LOGIN: ก็แค่เมียแต่งที่ไม่รัก : เธอมันก็แค่เมียแต่งที่เขาไม่ต้องการ เธอเป็นได้เพียงเศษดินต้อยต่ำ ที่เขาไม่อยากจะชายตามอง "คุณจะทำอะไร" ช้องนางตะโกนถามน้ำเสียงสั่น ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว "จะสั่งสอนเธอไง ช้องนาง สั่งสอนให้หลาบจำว่า อย่า-คิด-จะ-ลอง-ดี-กับ-ฉัน" สิ้นประโยค ข้อมือหนากระชากข้อเท้าบางที่กำลังลนลานหนีลงจากเตียงให้กลับมาที่เดิม พร้อมแสยะยิ้มให้อย่างเยือกเย็น ถาโถมร่างกายไปทาบทับ "ฉันจะสั่งสอนเธอให้หลาบจำ เธอจะต้องจำไปจนวันตาย " บอกด้วยเสียงเหี้ยม แววตามีแต่เปลวไฟ ฝ่ายช้องนางก็พยายามผลักไสคนตัวโตให้ออกห่าง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เมื่อการผลักไสไม่ได้ผลก็เปลี่ยนมาดิ้นรนเพื่อหนทางรอดแทน ใจดวงน้อยนั้นสั่นกลัวไปหมด ยิ่งเห็นดวงตาคู่นี้ที่พิโรธ ก็ยิ่งกลัว
View Moreบทที่1เจ้าสาวของอสูร
บรรยากาศยามเช้าของกลางไร่ส้มเริ่มมีลมหนาวโชยมาให้รู้สึกหนาวกาย เหล่าคนงานทำงานอย่างขะมักเขม้น บางคนเก็บผลผลิต บางคนกำลังลงแปลงปลูกต้นส้มเพื่อทดแทนต้นเก่าที่ตายไป ส่วนบางคนก็ทำหน้าที่คัดผลส้มตามขนาดไซส์เพื่อส่งขาย
ไร่ส้มแห่งนี้กินเนื้อที่มากกว่าหนึ่งพันไร่ โดยมีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมเข้มอย่าง รามัน อิศรเวชเป็นเจ้าของ ซึ่งเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลอิศวรเวช ที่สาวๆ ในจังหวัดต่างใฝ่ฝันที่จะครอบครองหัวใจ เพราะชายหนุ่มนั้นเพอร์เฟกต์ไปซะทุกอย่าง ทั้งหน้าตาและฐานะ
แต่สำหรับเขา
รามัน อิศรเวช
ไม่เคยคิดที่จะเอาห่วงมาผูกคอ เขาคิดว่าการมีเมียช่างเป็นปัญหาใหญ่ และวุ่นวายในชีวิต
การที่รามันไม่เคยสนใจจะหาคู่ครองทั้งๆ ที่อายุของตนก็เข้าใกล้เลขสี่เต็มที่แล้ว ทำให้คุณหญิงโรสผู้เป็นมารดาหนักใจซะเหลือเกินกับปัญหานี้ ถึงกับกุมขมับทุกครั้งที่เอ่ยถึง ในเมื่อหล่อนให้เวลากับลูกชายหัวดื้อหาเมียเองแล้ว แต่ลูกชายกลับเฉย ไม่คิดที่จะหาเมีย หล่อนนี่ละจะเป็นคนจัดการหาให้เอง
“แม่ว่าไงนะครับ แม่จะให้ผมแต่งงาน” รามันตะโกนถามลั่นผ่านสายโทรศัพท์ไปยังมารดาด้วยน้ำเสียงตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาต้องการ ซึ่งมันไม่เคยมีในความคิดของเขาเลยสักนิด
แม้สักนิดก็ไม่มี
“ใช่!! แม่จะให้แกแต่งงาน เจ้ารามัน” โรสเอ่ยซ้ำให้ลูกชายฟังอีกหน
“ไม่ครับ!! ผมไม่แต่ง อย่างไรผมก็ไม่แต่ง” เจ้าของไร่ยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง ส่ายหัวเป็นพัลวัน อย่างไรแล้วเขาก็ไม่มีวันทำตามในสิ่งที่มารดาต้องการ เรื่องอะไรจะต้องทำให้ชีวิตวุ่นวายด้วยการมีห่วงมาผูกคอ อยู่เป็นโสดแบบนี้ออกจะสบาย มีชีวิตที่อิสรเสรี ที่สำคัญจะเอาใครที่ไหนก็ไม่รู้มายัดเยียดให้ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน เขานั้นไม่มีทางยอมแน่ แต่ไม่ทันที่จะร้องปฏิเสธออกไป รามันก็ต้องทำสีหน้าอึ้งปนตึงเครียด เมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาสวนกลับมา
“ฉันไม่สน ถ้าแกไม่แต่ง ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่”
โรสยืนกรานเสียงแข็งกับเรื่องนี้เช่นกัน หล่อนจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ ทุกอย่างถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว งานแต่งจะถูกจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนลูกสะใภ้นั้นหล่อนก็เลือกคนที่คิดว่าจะทนกับความร้ายกาจของลูกชายได้ ถึงแม้ว่าอายุของลูกสะใภ้จะห่างกับลูกชายหัวดื้อเกือบสิบห้าปีก็ตาม
“งานแต่งแกจะจัดวันศุกร์หน้าที่โรงแรมของน้าแก ถ้าแกคิดว่าฉันเป็นแม่แกก็มา ถ้าไม่นับถือว่าฉันเป็นแม่ แกก็ไม่ต้องมา เรื่องเจ้าสาวแกไม่ต้องเป็นห่วง ฉันหาคนที่ดีสำหรับแกแน่นอน” ไม่รีรอให้ลูกชายได้ตอบกลับหรือปฏิเสธ โรสรีบชิงวางสายก่อนทันที ปล่อยให้ชายหนุ่มเจ้าของไร่กุมขมับ และโมโหฮึดฮัดเมื่อไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
ส่วนทางด้านโรสเมื่อวางสายจากลูกชายไป หล่อนก็โดนตั้งคำถามเชิงติเตียนจากสามีสุดที่รักทันที
คุณหญิง คุณไปบังคับมันมากไปหรือเปล่า คุณน่าจะปล่อยให้เจ้ารามันมันหาเมียเองนะคุณ” ราเชน เอ่ยอย่างเห็นใจลูกชายที่ถูกบังคับคลุมถุงชน ถึงจะรู้ว่าเหตุผลที่ภรรยาทำลงไปมันคืออะไร แต่เขาก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้อยู่ดี
“ไม่ต้องมาเข้าข้างไอ้ลูกชายตัวดีเลยนะคุณ ปล่อยให้มันหาเองเหรอ นี่อายุปาจะสี่สิบ ยังหาไม่ได้สักคน แล้วแบบนี้เมื่อไรฉันจะได้อุ้มหลาน แถมมันยังเอาแต่จมปลักกับความหลังเก่าๆ อยู่แบบนี้ แล้วเมื่อไรมันจะมีความสุข ไม่ต้องรอให้ฉันกับคุณตายก่อนหรือไง” เธอพูดน้ำเสียงประชดประชัน พลางสะบัดหน้าหนี
“เรื่องนั้นผมเข้าใจคุณนะคุณหญิง แต่การคลุมถุงชนมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร แถมผมยังรู้สึกสงสารหนูนาง ที่ต้องมาแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก คุณก็ไม่น่าจะไปบังคับหนูนางให้มาแต่งงานกับลูกชายเราเลย” ท่านบอกเสียงเหนื่อย รู้นิสัยภรรยาคู่ชีวิตดีว่าดื้อรั้นขนาดไหน รู้อยู่แล้วว่าคำตอบนั้นจะออกมาเช่นไรในเมื่อเมียรักไม่เคยฟังใคร
“คุณไม่ต้องพูดมาก ฉันบังคับที่ไหน หนูนางตกลงเอง”
พระเอกนิสัยแย่มากๆ
“แกจะถามอะไรมากมายวะไอ้กิจ แค่รู้ว่ายัยนี่เป็นเมียที่ฉันไม่ต้องการก็พอแล้ว”“ไม่ถามก็ได้วะ งั้นฉันขอไปดูคนไข้รายอื่นก่อนนะ ส่วนแกน่ะเฝ้าเมียแกไป” พูดจบก็เดินออกมาจากห้อง ส่ายหน้ากับความเย็นชาและใจดำของเพื่อนรัก ขนาดเมียตัวเองแท้ๆ ยังใจดำได้ขนาดนี้ แล้วนึกถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้รามันเป็นเช่นนี้“ลินินเธอไม่น่าทำให้เพื่อนฉันกลายเป็นคนเย็นชาแบบนี้เลย เธอช่างเป็นคนใจดำเหลือเกิน กล้าทิ้งคนที่รักเธอสุดหัวใจไปได้ยังไง” เขาเอ่ยถึงหญิงสาวผู้ที่เคยเป็นคนรักของรามันอย่าง ลินิน ดำรงเวชลินิน ดำรงเวชคือ ดาวเด่นคณะบริหาร สาวไฮโซหน้าตาดี หนุ่มๆ ต่างหมายปอง รวมไปถึงรามัน ที่คอยตามจีบ ทั้งส่งดอกไม้ ทั้งแมสเสจไปหา และไม่นานก็สามารถควงแขนลินินมาเป็นแฟนจนได้ รามันทั้งรักทั้งบูชาเจ้าหล่อน ทุ่มเทให้ทุกอย่าง ขนาดกิจต้องคอยเตือนอยู่บ่อย ๆ กลัวว่าเพื่อนรักจะผิดหวัง เพราะได้ยินข่าวเสียๆ ของลินินมาไม่น้อยเช่นกันความรักที่คิดว่ามันกำลังจะไปได้สวย กลับต้องพังทลาย เมื่ออยู่ดีๆ ลินินก็ทิ้งรามันไป แถมหนำซ้ำยังมาหลอกให้ช้ำใจอีกรอบ โดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อย่ามัวแต่มองอยู่เลยมึง เดี๋ยวก็ตายห่าพอดี ถ้าอยากมองนัก เดี๋ยวกูจะให้มองหรือยกให้เลย แต่ตอนนี้รักษาให้กูก่อน” รีบส่งช้องนางให้กิจ เมื่อรับตัวคนไข้มา กิจก็รู้ได้เลยทันทีว่าอาการหนักพอดู เพราะตัวร้อนราวกับไฟ“ออกไปก่อน ฉันขอตรวจคนไข้โดยละเอียดก่อน”เขาหันมาบอก รามันพยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินออกมานั่งรอหน้าห้องตรวจ จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง กิจก็เดินออกมาพร้อมกับนางพยาบาลที่เข็นร่างเล็กซึ่งยังไมได้สติไปยังห้องพักฟื้น“เธอเป็นอะไรวะไอ้กิจ” รามันรีบเอ่ยถาม“ถามได้ ก็เป็นไข้น่ะสิ ว่าแต่เธอเป็นใครวะ ทำไมแกถึงอุ้มมา”เมื่อเห็นแววตาของกิจมองมาอย่างสงสัย และแววตานั้นก็มีประกายความสนใจในตัวของคนป่วย หัวใจแกร่งรู้สึกตงิด ๆ อย่างไม่พอใจ รีบเอ่ยขัดออกมาหยุดความคิดเพื่อนรัก เพราะยังไงเจ้าหล่อนก็ได้เจ้าชื่อว่าเมียเขา แต่ก็คงวางฟอร์มตอบเสียงแข็งทำเหมือนไม่สนใจ“เมียกูเอง”“เมียแก อย่ามาล้อเล่นน่า แกจะมีเมียได้ไง ฉันกับแกเป็นเพื่อนกันมาอายุเกือบจะสี่สิบอยู่แล้ว ฉันไม่เห็นแกจะสนใจผู้หญิงคน
“ถอดเสื้อออก”“…”คนได้ยินคำสั่งก็อ้าปากค้าง ไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังจะทำอะไร ทำไมต้องสั่งให้ถอดเสื้อออกอีกแล้วเมื่อเจ้าหล่อนยังคงนิ่ง คราวนี้รามันก็กระชากมันออกเสียเอง ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว หญิงสาวรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดกาย แต่ก็โดนมือหนากระชากมันออก และขว้างทิ้งไปรามันไม่ยอมบอกสักนิดว่าจะทำอะไร ได้แต่ตรึงร่างเล็กไว้กับเตียง พลันส่งสายตาคมมาสั่งให้นอนนิ่งๆคนตัวเล็กดีดดิ้นเต็มที่ ใครที่ไหนกันจะทนนอนนิ่งๆ ได้ในเมื่อร่างกายเกือบจะเปลือยเปล่า แถมเขายังขึ้นมาคร่อมร่างไว้แบบนี้อีก แต่ออกแรงดิ้นเท่าไร ก็ไม่ทำให้รามันขยับเขยื้อนได้สักนิด จนในที่สุดก็หมดแรงเสียเอง นอนนิ่งแล้วหลับตาแน่น ยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น หล่อนคิดว่าคนใจร้ายนั้นจะลงมือปลุกปล้ำตน แต่พอเวลาผ่านไปได้สักพักก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะรับรู้ก็ถึงแรงจากมือหนาซึ่งค่อยๆ ลูบไล้ไปที่รอยแผลช้ำ ดวงตาสวยลืมขึ้นมอง เจ้าหล่อนถึงกับทำสีหน้าอึ้ง ไม่อยากจะเชื่อ‘พระเจ้า ไม่น่าเชื่อ!! อสูรไร้หัวใจคนนี้ลงทุนทายาให้เธอเอง’“ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั
“มาไม่นานก็ก่อเรื่องเลยนะ” เอ่ยเสียงเข้มต่อว่า ทั้งๆ ที่จริงแล้วมันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด ถ้าชายหนุ่มไม่ลืมว่าต้องมารับ หญิงสาวก็คงไม่ต้องตัดสินใจเดินกลับมาเองแบบนี้คนที่ถูกต่อว่าก็ร้องไห้สะอื้นดังกว่าเดิม เม้มริมฝีปากแน่น ไม่คิดว่ารามันจะใจร้ายและเย็นชาได้ถึงขนาดนี้“จะร้องไห้ไปทำไม เธอทำตัวเองทั้งนั้น อยากออกมาจากฟาร์มทำไม ทำไมไม่รอ เดี๋ยวฉันก็ไปรับ” ทั้งที่ตัวเองผิด แต่ยังไม่ยอมรับ ยังคงตีหน้าตาย ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นช้องนางต้องเบือนหน้าหนี ไม่อยากจะเห็นหน้าคนใจร้าย ยิ่งเห็นก็ยิ่งเจ็บ แต่ไม่นานใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาก็ต้องรีบหันกลับมา ดวงตาเบิกกว้างกอบกุมเสื้อตัวนอกไว้ เพราะตอนนี้มือร้อนๆ ของรามันกำลังจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอออก“จะทำอะไรนาง อย่าทำอะไรนางนะ”ถามเสียงสั่น แววตาฉายชัดความหวาดกลัว พยายามปัดมือหนาออก แต่เพียงเริ่มปัด รามันก็ส่งสายตาดุดันมาให้ แถมยังตวาดใส่“อยู่เฉยๆ อย่ามาทำเป็นดีดดิ้น ทำเหมือนกับว่าฉันจะทำอะไรเธอ ฉันพิศวาสเธอไม่ลงหรอกช้องนาง”เมื่
“หรือว่าจะลืมมารับเรา…เฮ้อ”เธอพ่นลมหายใจผ่านจมูกสวยโด่ง เพราะคิดว่าสามีหน้ามึนฝีปากกล้า ต้องลืมมารับเป็นแน่ หรือไม่ก็จงใจไม่มารับ แต่เจ้าหล่อนก็ยังคงนั่งรอ เพราะคิดว่าเขาคงไม่ใจร้ายขนาดนั้น จนเจ้าหล่อนทนรอไม่ไหว ตัดสินใจจะเดินกลับมาที่บ้านเอง ช้องนางพยุงตัวลุกขึ้นแล้วเดินตรงกลับบ้าน เท้าบางรีบจ้ำอ้าว เพราะยิ่งเดินออกมาไกลจากฟาร์มเท่าไร ทางก็ยิ่งมืด ไร้ซึ่งแสงไฟ แถมมีแต่หมอกลง จนแทบมองไม่เห็นเส้นทางเมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง ช้องนางรับรู้ถึงความผิดปกติ ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังเดินตาม ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนจะทำใจกล้าหันกลับไปมอง ก็พบกลุ่มชายสามคน กำลังเดินตามมาด้วยอาการเมามาย เจ้าหล่อนรีบเร่งฝีเท้าทันที รับรู้ได้ถึงภัยที่จะเกิดขึ้น ซึ่งกลุ่มชายพวกนั้นก็รีบวิ่งมาขวางหน้าเอาไว้“คุยกันก่อนสิครับนางฟ้า ตกมาจากสรรค์ชั้นไหนหรือครับ” เสียงเมามายเอ่ยถาม พลางมองสำรวจไปทั่วร่างนวล แล้วคว้าข้อมือเล็กพร้อมกับดึงให้เข้ามาใกล้“ฮ่าฮ่า กูว่าสวรรค์คงประทานนางฟ้ามาให้เรา” ชายอีกคนพูดเสริม“ประทานมาให้เราปู้ยี่ปู้ย
“นางทำอะไรให้คุณลำบากใจคะ ถ้าเป็นเรื่องแต่งงาน นางขอโทษ แต่นางจำเป็นที่ต้องแต่งงานกับคุณ นางต้องเอา...” ไม่ทันที่ถ้อยคำจะถูกถ่ายทอดออกมาหมด เสียงห้วนอันเย้ยหยันก็เอ่ยขัดขึ้นมา“จำเป็นหรือว่าหิวเงินกันแน่ ผู้หญิงที่แต่งงานได้เพื่อเงินอย่างเธอ มันน่าขยะแขยงที่สุด จำใส่กะโหลกเอาไว้นะ ผู้หญิงสกปรกอย่างเธอ ฉันไม่มีวันแตะต้อง” พูดจบเขาก็สะบัดมือออก ราวกับว่าเจ้าหล่อนเป็นสิ่งของที่น่ารังเกียจ น่าขยะแขยงช้องนางต้องทำใจเย็นข่มความโกรธเอาไว้ รู้ดีว่าหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ก็คงคิดแบบนี้เช่นกัน จะมีผู้หญิงที่ไหนยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก นอกจากจะเห็นแก่เงิน รู้ดีว่าเขาคงคิดว่าเธอนั้นเห็นแก่เงินใช่! เธอเห็นแก่เงิน ก็ในเมื่อเงินจำนวนนี้มันช่วยต่อชีวิตครอบครัวของเธอได้ หล่อนรู้ดีว่าตัวเองนั้นผิด แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เกียรติกันบ้าง ไม่ใช่ทำราวกับหล่อนเป็นสิ่งของไร้ค่าแบบนี้“โกรธหรอ แต่ช่วยไม่ได้นะ เพราะที่ฉันพูดมามันคือความจริง”“นางมีความจำเป็นที่ต้องแต่งานกับคุณ แล้วนางก็ไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น”






Comments