ยังไม่ให้โอกาส
"แล้วเด็กฝาแฝดนั้นเป็นลูกใคร"
ฉันคลี่ยิ้มหวานแล้วดึงมือหนาเดินเข้ามาด้านในห้อง
"รอตรงนี้นะ เดี๋ยวแกนจะไปพากวิน กรัณย์เข้ามา" เทมโปทำสีหน้ามึนงงปนสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องก็เห็นทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม
"เทมโปเป็นยังบ้าง ออร์แกน" คุณน้าเรอาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาถามด้วยใบหน้าที่ยังมีความกังวล
"ตอนนี้เทมโปโอเคขึ้นแล้วค่ะ..." ว่าจบ ฉันก็หันไปที่ลูกแฝดที่มีผู้ใหญ่ล้อมรอบอย่างอบอุ่น
"...แกนขอพากวิน กรัณย์ไปหาพ่อของเขาก่อนนะคะ" คุณน้าเรอาคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมมากุมมือของฉัน
"ออร์แกน น้าขอโทษแทนเทมโปด้วยนะ..." เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ
"...ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีหลานฝาแฝดที่น่ารักแบบนี้ ขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เลี้ยงดูที่เกิดมาจากเทมโปมาอย่างดี" คุณน้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ น้ำตาคลอเบ้า
"กวิน กรัณย์ เป็นยิ่งกว่าชีวิต
ยังไง แกนก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดค่ะ" คุณน้าเรอาผงกหัวรับแล้วหันไปที่ลูกชายฝาแฝดของฉัน
"กวิน กรัณย์ มากับแม่" ฉันเอ่ยเรียก ทั้งคู่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มใบหน้าสดใสมาที่ฉัน
"ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างฮับ" กวินเอ่ยถามด้วยใบหน้าใสซื่อ ฉันมองไปยังคุณน้าเรอาแล้วย่นคิ้วสงสัย เธอจึงส่ายหน้า
"ยังไม่มีใครบอกเรื่องพ่อของพวกเขา น้าอยากให้แกนเป็นบอกด้วยตัวเองน่ะ" ฉันคลี่ยิ้มอย่างเข้าใจ ก่อนจะจูงมือลูกทั้งสองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
"น่าสงสารคุณลุงนะครับ" ก่อนจะเปิดประตูอยู่ ๆ กรัณย์ก่อนเอ่ยขึ้น
"เข้าไปปลอบ...." ฉันหยุดพูดแล้วอมยิ้มทำให้เด็กทั้งสองมีสีหน้างุนงง
ฉันจูงมือลูกทั้งสองไปยืนตรงหน้าเทมโปที่พอเห็น กวิน และกรัณย์ ก็คลี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
"กวิน กรัณย์ไหว้คุณพ่อสิครับ" สิ้นเสียง เด็กแฝดก็เงยหน้าขึ้นมองฉันพร้อมกับสลับไปมองที่เทมโปสีหน้าสงสัย ส่วนคนเป็นพ่อก็มีใบหน้าที่ไม่ต่างจากลูกชายเลย
"ธะ เธอหมายความว่า..." เขาพูดตะกุกตะกักแล้วมองไปที่ลูกชายทั้งสอง
"ถ้าแกนจะบอกว่าเด็กทั้งสองคนนี้เป็นลูกเรา เทมโปจะเชื่อไหม" พูดจบ ฉันก็คลี่ยิ้มหวานให้
"ชะ เชื่อฉันเชื่อ...ฮึก" เทมโปสวนกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
"เข้ามาหาพ่อสิครับ" เขาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูมีความสุขและสดใสขึ้นกว่าเมื่อกี้ กวิน และกรัณย์ยังยืนนิ่ง
"เข้าไปหาพ่อสิ..กวิน กรัณย์" ฉันย่อตัวลงแล้วบอกกับลูก ๆ
"คุณลุงเป็นพ่อของพวกเราเหรอฮับ" แฝดพี่เอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
"ใช่สิจ๊ะ คนนี้แหละคือพ่อของลูก" ว่าจบ ทั้งคู่ก็ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปโอบกอดคนเป็นพ่อ
"ฮึก...ไม่คิดเลยว่าฉันจะได้เป็นพ่อของลูกเธอ" เทมโปพูดขึ้นระหว่างที่กอดกับเด็กแฝด
"ขอโทษนะที่แกนพลาดตั้งท้อง"
"ทำไมต้องขอโทษ...รู้ไหมว่าตอนนี้ฉันดีใจและมีความสุขแค่ไหน" มือหนาดึงฉันเข้ามากอดอีกคน จากนั้นเราสี่คนพ่อแม่ลูกก็โอบกอดกันอย่างอบอุ่นและมีความสุข
พยาบาลเข้ามาตรวจเทมโป พร้อมกับให้ทานยาเพื่อให้เขาพักผ่อน หลังจากที่คนป่วยหลับ น้าเรอาและน้าทอร์ชก็ชวนฉันและหว่าหวาไปรับประทานอาหารกลางวันที่บ้าน พร้อมกับลูกแฝดของฉัน
"น้าต้องขอโทษจริง ๆ ที่ลูกชายน้าทำไม่ดีกับหนู" น้าเรอากล่าวขึ้นขณะทุกคนอยู่ที่โต๊ะอาหาร
"เรื่องมันผ่านมาแล้ว แกนลืมมันไปล่ะค่ะ" จริง ๆ ก็ไม่ได้ลืมสนิทหรอก
"น้าขอถามอะไรหนูได้ไหม" คุณน้าทอร์ชเอ่ยขึ้นก่อนจะลอบหายใจเบา ๆ
"น้าทอร์ชจะถามอะไรเหรอคะ"
"หนูแกนพอจะให้โอกาสลูกชายของน้าได้ไหม" สิ้นเสียง ฉันก็ก้มหน้างุด พร้อมกับความรู้สึกที่สับสน
"น้าไม่ได้บังคับนะ เอาความสบายใจของหนูแกนเลยแต่น้าขอร้องเรื่องเดียว...." น้าทอร์ชหยุดพูดแล้วหันไปมองน้าเรอาก่อนทั้งคู่จะมองไปที่กวิน กรัณย์ ที่กำลังกินข้าวกับลูก ๆ พี่นับตังค์ และพี่ต้องรักอีกมุมหนึ่ง
"...ถ้าหนูแกนไม่พร้อมที่จะให้โอกาสเทมโป น้าขอแค่ให้พวกเราได้เจอกับหลาน ๆ บ้าง รวมถึงให้เทมโปได้เจอกับลูกบ้างได้ไหม"
"ได้สิค่ะ" ฉันตอบกลับทันทีด้วยความเต็มใจ เพราะตอนนี้ฉันตัดสินใจไม่ถูกว่าจะยอมให้โอกาสเทมโปดีหรือเปล่า ตลอดเวลาห้าปี ฉันก็อยู่โดยไม่มีเขาได้ และอยู่อย่างมีความสุขด้วย
TemPo
เทมโปลืมตาขึ้นมองเพดาน แล้ว ภาพเด็กแฝดก็ผุดเข้ามาในหัว เขาก็รีบหยัดตัวลุกขึ้นทันที
"กวิน กรัณย์ ออร์แกนไปไหน" หมอกและทอยที่นั่งคุยกันอยู่ที่โซฟาหันขวับไปที่คนป่วยที่อยู่บนเตียง
"น้าเรชวนออร์แกนกับเด็กไปทานข้าวที่บ้าน...." ขายาวก้าวเดินมายังที่เตียงน้องชาย.
"...เดี๋ยวก็คงมา" ว่าจบ คนเป็นน้องก็คว้ามือพี่ชายแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าสดใส
"พี่ทอย ผมอยากออกจากโรงพยาบาล.." เทมโปนึกถึงใบหน้าเด็กทั้งสองก็ยิ้มกรุ่มกริ่ม
"...ผมจะเลี้ยงลูก"
"แกจะเลี้ยงลูก?...." ทอยหันไปกลั้วหัวเราะกับหมอกเบา ๆ
"....หึหึ" แล้วหันมาที่น้องชายตัวเอง
"รักษาตัวเองให้หายก่อน เรื่องลูกค่อยว่ากัน"
"แต่พี่ทอย ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้วนะ ผมอยากไปเลี้ยงลูกจริง ๆ" เทมโปทักท้วง
"ไอ้เทมโป..กูว่ารอให้มึงหายดีก่อนไหม ลูก ๆ มึงไม่หนีไปไหนหรอกหน่า" หมอกบอกกับเพื่อนด้วยความหวังดี แต่ทว่าคำพูดของเขาทำให้เทมโปมีสีหน้าเศร้า
"หนี..." เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
"...ออร์แกนเคยหนีกูไปตั้งห้าปีแล้วนะ กูกลัว" หันไปที่พี่ชาย
"พี่ทอยผมกลัวว่าออร์แกนจะหนีไปอีก แล้วเอาลูก ๆ ไปด้วย" ทอยฟังน้องชายพูดด้วยความสงสาร แล้วลอบหายใจเบา ๆ
"อย่าคิดมาก แกต้องพักผ่อนเยอะ ๆ"
"ใช่ ๆ เดี๋ยวสักพักลูกเมียมึงก็มา" พอได้ฟังแบบนี้เทมโปก็คลี่ยิ้มออกมาทันที
อีกด้าน
"แกน.." ระหว่างที่ฉันนั่งรถไปยังโรงพยาบาลกับหว่าหวารวมถึงกวิน กรัณย์
"ว่าไงหว่าหวา" ฉันหลุดจากภวังค์แล้วหันไปขานรับ
"แกนจะไม่ให้โอกาสเทมโปได้พิสูจน์ตัวเองจริง ๆ เหรอ" เพื่อนสนิทเอ่ยถามขึ้น เพราะก่อนหน้าที่โต๊ะอาหาร ฉันไม่ได้ตอบพ่อแม่เทมโปไปเรื่องที่จะให้โอกาสเขา
"แกนคิดว่า...เป็นพ่อเป็นแม่ให้ลูก ๆ ดีกว่า ไม่จำเป็นต้องมาใช้ชีวิตด้วยกัน อีกอย่างที่ผ่านมาแกนก็อยู่ได้โดยไม่มีเขา" แม้ว่าจะพูดไปแบบนั้น แต่ลึก ๆ ในใจฉันก็อยากที่จะเป็นครอบครัว เพียงแต่เพราะฉันกลัว กลัวว่าเขาจะทำให้ฉันเจ็บปวดอีก
"ตอนนี้เทมโปดูน่าสงสารมากเลย" หว่าหวาพึมพำด้วยใบหน้าที่ดูเห็นใจคนที่กล่าวถึง
"ระหว่างที่แกนอยู่ที่นี่ แกนจะช่วยดูแลอาการป่วยของเขาให้ดีขึ้น..." ฉันเบือนหน้าไปมองข้างถนนแล้วลอบหายใจ
"...อย่างน้อยเขาก็เป็นพ่อของลูก" แล้วกันไปด้านหลังเบาะ ซึ่งมีสองแฝดนอนหลับอยู่
พอมาถึงโรงพยาบาล ฉันกับหว่าหวาก็ขนของพาลูกชายขึ้นไปยังห้องพักพิเศษของเทมโป เนื่องจากวันนี้ ฉันและลูก ๆ อาสาจะเป็นคนเฝ้าเทมโปเอง.
"แกน พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ" กำลังจะเปิดประตูเข้าไป พี่ทอยก็เปิดสวนออกมาแล้วพูดขึ้น
"หว่าหวาพาเด็ก ๆ เข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวแกนตามไป" ฉันบอกกับหว่าหวาแล้วเดินตามพี่ทอยไป
"มีอะไรเหรอคะ" ชายร่างสูงหยุดชะงักแล้วหันมาที่ฉัน สีหน้าดูกังวลแฝงความหนักใจ
"ช่วยอยู่ดูแลเทมโปก่อนได้ไหม...." เขาเบือนหน้าไปลอบหายใจ
"...มันอาจจะเป็นคำขอร้องที่มากไป แต่พี่สงสารและเป็นห่วงเทมโปจริง ๆ" ฉันก้มหน้างุด แล้วถอนหายใจออกมา พี่ทอยคงจะรู้ที่ฉันมาไทยก็เพื่อมาแสดงงานเครื่องประดับ เมื่องานเสร็จฉันก็ต้องกลับ
"พี่อยากให้เทมโปหาย แล้วกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ แกนพอจะช่วยพี่ได้ไหม" เขาเอ่ยขอร้องฉันด้วยสีหน้าที่ดูหนักใจไม่น้อย
"...." ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย ในหัวมันปั่นป่วนไปหมด
"แกนกับลูกจะช่วยให้เทมโปหายจากโรคนี้ได้"
"ขอให้แกนคิดดูก่อนนะคะ" พี่ทอยคลี่ยิ้มบาง ๆ
"ขอบคุณนะ..." เขาเอื้อมมาตบที่ต้นแขนฉันเบา ๆ
"...พี่ขอกลับก่อนนะฝากเทมโปด้วย"
"ค่ะ" พี่ทอยเดินไป ฉันก็ยืนมองแผ่นหลังเขาจนหลับตาแล้วเดินเข้ามาในห้องพักคนป่วย เห็นเทมโปนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อีกมุมก็เป็นหว่าหวา เพื่อนเทมโป และกวิน กรัณย์ พูดคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทำเอาฉันแปลกใจว่า หว่าหวาไปสนิทกับหมอกตอนไหน
"แกน ๆ" ใบหน้าสวยหันมาที่ฉันพอดี เธอจึงกวักมือเรียก
"คนนี้ชื่อหมอก เพื่อนเทมโป" พอนั่งปุ๊บหว่าหวาก็แนะนำทันที ซึ่งเราเคยพบเจอกันมาก่อนแต่ไม่ได้พูดคุยกันอย่างจริงจัง.
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีครับ วันนี้ผมฝากไอ้เทมโปด้วยนะ" ชายหนุ่มกล่าวแล้วคลี่ยิ้ม ก่อนจะหันไปที่หว่าหวา
"เรากลับกันเถอะ" สิ้นเสียง ฉันก็มองไปที่หว่าหวาที่ยิ้มรับอย่างเขินอาย สลับหันไปที่ชายหนุ่มที่ยิ้มกรุ่มกริ่มด้วยอาการงวยงง
"น้าไปก่อนนะเด็ก ๆ" หมอกเอ่ยบอกกับเด็ก ๆ ด้วย รวมถึงหว่าหวา
"พรุ่งนี้น้าจะมาแต่เช้านะ"
"ฮับ / ครับ" เด็กแฝดต่างพากันยกมือไหว้น้าทั้งสอง จากนั้นก็พากันลุกขึ้นจากโซฟา
"ไปก่อนนะแกน" สิ้นเสียงทั้งคู่ก็เปิดประตูออกไป ในขณะที่ฉันนั่งเหวออยู่
"พรุ่งนี้ค่อยเคลียร์กันนะหว่าหวา" ฉันพึมพำเบา ๆ แล้วมองไปที่ลูกแฝด ที่ต่างก็จ้องไปที่คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง.
"แม่ฮับ ผมสงสารพ่อจัง" มือน้อย ๆ ของแฝดพี่มาสะกิดฉันแล้วพูดขึ้น
"ผมก็สงสารครับ เมื่อไหร่พ่อจะหายล่ะครับ" กรัณย์เอ่ยถามสายตาแป๋ว
"อีกไม่นานหรอกครับ"
"เย้ ๆ / เย้ ๆ" ทั้งคู่พาชูมือดีใจ ทำให้ฉันต้องเอ่ยถาม
"ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ" แล้วเอามือลูบหัวเด็ก ๆ อย่างรักใคร่เอ็นดู กรัณย์ที่ไม่ชอบใครลูบหัว แต่ลูกแฝดคนน้องจะยอมให้ฉันลูบได้คนเดียว
"ดีใจสิฮับ ถ้าพ่อฟื้นกวิน กับกรัณย์จะชวนพ่อเล่นยิงปืน" กวินพูดจบก็หันไปฉีกยิ้มกับน้องชาย
"ใช่ ๆ เล่นยิงปืนกับพ่อต้องสนุกกว่าเล่นกับแม่แน่ เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันเนาะ ๆ" กรัณย์ว่าจบก็ผงกหัวยิก ๆ ให้กับแฝดพี่
"เอ้า!?" ฉันจะถูกลูกทิ้งแล้วเหรอเนี่ย
..
ตอนจบ"เทมโป..." ใบหน้าหล่อคมคายหันมาจ้องที่ฉัน"...แกนจะไม่เป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปใช่ไหม" เทมโปคลี่ยิ้มออกมาหลังจากที่ฉันพูดจบ"เธอไม่ใช่แค่เพื่อน..แต่เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันแล้ว.." มือหนายกมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน"..ถ้าฉันขาดเธอ ฉันขาดใจ" ปลั่ก! นั่นเป็นเสียงที่ฉันกำมือทุบไปที่อกของเขา"คนบ้า!""ใช่ ก่อนหน้าฉันเคยบ้ามาแล้ว ตั้งแต่เธอหนีไป" เทมโปพูดสวนกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำกับเธอ รู้ไหมว่าฉันทรมานจนดูน่าสมเพชเอามาก ๆ เลย""ออร์แกน...ตอนที่เธอหายไปฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเธอ""ทะ เทมโป.." ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่ภายในใจมันรู้สึกพองโต"ถ้าเธอไม่หนีไป วันนี้ฉันคงไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน..." คนร่างสูงโน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากฉัน"...ขอบคุณที่สอนบทเรียนให้กับฉัน และขอบคุณที่กลับมาไม่ว่าเหตุผลที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะฉัน""..." เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ใบหน้าสดใส"ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลับมาเพราะฉัน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้เจอเธอ ได้ขอโทษและได้บอกความในใจของฉันให้เธอฟัง""เทมโป..แกนก็ไม่เคยลืมนายเลยนะ" ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ฉัน
จากเพื่อนสู่ผัว"กวิน กรัณย์ ออร์แกน" ฉันและลูกแฝดต่างพากันหันไปที่ต้นเสียง ซึ่งเป็นคนป่วยที่นอนอยู่เอ่ยขึ้นมา เขาลืมตามองมาที่พวกฉันแล้วค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น"พ่อตื่นแล้ว" กวินบอกกับคนเป็นน้อง ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่เตียง พร้อม ๆ กับฉันที่รีบไปประคองเขาลุกนั่ง.เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ขณะที่ลูกแฝดขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามอาการพ่อตัวเองทันที"พ่อเจ็บตรงไหนฮับ" แฝดพี่พูดแล้วใช้สายตามองไปที่เรือนร่างคนเป็นพ่อราวกับหาอะไร"พ่อรีบหายนะครับ จะได้มาเล่นกัน...." กรัณย์เอ่ยแล้วหันไปพูดกับกวิน"...ให้พ่อเป็นผู้ร้ายนะพวกเราเป็นตำรวจ""หึหึ" เทมโปหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมไปลูบหัวลูกแฝดคนโต แล้วกำลังจะสลับไปลูบหัวคนน้องแต่เขากลับชะงัก คงจะจำวันนั้นได้วันที่กรัณย์ไม่ยอมให้เขาลูบเพราะกลัวผมเสียทรง"พ่อเป็นพ่อของกรัณย์ พ่อลูบได้ครับ" เด็กน้อยแฝดน้องพูดพร้อมกับยื่นหัวให้พ่อของเขาลูบ สร้างรอยยิ้มปนน้ำตาที่คลอเบ้าให้คนเป็นพ่อทันที"วันนี้เธอกับลูกอยู่กับฉันนะ" เทมโปหันมาพูดกับฉัน"อืม" ฉันตอบกลับสั้น ๆ แล้วคลี่ยิ้มให้"ขะ ขอบใจนะ" เทมโปกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ"รับหายนะ..แกนอยากให้เทมโปกลับมาใ
ยังไม่ให้โอกาส"แล้วเด็กฝาแฝดนั้นเป็นลูกใคร"ฉันคลี่ยิ้มหวานแล้วดึงมือหนาเดินเข้ามาด้านในห้อง"รอตรงนี้นะ เดี๋ยวแกนจะไปพากวิน กรัณย์เข้ามา" เทมโปทำสีหน้ามึนงงปนสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องก็เห็นทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม"เทมโปเป็นยังบ้าง ออร์แกน" คุณน้าเรอาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาถามด้วยใบหน้าที่ยังมีความกังวล"ตอนนี้เทมโปโอเคขึ้นแล้วค่ะ..." ว่าจบ ฉันก็หันไปที่ลูกแฝดที่มีผู้ใหญ่ล้อมรอบอย่างอบอุ่น"...แกนขอพากวิน กรัณย์ไปหาพ่อของเขาก่อนนะคะ" คุณน้าเรอาคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมมากุมมือของฉัน"ออร์แกน น้าขอโทษแทนเทมโปด้วยนะ..." เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ"...ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีหลานฝาแฝดที่น่ารักแบบนี้ ขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เลี้ยงดูที่เกิดมาจากเทมโปมาอย่างดี" คุณน้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ น้ำตาคลอเบ้า"กวิน กรัณย์ เป็นยิ่งกว่าชีวิตยังไง แกนก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดค่ะ" คุณน้าเรอาผงกหัวรับแล้วหันไปที่ลูกชายฝาแฝดของฉัน"กวิน กรัณย์ มากับแม่" ฉันเอ่ยเรียก ทั้งคู่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มใบหน้าสดใสมาที่ฉัน"ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างฮับ
ขอร้องOrgan"ทำไมคุณทอยคิดว่าเราสองคนแต่งงานกัน" ภิสิงห์เอ่ยถามขึ้นขณะที่ตอนนี้พวกเราต่างพากันธุระเสร็จจนกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนสองแฝดก็นอนหลับด้วยความเพลีย"หว่าหวาเป็นคนโกหกเองค่ะ" คนเป็นพี่หันไปที่น้องสาวของตนด้วยสีหน้าสงสัย"คือวันนั้นพวกเราเจอกับเทมโป...." หว่าหวาหยุดพูดแล้วหันมาที่ฉัน"...นายนั่นคอยเซ้าซี้แกนไม่เลิก หว่าหวาก็เลยโกหกไปว่า..""พี่กับแกนแต่งงานแล้วกวิน กรัณย์คือเป็นลูกพี่?" ภิสิงห์แทรกพูดขึ้นหว่าหวาก็ผงกหัวรับสีหน้ารู้สึกผิด"อย่าโกรธหว่าหวาเลยค่ะ แกนเองก็ไม่ทักท้วงปล่อยเลยตามเลย" ฉันพูดจบ หว่าหวาก็หันมาฉีกยิ้มให้ ขณะที่ภิสิงห์มีสีหน้าดูเครียด ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ"พี่สิงห์โกรธหรอกคะ แกนขอโทษ""เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ.." ว่าจบ ภิสิงห์ก็ลอบหายใจออกมาเบา ๆ"...ไม่นานทางนั้นก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ""...." ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่น ภายในใจก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน ยิ่งวันนี้ที่เจอกับพี่ทอย เขาดูมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันคิดว่าเขาต้องไปสืบเรื่องแต่งงานที่หว่าหวากุขึ้นมาแน่"แกน..." ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายเพื่อน"...พี่ได้ข
กลัววันนี้ฉัน หว่าหวา และภิสิงห์ต่างพากันไปดูสถานที่จัดงานแสดงเครื่องประดับ แน่นอนว่าสองแสบจะต้องไปด้วย กวิน และกรัณย์ค่อนข้างที่จะติดฉัน เพราะฉันดูแลทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเกิดมา ให้ความรัก เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกเขา"แม่ฮับ..." บนรถของภิสิงห์ที่อาสาเป็นคนขับพาไปยังสถานที่จัดงาน อยู่ ๆ กวินก็เอ่ยขึ้น"...พ่ออยู่ไหนเหรอครับ" คำถามของลูกชายที่เป็นแฝดพี่ทำให้หัวใจฉันรู้สึกสั่น ๆ"นั่นสิครับ พ่อไปไหนเหรอ" ฉันละสายตาหันไปที่กรัณย์ที่พูดเสริมขึ้นมา หว่าหวาที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ พร้อมกับภิสิงห์หันมาสบตาฉันทันที"เอ่อ...ทำไมอยู่ดี ๆ ถามขึ้นมาล่ะครับ""ก็ลุงคนนั้นถามผมยังไม่ได้ตอบเขาเลย" ลุงคนนั้น ที่กวินเอ่ยถึงก็คือเทมโป พ่อของพวกเขานั้นแหละ"พ่อทำไมไม่มาหาพวกเราเลยล่ะครับ" กรัณย์เอ่ยพร้อมกับสีหน้าเศร้า"...." ฉันนิ่งมองดูทั้งสองด้วยความสงสาร"เด็ก ๆ เดี๋ยวแวะกินไอศครีมคลายร้อนกันนะ" ภิสิงห์เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้า และดูเครียด"เย้ / เย้" พอได้ยินคำว่าไอศครีม เด็ก ๆ ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าดีใจทันทีจากนั้นภิสิงห์ก็ขับรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อพาเด็ก ๆไปทานไอศครีมระห
พ่อของเด็กเป็นใครฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองใบหน้าหล่อ นิ่ง ๆ เขาก้าวขายาวเดินมายืนตรงหน้าฉันแล้วหลุบตามองไปที่กวิน และกรัณย์สลับกัน ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกวิน แฝดพี่ที่ฉันจับมืออยู่"พ่ออยู่ไหนครับ" เทมโปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"...." กวินไม่ตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้ามึนงง แฝงสงสัย"คุณเป็นใครเหรอครับ" กรัณย์แฝดน้องที่หว่าหวาจับอยู่เอ่ยขึ้น ทำให้เทมโปละสายตาหันไปมองเด็กน้อย"ลุงเป็น...." เขาหยุดพูดแล้วช้อนตาขึ้นมองมาที่ฉัน ก่อนที่จะตอบกลับกรัณย์"...ลุงเป็น พะ เพื่อนแม่เราน่ะ" เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ สีหน้าเจ็บปวด แล้วเอื้อมมือไปลูบที่หัวกรัณย์ แต่ทว่า"อย่าลูบ เดี๋ยวผมเสียทรง" แฝดคนน้องผละหัวหนีออก ทำให้มือหนาชะงักแล้วหัวเราะปนเศร้าเบา ๆ"เหอะ" ไม่รู้ซะแล้วว่ากรัณย์ห่วงหล่อขนาดไหน"แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ" ในเมื่อถามกวินแล้วไม่ได้คำตอบ เขาจึงเลือกถามแฝดน้องแทน"...." กรัณย์ ส่ายหัวแล้วก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเศร้า ทำเอาหัวใจฉันวูบไหวสงสารลูก"พอสักทีเถอะ..เลิกยุ่งเรื่องของแกนได้แล้ว" พูดจบ ฉันก็พากวิน และหว่าหวาจูงมือกรัณย์เดินหนีมา"ออร์แกน...ออร์แกน""อย่าตามมานะ!" ฉันหันไปตวา