LOGIN“ถอดเสื้อออก”
“…”
คนได้ยินคำสั่งก็อ้าปากค้าง ไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังจะทำอะไร ทำไมต้องสั่งให้ถอดเสื้อออกอีกแล้ว
เมื่อเจ้าหล่อนยังคงนิ่ง คราวนี้รามันก็กระชากมันออกเสียเอง ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว หญิงสาวรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดกาย แต่ก็โดนมือหนากระชากมันออก และขว้างทิ้งไป
รามันไม่ยอมบอกสักนิดว่าจะทำอะไร ได้แต่ตรึงร่างเล็กไว้กับเตียง พลันส่งสายตาคมมาสั่งให้นอนนิ่งๆ
คนตัวเล็กดีดดิ้นเต็มที่ ใครที่ไหนกันจะทนนอนนิ่งๆ ได้ในเมื่อร่างกายเกือบจะเปลือยเปล่า แถมเขายังขึ้นมาคร่อมร่างไว้แบบนี้อีก แต่ออกแรงดิ้นเท่าไร ก็ไม่ทำให้รามันขยับเขยื้อนได้สักนิด จนในที่สุดก็หมดแรงเสียเอง นอนนิ่งแล้วหลับตาแน่น ยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น หล่อนคิดว่าคนใจร้ายนั้นจะลงมือปลุกปล้ำตน แต่พอเวลาผ่านไปได้สักพักก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะรับรู้ก็ถึงแรงจากมือหนาซึ่งค่อยๆ ลูบไล้ไปที่รอยแผลช้ำ ดวงตาสวยลืมขึ้นมอง เจ้าหล่อนถึงกับทำสีหน้าอึ้ง ไม่อยากจะเชื่อ
‘พระเจ้า ไม่น่าเชื่อ!! อสูรไร้หัวใจคนนี้ลงทุนทายาให้เธอเอง’
“ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั้น ฉันไม่ได้อยากทำนักหรอก ที่ทำเพราะแค่สงเคราะห์คนไม่มีแรง”
เขาตอบเสียงห้วนๆ กลัวจะเสียฟอร์ม และทำเป็นไม่สนใจ แต่สันกรามขบเข้าหากันทุกครั้งที่ได้ยินเสียงโอดครวญ ถึงไม่รักไม่ต้องการ แต่เขาก็ไม่ชอบให้ใครมาทำลายผู้หญิงของเขา
“พรุ่งนี้ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องไปทำงาน ขืนไปก็ไปเกะกะคนอื่น”
รามันผละออกห่าง แล้วกดเสียงดุเมื่อเห็นว่าช้องนางทำท่าจะลุกขึ้น
“จะไปไหน แรงจะเถียงฉันยังไม่มี ยังมาทำเป็นอวดดี นอนไปซะ ฉันไม่อยากจะต้องมาเปลืองตัวอุ้มเธออีก” พูดจบก็เดินออกไป ปล่อยให้ช้องนางมึนงงกับการกระทำที่เหมือนผีเขาผีออก บางครั้งก็แลอบอุ่น แต่บางครั้งก็เย็นชา ตกลงแล้วเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ ดีหรือร้ายกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น เท้าหนาก็เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ตรงไปคว้าผ้าขนหนู แล้วเข้าไปอาบน้ำ ประมาณยี่สิบนาทีรามันก็ออกมาในชุดทำงานตัวเก่ง จากนั้นก็ออกไปทำงานทันที ไม่ได้หันไปสนใจร่างเล็กบนบนเตียงสักนิด และช่วงตอนกลางวันรามันก็ไม่ได้กลับเข้ามาที่บ้านพัก กว่าจะกลับเข้ามาก็ปาไปเกือบสี่โมงเย็น
เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มก็รีบเข้าไปอาบน้ำเพื่อชำระร่างกายจากกลิ่นเหงื่อไคลทันที พอก้าวออกมา ดวงตาคมก็ต้องเหล่ไปมองคนบนเตียง คิ้วหนาขมวดเข้ามากันก่อนเดินเข้าไปใกล้ รู้สึกแปลกใจ ทำไมเหมือนกับว่าเจ้าหล่อนยังไม่ได้ลุกลงมาจากเตียงสักนิด เสื้อผ้าตัวน้อยก็เป็นชุดเดิม
เมื่อมาหยุดอยู่หน้าเตียง คิ้วเข้มก็ผูกกันเป็นโบมากขึ้น พลางยื่นมือไปสัมผัสหน้าผากเนียน แล้วสบถเสียงดัง
“บ้าเอ๊ย!! เป็นไข้หรือวะเนี่ย” เพียงสัมผัสก็รับรู้ได้เลยว่าช้องนางกำลังมีไข้สูง
เขารีบช้อนร่างนั้นขึ้นแล้วตรงดิ่งไปยังรถคู่ใจเพื่อพาเจ้าหล่อนไปโรงพยาบาล ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้ ช้องนางคงแย่ เนื้อตัวร้อนดั่งไฟ แถมร้องเรียกเท่าไรก็ไม่ได้สติ ที่สำคัญขืนปล่อยให้ลูกสะใภ้คนโปรดของมารดาเป็นอะไรไป มีหวังแม่ของเขาคงต้องมาฉีกอกอย่างแน่นอน
พอวางร่างที่ซมเพราะพิษไข้ไว้เบาะหลังแล้ว รถคันโตก็ทะยานออกจากบ้านพักตรงไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที ซึ่งมีกิจ เพื่อนรัก เป็นหมอประจำอยู่ที่นั่น
“มาโวยวายอะไรแถวนี้ไอ้รามัน นี่มันโรงพยาบาล กรุณาอย่ามาทำป่าเถื่อน” กิจ ร้องบอกเพื่อนรักที่มายืนโวยวายหน้าห้องตรวจ
“ไอ้กิจ รักษาคนให้กูที”
รามันรีบร้องบอกทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน ก่อนจะก้มลงไปมองหน้าที่ซีดเผือด ไร้สีเลือด ซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของตน
กิจก้มลงไปมองตาม และต้องตกตะลึงในความสวยของผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนรัก
เมื่อร้องบอกแล้วแต่กลับเห็นว่าเพื่อนยังคงยืนนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อน เอาแต่จ้องมองที่ใบหน้านวลไม่ยอมละสายตาสักนิด รามันรีบร้องตะโกนเรียกสติ คิดว่ากิจคงจะตกตะลึงในความสวย เพราะครั้งแรกที่เจอกันเขาก็ยังตกตะลึงในความสวยของช้องนาง แต่ทำฟอร์มเป็นไม่สนใจ
“อย่ามัวแต่มองอยู่เลยมึง เดี๋ยวก็ตายห่าพอดี ถ้าอยากมองนัก เดี๋ยวกูจะให้มองหรือยกให้เลย แต่ตอนนี้รักษาให้กูก่อน”
“ฮือ พ่อขา นางเหนื่อยแล้วค่ะ นางไม่อยากจะสู้แล้ว เขาไม่เคยมองนางในแง่ดีเลย มีแต่กล่าวหานาง เขาคงเกลียดนางมาก เขาคงไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีนางเป็นเมีย ฮือ...นางผิดหรือคะ ที่ทำเพื่อช่วยครอบครัว” น้ำตายังคงไหลริน หัวใจดวงน้อยมีแต่รอยแผล และมันคงยากที่จะเยียวยารามันไม่ได้ใส่ใจคนที่วิ่งร้องไห้ไป เขาเดินตรงไปสะสางงานต่อ พอได้เวลาอาหารค่ำก็กลับมา ก่อนจะยกคิ้วขึ้นสูงเมื่อไม่เห็นเมียตีทะเบียน ไหล่หนายกขึ้นสูงอย่างไม่ใส่ใจ คิดว่าหญิงสาวคงเรียกร้องความสนใจ อยากให้ง้อ แต่คนอย่างเขาไม่คิดที่จะง้อใคร ยิ่งเป็นเมียคนนี้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางป้าน้อยอยากจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ช้องนางไม่ยอมมากินข้าว แถมพอหล่อนไปตามก็ต้องตกใจ เพราะดวงตาสวยบวมช้ำ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ก็ไม่กล้าจะเอ่ยถามเพราะมันเป็นเรื่องของเจ้านาย“มีอะไรหรือเปล่าครับป้าน้อย” เมื่อเห็นว่าป้าน้อยทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา เสียงเข้มจึงต้องเอ่ยถาม“ทะเลาะอะไรกันคะ ทำไมหนูนางร้องไห้ไม่ยอมมากินข้าว”“ป้าอย่าไปสนใจเลยครับ นิสัยเด็กแบบนั
“ฮือ พ่อขา นางเหนื่อยแล้วค่ะ นางไม่อยากจะสู้แล้ว เขาไม่เคยมองนางในแง่ดีเลย มีแต่กล่าวหานาง เขาคงเกลียดนางมาก เขาคงไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีนางเป็นเมีย ฮือ...นางผิดหรือคะ ที่ทำเพื่อช่วยครอบครัว” น้ำตายังคงไหลริน หัวใจดวงน้อยมีแต่รอยแผล และมันคงยากที่จะเยียวยารามันไม่ได้ใส่ใจคนที่วิ่งร้องไห้ไป เขาเดินตรงไปสะสางงานต่อ พอได้เวลาอาหารค่ำก็กลับมา ก่อนจะยกคิ้วขึ้นสูงเมื่อไม่เห็นเมียตีทะเบียน ไหล่หนายกขึ้นสูงอย่างไม่ใส่ใจ คิดว่าหญิงสาวคงเรียกร้องความสนใจ อยากให้ง้อ แต่คนอย่างเขาไม่คิดที่จะง้อใคร ยิ่งเป็นเมียคนนี้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางป้าน้อยอยากจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ช้องนางไม่ยอมมากินข้าว แถมพอหล่อนไปตามก็ต้องตกใจ เพราะดวงตาสวยบวมช้ำ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ก็ไม่กล้าจะเอ่ยถามเพราะมันเป็นเรื่องของเจ้านาย“มีอะไรหรือเปล่าครับป้าน้อย” เมื่อเห็นว่าป้าน้อยทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา เสียงเข้มจึงต้องเอ่ยถาม“ทะเลาะอะไรกันคะ ทำไมหนูนางร้องไห้ไม่ยอมมากินข้าว”“ป้าอย่าไปสนใจเลยครับ นิสัยเด็กแบบนั
ช้องนางสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ความคิด เหล่ไปมองเล็กน้อย เมื่อเจอสีหน้าเรียบเฉย แต่สายตานั้นช่างดูถูก เหยียดหยาม เจ้าหล่อนก็หันกลับมาทำกับข้าวต่อ ไม่อยากจะสบสายตาคู่คม ทำไมกันเขาถึงไม่ยอมมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนบ้าง ทำไมต้องมองด้วยสายตาเหยียดหยามตลอด“เฮ้อ”“มัวแต่ถอนหายใจกับข้าวมันจะเสร็จไหม”“นางจะรีบทำค่ะ” เธอรีบตอบไม่อยากจะมีปัญหากับอสูรตนนี้ เดี๋ยวตอบช้าก็จะพาลมาหาเรื่องกันอีกจัดการลงมือทำกับข้าวต่อ ไม่ถึงสิบนาทีกับข้าวทุกอย่างก็พร้อมเสิร์ฟ คนนั่งรอก็ตีหน้านิ่ง จนช้องนางแอบหมั่นไส้ บางวันก็นิ่ง บางวันก็ดุอย่างกับยักษ์ คนอะไรช่างมีหลายอารมณ์เสียจริง“แล้วจะยืนหาพระแสงอะไร นั่งลงมากินข้าวสิ พิรี้พิไรอยู่ได้”“ค่ะ” ตอบรับแล้วลอบถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเอาชนะใจอสูรไร้หัวใจได้สักที หรือว่าชาตินี้จะไม่มีหนทาง คิดแล้วก็กลุ้มใจ ได้แต่ภาวนาให้ตัวเองหาวิธีเอาชนะใจชายคนนี้ได้เสียทีกาลเวลาค่อยๆ เปลี่ยนผัน จากชั่วโมงเป็นวัน วันเป็นเดือน ช้องนางมาอยู่ที่นี่ในสถานะเมียกึ
ตั้งแต่วันที่ปะทะคารมกับช้องนางอย่างดุเดือด กระชากเจ้าหล่อนเข้ามาจูบอย่างเร่าร้อน รามันก็พยายามเลี่ยงไม่เข้าใกล้ ทำใบหน้าเรียบตึงใส่ บางครั้งก็เสแสร้งทำเป็นไม่เห็น ทั้งๆ ที่เจ้าหล่อนยืนอยู่ตรงหน้า เหตุผลก็เพราะหัวใจแกร่งมันดันเต้นผิดจังหวะเวลาอยู่ใกล้ๆ รู้สึกอยากจะครอบครองริมฝีปากบางนั้นอีกครั้ง จนต้องข่มใจไม่ให้เข้าใกล้กระทั่งวันนี้วันที่โรสนั้นโทรมา อยากจะคุยกับลูกสะใภ้คนโปรด ทำให้เขาต้องเข้าใกล้ โดยเจ้าหล่อนกำลังวุ่นกับการทำครัว“แม่ฉันอยากจะคุยด้วย” ยื่นโทรศัพท์ไปให้ แต่เมื่อเห็นว่าช้องนางยื่นมือมารับ ก็ชักโทรศัพท์กลับแล้วก้มลงกระซิบบอกวาจาร้ายกาจข้างหูขาว“ตอบคำถามให้มันดีๆ ละ คงรู้นะที่ฉันพูดหมายความว่ายังไง รู้ใช่ไหมหากตอบไม่ดีจะเจออะไร” ขู่เสียงเหี้ยมช้องนางพยักหน้าหงึกหงักรับ ใครจะกล้าพูดขัดใจอสูรเช่นเขา ขืนทำมีหวังอสูรผู้โหดเหี้ยมได้กลับมาอีก ขอให้มันเงียบสงบแบบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่าน เพราะหล่อนจะได้ไม่ต้องเจ็บช้ำใจ ไม่ต้องฟังวาจาเหยียดหยาม“สวัสดีค่ะคุณหญิง”“เดี๋ยวจะตีให้ตายเลย ต้องเรียกว่า
“ผมไม่ห้ามคุณหรอกครับ ผมเองก็ต้องขอโทษคุณด้วยซ้ำ นี่ถ้าวันนั้นกล้องวงจรของผับผมไม่พัง ป่านนี้คุณคงรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ยังไงผมก็ขอให้คุณเจอเธอเร็วๆ นะครับ ผมเอาใจช่วย" เขาตบบ่าเบาๆ แล้วจากไปหัวใจแกร่งกระตุกวูบทุกครั้งเมื่อก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ภาพเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อนแวบเข้ามาในหัว ยังคงจำเสียงร้องเจ็บปวดของผู้หญิงคนนั้นได้ดี เขารู้ดีว่าตัวเองเลวแค่ไหน พอเหล้าเข้าปากจนเมามาย ทำให้เขาพร่าพรหมจรรย์ของผู้หญิงคนหนึ่ง แถมพอตื่นขึ้นมาก็จำอะไรแทบไม่ได้ กระทั่งหน้าตาของเจ้าหล่อน เขาก็ยังคงจำไม่ได้“มาคนเดียวหรือคะ ให้หนิงนั่งเป็นเพื่อนไหม”หลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อได้ยินเสียงหวาน ก่อนจะหันไปมอง แล้วพบว่าผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอยู่ในอาการเมามาย ส่งยิ้มหวานฉ่ำมาให้ แถมยังลูบไล้ไปตามร่างกาย“ไม่เป็นไรครับ ผมขอนั่งคนเดียวดีกว่า”“ทำไมล่ะคะ ก็หนิงอยากจะนั่งด้วยนี่คะ ยิ่งนั่งที่ตักด้วยยิ่งดี” พลันขยับมานั่งข้างๆ“งั้นก็ตามใจครับ” ในเมื่อปฏิเสธแล้ว อีกฝ่ายก็ยังคงตื๊อ เขาก็ไม่อยากจะปฏิเสธให้เสียหน้า ริมฝีปากหนาต้องเม้มแน่น ตั้งแต่มานั่งตรงนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังจับจ้อง จนรู้สึ
“แกไปหาหนูรีมาเหรอ”รามันพยักหน้าตอบและพ่นลมหายใจร้อนๆ ออกมา“แล้วหนูรีเป็นไงบ้าง?” เขาถามด้วยความเป็นห่วง รู้ดีว่าเด็กน้อยคนนี้มีความสำคัญกับเพื่อนรักมากแค่ไหน เรียกว่าตอนนี้ที่หัวใจดวงแกร่งยังเต้นอยู่บ้าง ไม่ได้ด้านตายไปซะหมด ก็เพราะเด็กผู้หญิงคนนี้“ยังเหมือนเดิม” รามันตอบเสียงเศร้า พลางนึกถึงความน่ารักของลูกสาวสุดรัก“พ่อรามันขา อุ้มหนูรีหน่อยนะคะ หนูรีคิดถึงพ่อรามัน พ่อรามันเหนื่อยไหมคะ เดี๋ยวหนูรีจะนวดให้”เมื่อนึกถึงเสียงออดอ้อน ใบหน้าเล็กที่ฉีกยิ้มทีไรก็เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าคมได้ทุกครั้ง แต่ก็ต้องกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้นเมื่อนึกถึงต้นเหตุที่ทำให้เสียงออดอ้อนนี้หายไป เหลือไว้แต่ความเศร้าและร่างที่เกือบไร้วิญญาณ สามปีเต็มแล้วสิที่ลูกสาวของเขาต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา สามปีแล้วที่เขาไม่ได้ยินเสียงออดอ้อน ไม่ได้เห็นความน่ารักของเด็กคนนี้แววตาที่เศร้าลงถนัดตาของเพื่อนรัก ทำให้กิจเดินไปตบบ่าเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ“แกเชื่อฉันนะ อีกไม่นานหนูรีก็ฟื้นมา หนูรีเป็นเด็กน่ารัก นิสัยดี ฟ้าต้องเห็นใจ” พลางยกนาฬิกาขึ้นมาดู เพราะตนต้องไปเข้าเวรตรวจคนไข้“ฉันไปก่อนนะเพื่อน มีตรวจคนไข้ ส่วนแกไปรับเ







