มีครอบครัวมีลูก?
ฉันยังคงร้องไห้ไม่หยุด ขณะที่หว่าหวากับภิสิงห์คอยปลอบอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้ในหัวของฉันปั่นป่วน สับสน และว้าวุ่นมาก ๆ ไม่รู้ว่าฉันพลาดตรงไหน
"ใจเย็น ๆ นะแกน"หว่าหวาเข้ามาโอบกอดปลอบฉัน
"มันเป็นเรื่องดีนะ ที่แกนจะได้ให้กำเนิดเด็กน้อยที่น่ารักออกมา"ภิสิงห์พูดจบ ฉันก็ผละจากอ้อมกอดของหว่าหวา แล้วก้มมองที่หน้าท้องตัวเองพร้อมกับเอามือลูบเบา ๆ
"ลูก"แล้วพูดพึมพำเบา ๆ
"แกนจะเป็นแม่คนแล้ว น่ายินดีมาก ๆ..."หว่าหวาฉีกยิ้มกว้างแล้วจ้องไปที่ท้องของฉัน
"...หลานน้าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายน๊าาา"เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส ใบหน้ายิ้มแย้มดวงตาประกายไปด้วยความยินดี อย่างไม่ปกปิด ฉันเห็นแบบนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที ยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วคลี่ยิ้มให้หว่าหวา และภิสิงห์
"ถ้าเป็นผู้หญิงต้องสวยเหมือนหว่าหวาแน่เลย คิกคิก"หว่าหวาเอ่ยแล้วหันไปหัวเราะกับพี่ชาย
"และถ้าเป็นผู้ชายก็คงจะหล่อเหมือนพี่"ภิสิงห์ก็พูดขึ้นบ้าง ทำให้คนเป็นน้องเบ้ปากใส่
"ไม่ค่อยเลยนะ"ก่อนจะพูดขึ้นแล้วกรอกตามองบน
ฉันรู้สึกเพลีย ๆ และปวดตามากคงอาจจะร้องไห้อย่างหนักจึงขอตัวพักผ่อนต่อ
พอตื่นขึ้นมาอีกรอบก็เห็นพ่อแม่อยู่ในห้องแล้ว
"เป็นยังไงบ้าง"แม่ประคองฉันขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง
"ดีขึ้นแล้วค่ะ"ฉันตอบกลับแม่ แต่สายตาจ้องไปที่หว่าหวาและภิสิงห์ ทั้งคู่เห็นสีหน้าที่ส่งสัญญาณไปก็ต่างส่ายหน้าส่งกลับมา ฉันจึงคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจที่สองพี่น้องยังไม่บอกเลยที่ฉันมีน้องกับพ่อแม่
"ทีหลังอย่าหักโหมแบบนี้อีกนะ พักผ่อนซะบ้าง"พ่อเอ่ยเอ็ดฉันแต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง
"ค่ะ ต่อไปแกนจะพักผ่อนมาก ๆ"พูดจบ ฉันก็ก้มหน้างุดมองลงไปที่ท้องของตัวเอง
ฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาลแค่คืนเดียว หมอสั่งยาบำรุงครรภ์ไว้ให้พร้อมกับแนะนำให้รีบพาพ่อของลูกมาตรวจสุขภาพและฝากครรภ์
"เฮ้อ...พ่อของลูก?"ฉันถอนลมหายใจแล้วพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ระหว่างนั่งรอหว่าหวาที่ ซึ่งตอนนี้เธอยังไม่ถึงกำหนดที่จะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ จึงอาสามารับฉันกลับบ้านด้วยตัวเอง
ครืนนนน ครืนนนนน เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น จึงรีบล้วงมาขึ้นมาดู ก่อนจะลอบหายใจเบา ๆ
"เทมโป"ใช่แล้ว สายที่โทรเข้ามาเป็นพ่อของลูกที่ฉันนึกถึงเมื่อกี้
"ฮาโหล"แล้วก็ตัดสินใจกดสายรับ
(เธออยู่ไหนออร์แกน)เสียงทุ้มเอ่ยถามเข้ามาในสาย
"แกนอยู่โรงพยาบาล"ฉันบอกไปตามความจริง
(ใครเป็นอะไร?)
"แกน...."ฉันเม้มปากทั้งสองไว้แน่น ในหัวเกิดคิดอยากจะบอกเรื่องที่ฉันตั้งท้องลูกของเขา แต่รู้สึกลังเลขึ้นมา
(เธอเป็นอะไร)
"แกน..ไม่เป็นอะไรแล้วกำลังจะกลับบ้าน"สุดท้ายแล้วฉันตัดสินใจที่จะไม่พูด เพราะฉันอาจจะรับไม่ได้ถ้าเขาจะปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ
(ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว...พรุ่งนี้มาที่ผับหนึ่งทุ่มตรงนะ)เขาเตือนฉันเรื่องเวลาเข้างานในวันพรุ่งนี้
"อืม...."
"....เทมโป"ฉันแทรกพูดก่อนที่ปลายสายจะกดวาง
(มีอะไร)เขาเอ่ยน้ำเสียงห้วน ๆ อย่างหงุดหงิด
"นายคิดที่อยากจะมีครอบครัวบ้างไหม"ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันเอ่ยถามเขาแบบนี้
(เธอพูดบ้าอะไร)เทมโปต่อว่าฉันเสียงแข็ง
"นายคิดอยากจะมีลูกบ้างไหม"ฉันยังเซ้าซี้ถามเขาต่อ
(เธอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมหรือว่าเธอ....)
"เปล่าไม่มีอะไร"ฉันรีบแทรกพูดทันทีก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค
(อย่าพูดอะไรเพ้อเจ้อแบบนี้อีก...ถ้าถึงเวลาที่ฉันอยากจะมีครอบครัวผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูกก็คงไม่ใช่เธอ...)คำพูดของเขาทำให้น้ำตาร่วงไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว
(...เพราะเธอเป็นได้แค่เพื่อน!)สิ้นเสียง เขาก็กดวางสายทันที ฉันก็ก้มหน้าร้องไห้โหออกมาทันที
"ฮีก ฮืออออ"
"แกน เป็นอะไร"ฉันเงยหน้ามองเจ้าของเสียงหวานแล้วยกมือเช็ดน้ำตา
"มะ ไม่ได้เป็นอะไร"ฉันเลือกที่จะโกหกเพื่อน เพื่อไม่อยากให้เธอต้องมาคิดมากกับฉัน แต่ทว่า...
"อย่าโกหกหว่าหวา..."เธอนั่งลงข้าง ๆ ฉันแล้วเอื้อมมากุมมือ
"...เราเป็นเพื่อนกันนะแกน บอกมาเถอะเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงร้องไห้แบบนี้"
"ฮึก หว่าหวา ฮือออ"ฉันสวมกอดเพื่อนพร้อมกับร้องไห้ออกมา
ตอนนี้หว่าหวาพาฉันมานั่งเล่นที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เพื่อให้ฉันได้ระบายความทุกข์ในใจให้เธอฟังด้วย
"ทำไมเทมโปใจร้ายขนาดนี้นะ"หลังจากที่ฉันเล่าคำพูดที่เทมโปพูดในโทรศัพท์ให้หว่าหวาฟังแล้วเธอก็บ่นพึมพำออกมาด้วยความโกรธ
"...."ฉันก็ได้แต่เงียบน้ำตายังคลอเบ้า
"ไปต่างประเทศกับหว่าหวาไหม..."ฉันหันขวับแล้วขมวดคิ้วจ้องไปที่เธอ
"...ไปคลอดน้องที่นั้นด้วย"เธอมองไปที่ท้องของฉันแล้วคลี่ยิ้มหวาน
"แกนคงไปไม่ได้หรอก"
"ทำไมล่ะ"หว่าหวาถามกลับมาทันที
"หว่าหวาก็รู้ว่า..."
"ถ้าพี่ทำให้เธอไปได้ล่ะ"ทั้งฉันและหว่าหวาต่างพากันหันไปที่ต้นเสียง
"พี่สิงห์..มาได้ยังไง"ฉันมองไปยังหว่าหวาที่เธอคลี่ยิ้มหวานให้
"หว่าหวาโทรบอกพี่สิงห์เองแหละ"
ภิสิงห์แนะนำให้ฉันบอกความจริงทุกอย่างให้พ่อกับแม่รับรู้ ซึ่งฉันรู้สึกกลัวและกังวลมาก เพราะฉันเก็บเรื่องที่มีความสัมพันธ์กับเทมโปมาเนิ่นนานจนกระทั่งพลาดจนตั้งท้อง
"ไม่ต้องกลัว พี่เชื่อว่าคุณอาทั้งสองต้องให้อภัยแกนอยู่แล้ว"
"ใช่.. แกนควรบอกท่านซะตอนนี้เพราะไม่ช้าก็เร็วท่านทั้งสองก็ต้องรู้"หว่าหวาพูดเสริมอีกคน ก็จริงอย่างที่ภิสิงห์และหว่าหวาพูด ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วพ่นออกอย่างหนัก
"ตกลง แกนจะสารภาพทุกอย่างกับพ่อแม่"สองพี่น้องต่างยกยิ้มและดีใจที่ฉันกล้ายอมรับความจริงกับพ่อแม่
"ส่วนเรื่องลูก...พี่จะเป็นคนขอคุณอาทั้งสองให้แกนไปคลอดที่ต่างประเทศเอง"พอภิสิงห์พูดจบ หว่าหวาก็ฉีกยิ้มกว้างตาหยี
"หรือถ้าแกนคลอดน้องแล้วจะเรียนต่อเลยก็ได้นะ หว่าหวาจะช่วยเลี้ยงเจ้าตัวเล็กให้"
"พี่จะไปหาบ่อย ๆ ด้วย"ฉันเข้าใจที่ภิสิงห์คงจะไปกับพวกเราไม่ได้เพราะต้องบริหารงานที่บริษัท
"ขอบคุณนะคะพี่สิงห์..."หันไปที่หว่าหวา
"...ขอบคุณนะหว่าหวา ขอบคุณที่ดีกับแกน"ฉันเอ่ยออกมาจากใจ รู้สึกโชคดีมากที่ได้มารู้จักสองพี่น้องนี้
TemPo
มือหนาวางโทรศัพท์ลงด้วยอารมณ์หงุดหงิด
"เป็นบ้าอะไรขึ้นมา..."เทมโปบ่นพึมพำหญิงสาวที่เพิ่งคุยกับเขาเมื่อกี้แล้วจ้องไปที่โทรศัพท์
"....เธอชอบทำให้ฉันหงุดหงิดซะจริงเลยนะออร์แกน"พอพูดจบชายหนุ่มก็เอนหลังพิงพนักแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดาน
"มีครอบครัว มีลูก?..."ชายหนุ่มยกยิ้มแล้วภาพหญิงสาวที่กำลังจูงเด็กน้อยเดินมาหาเขา แต่ทว่า ใบหน้าแม่ของลูกในหัวของเขาก็คนที่ทำให้เขาหงุดหงิดเมื่อกี้
"...ถ้าเป็นลูกสาวคงจะสวยเหมือนเธอ"ปากหนาเผลอพึมพำออกมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เขาหลุดจากภวังค์ทันทีเมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตูที่หน้าห้อง
"เข้ามา"เทมโปส่งเสียงทุ้มแล้วขยับกายนั่งอย่างสง่ามาดเจ้าของผับ ประตูออกเปิดเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวที่คุ้นเคย
"มาที่นี่ทำไม"ชายหนุ่มเอ่ยถามแล้วเบือนหน้าไปลอบหายใจ
"ฝนมาดื่มน่ะ ก็เลยแวะขึ้นมาหา"เธอพูดเสียงออดอ้อนแล้วเดินนวยนาด แล้วถือวิสาสะไปนั่งลงที่ตักแกร่งของชายหนุ่ม
"ลุกออกไป!"แต่ทว่าครั้งนี้ชายหนุ่มดูว่าจะไม่เล่นด้วย เขายังตวาดให้เธอลุกจากตักของเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
"ไม่เอาหน่าเทมโป"
"ฉันบอกให้ลุกออกไปไงว่ะ"ฝนสะดุ้งโหย่งแล้วรีบลุกขึ้นจากตักทันที
"วันนี้เป็นอะไรทำไมดูหงุดหงิด"เธอเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
"ออกไป ฉันจะทำงาน"เทมโปไม่ตอบ แต่เลือกที่จะไล่เธอออกไปเพราะรู้สึกรำคาญ
หญิงสาวตัดสินใจหันหลังก้าวขาเรียวเดินออกไปอย่างหงุดหงิดที่ไม่สามารถอ่อยชายหนุ่มได้สำเร็จ
"เพราะนังแกนแน่ ๆ เลยที่ทำให้เทมโปหงุดหงิด"เธอออกมาจากห้องแล้วพูดขึ้นด้วยความโกรธ
"เมื่อไหร่จะไปให้พ้น ๆ นะ"ฝนรู้สึกอิจฉา และเกลียดออร์แกนมาก ๆ ยิ่งเทมโปยังรั้งเธอไว้แบบนี้ ทำให้เธอยิ่งเกลียดชังออร์แกนมากขึ้น
ตอนจบ"เทมโป..." ใบหน้าหล่อคมคายหันมาจ้องที่ฉัน"...แกนจะไม่เป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปใช่ไหม" เทมโปคลี่ยิ้มออกมาหลังจากที่ฉันพูดจบ"เธอไม่ใช่แค่เพื่อน..แต่เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันแล้ว.." มือหนายกมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน"..ถ้าฉันขาดเธอ ฉันขาดใจ" ปลั่ก! นั่นเป็นเสียงที่ฉันกำมือทุบไปที่อกของเขา"คนบ้า!""ใช่ ก่อนหน้าฉันเคยบ้ามาแล้ว ตั้งแต่เธอหนีไป" เทมโปพูดสวนกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำกับเธอ รู้ไหมว่าฉันทรมานจนดูน่าสมเพชเอามาก ๆ เลย""ออร์แกน...ตอนที่เธอหายไปฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเธอ""ทะ เทมโป.." ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่ภายในใจมันรู้สึกพองโต"ถ้าเธอไม่หนีไป วันนี้ฉันคงไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน..." คนร่างสูงโน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากฉัน"...ขอบคุณที่สอนบทเรียนให้กับฉัน และขอบคุณที่กลับมาไม่ว่าเหตุผลที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะฉัน""..." เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ใบหน้าสดใส"ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลับมาเพราะฉัน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้เจอเธอ ได้ขอโทษและได้บอกความในใจของฉันให้เธอฟัง""เทมโป..แกนก็ไม่เคยลืมนายเลยนะ" ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ฉัน
จากเพื่อนสู่ผัว"กวิน กรัณย์ ออร์แกน" ฉันและลูกแฝดต่างพากันหันไปที่ต้นเสียง ซึ่งเป็นคนป่วยที่นอนอยู่เอ่ยขึ้นมา เขาลืมตามองมาที่พวกฉันแล้วค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น"พ่อตื่นแล้ว" กวินบอกกับคนเป็นน้อง ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่เตียง พร้อม ๆ กับฉันที่รีบไปประคองเขาลุกนั่ง.เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ขณะที่ลูกแฝดขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามอาการพ่อตัวเองทันที"พ่อเจ็บตรงไหนฮับ" แฝดพี่พูดแล้วใช้สายตามองไปที่เรือนร่างคนเป็นพ่อราวกับหาอะไร"พ่อรีบหายนะครับ จะได้มาเล่นกัน...." กรัณย์เอ่ยแล้วหันไปพูดกับกวิน"...ให้พ่อเป็นผู้ร้ายนะพวกเราเป็นตำรวจ""หึหึ" เทมโปหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมไปลูบหัวลูกแฝดคนโต แล้วกำลังจะสลับไปลูบหัวคนน้องแต่เขากลับชะงัก คงจะจำวันนั้นได้วันที่กรัณย์ไม่ยอมให้เขาลูบเพราะกลัวผมเสียทรง"พ่อเป็นพ่อของกรัณย์ พ่อลูบได้ครับ" เด็กน้อยแฝดน้องพูดพร้อมกับยื่นหัวให้พ่อของเขาลูบ สร้างรอยยิ้มปนน้ำตาที่คลอเบ้าให้คนเป็นพ่อทันที"วันนี้เธอกับลูกอยู่กับฉันนะ" เทมโปหันมาพูดกับฉัน"อืม" ฉันตอบกลับสั้น ๆ แล้วคลี่ยิ้มให้"ขะ ขอบใจนะ" เทมโปกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ"รับหายนะ..แกนอยากให้เทมโปกลับมาใ
ยังไม่ให้โอกาส"แล้วเด็กฝาแฝดนั้นเป็นลูกใคร"ฉันคลี่ยิ้มหวานแล้วดึงมือหนาเดินเข้ามาด้านในห้อง"รอตรงนี้นะ เดี๋ยวแกนจะไปพากวิน กรัณย์เข้ามา" เทมโปทำสีหน้ามึนงงปนสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องก็เห็นทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม"เทมโปเป็นยังบ้าง ออร์แกน" คุณน้าเรอาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาถามด้วยใบหน้าที่ยังมีความกังวล"ตอนนี้เทมโปโอเคขึ้นแล้วค่ะ..." ว่าจบ ฉันก็หันไปที่ลูกแฝดที่มีผู้ใหญ่ล้อมรอบอย่างอบอุ่น"...แกนขอพากวิน กรัณย์ไปหาพ่อของเขาก่อนนะคะ" คุณน้าเรอาคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมมากุมมือของฉัน"ออร์แกน น้าขอโทษแทนเทมโปด้วยนะ..." เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ"...ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีหลานฝาแฝดที่น่ารักแบบนี้ ขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เลี้ยงดูที่เกิดมาจากเทมโปมาอย่างดี" คุณน้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ น้ำตาคลอเบ้า"กวิน กรัณย์ เป็นยิ่งกว่าชีวิตยังไง แกนก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดค่ะ" คุณน้าเรอาผงกหัวรับแล้วหันไปที่ลูกชายฝาแฝดของฉัน"กวิน กรัณย์ มากับแม่" ฉันเอ่ยเรียก ทั้งคู่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มใบหน้าสดใสมาที่ฉัน"ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างฮับ
ขอร้องOrgan"ทำไมคุณทอยคิดว่าเราสองคนแต่งงานกัน" ภิสิงห์เอ่ยถามขึ้นขณะที่ตอนนี้พวกเราต่างพากันธุระเสร็จจนกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนสองแฝดก็นอนหลับด้วยความเพลีย"หว่าหวาเป็นคนโกหกเองค่ะ" คนเป็นพี่หันไปที่น้องสาวของตนด้วยสีหน้าสงสัย"คือวันนั้นพวกเราเจอกับเทมโป...." หว่าหวาหยุดพูดแล้วหันมาที่ฉัน"...นายนั่นคอยเซ้าซี้แกนไม่เลิก หว่าหวาก็เลยโกหกไปว่า..""พี่กับแกนแต่งงานแล้วกวิน กรัณย์คือเป็นลูกพี่?" ภิสิงห์แทรกพูดขึ้นหว่าหวาก็ผงกหัวรับสีหน้ารู้สึกผิด"อย่าโกรธหว่าหวาเลยค่ะ แกนเองก็ไม่ทักท้วงปล่อยเลยตามเลย" ฉันพูดจบ หว่าหวาก็หันมาฉีกยิ้มให้ ขณะที่ภิสิงห์มีสีหน้าดูเครียด ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ"พี่สิงห์โกรธหรอกคะ แกนขอโทษ""เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ.." ว่าจบ ภิสิงห์ก็ลอบหายใจออกมาเบา ๆ"...ไม่นานทางนั้นก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ""...." ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่น ภายในใจก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน ยิ่งวันนี้ที่เจอกับพี่ทอย เขาดูมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันคิดว่าเขาต้องไปสืบเรื่องแต่งงานที่หว่าหวากุขึ้นมาแน่"แกน..." ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายเพื่อน"...พี่ได้ข
กลัววันนี้ฉัน หว่าหวา และภิสิงห์ต่างพากันไปดูสถานที่จัดงานแสดงเครื่องประดับ แน่นอนว่าสองแสบจะต้องไปด้วย กวิน และกรัณย์ค่อนข้างที่จะติดฉัน เพราะฉันดูแลทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเกิดมา ให้ความรัก เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกเขา"แม่ฮับ..." บนรถของภิสิงห์ที่อาสาเป็นคนขับพาไปยังสถานที่จัดงาน อยู่ ๆ กวินก็เอ่ยขึ้น"...พ่ออยู่ไหนเหรอครับ" คำถามของลูกชายที่เป็นแฝดพี่ทำให้หัวใจฉันรู้สึกสั่น ๆ"นั่นสิครับ พ่อไปไหนเหรอ" ฉันละสายตาหันไปที่กรัณย์ที่พูดเสริมขึ้นมา หว่าหวาที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ พร้อมกับภิสิงห์หันมาสบตาฉันทันที"เอ่อ...ทำไมอยู่ดี ๆ ถามขึ้นมาล่ะครับ""ก็ลุงคนนั้นถามผมยังไม่ได้ตอบเขาเลย" ลุงคนนั้น ที่กวินเอ่ยถึงก็คือเทมโป พ่อของพวกเขานั้นแหละ"พ่อทำไมไม่มาหาพวกเราเลยล่ะครับ" กรัณย์เอ่ยพร้อมกับสีหน้าเศร้า"...." ฉันนิ่งมองดูทั้งสองด้วยความสงสาร"เด็ก ๆ เดี๋ยวแวะกินไอศครีมคลายร้อนกันนะ" ภิสิงห์เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้า และดูเครียด"เย้ / เย้" พอได้ยินคำว่าไอศครีม เด็ก ๆ ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าดีใจทันทีจากนั้นภิสิงห์ก็ขับรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อพาเด็ก ๆไปทานไอศครีมระห
พ่อของเด็กเป็นใครฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองใบหน้าหล่อ นิ่ง ๆ เขาก้าวขายาวเดินมายืนตรงหน้าฉันแล้วหลุบตามองไปที่กวิน และกรัณย์สลับกัน ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกวิน แฝดพี่ที่ฉันจับมืออยู่"พ่ออยู่ไหนครับ" เทมโปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"...." กวินไม่ตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้ามึนงง แฝงสงสัย"คุณเป็นใครเหรอครับ" กรัณย์แฝดน้องที่หว่าหวาจับอยู่เอ่ยขึ้น ทำให้เทมโปละสายตาหันไปมองเด็กน้อย"ลุงเป็น...." เขาหยุดพูดแล้วช้อนตาขึ้นมองมาที่ฉัน ก่อนที่จะตอบกลับกรัณย์"...ลุงเป็น พะ เพื่อนแม่เราน่ะ" เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ สีหน้าเจ็บปวด แล้วเอื้อมมือไปลูบที่หัวกรัณย์ แต่ทว่า"อย่าลูบ เดี๋ยวผมเสียทรง" แฝดคนน้องผละหัวหนีออก ทำให้มือหนาชะงักแล้วหัวเราะปนเศร้าเบา ๆ"เหอะ" ไม่รู้ซะแล้วว่ากรัณย์ห่วงหล่อขนาดไหน"แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ" ในเมื่อถามกวินแล้วไม่ได้คำตอบ เขาจึงเลือกถามแฝดน้องแทน"...." กรัณย์ ส่ายหัวแล้วก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเศร้า ทำเอาหัวใจฉันวูบไหวสงสารลูก"พอสักทีเถอะ..เลิกยุ่งเรื่องของแกนได้แล้ว" พูดจบ ฉันก็พากวิน และหว่าหวาจูงมือกรัณย์เดินหนีมา"ออร์แกน...ออร์แกน""อย่าตามมานะ!" ฉันหันไปตวา