มีน้อง
สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องตัดสินใจยกเลิกการไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพื่อให้พ่อแม่สบายใจ และตามความต้องการของเทมโป มีเพียงแต่หว่าหวาที่แสดงใบหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ส่วนภิสิงห์เขาดูนิ่ง ๆ แต่สีหน้าราวกับคิดอะไรบางอย่าง
"ขอบคุณคุณอาทั้งสองนะครับ ที่ยอมให้ออร์แกนมาทำงานที่ผับของผม"เขากล่าวพร้อมกับคลี่ยิ้มด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะหันไปยกยิ้มมุมปากไปที่ภิสิงห์ด้วยสีหน้าที่ดูเยาะเย้ย
"เหอะ..."หว่าหวากลั้วหัวเราะออกมา ก่อนที่จะพูด
"...หว่าหวาสงสารแกนจังเลย"เธอเอามือสวยมาลูบที่แขนฉันเชิงปลอบ
"มีอะไรให้ช่วยก็บอก"นั่นเป็นเสียงทุ้มที่พูดกับฉันแผ่วเบา ราวกับว่าไม่อยากให้ใครบางคนได้ยิน แต่คนคนนั้นก็หันมามองด้วยสีหน้าสงสัย
หลังจากทุก ๆ คนกลับกันไปหมดแล้ว ฉันและพ่อกับแม่ต้องต่างมานั่งพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
"ยัยแกน"พ่อลอบหายใจเบา ๆ
"ไม่โกรธพ่อนะที่.."ฉันคลี่ยิ้มแล้วส่ายหน้า
"แกนไม่โกรธพ่อหรอกค่ะ"แต่คนที่ฉันโกรธก็คือเทมโป
"ต้องเข้าใจนะลูกว่าเทมโปมีบุญคุณกับครอบครัวเรา"แม่พูดพลางเอื้อมมาลูบที่หัวฉัน
"เฮ้อ...พ่อไม่เอาไหนจริง ๆ ทำให้ลูกสาวคนเดียวต้อง..."
"อย่าพูดแบบนั้นสิค่ะ..."ฉันแทรกพูดขึ้นก่อนที่พ่อจะพูดจบประโยค
"...เรื่องเรียนจะเรียนตอนไหนก็ได้ ดีซะอีกที่พอแกนเรียนจบก็มีงานทำบางคนจบมาก็หางานไม่ได้ก็มี แกนโชคดีมากกว่า"พูดจบก็ฉีกยิ้มตาหยี ให้พ่อกับแม่
เช้าวันทำงาน
ฉันลุกลงจากเตียงแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว พอจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้วก็คว้ากระเป๋าเดินลงมาจากห้อง ก็พบว่าพ่อกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่
"ทานมื้อข้าวก่อน แล้ววันนี้ไปพร้อมพ่อ"
"ค่ะ"
วันนี้ฉันได้นั่งรถของพ่อมาบริษัทพร้อมกัน ระหว่างสองพ่อลูกก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนานตามประสา พอมาถึงต่างก็แยกย้ายไปที่แผนก
พอออกจากลิฟต์ฉันก็รีบเดินออกมาไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นเทมโปนั่งไขว้ห้างอยู่ที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของฉัน สายตาคมเหลือบมาเห็นฉันที่ยืนนิ่ง เขาก็ใช้นิ้วตวัดเรียกฉันด้วยสีหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์
ฉันกำชายกระโปรงแน่นแล้วค่อย ๆ ก้าวขาเดินไป
"มะ มีอะไรเหรอเทมโป"ฉันเอ่ยถามตะกุกตะกักอย่างประหม่าเพราะจำใบหน้าหล่อที่แสดงออกว่าเขากำลังต้องการทำเรื่องอย่างว่า
"ฉันเงี่xน"คิดไม่ผิดจริง ๆ
"ตะ แต่เพิ่งจะ..."พรึ่บ! เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วใช้ลิ้นกระพุงแก้มจ้องหน้าฉัน ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก
"ตามฉันเข้ามา"ว่าจบ เทมโปก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องทำงานของเขา
สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องยอมเข้าไปปรนเปรอเรื่องอย่างว่ากับเเทมโป จนเขาสำเร็จความใคร่ถึงได้ปล่อยให้ฉันออกมาทำงาน เมื่อหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วเอนหลังพิงพนักในหัวก็นึกถึงเหตุการณ์และคำพูดก่อนหน้า
'เทมโป..ถุงยาง?'
'ไม่มี'เขาตอบกลับหน้านิ่ง
'งั้นก็..."ฉันกำลังจะขยับร่างหนีแต่ก็โดนตรึงไว้
'เธอก็ป้องกันสิ..ฉันชอบที่จะสดกับเธอซะแล้วล่ะออร์แกน'จากนั้นท่อนเอ็นก็สอดใส่เข้ามาโดยปราศจากเครื่องป้องกัน
"ทำไมเป็นแบบนี้นะ"ฉันพึมพำอย่างเอือมระอากับผู้ชายคนนี้มาก
วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งฉันฝึกงานเสร็จ ลุงเหนือประธานบริษัทเป็นคนเซ็นผ่านการฝึกงานให้ฉันด้วยตัวเอง
"ขอบคุณนะคะ"ฉันรับใบผ่านฝึกงานมาก็ยกมือไหว้ท่านอย่างนอบน้อม ในขณะที่เทมโปนั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาภายในห้องทำงานประธานเช่นกัน
"โดนเทมโปรังแกหรือเปล่า"ลุงเหนือเอ่ยถามแล้วใช้สายตามองไปที่หลานชายของตน
"หึ..."คนเป็นหลานก็ยกยิ้มแล้วแค่นหัวเราะออกมา
"...เห็นผมเป็นคนยังไงกันเนี่ย"
"ทำอะไรไว้อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะเทมโป"ลุงเหนือเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุ ๆ ใส่หลานตัวเอง
"ผมทำอะไร"คนเป็นลุงส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาหลานชายคนเล็ก แอ๊ดดดด เสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างหญิงสาววัยกลางคนที่ยังสวยสะพรั่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใส
"สวัสดีครับน้าจาร์"เทมโปลุกขึ้นแล้วยกมือขี้นไหว้ เธอยิ้มหวานแล้วผงกหัวรับก่อนจะหันมาที่ฉันขณะที่ยกมือขึ้นสวัสดีเธอเช่นกัน
"สวัสดีค่ะ"น้าจาร์ที่เทมโปเรียกเป็นภรรยาของลุงเหนือนั่นเอง แต่ฉันเพิ่งจะเคยเห็นเธอครั้งแรก
"เพื่อนเทมโปหน้าตาน่ารักจัง"น้าจาร์ยืนมาลูบที่หัวฉันอย่างอ่อนโยน
"ขอบคุณค่ะ"ฉันกล่าวพร้อมกับยิ้มหวานส่งไป จากนั้นน้าจาร์ก็หันไปที่สามี
"เรียบร้อยหรือคะพี่เหนือ"
"อืม"ลุงเหนือเอ่ยสั้น ๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ประจำตำแหน่ง
"จะไปไหนกันครับ"เทมโปเอ่ยถามขึ้น น้าจาร์หันไปที่เขาแล้วคลี่ยิ้ม
"ไปรับบีน่ากับเจ้าคุณที่สนามบิน"
"เรียนจบแล้ว?"
"อืม"ลุงเหนือตอบสั้น ๆ แล้วหันไปยิ้มให้ภรรยาที่ควงแขนแกร่งอยู่
"ฉลองวันไหน"
"เดี๋ยวจะบอกอีกที น้าไปก่อนนะ"จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องไป
ผ่านการสอบครั้งสุดท้ายฉันกับหว่าหวาออกมาจากห้องแล้วพ่นหายใจกันพรืดใหญ่ อย่างโล่งใจ
"สอบเสร็จสักทีเนาะ"
"..."ฉันคลี่ยิ้มแล้วผงกหัวรัว ๆ
"หลังจากนี้เราก็คงไม่ได้เจอกันแล้ว...หว่าหวาต้องคิดถึงแกนแน่ ๆ"ฉันชักสีหน้าเศร้าเพราะรู้ว่าหว่าหวาต้องเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และฉันก็คงจะคิดถึงเธอไม่ต่างกัน อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นมา และหน้ามืดคล้าย ๆ จะเป็นลมจนร่างเซ ดีนะที่หว่าหวาช่วยพยุงไว้
"แกน...ไปนั่งก่อน"เธอประคองฉันไปที่นั่ง แล้วเอาสมุดขึ้นพัดให้ฉัน
"หน้าแกนซีดมากเลยนะ"
"คงเป็นเพราะเครียดช่วงสอบ"ใช่ ฉันเครียดจริง ๆ
"เป็นอะไร"เสียงทุ้มดังเข้ามา ทำให้ฉันกับหว่าหวาเงยหน้าขึ้นไปมอง
"ไม่ได้เป็นอะไร"ฉันตอบกลับอย่างไม่ได้ใส่ใจ ส่วนหว่าหวาพอเห็นว่าคนถามเป็นใครก็เบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเบ้ปาก
"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว...อีกสามวันเข้าไปเริ่มงานที่ผับด้วย"พูดจบ ชายหนุ่มร่างสูงก็เดินล้วงกระเป๋าไป
"หว่าหวาหมั่นไส้เทมโปซะจริง สั่งเก่งเหลือเกิน"ฉันมองไปที่หว่าหวาแล้วหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางของเธอ
สามวันนี้ฉันได้พักผ่อนอยู่ที่บ้านก่อนที่จะเข้าไปทำงานในผับของเทมโป แต่ฉันรู้สึกว่าช่วงหลัง ๆ มานี้ รู้สึกเวียนหัวบ่อย และเบื่ออาหารมาก ไม่สบายตัวซะเลย ระหว่างที่ฉันนั่งกินผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวอยู่นั่น เสียงรถยนต์ก็ขับเข้ามา จนทำให้ฉันวางมือแล้วเดินออกไปดู
"พี่สิงห์ หว่าหวา"ฉันเอ่ยพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้ทั้งคู่
"แกน..."หว่าหวาเดินปรี่เข้ามาแล้วขมวดคิ้วจ้องที่ใบหน้าฉัน
"...ทำไมหน้าซีดแบบนี้ล่ะ"
"นั่นสิ...ไม่สบายหรือเปล่า"ภิสิงห์พูดเสริม
"ไม่สบายนิดหน่อย...เข้าบ้านกันเถอะ"กำลังจะหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้าน แต่ อยู่ ๆ ฉันก็หน้ามืดแล้วก็จอดับลงไปโดยไม่รู้ตัว
ฉันตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลโดยที่แขนมีเข็มน้ำเกลือปักอยู่ที่หลังมือ และยังมีหญิงสาวที่เป็นเพื่อนนั่งเฝ้าอยู่ข้าง ๆ เตียง
"พี่สิงห์แกนฟื้นแล้ว"เธอหันไปบอกพี่ชายที่นั่งกุมขมับที่บนโซฟา
"ออร์แกน"เขาลุกขึ้นแล้วก้าวขายาวมาที่เตียงทันที
"เป็นยังไงบ้าง"แล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แต่กลับมีสีหน้าที่ดูกังวล
"ดีขึ้นแล้วค่ะ...."ฉันตอบกลับแล้วแหงนมองไปที่ถุงน้ำเกลือที่แขวนอยู่
"...แกนเป็นอะไรเหรอคะ"
"เอ่อ..."สองพี่น้องมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
"แกนต้องดูแลสุขภาพให้ดีกว่านี้นะเพราะ...."ภิสิงห์หยุดพูดแล้วลอบหายใจเบา ๆ
"...แกนกำลังมีน้อง"ฉันชะงักราวกับโลกหยุดหมุนทันที เพื่อได้ยินคำพูดของภิสิงห์
"พะ พี่สิงห์ วะ ว่ายังไงนะ"ฉันเอ่ยถามด้วยปากสั่น ๆ
"แกนกำลังตั้งครรภ์"ฉันหันไปที่หว่าหวาที่เป็นคนตอบแทนด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า พลางเอามือลูบที่ท้องของตัวเอง
"แกน ทะ ท้อง...ฮึก ฮือออ ไม่จริง ฮือออ แกนป้องกันแล้ว ฮือออ"ฉันร้องไห้โหออกมาราวกับคนไม่มีสติ
.....
ตอนจบ"เทมโป..." ใบหน้าหล่อคมคายหันมาจ้องที่ฉัน"...แกนจะไม่เป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปใช่ไหม" เทมโปคลี่ยิ้มออกมาหลังจากที่ฉันพูดจบ"เธอไม่ใช่แค่เพื่อน..แต่เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันแล้ว.." มือหนายกมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน"..ถ้าฉันขาดเธอ ฉันขาดใจ" ปลั่ก! นั่นเป็นเสียงที่ฉันกำมือทุบไปที่อกของเขา"คนบ้า!""ใช่ ก่อนหน้าฉันเคยบ้ามาแล้ว ตั้งแต่เธอหนีไป" เทมโปพูดสวนกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำกับเธอ รู้ไหมว่าฉันทรมานจนดูน่าสมเพชเอามาก ๆ เลย""ออร์แกน...ตอนที่เธอหายไปฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเธอ""ทะ เทมโป.." ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่ภายในใจมันรู้สึกพองโต"ถ้าเธอไม่หนีไป วันนี้ฉันคงไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน..." คนร่างสูงโน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากฉัน"...ขอบคุณที่สอนบทเรียนให้กับฉัน และขอบคุณที่กลับมาไม่ว่าเหตุผลที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะฉัน""..." เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ใบหน้าสดใส"ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลับมาเพราะฉัน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้เจอเธอ ได้ขอโทษและได้บอกความในใจของฉันให้เธอฟัง""เทมโป..แกนก็ไม่เคยลืมนายเลยนะ" ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ฉัน
จากเพื่อนสู่ผัว"กวิน กรัณย์ ออร์แกน" ฉันและลูกแฝดต่างพากันหันไปที่ต้นเสียง ซึ่งเป็นคนป่วยที่นอนอยู่เอ่ยขึ้นมา เขาลืมตามองมาที่พวกฉันแล้วค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น"พ่อตื่นแล้ว" กวินบอกกับคนเป็นน้อง ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่เตียง พร้อม ๆ กับฉันที่รีบไปประคองเขาลุกนั่ง.เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ขณะที่ลูกแฝดขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามอาการพ่อตัวเองทันที"พ่อเจ็บตรงไหนฮับ" แฝดพี่พูดแล้วใช้สายตามองไปที่เรือนร่างคนเป็นพ่อราวกับหาอะไร"พ่อรีบหายนะครับ จะได้มาเล่นกัน...." กรัณย์เอ่ยแล้วหันไปพูดกับกวิน"...ให้พ่อเป็นผู้ร้ายนะพวกเราเป็นตำรวจ""หึหึ" เทมโปหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมไปลูบหัวลูกแฝดคนโต แล้วกำลังจะสลับไปลูบหัวคนน้องแต่เขากลับชะงัก คงจะจำวันนั้นได้วันที่กรัณย์ไม่ยอมให้เขาลูบเพราะกลัวผมเสียทรง"พ่อเป็นพ่อของกรัณย์ พ่อลูบได้ครับ" เด็กน้อยแฝดน้องพูดพร้อมกับยื่นหัวให้พ่อของเขาลูบ สร้างรอยยิ้มปนน้ำตาที่คลอเบ้าให้คนเป็นพ่อทันที"วันนี้เธอกับลูกอยู่กับฉันนะ" เทมโปหันมาพูดกับฉัน"อืม" ฉันตอบกลับสั้น ๆ แล้วคลี่ยิ้มให้"ขะ ขอบใจนะ" เทมโปกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ"รับหายนะ..แกนอยากให้เทมโปกลับมาใ
ยังไม่ให้โอกาส"แล้วเด็กฝาแฝดนั้นเป็นลูกใคร"ฉันคลี่ยิ้มหวานแล้วดึงมือหนาเดินเข้ามาด้านในห้อง"รอตรงนี้นะ เดี๋ยวแกนจะไปพากวิน กรัณย์เข้ามา" เทมโปทำสีหน้ามึนงงปนสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องก็เห็นทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม"เทมโปเป็นยังบ้าง ออร์แกน" คุณน้าเรอาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาถามด้วยใบหน้าที่ยังมีความกังวล"ตอนนี้เทมโปโอเคขึ้นแล้วค่ะ..." ว่าจบ ฉันก็หันไปที่ลูกแฝดที่มีผู้ใหญ่ล้อมรอบอย่างอบอุ่น"...แกนขอพากวิน กรัณย์ไปหาพ่อของเขาก่อนนะคะ" คุณน้าเรอาคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมมากุมมือของฉัน"ออร์แกน น้าขอโทษแทนเทมโปด้วยนะ..." เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ"...ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีหลานฝาแฝดที่น่ารักแบบนี้ ขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เลี้ยงดูที่เกิดมาจากเทมโปมาอย่างดี" คุณน้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ น้ำตาคลอเบ้า"กวิน กรัณย์ เป็นยิ่งกว่าชีวิตยังไง แกนก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดค่ะ" คุณน้าเรอาผงกหัวรับแล้วหันไปที่ลูกชายฝาแฝดของฉัน"กวิน กรัณย์ มากับแม่" ฉันเอ่ยเรียก ทั้งคู่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มใบหน้าสดใสมาที่ฉัน"ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างฮับ
ขอร้องOrgan"ทำไมคุณทอยคิดว่าเราสองคนแต่งงานกัน" ภิสิงห์เอ่ยถามขึ้นขณะที่ตอนนี้พวกเราต่างพากันธุระเสร็จจนกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนสองแฝดก็นอนหลับด้วยความเพลีย"หว่าหวาเป็นคนโกหกเองค่ะ" คนเป็นพี่หันไปที่น้องสาวของตนด้วยสีหน้าสงสัย"คือวันนั้นพวกเราเจอกับเทมโป...." หว่าหวาหยุดพูดแล้วหันมาที่ฉัน"...นายนั่นคอยเซ้าซี้แกนไม่เลิก หว่าหวาก็เลยโกหกไปว่า..""พี่กับแกนแต่งงานแล้วกวิน กรัณย์คือเป็นลูกพี่?" ภิสิงห์แทรกพูดขึ้นหว่าหวาก็ผงกหัวรับสีหน้ารู้สึกผิด"อย่าโกรธหว่าหวาเลยค่ะ แกนเองก็ไม่ทักท้วงปล่อยเลยตามเลย" ฉันพูดจบ หว่าหวาก็หันมาฉีกยิ้มให้ ขณะที่ภิสิงห์มีสีหน้าดูเครียด ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ"พี่สิงห์โกรธหรอกคะ แกนขอโทษ""เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ.." ว่าจบ ภิสิงห์ก็ลอบหายใจออกมาเบา ๆ"...ไม่นานทางนั้นก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ""...." ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่น ภายในใจก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน ยิ่งวันนี้ที่เจอกับพี่ทอย เขาดูมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันคิดว่าเขาต้องไปสืบเรื่องแต่งงานที่หว่าหวากุขึ้นมาแน่"แกน..." ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายเพื่อน"...พี่ได้ข
กลัววันนี้ฉัน หว่าหวา และภิสิงห์ต่างพากันไปดูสถานที่จัดงานแสดงเครื่องประดับ แน่นอนว่าสองแสบจะต้องไปด้วย กวิน และกรัณย์ค่อนข้างที่จะติดฉัน เพราะฉันดูแลทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเกิดมา ให้ความรัก เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกเขา"แม่ฮับ..." บนรถของภิสิงห์ที่อาสาเป็นคนขับพาไปยังสถานที่จัดงาน อยู่ ๆ กวินก็เอ่ยขึ้น"...พ่ออยู่ไหนเหรอครับ" คำถามของลูกชายที่เป็นแฝดพี่ทำให้หัวใจฉันรู้สึกสั่น ๆ"นั่นสิครับ พ่อไปไหนเหรอ" ฉันละสายตาหันไปที่กรัณย์ที่พูดเสริมขึ้นมา หว่าหวาที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ พร้อมกับภิสิงห์หันมาสบตาฉันทันที"เอ่อ...ทำไมอยู่ดี ๆ ถามขึ้นมาล่ะครับ""ก็ลุงคนนั้นถามผมยังไม่ได้ตอบเขาเลย" ลุงคนนั้น ที่กวินเอ่ยถึงก็คือเทมโป พ่อของพวกเขานั้นแหละ"พ่อทำไมไม่มาหาพวกเราเลยล่ะครับ" กรัณย์เอ่ยพร้อมกับสีหน้าเศร้า"...." ฉันนิ่งมองดูทั้งสองด้วยความสงสาร"เด็ก ๆ เดี๋ยวแวะกินไอศครีมคลายร้อนกันนะ" ภิสิงห์เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้า และดูเครียด"เย้ / เย้" พอได้ยินคำว่าไอศครีม เด็ก ๆ ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าดีใจทันทีจากนั้นภิสิงห์ก็ขับรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อพาเด็ก ๆไปทานไอศครีมระห
พ่อของเด็กเป็นใครฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองใบหน้าหล่อ นิ่ง ๆ เขาก้าวขายาวเดินมายืนตรงหน้าฉันแล้วหลุบตามองไปที่กวิน และกรัณย์สลับกัน ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกวิน แฝดพี่ที่ฉันจับมืออยู่"พ่ออยู่ไหนครับ" เทมโปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"...." กวินไม่ตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้ามึนงง แฝงสงสัย"คุณเป็นใครเหรอครับ" กรัณย์แฝดน้องที่หว่าหวาจับอยู่เอ่ยขึ้น ทำให้เทมโปละสายตาหันไปมองเด็กน้อย"ลุงเป็น...." เขาหยุดพูดแล้วช้อนตาขึ้นมองมาที่ฉัน ก่อนที่จะตอบกลับกรัณย์"...ลุงเป็น พะ เพื่อนแม่เราน่ะ" เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ สีหน้าเจ็บปวด แล้วเอื้อมมือไปลูบที่หัวกรัณย์ แต่ทว่า"อย่าลูบ เดี๋ยวผมเสียทรง" แฝดคนน้องผละหัวหนีออก ทำให้มือหนาชะงักแล้วหัวเราะปนเศร้าเบา ๆ"เหอะ" ไม่รู้ซะแล้วว่ากรัณย์ห่วงหล่อขนาดไหน"แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ" ในเมื่อถามกวินแล้วไม่ได้คำตอบ เขาจึงเลือกถามแฝดน้องแทน"...." กรัณย์ ส่ายหัวแล้วก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเศร้า ทำเอาหัวใจฉันวูบไหวสงสารลูก"พอสักทีเถอะ..เลิกยุ่งเรื่องของแกนได้แล้ว" พูดจบ ฉันก็พากวิน และหว่าหวาจูงมือกรัณย์เดินหนีมา"ออร์แกน...ออร์แกน""อย่าตามมานะ!" ฉันหันไปตวา