ตอนจบ
"เทมโป..." ใบหน้าหล่อคมคายหันมาจ้องที่ฉัน
"...แกนจะไม่เป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปใช่ไหม" เทมโปคลี่ยิ้มออกมาหลังจากที่ฉันพูดจบ
"เธอไม่ใช่แค่เพื่อน..แต่เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันแล้ว.." มือหนายกมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน
"..ถ้าฉันขาดเธอ ฉันขาดใจ" ปลั่ก! นั่นเป็นเสียงที่ฉันกำมือทุบไปที่อกของเขา
"คนบ้า!"
"ใช่ ก่อนหน้าฉันเคยบ้ามาแล้ว ตั้งแต่เธอหนีไป" เทมโปพูดสวนกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก
"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำกับเธอ รู้ไหมว่าฉันทรมานจนดูน่าสมเพชเอามาก ๆ เลย"
"ออร์แกน...ตอนที่เธอหายไปฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเธอ"
"ทะ เทมโป.." ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่ภายในใจมันรู้สึกพองโต
"ถ้าเธอไม่หนีไป วันนี้ฉันคงไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน..." คนร่างสูงโน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากฉัน
"...ขอบคุณที่สอนบทเรียนให้กับฉัน และขอบคุณที่กลับมาไม่ว่าเหตุผลที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะฉัน"
"..." เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ใบหน้าสดใส
"ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลับมาเพราะฉัน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้เจอเธอ ได้ขอโทษและได้บอกความในใจของฉันให้เธอฟัง"
"เทมโป..แกนก็ไม่เคยลืมนายเลยนะ" ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ฉันกล้าพูดความในใจออกมา
"ฉันเองก็ไม่เคยลืมเธอเลย..ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันจนถึงวันที่เธอทิ้งฉันไป" ฉันคลี่ยิ้มหวาน แล้วดึงชายตรงหน้าเข้ามากอดเสียเองด้วยความรัก ที่มันผุดขึ้นมาอีกครั้ง.
"แกนรักเทมโป"
"เทมโปก็รักออร์แกนครับ" เขาสวนกลับโดยกระชิบที่ข้าง ๆ หู
วันนี้ฉันได้อยู่ทานข้าวกับครอบครัวเทมโปครบทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพี่ทอย พี่ต้องรัก พี่รณ พี่นับตังค์ น้าทอร์ชคนเป็นพ่อ และน้าเรอาคนเป็นแม่ ส่วนเด็ก ๆ แม่บ้านและพี่เลี้ยงคอยดูแลให้ เพราะผู้ใหญ่มีเรื่องที่จะต้องปรึกษากัน ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก เป็นเรื่องของฉันกับเทมโปนั่นแหละ
"เตรียมตัวให้พร้อมนะเทมโป" เสียงทุ้มฟังดูน่าเกรงขามเอ่ยขึ้น
"ครับพ่อ" ลูกชายคนเล็กของบ้านขานรับ
"มีลูกมีเมียก็ทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ คำพูดคำจาก็พูดให้มันสุภาพ อ่อนน้อมด้วยล่ะ" พี่ทอยเอ่ยปากสั่งสอนคนเป็นน้อง
"รู้แล้วหน่า"
"ไม่ใช่แค่รู้ต้องทำด้วย!" อันนี้เป็นเสียงตวาดของพี่รณ
"ทำครับ" ที่ทุกคนสั่งสอน และตักเตือนเทมโป ก็เพราะว่าอีกไม่กี่วันเขาจะต้องบินไปอิตาลีกับฉันเพื่อไปขอขมาพ่อแม่ฉัน และถือโอกาสขอลูกสาวท่านด้วย ก็หมายถึงฉันนี่แหละ
"เดี๋ยวพวกเราจะตามไปทีหลังนะบอกพ่อกับแม่หนูด้วย" น้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข
"ขอบคุณน้าเรอา และน้าทอร์ช ที่เอ็นดูแกนกับลูก" ฉันกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ท่านทั้งสอง
"น้าอะไรกันล่ะ เรียกแม่กับพ่อได้แล้ว...." น้าเรอาหันไปที่สามีที่นั่งหัวโต๊ะ แล้วหันกลับมาที่ฉัน
"...อีกไม่นานเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว"
หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ ฉันก็ลาน้าเรอากับน้าทอร์ชกลับบ้าน โดยมีเทมโปที่ขอตามไปด้วย ให้เหตุผลว่าอยากนอนกับลูก ๆ ฉันก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะทั้งกวิน และกรัณย์ ต่างดีใจจนออกหน้าออกตาขนาดนั้น ถ้าไม่ยอมให้พ่อของเขาไป มีหวังลูก ๆ ต้องงอนฉันแน่ ๆ
เทมโปขับรถพาฉันมาถึงประตูรั้วหน้าบ้าน ก็มีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่
"นั่นรถไอ้หมอกนิ..มันมาทำอะไรที่นี่" ประโยคแรกเขาพึมพำกับตัวเอง และหันมาพูดกับฉันประโยคหลัง
"แกนก็ไม่รู้"
"ไอ้นี่?!" เทมโปเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปเปิดประตูที่เบาะหลังซึ่งมีกวิน กับกรัณย์นั่งอยู่
"ถึงบ้านแล้วครับ" เด็กแฝดฉีกยิ้มกว้างแล้วลงจากรถเดินเข้ามาในบ้านพร้อมพ่อของเขา
"หว่าหวา" เพื่อนสนิทฉันหันขวับมาที่ฉันด้วยใบหน้าตกใจก่อนที่จะลุกขึ้นจากตักชายหนุ่ม
"มะ มากันแล้วเหรอ" เธอเอ่ยถามด้วยใบหน้าแดงก่ำ
"อ้าว ไอ้เทมโป" เจ้าของตักที่หว่าหวานั่นก็คือหมอกเพื่อนเทมโปนั่นเอง
"มึงมาทำอะไรที่นี่" เทมโปย่นคิ้วเอ่ยถามเพื่อนก่อนที่จะจูงมือเด็กไปนั่งที่โซฟา
"มาหาแฟน" ปั้บ! พูดจบเสียงฝ่ามือเล็กก็ฟาดเข้าที่แขนแกร่งของเขา
หลังจากที่เทมโปพากวิน และกรัณย์อาบน้ำเข้านอน ซึ่งเขาขออาสาเป็นคนทำเอง ฉัน หว่าหวา หมอก และเทมโปก็มานั่งพูดคุยปรึกษาเรื่องธุรกิจที่ฉันทำกับเพื่อนสนิท
"แต่งงานแล้วแกนคงต้องมาอยู่ที่ไทยกับฉันเธอจะ..."
"งั้นก็ให้แกนดูแลในส่วนของภาคเอเชียไป เพราะบริษัทแม่ตั้งอยู่ที่ไทย" หว่าหวาแทรกพูดขึ้นก่อนที่เทมโปจะพูดจบ
"ขอบใจนะที่เข้าใจ"
"นายต้องสัญญากับฉันว่าจะไม่ทำให้เพื่อนรักของฉันต้องเจ็บปวดและเสียใจ...." พูดจบ หว่าหวาก็หันมายิ้มให้ฉัน
"...ไม่งั้นฉันจะพาแกนหนีนายไปอีก"
"ไม่มีวันที่เธอจะพาออร์แกนไปจากฉันได้อีก..เพราะฉันจะไม่ทำให้ภรรยาของฉันต้องเจ็บปวดและทุกข์ใจอีกแน่นอน"
"แหม่ ๆ ๆ ภรรยา.." หว่าหวาเอ่ยแซวทันทีที่เทมโปพูดจบ
"...ก็แค่เพื่อนไม่ใช่เหรอ"
"หว่าหวาเธอพูดเก่งขึ้นเยอะเลยนะ" เทมโปยิ้มกรุ่มกริ่มสีหน้าเขินอาย
"เทมโป..." เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันไปที่คนเรียก
"...กูจะไปอยู่อิตาลี" เทมโปขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"มึงจะไปทำอะไรที่อิตาลี" ปากหนาเอ่ยถามพร้อมกับมองคนเป็นเพื่อนสลับกับหว่าหวา
"อย่าบอกนะว่า..."
"กูจะไปทำงานที่บริษัทของหว่าหวา" หมอกแทรกพูดขึ้นแล้วยกยิ้ม
"เป็นยามนะ..จะทำไหม"
"ตำแหน่งอะไรเค้าก็ทำ ขอแค่ได้อยู่ใกล้ตัวเอง" หมอกเอียงคอไปซบที่บ่าหว่าหวาอย่างออดอ้อน โดยไม่อายฉันกับเทมโปที่มองอยู่
"เฮ้อ..." เทมโปพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วยื่มมือมาที่ฉัน
"....เราไปนอนกันเถอะ"
"ไหนว่าจะนอนกับลูก"
"ไม่อยากเข้าไปกวน" เทมโปยกยิ้มมุมปากสีหน้าเจ้าเล่ห์แล้วฉุดฉันลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะอุ้มฉันในท่าเจ้าสาว
"เทมโป!"
"นิ่ง ๆ เดี๋ยวฉันอุ้มขึ้นไปเอง" ว่าจบ เขาก็อุ้มฉันขึ้นบันไดไปยังห้องนอนส่วนตัวของฉัน
เทมโปวางร่างฉันนอนราบที่บนเตียงก่อนจะขึ้นมานอนข้าง ๆ แล้วยกศีรษะฉันขึ้นหนุนแขนของเขา
"ตอนนี้ฉันมีความสุขมาก ที่ฉันได้บอกรักเธอ ได้ทำในสิ่งที่ตรงกับใจตัวเอง" เทมโปใช้นิ้วเกลี่ยผมที่ใบหน้าฉัน
"จากนี้ไป เราจะไม่ได้เป็นแค่เพื่อน แต่เราจะเป็นทุก ๆ อย่างให้กันและกันนะ..." เขาโน้มหน้ามาหอมที่หน้าผากฉันก่อนจะพูดต่อ
"...เราจะเป็นทั้งพี่ทั้งน้องเป็นสามีภรรยาเป็นพ่อแม่ให้กับลูก ๆ ด้วย"
"....." ฉันจ้องมองใบหน้าที่หล่อเหลาที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
"ฉันรักเธอมาก ออร์แกน" ว่าจบ ชายหนุ่มก็บรรจงจูบฉันอย่างละมุน ลิ้นร้ายแทรกแซงเข้าไปในช่องปากแล้วตวัดเกียววนควานหาความหวาน ปากหนาดูดดื่มริมฝีปากบางจนเปียกแฉะไปด้วยน้ำลาย มือใหญ่ไม่อยู่นิ่ง ล้วงเข้าไปในสาปเสื้อก่อนจะปลดตะขอบลาเซียออกมา แล้วลูบคลำที่เต้าอกโตทั้งสอง.
"ฉันอยาก...." เขาผละจากจูบแล้วหลุบสายตาลงไปที่กลางกายของฉัน
"...ขอได้ไหมครับ" คำพูดของเขาทำให้ฉันใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที
"จะทำอะไรก็ทำ"
"เมียใครว่ะโคตรน่ารักเลย" สิ้นเสียง เทมโปก็หยัดตัวลุกขึ้นแล้วปลดเปลื้องเสื้อผ้าฉันออกจนหมดไม่มีอะไรปกปิด เขาขยับกายมาที่ระหว่างขาแล้วก้มลงมองไปของสงวนผู้หญิง
"ฉันคิดถึงมันมากเลยนะ" ว่าจบ ก็ใช้ลิ้นแตะไปที่ติ่งเสียว ก่อนจะลากลิ้นสากวนไปรอบ ๆ และกระดกลิ้นรัว ๆ จนฉันรู้สึกกระสันซ่านเผลอครางออกมา.
"อะ อ๊ะ อ๊ะ" เทมโปห่อลิ้นแล้วแยงเข้าไปในช่องแคบ ก่อนจะดูดเลียความหวานที่ค่อย ๆ ไหลออกมา
"อ้า..ทะ เทมโป ~" มันรู้สึกเสียวจนร่างเกร็งไปหมด มือฉีกที่หมอนไว้แน่น ลิ้นร้ายก็ไม่พักลากเลียขึ้นลงวนเวียนไปทั่ว จนกระทั่ง
"เทมโปไม่ไหวแล้ววว" สิ้นเสียง ฉันก็รู้สึกกระตุกตัวสั่นและปล่อยน้ำสีใสออกมา
เทมโปช้อนตามองฉันด้วยสีหน้าพึงพอใจก่อนที่จะถอดกางเกงในบ็อกเซอร์ของเขาออก แล้วกำท่อนเอ็นขนาดใหญ่ที่ผงาดชูชัด จ่อไปยังร่องแคบของฉัน
"ออร์แกน..." แท่งร้อนค่อย ๆ กระแทกเข้ามาทีละนิด ทีละนิด
"....ฉันรักเธอ" พรวด..และแล้วท่อนเอ็นขนาดใหญ่ก็ได้เข้าไปสำรวจภายในช่องแคบจนสุดลำ
"อ่า~" ปึก ปึก ปึก เอวสอบค่อย ๆ ขยับอย่างช้า ๆ เนิบ ๆ ในขณะที่มือหนาเอื้อมมาขยำบีบเค้นที่เต้าอกใหญ่ของฉันไปพร้อม ๆ กัน
ค่ำคืนนี้ฉันรู้สึกว่ามีความสุขกว่าคืนไหน ๆ คนบนร่างเอ่ยปากบอกรักฉันอยู่ตลอด การกระทำของเขามันช่างโยนอ่อนกว่าครั้งไหน ๆ ฉันพูดได้เต็มปากที่ออกมาจากหัวใจเลยว่า 'ฉันก็รักเขา'
อิตาลี
ตอนนี้ ฉัน เทมโป และลูกแฝด รวมถึง หว่าหวากับหมอกได้เดินทางมาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว. โดยครั้งนี้ภิสิงห์ไม่ได้เดินทางมากับพวกเราด้วย เนื่องจากติดงานด่วน
พ่อแม่ของฉันพอได้เจอกับเทมโปก็ต้อนรับเขาอย่างดี โดยที่ไม่ได้แสดงอาการโกรธเคืองแต่อย่างไรเลย เทมโปก็ไม่ได้ละเลยทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ก่อนที่จะมาคือ ขอขมาพ่อแม่ฉันด้วยความจริงใจ
"อาเข้าใจว่าตอนนั้นเทมโปยังเด็กอยู่" พ่อเอ่ยด้วยสีหน้าเอ็นดู
"คุณอาไม่โกรธผมเลยเหรอครับ" เทมโปถามด้วยสีหน้าสงสัย.
"เฮ้อ...ก่อนหน้าที่พวกเราจะมา คุณทอร์ช และคุณเหนือโทรมาขอโทษแทนลูกชายและหลานคนเล็กแล้วล่ะ อีกอย่างอาก็ไม่ได้ติดใจเอามาคิด...ยอมรับว่าช่วงนั้นอาก็รู้สึกโกรธเราอยู่เหมือนกันจึงตัดสินใจพาออร์แกนหนีมา"
"ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ" ว่าแล้วก็ก้มลงกราบที่เท้าพ่อและแม่ฉันตามลำดับ
งานแต่งของฉันกับเทมโปก็เกิดขึ้นภายในสามเดือน ที่ประเทศไทย แขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานกันอย่างครึกครื้น ส่วนใหญ่จะเป็นเครือญาติฝั่งเทมโป
ผู้ใหญ่ทุกท่านต่างเอ็นดูลูกชายฝาแฝดของฉันมาก ภายในงานจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุข
แต่ก่อนฉันไม่กล้าคิดเลยว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นเจ้าบ่าวของฉันในวันนี้ เพราะคำพูดของเขาที่คอยตอกย้ำอยู่เสมอว่าฉันเป็นได้ "ก็แค่เพื่อน"
ฉันเคยทุกข์ทรมานกายและใจจนดูน่าสมเพช แต่ในส่วนก้นลึกก็ยังคงรักเขาอยู่ตลอดแม้ว่าเขาจะทำร้ายแค่ไหน ฉันอาจจะดูคล้ายคนที่ด้านชา แต่มันก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ทุกครั้ง แต่ฉันก็อดทนผ่านมันมาได้ ฉันภาวนาขอให้ฉันมีแต่ความสุขกับชีวิตครอบครัวด้วยเถิด
"ฉันขอบคุณที่ยอมให้โอกาสคนอย่างฉันได้มีครอบครัวกับเธอ ขอบคุณจริง ๆ ออร์แกน" เจ้าบ่าวสุดหล่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นน้ำตาคลอเบ้า
"แกนก็ขอบคุณที่ยอมรับแกนเป็นเพื่อนในตอนแรก ทำให้แกนได้ตกหลุมรักเพื่อนตัวเอง" พูดจบ ฉันก็คลี่ยิ้มหวานส่งไป ระหว่างที่มือหนาเอื้อมมาลูบที่ใบหน้าฉันเบา ๆ
"ใครบอกล่ะว่าฉันยอมรับเธอเป็นเพื่อน"
"...." ฉันเอียงคอหน้าด้วยความสงสัย
"ฉันยอมรับเธอเป็นเมียตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก"
"เทมโป" ฉันใช้มือฟาดไปที่แขนเขาอย่างเขินอาย ในขณะที่เทมโปดึงฉันเข้าไปกอด
"เราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าเลยนะ"
"คิกคิก"
~จบบริบูรณ์~
ตอนจบ"เทมโป..." ใบหน้าหล่อคมคายหันมาจ้องที่ฉัน"...แกนจะไม่เป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปใช่ไหม" เทมโปคลี่ยิ้มออกมาหลังจากที่ฉันพูดจบ"เธอไม่ใช่แค่เพื่อน..แต่เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันแล้ว.." มือหนายกมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน"..ถ้าฉันขาดเธอ ฉันขาดใจ" ปลั่ก! นั่นเป็นเสียงที่ฉันกำมือทุบไปที่อกของเขา"คนบ้า!""ใช่ ก่อนหน้าฉันเคยบ้ามาแล้ว ตั้งแต่เธอหนีไป" เทมโปพูดสวนกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำกับเธอ รู้ไหมว่าฉันทรมานจนดูน่าสมเพชเอามาก ๆ เลย""ออร์แกน...ตอนที่เธอหายไปฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเธอ""ทะ เทมโป.." ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่ภายในใจมันรู้สึกพองโต"ถ้าเธอไม่หนีไป วันนี้ฉันคงไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน..." คนร่างสูงโน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากฉัน"...ขอบคุณที่สอนบทเรียนให้กับฉัน และขอบคุณที่กลับมาไม่ว่าเหตุผลที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะฉัน""..." เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ใบหน้าสดใส"ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลับมาเพราะฉัน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้เจอเธอ ได้ขอโทษและได้บอกความในใจของฉันให้เธอฟัง""เทมโป..แกนก็ไม่เคยลืมนายเลยนะ" ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ฉัน
จากเพื่อนสู่ผัว"กวิน กรัณย์ ออร์แกน" ฉันและลูกแฝดต่างพากันหันไปที่ต้นเสียง ซึ่งเป็นคนป่วยที่นอนอยู่เอ่ยขึ้นมา เขาลืมตามองมาที่พวกฉันแล้วค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น"พ่อตื่นแล้ว" กวินบอกกับคนเป็นน้อง ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่เตียง พร้อม ๆ กับฉันที่รีบไปประคองเขาลุกนั่ง.เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ขณะที่ลูกแฝดขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามอาการพ่อตัวเองทันที"พ่อเจ็บตรงไหนฮับ" แฝดพี่พูดแล้วใช้สายตามองไปที่เรือนร่างคนเป็นพ่อราวกับหาอะไร"พ่อรีบหายนะครับ จะได้มาเล่นกัน...." กรัณย์เอ่ยแล้วหันไปพูดกับกวิน"...ให้พ่อเป็นผู้ร้ายนะพวกเราเป็นตำรวจ""หึหึ" เทมโปหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมไปลูบหัวลูกแฝดคนโต แล้วกำลังจะสลับไปลูบหัวคนน้องแต่เขากลับชะงัก คงจะจำวันนั้นได้วันที่กรัณย์ไม่ยอมให้เขาลูบเพราะกลัวผมเสียทรง"พ่อเป็นพ่อของกรัณย์ พ่อลูบได้ครับ" เด็กน้อยแฝดน้องพูดพร้อมกับยื่นหัวให้พ่อของเขาลูบ สร้างรอยยิ้มปนน้ำตาที่คลอเบ้าให้คนเป็นพ่อทันที"วันนี้เธอกับลูกอยู่กับฉันนะ" เทมโปหันมาพูดกับฉัน"อืม" ฉันตอบกลับสั้น ๆ แล้วคลี่ยิ้มให้"ขะ ขอบใจนะ" เทมโปกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ"รับหายนะ..แกนอยากให้เทมโปกลับมาใ
ยังไม่ให้โอกาส"แล้วเด็กฝาแฝดนั้นเป็นลูกใคร"ฉันคลี่ยิ้มหวานแล้วดึงมือหนาเดินเข้ามาด้านในห้อง"รอตรงนี้นะ เดี๋ยวแกนจะไปพากวิน กรัณย์เข้ามา" เทมโปทำสีหน้ามึนงงปนสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องก็เห็นทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม"เทมโปเป็นยังบ้าง ออร์แกน" คุณน้าเรอาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาถามด้วยใบหน้าที่ยังมีความกังวล"ตอนนี้เทมโปโอเคขึ้นแล้วค่ะ..." ว่าจบ ฉันก็หันไปที่ลูกแฝดที่มีผู้ใหญ่ล้อมรอบอย่างอบอุ่น"...แกนขอพากวิน กรัณย์ไปหาพ่อของเขาก่อนนะคะ" คุณน้าเรอาคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมมากุมมือของฉัน"ออร์แกน น้าขอโทษแทนเทมโปด้วยนะ..." เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ"...ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีหลานฝาแฝดที่น่ารักแบบนี้ ขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เลี้ยงดูที่เกิดมาจากเทมโปมาอย่างดี" คุณน้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ น้ำตาคลอเบ้า"กวิน กรัณย์ เป็นยิ่งกว่าชีวิตยังไง แกนก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดค่ะ" คุณน้าเรอาผงกหัวรับแล้วหันไปที่ลูกชายฝาแฝดของฉัน"กวิน กรัณย์ มากับแม่" ฉันเอ่ยเรียก ทั้งคู่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มใบหน้าสดใสมาที่ฉัน"ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างฮับ
ขอร้องOrgan"ทำไมคุณทอยคิดว่าเราสองคนแต่งงานกัน" ภิสิงห์เอ่ยถามขึ้นขณะที่ตอนนี้พวกเราต่างพากันธุระเสร็จจนกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนสองแฝดก็นอนหลับด้วยความเพลีย"หว่าหวาเป็นคนโกหกเองค่ะ" คนเป็นพี่หันไปที่น้องสาวของตนด้วยสีหน้าสงสัย"คือวันนั้นพวกเราเจอกับเทมโป...." หว่าหวาหยุดพูดแล้วหันมาที่ฉัน"...นายนั่นคอยเซ้าซี้แกนไม่เลิก หว่าหวาก็เลยโกหกไปว่า..""พี่กับแกนแต่งงานแล้วกวิน กรัณย์คือเป็นลูกพี่?" ภิสิงห์แทรกพูดขึ้นหว่าหวาก็ผงกหัวรับสีหน้ารู้สึกผิด"อย่าโกรธหว่าหวาเลยค่ะ แกนเองก็ไม่ทักท้วงปล่อยเลยตามเลย" ฉันพูดจบ หว่าหวาก็หันมาฉีกยิ้มให้ ขณะที่ภิสิงห์มีสีหน้าดูเครียด ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ"พี่สิงห์โกรธหรอกคะ แกนขอโทษ""เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ.." ว่าจบ ภิสิงห์ก็ลอบหายใจออกมาเบา ๆ"...ไม่นานทางนั้นก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ""...." ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่น ภายในใจก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน ยิ่งวันนี้ที่เจอกับพี่ทอย เขาดูมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันคิดว่าเขาต้องไปสืบเรื่องแต่งงานที่หว่าหวากุขึ้นมาแน่"แกน..." ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายเพื่อน"...พี่ได้ข
กลัววันนี้ฉัน หว่าหวา และภิสิงห์ต่างพากันไปดูสถานที่จัดงานแสดงเครื่องประดับ แน่นอนว่าสองแสบจะต้องไปด้วย กวิน และกรัณย์ค่อนข้างที่จะติดฉัน เพราะฉันดูแลทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเกิดมา ให้ความรัก เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกเขา"แม่ฮับ..." บนรถของภิสิงห์ที่อาสาเป็นคนขับพาไปยังสถานที่จัดงาน อยู่ ๆ กวินก็เอ่ยขึ้น"...พ่ออยู่ไหนเหรอครับ" คำถามของลูกชายที่เป็นแฝดพี่ทำให้หัวใจฉันรู้สึกสั่น ๆ"นั่นสิครับ พ่อไปไหนเหรอ" ฉันละสายตาหันไปที่กรัณย์ที่พูดเสริมขึ้นมา หว่าหวาที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ พร้อมกับภิสิงห์หันมาสบตาฉันทันที"เอ่อ...ทำไมอยู่ดี ๆ ถามขึ้นมาล่ะครับ""ก็ลุงคนนั้นถามผมยังไม่ได้ตอบเขาเลย" ลุงคนนั้น ที่กวินเอ่ยถึงก็คือเทมโป พ่อของพวกเขานั้นแหละ"พ่อทำไมไม่มาหาพวกเราเลยล่ะครับ" กรัณย์เอ่ยพร้อมกับสีหน้าเศร้า"...." ฉันนิ่งมองดูทั้งสองด้วยความสงสาร"เด็ก ๆ เดี๋ยวแวะกินไอศครีมคลายร้อนกันนะ" ภิสิงห์เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้า และดูเครียด"เย้ / เย้" พอได้ยินคำว่าไอศครีม เด็ก ๆ ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าดีใจทันทีจากนั้นภิสิงห์ก็ขับรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อพาเด็ก ๆไปทานไอศครีมระห
พ่อของเด็กเป็นใครฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองใบหน้าหล่อ นิ่ง ๆ เขาก้าวขายาวเดินมายืนตรงหน้าฉันแล้วหลุบตามองไปที่กวิน และกรัณย์สลับกัน ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกวิน แฝดพี่ที่ฉันจับมืออยู่"พ่ออยู่ไหนครับ" เทมโปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"...." กวินไม่ตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้ามึนงง แฝงสงสัย"คุณเป็นใครเหรอครับ" กรัณย์แฝดน้องที่หว่าหวาจับอยู่เอ่ยขึ้น ทำให้เทมโปละสายตาหันไปมองเด็กน้อย"ลุงเป็น...." เขาหยุดพูดแล้วช้อนตาขึ้นมองมาที่ฉัน ก่อนที่จะตอบกลับกรัณย์"...ลุงเป็น พะ เพื่อนแม่เราน่ะ" เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ สีหน้าเจ็บปวด แล้วเอื้อมมือไปลูบที่หัวกรัณย์ แต่ทว่า"อย่าลูบ เดี๋ยวผมเสียทรง" แฝดคนน้องผละหัวหนีออก ทำให้มือหนาชะงักแล้วหัวเราะปนเศร้าเบา ๆ"เหอะ" ไม่รู้ซะแล้วว่ากรัณย์ห่วงหล่อขนาดไหน"แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ" ในเมื่อถามกวินแล้วไม่ได้คำตอบ เขาจึงเลือกถามแฝดน้องแทน"...." กรัณย์ ส่ายหัวแล้วก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเศร้า ทำเอาหัวใจฉันวูบไหวสงสารลูก"พอสักทีเถอะ..เลิกยุ่งเรื่องของแกนได้แล้ว" พูดจบ ฉันก็พากวิน และหว่าหวาจูงมือกรัณย์เดินหนีมา"ออร์แกน...ออร์แกน""อย่าตามมานะ!" ฉันหันไปตวา