรแล้ว” นินนี่รีบตัดบทพูดให้เพื่อนดูต่ำลง เหยียดหยามเพื่อให้แฟนหนุ่มเลิกสนใจ
“เหรอครับ” เขาตกใจไม่น้อยที่มีคนได้ตัวอัญญาไปก่อนเขา มันเป็นใครกันที่กล้าทำแบบนั้น
“อัญญาขอตัวก่อนนะ” เธอเห็นรถของลูกน้องไลอ้อนที่จอดรอหน้าตึกจึงรีบเข้าไปในรถ พยายามปรับสีหน้าให้ดูปกติ
นินนี่และธีธัชมองรถหรูขับออกไปจากตรงนั้น ธีธีชรู้ดีว่ารถหรูยี่ห้อนี่ราคาแพงแค่ไหน ผู้ชายที่รับเลี้ยงอัญญาคงรวยไม่น้อย แต่เขาไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก
.
ไลอ้อนนั้นจะมาหาอัญญาแค่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้นหรือวันที่เขาเหนื่อยจากการทำงานแล้วอยากได้คนช่วยผ่อนคลายเขาจึงจะมาหาเธอที่ห้อง ซึ่งเป็นแบบนี้มาเกือบสามเดือนแล้ว
“วันนี้ฉันจะเข้าไปหา”
ข้อความสุดแสนเย็นชาถูกส่งเข้ามาหญิงสาวดีใจทุกครั้งที่เขามาหาเธอ จากตอนแรกที่กลัวเขาตอนนี้ความรู้สึกเริ่มเปลี่ยน เธอเริ่มเอาหัวใจลงมาเล่นทั้งๆ ที่ไลอ้อนเคยเตือนอยู่หลายครั้ง
อัญญาที่รู้ว่าไลอ้อนจะมาก็ตั้งใจทำอาหารไว้ชายหนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทั้งที่มันไม่ใช่หน้าที่ของเธอ แต่เธอก็อยากที่จะทำเพราะอยากตอบแทนชายหนุ่มที่เลี้ยงดูเธอและแม่มาเป็นอย่างดี ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ให้เธอไปหางานทำ
แต่หญิงสาวก็หางานทำจนได้เพราะวันหนึ่งหากต้องจบกันเธอจะได้มีอาชีพติดตัว ปัจจุบันการหาเงินนั้นไม่อยากหากเราลงแรงได้ถูกที่
“มาแล้วเหรอคะ ทานข้าวก่อนไหม” เธอช่วยเขาถอดสูท แต่ไม่ทันได้นำไปเก็บเขาคว้าตัวเธอมากอดไว้แน่น ก่อนจะกดปลายจมูกลงที่แก้มทั้งสองข้างของอัญญา
“อืมม ฉันหิวแล้ว” น้ำเสียงเขาดูแหบพร่าไม่น้อย เมื่อคืนที่เขาติดงานจนไม่สามารถมาหาอัญญาได้
“คุณไลอ้อนเดี๋ยวสิ ข้าวยังไม่ได้กินเลยนะ”
เสียงเธอขึ้นเอ่ยเบาๆ พลางยื่นจานกับข้าวไปตรงหน้า น้ำเสียงทั้งอ่อนโยนทั้งวิงวอน แต่แววตาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเขินปนตื่นตระหนก
แต่ไลอ้อนไม่แม้แต่จะมองจานข้าว เขายืนมองเธออยู่นานแล้ว สายตาคมคู่นั้นราวกับจะกลืนกินทุกอณูของเธอเข้าไปทั้งตัว
“ไว้กินทีหลังก็ได้” เขาตอบเสียงต่ำแววตาไม่เปลี่ยน
“ไม่ได้สิ อัญญาอุตส่าห์ทำเองเลยนะคะ”
เธอพยายามเบี่ยงสายตาหนี ยิ่งเห็นแววร้อนแรงในดวงตาเขาใจเธอก็ยิ่งเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหันไปไหน ร่างบางก็ถูกโอบรวบเข้าอ้อมแขนแกร่งอย่างรวดเร็ว และในเสี้ยววินาทีถัดมาตัวเธอก็ลอยขึ้นจากพื้นด้วยฝีมือของเขา
“คุณไลอ้อน! เดี๋ยวก่อนไหนบอกหิว อ๊ะ” เธอร้องเสียงหลงมือทั้งสองข้างรีบคว้าบ่าของเขาไว้แน่น
“หิว แต่ไม่ใช่ข้าว”
เขาพูดกระซิบข้างหูน้ำเสียงแหบพร่าทำเอาเธอขนลุกวาบตั้งแต่ต้นคอลงไปถึงปลายเท้า
เธอหน้าร้อนวูบพยายามดิ้นเบาๆ แต่ไร้ผลเพราะเขาก้าวยาวๆ มุ่งตรงไปที่ห้องนอนอย่างไม่คิดจะฟังเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น
“ของกินจะเย็นหมดแล้วนะ” เธอยังพยายามส่งเสียงประท้วง
แต่เขาเพียงหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและเจ้าเล่ห์
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราค่อยอุ่นกันใหม่...”
ประตูปิดลง พร้อมเสียงหัวใจของใครบางคนที่ยังเต้นแรงไม่หยุด
อัญญาอาบน้ำเสร็จหลังจากที่ทั้งสองผ่านบทรักอันแสนเร่าร้อนกันมา แต่คนต้นเรื่องยังคงนอนอยู่บนเตียง บนกายไม่มีอะไรปิดไว้สักชิ้น เขาจ้องมองมาที่เธออย่างหื่นกระหาย
“กินอะไร” เขาเห็นหญิงสาวแกะแผงยากิน ถ้าป่วยทำไม่บอกเขาสักคำ
“ยาคุมกำเนิดค่ะ” เขาเล่นไม่เคยป้องกันเลยเธอเองก็กลัวว่าจะพาด กฎเหล็กของเขาคือให้เธอท้อง
“อุ้ย ทำอะไรคะ”
เขาก้าวเข้ามาใกล้ ร่างสูงข่มเธอจนเธอต้องถอยหลังไปติดโต๊ะเครื่องแป้งโดยไม่รู้ตัว
“ใครสั่งให้เธอกิน” น้ำเสียงเขาเริ่มแข็ง อารมณ์ร้อนคุกรุ่นอยู่ใต้ท่าทีเยือกเย็นนั้น
“กะ ก็เราเคยตกลงกันไว้ไม่ใช่เหรอว่าห้ามท้อง” เธอพูดติดขัด พยายามสบตาเขาแต่ก็รู้สึกเหมือนถูกแรงกดดันบางอย่างสะกดเอาไว้
“ใช่! ฉันห้ามเธอท้องแต่ฉันไม่เคยบอกให้เธอกินอะไรแบบนี้” เขาคำรามเบาๆ ดึงขวดยาในมือนางเอกขึ้นมาดูแล้วขว้างมันลงพื้นทันที
อัญญาสะดุ้งมือกำชายเสื้อแน่น ไม่คิดว่าเขาจะโกรธขนาดนี้
“ก็คุณไม่เคยป้องกัน”
“คราวหลังฉันจะป้องกันเอง” เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมต้องโกรธขนาดนั้น การกินยาคุมกำเนิดไม่ดีต่อสุขภาพในระยะยาวอาจจะทำให้มีลูกยาก แล้วทำไมเขาต้องเป็นห่วงนางบำเรอของเขาด้วย
“เงินพอใช้อยู่ใช่ไหม”
“ค่ะ”
“วงเงินบัตรไม่จำกัดอยากได้อะไรก็ซื้อ” เขาหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป
ตั้งแต่เป็นนางบำเรอของเขา ไลอ้อนให้เงินใช้ไม่ขาดมือรวมถึงเงินเดือน ซึ่งทำให้เธอกับแม่นั่นสุขสบายไปอีกนาน แต่เหมือนเป็นดาบสองคมเพราะแม่ก็เล่นการพนันหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเขาเป็นคนเข้ามาจัดการปัญหานี่แทนเธอ
“คุณจะไปไหนคะ? ยังไม่ทานข้าวเลย”
“ฉันจะออกไปไนต์คลับไม่ต้องรอและไม่กลับ” เขาเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกฝ่าย
อัญญานั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นอยู่พักใหญ่ ร่างกายชาไปหมด สุดท้ายก็แค่ค่อยๆ ดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงอย่างแผ่วเบา ตักข้าวใส่จานให้ตัวเองเพียงเล็กน้อยก่อนจะเริ่มกินอย่างช้าๆ
แต่คำแรกที่กลืนลงคอ กลับขมขื่นจนแทบจะอาเจียนออกมา
เธอก้มหน้าลงไม่กล้ามองแม้แต่อาหารตรงหน้า น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาเงียบๆ ตามด้วยอีกหยด และอีกหยด กลายเป็นเสียงเบาๆ ของน้ำตาที่หยดลงบนข้าวในจานที่เธอเคยตั้งใจทำเพื่อเขา
เสียงนาฬิกายังคงเดินต่อไป
แสงไฟในห้องครัวไม่ต่างจากแสงเทียนไร้เปลวในใจเธอ
เธอยังกินต่อไม่ใช่เพราะหิว แต่เพราะเธอไม่อยากให้ความตั้งใจของตัวเองสูญเปล่า
แม้จะนั่งกินอยู่คนเดียว
แม้จะร้องไห้อยู่คนเดียว
แม้จะไม่มีใครกลับมาเห็นเลยก็ตาม
นินนี่นั่งจ้องใบหน้าของเพื่อนสาวด้วยความแปลกใจ คืนนั้นแทนที่อัญญาจะต่อว่าเธอแต่กลับไม่ใช่ แถมยังบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด“ใช่ๆ ใครจะเลวถึงขนาดส่งเพื่อนไปขายตัว”นินนี่รีบแก้ตัวทันที แปลกใจกับท่าทีของอัญญา“ไม่เป็นไรหรอกเรื่องเข้าใจผิดนะ” เธอพยายามมองโลกในแง่ดี“นั่นกระเป๋าคอคเลคชั่นล่าสุดเอามาจากไหน” นินนี่เพิ่งสังเกตว่าเพื่อนเริ่มของแบรนด์เนม ใบหน้าดูมีความสุขกว่าแต่ก่อน ตอนนั้นคิดว่าสวยแล้วตอนนี้ดูมีความเป็นลูกคุณหนูขึ้นมาอีก“อัญญาครับพี่ซื้อของมาฝาก” นัทหนุ่มรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง เดินเข้ามาทักทายและยื่นของให้อัญญาด้วยท่าทีเขินอาย“ขอบคุณค่ะพี่นัท” เธอรับของมาหากบางสิ่งมีมูลค่าเธอปฏิเสธ เพราะมันไม่เหมาะกับเธอสักเท่าไรของแพงแบบนั้นสมควรที่คนอื่นจะได้รับมากกว่าเธอ“เย็นนี่ว่างไหมครับพี่ว่าจะชวนไปดูหนัง” นัทรีบก้มหน้าเพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะเห็นว่าเขาเขินอายแค่ไหน“อัญญาไม่ว่างเลยค่ะต้องขอโทษด้วยนะคะ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาชวนออกเดต“อัญญาเขาไม่ว่างเพราะตอนนี้หัวใจไม่ว่างแล้วนะ ไม่เห็นเสื้อผ้าของใช้เหรอของแพงทั้งนั้น!” นินนี่เอ่ยขึ้นแต่มันไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นเ
แสงแดดเช้าตกกระทบผ่านผ้าม่านโปร่งในห้องสวีทสุดหรู เสียงลมหายใจที่เคยสม่ำเสมอข้างกายบัดนี้เงียบไปแล้ว ไลอ้อนลืมตาช้าๆ พลิกตัวอย่างเคยชินจะคว้าเอวบางเข้ามากอด แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าไม่มีใครอยู่บนเตียงไม่มีร่างบางที่เขาควรจะได้เห็นในอ้อมแขนไม่มีแม้แต่กลิ่นน้ำหอมจางๆ ที่เธอใช้เขาลุกขึ้นนั่งกวาดตามองไปรอบห้องอย่างไม่เชื่อสายตา เสื้อผ้าของเธอหายไปหมดแล้วราวกับไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมาอยู่ตรงนี้เมื่อคืนนี้เลยด้วยซ้ำบนโต๊ะไม่มีโน้ตไม่มีข้อความไม่มีคำลาไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ ยกเว้นความรู้สึกบางอย่างที่ยังติดค้างอยู่ในใจเขา เขากัดกรามแน่นแววตาเรียบนิ่งค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา“หนีไปเงียบๆ แบบนี้คิดว่าฉันจะไม่รู้สึกอะไรเหรอ เหมือนโดนฟันแล้วทิ้งเลย” เขาพึมพำกับตัวเองมองเงินที่วางไว้บนซึ่งมันหายไปแล้วปกติเขาจบไม่ผูกมัดไม่สานต่อ แต่กับคนนี้ทำเหมือนเขาไม่มีค่าหลายวันผ่านไปแล้วในเมื่อหญิงสาวไม่คิดเรียกร้องเขาจึงเลิกตาม ไลอ้อนปรากฏตัวที่ออฟฟิศในชุดสูทเรียบหรูเช่นเคย แต่แววตาที่เคยนิ่งขรึมกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่ปิดไม่มิด“เคนเอกสารที่ให้เตรียมล่ะ?” เสียงเขาแข็งกร้าวผิดจากปกติ“อะ...เอ่อ อ
นินนี่คิดจะเอาอัญญาไปส่งถึงห้อง VIP ที่ผู้ชายที่ได้ซื้อตัวของอัญญาไว้รออยู่ด้านใน ถ้าคนที่ไม่เคยมาผับแห่งนี้จะไม่รู้ว่าห้องพวกนั้นมีไว้ทำอะไร ทั้งยังพื้นที่ที่ค่อนข้างมีความส่วนตัวสูงและห้องนั้นก็มีเตียงอยู่ด้านในคนที่จะเข้าไปได้ต้องมีเงินมากพอสมควรเพราะห้องที่นี่คืนละหลายแสน เรียกได้ว่าถ้าไม่รวยจริงก็โง่จนต้องมาเข้าพักในห้องแบบนี้ ทั้งที่พาไปตามโรงแรมห้าดาวคืนละไม่กี่พันก็ได้ แต่นินนี่กลับเข้าใจผิดว่า ลูกน้องของคนที่มารับคือพวกของมาเฟียเถื่อนปลายแถว ที่เธอเคยเห็นเดินเข้าออกคลับเดียวกันบ่อยๆ‘แบบนี้ยิ่งดีให้มันเข้าใจผิดกันไปใหญ่เลยฉันแค่ป้อนเหยื่อ ส่วนใครจะเป็นคนกินก็ไม่ใช่เรื่องของฉันแล้ว’เธอหัวเราะเบาๆ อย่างพอใจโดยไม่รู้เลยว่าไฟที่เธอก่อขึ้น กำลังจะลามกลับมาเผาเธอเองในไม่ช้าสมชายมองหญิงสาวตรงหน้าเด็กแบบนี้ทำไมเจ้านายถึงถูกใจ ผู้หญิงมีตั้งเยอะแยะสงสารสวยสาวหน้าหวานคนนี้ แต่คนนี้ไม่ใช่สเปกเจ้านายเลย“ผมมารับคุณอัญญาครับ”“คนนี้เลยค่ะ” นินนี่รีบผลักเพื่อนที่หลบอยู่ด้านหลังให้มายืนด้านหน้าของเธอแทน“สะ สวัสดีค่ะ”“ตามผมมาครับ”อัญญาที่เดินตามเขามาถึงที่ห้องที่ด้านหน้ามีบอ
อัญญานั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง มือเรียวยังกำแน่นกับซองเงินเล็กๆ ที่เธอเพิ่งได้มาจากค่าจ้างงานพิเศษในสัปดาห์นี้ คิดอยู่ว่าจะนำไปฝากหรือนำมาใช้เสียงประตูไม้เก่าๆ ถูกผลักเข้ามาพร้อมเสียงถอนหายใจหนักของหญิงวัยกลางคน อัญญาหันไปมองแม่ของเธอที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยความเหนื่อยล้ากับดวงตาที่เริ่มแดงก่ำบอกทุกอย่างโดยไม่ต้องเอ่ยปาก“อัญญาลูกอยู่บ้านเหรอ” วิภามีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ปกติลูกสาวจะอยู่หอพักมากกว่า หรือไม่ก็ออกไปทำงาน“อืม” เสียงตอบเบาๆ ของอัญญาดังมาจากมุมห้อง เธอยังไม่เงยหน้าขึ้นจากซองเงินในมือ“แม่ เอ่อ แม่ขอยืมเงินหน่อยนะลูกสักห้าพันก็พอ” แม่เดินเข้ามาใกล้ หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ“แม่จะเอาไปทำอะไรเหรอคะ” อัญญาถามทั้งที่คำตอบเธอรู้ดีอยู่แล้ว“ก็ไปต่อลมหายใจนิดหน่อยน่ะลูกเมื่อวานเกือบได้อยู่แล้วเชียวขาดอีกนิดเดียวจริงๆ คราวนี้แม่เห็นทางเลยนะ มันต้องได้แน่ๆ”อัญญานิ่งเธอไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ พูดด้วยเสียงเรียบ“แต่หนูก็เพิ่งให้แม่ไปเมื่อสองวันก่อนเองนะคะ แม่ก็พูดแบบนี้…”“โอ๊ย อีอัญญาอย่ามาทำเป็นพูดประชดกูสิ เอ่อ แม่ก็แค่อยากให้เรามีชีวิตดีขึ้น จะได้ไม่ต