Home / วัยรุ่น / ก็ไม่รักแล้วนะเธอ / CHAPTER 4 ยังเชื่อมันเสมอ

Share

CHAPTER 4 ยังเชื่อมันเสมอ

last update Last Updated: 2025-10-11 09:41:12

เวลาผ่านไปเดียร์คลอดลูกชายคนแรกของเธอและภูริแล้วตั้งชื่อลูกว่าน้องภูผา ร่างเล็กของเขาทำให้ทุกวันของหญิงสาวเต็มไปด้วยความวุ่นวายและความสุขในเวลาเดียวกัน

เธอตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงลูกทำอาหาร คอยดูแลทุกความเป็นอยู่ของครอบครัวอย่างเคร่งครัด เธอปรับเวลาของตัวเองทุกนาทีเพื่อให้แน่ใจว่าภูริและลูกจะมีชีวิตประจำวันที่ราบรื่นและสมบูรณ์ที่สุด

หลังจากแต่งงานภูริขออนุญาตปู่และพ่อของเขาว่าอยากจะอยู่คอนโดเพื่อความสะดวกในการไปเรียนและทำงานต่อ ผู้ใหญ่เห็นว่ามีเหตุผลดี จึงตกลงและซื้อคอนโดขนาดใหญ่ให้เขาอยู่หนึ่งห้อง ห้องที่กว้างขวางและเป็นสัดส่วนช่วยให้ภูริมีสมาธิในการเรียนต่อ

เดียร์เองต้องออกจากโรงเรียน เธอยอมทิ้งการเรียนเพื่อทุ่มเทเวลาให้กับลูกชายและการดูแลภูริ ทุกวันเธอจัดเตรียมอาหารและสภาพแวดล้อมให้น้องภูผาเติบโตอย่างปลอดภัย แข็งแรง และได้รับความรักเต็มที่

ตั้งแต่ลูกชายเริ่มคลานได้ น้องภูผาก็เริ่มแสดงอาการอยากรู้อยากเห็นและสนใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น เด็กน้อยเริ่มหัวเราะเล่นของเล่น และเริ่มเรียกเรียงคำง่ายๆ ได้บ้าง พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เดียร์ทั้งเหนื่อยทั้งดีใจในเวลาเดียวกัน เธอสังเกตเห็นว่าเด็กน้อยเริ่มมีพัฒนาการและเริ่มเปลี่ยนไปทุกวัน

“ทำไมไข้ไม่ลดเลยนะ” เธอทำหน้าเครียดเพราะตั้งแต่ช่วงบ่ายลูกชายไข้ไม่ลดลงเลย เธอได้แต่เฝ้ารอว่าเมื่อไรเขาจะกลับมา เธอทั้งกลัวทั้งเป็นห่วง

        น้องภูผาเริ่มร้อนแรงและตัวร้อนจัด เดียร์กุมหน้าผากลูกชายอย่างวิตกกังวล น้ำตาแทบจะไหลเมื่อเห็นลูกตัวเล็กๆ แสดงอาการไม่สบาย

        ‘หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’

ครั้งแล้วครั้งเล่าเดียร์หยิบโทรศัพท์กดเรียกภูริ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่โทรไปก็ไร้วี่แวว เสียงรอสายดังไปทั่วห้องว่างเปล่า ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าตัว

“พี่ภูรีบกลับบ้านนะ น้องภูผาป่วยไข้ขึ้น” เธอฝากข้อความไว้หวังว่าเขาเห็นจะได้รีบกลับบ้าน พลางเช็ดเหงื่อบนหน้าลูกชาย

เมื่อเห็นว่านาทีแล้วนาทีเล่าผ่านไปโดยไม่มีการตอบกลับ เธอรู้สึกว่ารออีกต่อไปไม่ได้แล้ว เธอจึงตัดสินใจทำด้วยตัวเอง

        “ไม่เป็นไรลูกนะ เดี๋ยวแม่พาไปหาหมอเองแม่อยู่กับหนูนะ” อุ้มลูกชายไว้แนบอก เด็กน้อยสะอื้นเล็กน้อย น้ำตาเอ่อคลอ แต่เดียร์กอดแน่นและพูดเบาๆ ให้กำลังใจ

เธอรีบพาลูกออกจากคอนโด เดินไปขึ้นแท็กซี่ด้วยความเร่งรีบ ใจเต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึงอาการของน้องภูผา เด็กน้อยเริ่มงอแง แต่หญิงสาวก็พยายามพูดปลอบเบาๆ และลูบหลังเขาอย่างอ่อนโยน

        “เดียร์ทำไมไม่เปิดไฟ” ภูริเดินเข้ามาในคอนโดที่แสนว่างเปล่า ทุกอย่างเงียบสงบเหมือนไม่มีใครอยู่ ทุกครั้งที่เขากลับจากมหาลัยมักจะเจอเดียร์กับลูกนั่งรอเขาเสมอ

        “น้องภูผาปะป๊ากลับมาแล้ว ไปไหนกันหมด” เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เพิ่งจะสองทุ่มเองแล้วสองแม่ลูกหายไปไหน

        เขาทิ้งตัวนั่งลงที่โชฟาพ่นลมหายใจออกมา รู้สึกมึนศีรษะเพราะเพิ่งดื่มกับเพื่อนมา เขาปิดเปลือกตาลงช้าๆ ก่อนจะผล็อยหลับไป

        ช่วงเวลานี้ภูริเริ่มมีชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขาได้พบเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ และได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนทั้งงานกลุ่ม การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ และเรื่องราวสนุกสนานที่ทำให้เขาหลงลืมเวลา

ผลลัพธ์คือเขากลับบ้านช้ากว่าปกติ และแทบไม่เคยทักทายเดียร์หรือพูดคุยอย่างจริงจังเหมือนเมื่อก่อน เดียร์เองพยายามติดต่อเขาอยู่เสมอส่งข้อความโทรหา แต่ทุกครั้งก็ได้รับคำตอบเดิมๆ

‘เรียนอยู่ครับ ไม่ว่าง’

‘ทำงานกลุ่มอยู่ เดี๋ยวค่อยคุยกัน’

แม้ว่าเธอพยายามเข้าใจเหตุผล และพยายามให้เวลาเขาได้ปรับตัว แต่หัวใจเล็กๆ ของเธอก็อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้บางคืนเธอนั่งกอดน้องภูผาอยู่บนโซฟา มือเล็กๆ ของลูกพาดลงบนแขนเธอ เดียร์ถอนหายใจเบาๆ พลางคิดในใจว่า

“พี่ภูคงยุ่งจริงๆ แต่ทำไมมันยังเจ็บใจแบบนี้นะ”

ความพยายามที่จะเข้าใจผสมปนไปกับความเหงา เดียร์เริ่มตระหนักว่าแม้เธอจะรักภูริและเข้าใจเขา แต่หัวใจของคนเป็นแม่และเมียก็ยังต้องการความใกล้ชิด ความอบอุ่น และความเอาใจใส่

ทุกครั้งที่เห็นภูริหัวเราะกับเพื่อนๆ หรือโพสต์กิจกรรมสนุกสนาน เดียร์ก็อดที่จะถอนหายใจและคิดถึงวันที่เขายังให้ความสำคัญกับเธอและลูกมากกว่านี้ไม่ได้

หญิงสาวพาลูกชายตัวน้อยกลับมาถึงคอนโด ความเหน็ดเหนื่อยจากการพาเขาไปหาหมอยังไม่ทันคลาย ก็พบกับภาพที่ทำให้เธอชะงักภูริกำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา ผมยุ่งๆ เสื้อผ้าดูไม่เรียบร้อย กลิ่นเหล้าอ่อนๆ ลอยมาปะทะจมูก

หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้มลงอุ้มลูกชายที่เริ่มง่วงนอนขึ้นมาแนบอก เด็กน้อยพยายามขยับตัว แต่เธอก็ปลอบเบาๆ

“แม่พาไปนอนนะ”

เธอเดินตรงไปยังห้องนอน เตรียมผ้าปูที่นอนและกล่อมน้องภูผาให้นอนหลับ ขณะเธอกำลังจัดเตียงให้เรียบร้อย เสียงภูริแผ่วๆ ดังขึ้น

“เดียร์พาลูกไปไหนมา!” เขาเสยผมลวกๆ เดินมาหาเธอพร้อมกับทำหน้าหงุดหงิด แต่แทนที่จะตอบเขากลับเงียบใส่อย่างไม่มีเหตุผล

“พี่ถามไม่ได้ยินเหรอ”

“ลูกหลับอยู่มีอะไรไปคุยข้างนอก” เธอหันมาดุเขากลัวว่าลูกจะตื่นมางอแง

“ตอบได้ยังไปไหนมา! งอนอะไรทำไมไม่พูดวะ” เขาเริ่มหงุดหงิดเหมือนคุยอยู่คนเดียว บวกกับดื่มเหล้าไปด้วยทำให้เขาเริ่มขาดสติ

“พี่ไปไหนมาเรียนเสร็จทำไมไม่กลับบ้านมาช่วยเลี้ยงลูก” เธอไม่ตอบคำถามเขา แต่กลับถามเขาคืนด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“เลี้ยงลูก? เดียร์ไม่รู้เหรอว่าเรียนก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว อยู่บ้านไม่ได้ทำอะไรแค่เลี้ยงลูกไม่เห็นเหนื่อยตรงไหนเลย”

“พูดอะไรตัวเองไม่เคยเลี้ยงลูก 24 ชั่วโมงจะมารู้อะไร”

“เหนื่อยมากก็กลับไปอยู่บ้าน! งานก็ไม่ได้ทำจะบ่นอะไรนักหนา” เขาเริ่มพูดจาไม่ดี โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง

“พี่ภู! เรียนก็เหนื่อยแต่มีเวลาไปกินเหล้าไปเที่ยวกลับบ้านดึก แถมยังทำตัวติดกับผู้หญิงคนนั้นอีก ถามจริงเถอะพี่เหนื่อยหรือเริ่มจะเปลี่ยนใจ”

ตั้งแต่เธอคลอดลูกเขาเริ่มเปลี่ยนไปอะไรที่บอกว่าดีก็ไม่ดีไปทุกอย่าง ไม่เคยเป็นความสบายใจให้เธอได้เลย ตอนนั้นเขากลับบ้านดึกแค่ไหนก็ต้องทักมาบอก แต่ทุกวันนี้ต่อให้กลับบ้านเช้าเธอโทรไปก็ไม่ยอมรับสาย

“กะจะไม่ให้พี่มีเพื่อนเลยหรือไงอยากมีลูกเองก็เลี้ยงเองไปดิ”

“ใครกันแน่ที่อยากมีลูก”

“พี่ก็ไม่ได้อยากมีไง แต่มันพลาดเธอเริ่มพูดจาไร้สาระอีกแล้วนะ ประสาทมากก็อยู่คนเดียวไปเลย” เขาตะคอกเสียงดังจนน้องภูผาสะดุ้งร้องไห้ เธอรีบวิ่งเข้าไปปลอบ

เขามองภาพนั้นด้วยความเฉยชาจริงอย่างที่พอเขาพูด อนาคตเขาไปได้อีกไกลแต่ต้องมาติดบ่วง เพราะคำว่าลูกเขาตัดสินใจออกมาจากคอนโด ตอนนี้อยู่ด้วยกันก็มีแต่ทะเลาะกันเปล่าๆ

หญิงสาวนั่งอยู่ข้างเตียงอุ้มลูกชายตัวเล็กที่กำลังงอแงเพราะพิษไข้ มือเล็กๆ ของน้องภูผาตีลงบนตัวเธอ เธอกล่อมเบาๆ พลางลูบหลังเขาอย่างอ่อนโยน

แต่สายตาของเดียร์กลับเหลือบไปมองประตูที่ปิดสนิท เพราะภูริออกไปข้างนอกแล้วอีกครั้ง เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่น้ำตาไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว

“เคยฝันไว้ว่าเราจะอยู่กันอย่างมีความสุขกันทั้งครอบครัว” เธอพร่ำเพ้อกับตัวเอง พลางคิดถึงภาพวันแรกที่ได้พบภูริ ภาพวันที่ทั้งคู่สัญญาจะรักกันและดูแลกัน

แต่พอผ่านไปไม่ถึงสองปี ความฝันนั้นเริ่มเลือนรางภูริเริ่มเปลี่ยนไป ความอบอุ่นที่เคยมีเริ่มห่างไกลเดียร์รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนั้นทุกวัน แต่เธอก็ยังพยายามเข้มแข็ง เพราะมีลูกชายที่ต้องดูแลอยู่ข้างๆ

“แม่จะอยู่กับหนูนะลูก ไม่ว่าพ่อจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แม่ก็จะอยู่กับหนูเสมอ” น้ำตาไหลริน เธอซบหน้าลูกชายตัวน้อยพลางกระซิบเบาๆ

ในหัวใจของเธอแม้ว่าฝันเก่าอาจสลายไป แต่ความรักและความรับผิดชอบต่อครอบครัวยังคงเป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน

“แง่ๆๆ” น้องภูผาที่เหมือนจะรับรู้ว่าตอนนี้แม่คงเหนื่อย จึงหยุดร้องและมองหน้าแม่ตาแป๋วพร้อมกับยิ้มบางๆ สองมือกำสาบเสื้อแม่ไว้แน่นเหมือนว่าให้กำลังใจแม่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ก็ไม่รักแล้วนะเธอ   CHAPTER 10 ยอมกราบ (ปล่อยพี่ไปเถอะ)

    ภูริยืนตรงหน้าเดียร์มองดวงตาเขาที่เย็นชาและว่างเปล่า น้ำเสียงเรียบแต่ชัดเจนตอกย้ำราวกับมีดกรีดลงกลางใจ“เดียร์พี่หมดรักแล้ว พี่คิดว่าควรให้เราทั้งสองคนเลิกกันเถอะ” เขาตัดสินใจพูดออกมาไม่ใช่เพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่เขาเหนื่อยเกินไป ยิ่งใกล้กันยิ่งทะเลาะกันมากขึ้นคำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่ากลางใจเดียร์ตัวแข็งค้าง รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงตรงหน้า“เดียร์ไม่ยอม เราผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย พี่อย่าทิ้งเดียร์นะเราแก้ปัญหาด้วยกันได้” เธอร้องเสียงสั่น พุ่งเข้าไปยึดแขนเขาแน่น“พี่บอกแล้วไง ว่าความรักของพี่มันเปลี่ยนไปแล้วเดียร์ไม่เข้าใจหรอก ถ้าเราอยู่ต่อไปทั้งคู่ก็จะเจ็บมากกว่านี้” เขาถอนหายใจหนักๆ มองเธอด้วยสายตาที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน“ไม่เอาอย่าทิ้งเดียร์ เดียร์ยังรักพี่! พี่ต้องรักเดียร์เหมือนเดิมสิ ฮือ~” น้ำตาไหลพราก เธอพยายามเกาะแขนเขาแน่นขึ้นร้องไห้สะอื้น“พี่ยอมกราบก็ได้แค่เดียร์ยอมปล่อยพี่ไป เพราะหัวใจดวงนี้ไม่มีเดียร์อยู่ในนั้นอีกแล้ว”หญิงสาวชะงักเธออยากจะก้าวเข้าไปกอดเขา แต่ทุกคำพูดเหมือนตรึงขาเธอไว้กับพื้น น้ำตาคลอเบ้าน้ำเสียงสั่นเครือ“พี่ยอมกราบเดียร์เพื่อให้เดียร์ยอมปล่อยพี่ไป แต่พี่ยัง

  • ก็ไม่รักแล้วนะเธอ   CHAPTER 9 ก็ไม่ได้รักแล้ว

    “ไหนว่าพี่ภูมาทำรายงานแล้วนี่อะไร!” เดียร์ตะโกนออกไปทำให้ชายหนุ่มสะดุ้ง หันมามองหญิงสาว “มาได้ยังไง” เขาถามด้วยความตกใจที่เดียร์มาที่นี่ถูก “พี่ทำแบบนี้กับเดียร์ได้ยังไง” เธอถามเสียงสั่นทั้งเสียใจและโกรธเขามาก จนแวบหนึ่งความรู้สึกของเธอบอกให้พอตั้งแต่ตอนนี้ “เดียร์ใจเย็นก่อนสิ” เพื่อนที่อยู่ในห้องต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมากว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครแล้วทำไมภูริถึงได้มีท่าทีที่แปลกไป แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ทำเพียงแค่ใส่ใจกันแบบเงียบๆ “จะให้ใจเย็นได้ยังไง!” รอบนี้เดียร์โกรธจนเริ่มไม่มีสติ ความอดทนทั้งหมดขาดสะบั้นลงทันที “ตั้งสติหน่อยออกมาคุยกันด้านนอก” พี่กลัวใครรู้เหรอว่าพี่มีเมียมีลูกแล้ว หรือกลัวใครจะเสียใจ” “ภูพริมว่ากลับไปคุยกันดีๆ ดีกว่า” พีรญาลุกขึ้นมาห้ามทั้งสอง ไม่อยากให้คนอื่นมองภูริไม่ดี เพี๊ยะ!เสียงฝ่ามือกระทบแก้มดังลั่นจนคนรอบข้างหันมอง พีรญาเซไปเล็กน้อยมือกุมแก้ม ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ“เดียร์ทำบ้าอะไรของเธอ” เพื่อนต่างพากันอึ้งที่พีรญาโดนตบ“นี่พี่ไปทำอะไรให้” พีรญาถามเสียงสั่น แววตาเต็มไปด้วยค

  • ก็ไม่รักแล้วนะเธอ   CHAPTER 8 หมดความอดทน

    หลายวันมานี่ภูริกับเดียร์ไม่ค่อยทะเลาะกัน ช่วงนี้ชายหนุ่มอยู่แต่บ้านช่วยเธอเลี้ยงลูก จนทำให้เธอเริ่มกลับมาเชื่อมั่นในตัวเขามากขึ้น “เดียร์” “พี่ภูจะเอาอะไรคะ” “คือเย็นนี้พี่ต้องไปทำรายงานที่บ้านเพื่อน” “จะกินเหล้ากันอีกหรือเปล่า” ทุกครั้งที่เขากลับมามักจะมีกลิ่นเหล้าติดมาตลอด แรกๆ ทะเลาะกันบ้านแทบแตก แต่ตอนนี้เธอเหนื่อยจะพูดเลยปล่อยเขา “อาจจะมีบ้างแต่ไม่ได้ออกไปผับ” เขาบอกตามความจริง ช่วงนี้เขาติดเพื่อนและชอบออกเที่ยวผับตามประสาวัยของเขา “ค่ะ อย่ากลับดึกนะ” เธออนุญาตเพราะรู้ดีว่าห้ามเขาไม่ได้อยู่แล้ว “ขอบคุณนะที่เข้าใจ” “ทำรายงานที่บ้านใครคะ?” เธอหันมาถามเขา เพื่อนของชายหนุ่มเธอไม่เคยเจอหน้า แต่พอจะรู้จักชื่อบ้าง “ก็มีไอ้สิงห์ไอ้เต” “ดูแลตัวเองตัวนะ” เธอยอมรับว่าไม่ค่อยไว้ใจภูริ เพราะการกระทำที่ผ่านมาของเขา ถ้ามัวแต่ระแวงกันอยู่แบบนี้ชีวิตของเธอคงไม่มีความสุข“ขอบคุณนะเดียร์พี่สัญญา จะรีบทำให้เสร็จแล้วรีบกลับไม่ดึกแน่นอน” ใบหน้าของภูริก็ผ่อนคลายราวกับยกภูเขาออกจากอก เขารีบยกมือขึ้นประคองแก้มเธอเบาๆ

  • ก็ไม่รักแล้วนะเธอ   CHAPTER 7 เพราะรักคำเดียว

    เดียร์ที่เห็นสภาพเขาแล้วก็รีบลุกขึ้นมาและเดินเข้าไปพยุงร่างของภูริเอาไว้ อยากจะทิ้งให้เขานอนอยู่ตรงนี้ก็สงสาร“ไม่ต้องมายุ่ง”“พี่ภูพี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้” เสียงของเธอสั่นเครือ น้ำตาคลอเต็มสองตา“สันดานพี่ก็เป็นแบบนี้แหละ รับได้ไหมล่ะรับไม่ได้ก็เรื่องของเดียร์”ภูริเหลือบมองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของเธอ ก่อนยกยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มที่ไม่ได้อบอุ่นเหมือนเคย แต่กลับเต็มไปด้วยความเฉยชาและเหนื่อยหน่าย“พี่ภูแล้วเดียร์กับลูกล่ะ”“พี่ก็ต้องมีเพื่อนมีสังคมบ้างสิจะให้วันๆ เอาแต่อยู่กับเดียร์กับลูกมันก็ไม่ใช่ พี่ก็อยากมีชีวิตส่วนตัวเหมือนกัน”คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของเธอร่างกายสั่นสะท้านราวกับไม่มีแรงประคองเขาอีกต่อไป เธอเบือนหน้าหนีเพราะกลัวว่าถ้าเธอมองนานกว่านี้ น้ำตาที่รอจะพรั่งพรูออกมาจะกลายเป็นเสียงสะอื้นโหยหวน“ฮึก หรือพี่หมดรักเดียร์แล้ว” เธอถามเสียงแผ่วราวกับจะหลุดออกมาเพียงลมหายใจภูริเงียบไปครู่หนึ่งหันหน้าไปทางอื่น ไม่ได้ตอบอะไรต่อ ปล่อยให้ความเงียบและความเจ็บปวดโอบรัดหัวใจของหญิงสาวจนแทบขาดใจ“ไม่เกี่ยวว่ารักหรือไม่รักหรอก เดียร์ดูตัวเองสิมัวแต่ดูแลคนอื่นจ

  • ก็ไม่รักแล้วนะเธอ   CHAPTER 6 รอยร้าว

    เกือบสว่างภูริโซซัดโซเซกลับเข้ามาในคอนโด กลิ่นเหล้ายังคละคลุ้งติดตามเสื้อผ้า เขาวางกระเป๋าแล้วหันไปมองบนเตียงในห้องนอนเล็กๆ เห็นลูกชายตัวน้อยนอนดิ้นไปมามือเล็กๆ ฟาดอากาศ ก่อนที่ดวงตากลมใสจะลืมขึ้น“อือ…”น้องภูผาส่งเสียงครางเบาๆ ก่อนจะเงยหน้ามายิ้มให้เขา ยิ้มเล็กๆ ที่ทำให้หัวใจภูริสะดุดไปชั่วขณะ รอยยิ้มที่ไร้เดียงสานั้นเหมือนจะปลดเปลื้องความเหนื่อยล้าและความผิดทั้งหมดที่เขาแบกไว้เขาเหลือบมองไปทางเดียร์ที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียวบอกชัดว่าเธอเหนื่อยมากเพียงใด ภูริอุ้มลูกชายออกมาที่ห้องโถงวางตัวเล็กไว้บนตัก มือใหญ่ลูบแก้มกลมใสเบาๆ“ไงครับคนเก่ง ตื่นมาหาปะป๊าเหรอ หืมมม”น้องภูผาหัวเราะคิกคัก มือเล็กคว้าจมูกของเขาอย่างซุกซน เสียงหัวเราะเล็กๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของยามเช้าภูริยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาก้มลงหอมแก้มลูกซ้ายทีขวาที“ปะป๊าขอโทษนะครับ ที่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยต่อไปปะป๊าจะพยายามนะ” เสียงกระซิบเบาๆ ราวกับคำสัญญาที่เขายังไม่รู้เลยว่าจะรักษาได้หรือไม่เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วของน้องภูผาดังพอจะปลุกเดียร์ให้สะลึมสะลือตื่น เธอค่อยๆ ลุกขึ้น เดินออกมาที่ห้องโถง ภาพที่เห็นคือภูร

  • ก็ไม่รักแล้วนะเธอ   CHAPTER 5 ใครที่เปลี่ยนใจเธอ

    น้องภูผาลืมตาตื่นดวงตากลมโตสดใสไร้ไข้ ริมฝีปากเล็กๆ ยกยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันน้อยๆ พลางส่งเสียงอย่างร่าเริง มือเล็กๆ ตบผ้าห่มไปมาอย่างตื่นเต้น “อือๆ บ๊ะๆ”“ไข้ลดแล้วยิ้มใหญ่เลยนะลูกของแม่ เก่งที่สุดเลย” เธอโล่งใจ เธอก้มลงกอดลูกน้อยแนบอกแล้วหัวเราะเบาๆน้องภูผาหัวเราะคิก เสียงใสแจ๋วสะท้อนก้องไปทั่วห้องราวกับดนตรีที่กล่อมใจให้แม่หายเหนื่อย ความร่าเริงของเขาทำให้หญิงสาวลืมความเหนื่อยที่ต้องอดหลับอดนอนมาหลายวันในพริบตาตอนนี้ลูกชายวัยแปดเดือนของเธอไม่ใช่เด็กตัวน้อยที่เอาแต่นอนอย่างเดียวอีกต่อไป แต่เริ่มส่งเสียงคุยเจื้อยแจ้วตอบโต้ และใช้รอยยิ้มเป็นภาษาที่เติมเต็มหัวใจแม่ได้อย่างสมบูรณ์ เดียร์กดจมูกหอมแก้มกลมๆ ของลูกฟอดใหญ่“ลูกตื่นแล้วเหรอ” เสียงแหบพร่าดังขึ้นเขาเพิ่งกลับมาถึงตอนเช้าหลังจากที่เมื่อคืนทะเลาะกันอย่างหนัก“มองไม่เห็นเหรอ” เธอไม่ยอมมองหน้าเขา โกรธที่เขาทิ้งเธอกับลูกไว้ตามลำพัง แถมยังพูดจาไม่น่ารัก“เดียร์พี่ขอโทษเมื่อคืนพี่เมาไปหน่อยเลยพูดอะไรออกไปแบบนั้น” เขายอมลดทิฐิลง ภูริจับต้นแขนเธอไว้แน่น แต่เสียงลูกชายร้องไห้ดังขัดจังหวะเสียก่อน“ปล่อย เดียร์จะไปดูลูก” น้ำเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status