Share

บทที่ 9

Author: BigM00N
last update Huling Na-update: 2025-05-21 13:07:43

นายท่านหยางจ้องมองหลินเหม่ยเหยาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ คำพูดที่ว่าหากนางไม่ยั้งมือป่านนี้บุตรสาวของเขาคงจะตายไปแล้วทำให้เขารู้สึกโกรธเคือง เขาจึงได้เอ่ยต่อว่าหลินเหม่ยเหยาออกมาตามตรง

“คุณหนูใหญ่สกุลหลินคำพูดคำจาช่างโอหังเสียจริง ท่านรองหัวหน้าแพทย์หลวงหลินท่านดูบุตรสาวของท่านสิ ไร้มารยาทเช่นนี้วันหน้าจะมีสกุลใดอยากจะแต่งนางเข้าสกุลกัน” นายท่านหยางเอ่ยออกมาพลางจ้องมองหลินเหม่ยเหยาด้วยสายตาไม่ชอบใจ แต่หลินเหม่ยเหยากลับไม่ได้เกรงกลัวและไม่ได้ทำตัวเสียมารยาทนางย่อกายคารวะขออภัยด้วยท่วงท่าอันงดงามแล้วจึงได้เอ่ยตอบคำพูดของเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนน้อม

“ต้องขออภัยที่ล่วงเกินท่านหัวหน้าราชบัณฑิตหยางนะเจ้าคะ เพียงแต่คำพูดของข้าไม่ได้ตั้งใจจะข่มขู่หรือว่าแสดงความโอหัง แต่ข้าพูดตามความเป็นจริง ในยามปกติหากถูกทำร้ายข้าแค่โปรยยาพิษหรือไม่ก็ยาสลบก็สามารถเอาตัวรอดได้แล้ว แต่กับคุณหนูสามที่เคยเป็นสหาย ข้าลงมือทำร้ายนางไม่ลงหรอกเจ้าค่ะ แต่หากไม่ลงมือคนที่ถูกตบหน้าคงจะต้องเป็นข้าแน่ ถึงอย่างไรโทสะที่ถูกคุณหนูสามหมิ่นแคลนวงศ์สกุลก็ยังคงอยู่จึงได้ไม่คิดจะออมแรงที่ฝ่ามือเจ้าค่ะ” คำพูดของหลินเหม่ยเหยาทำให้นายท่านหยางพลันขมวดคิ้ว

“ดูหมิ่นวงศ์สกุลหรือ คุณหนูใหญ่หลินนี่เจ้ากำลังจะบอกว่าลูกสาวของข้าพูดจาล่วงเกินสกุลหลินของเจ้าเช่นนั้นหรือ เจ้ารู้ไหมว่าคำพูดประโยคนี้ของเจ้าถือว่าเป็นการให้ร้ายบุตรสาวของข้าอย่างรุนแรงเลยนะ” คำพูดของนายท่านหยางทำให้หลินเหม่ยเหยาพยักหน้า

“นางเอ่ยวาจาล่วงเกินข้าและสกุลหลินจริงๆ เจ้าค่ะ นางบอกว่าสาเหตุที่ข้าไม่สนใจคุณชายสกุลซ่งเป็นเพราะข้าและผู้อาวุโสในสกุลคิดรังเกียจที่นายท่านใหญ่สกุลซ่งยังเป็นแค่เพียงแพทย์หลวงธรรมดา ท่านหัวหน้าสำนักราชบัณฑิตเจ้าคะ ข้าเป็นแค่สตรีที่อยู่ในห้องหอจะกล้าไปติดตามสอบถามความเคลื่อนไหวของบุรุษผู้หนึ่งเฉกเช่นที่นางทำได้อย่างไร คุณหนูสามไม่เพียงรู้ว่ายามนี้คุณชายใหญ่ซ่งกลับเข้าเมืองหลวงมาแล้วยังรู้ด้วยว่านายท่านใหญ่ผู้เป็นบิดาของเขามีตำแหน่งใดอยู่ในสำนักแพทย์หลวงอีกด้วย ข้าที่พอจะคุ้นเคยกับคนในบ้านสกุลซ่งมาตั้งแต่เด็กยังไม่รู้เลยว่ายามนี้นายท่านใหญ่ซ่งดำรงตำแหน่งใดอยู่ในสำนักแพทย์หลวง” คำพูดของหลินเหม่ยเหยาทำให้หยางสุ่ยเซียนพลันตวาดออกมาในทันที

“หลินเหม่ยเหยา นี่เจ้ากล้าใส่ความข้าหรือ” คำพูดของหยางสุ่ยเซียนทำให้หลินเหม่ยเหยาเอ่ยออกมาในทันที

“เช่นนั้นเจ้าก็สาบานมาสิว่าเจ้าไม่ได้พูดกับข้าเช่นนี้ ไม่ได้พูดว่าคุณชายใหญ่สกุลซ่งกลับเข้าเมืองมาแล้ว เจ้ายังพูดอีกว่า ยามนี้ท่านพ่อของข้าได้เป็นถึงรองหัวหน้าสำนักแพทย์หลวงแล้ว รอเพียงการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากสำนักราชวัง ท่านพ่อของข้าก็จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าสำนักแพทย์หลวงอย่างเป็นทางการแล้ว ในขณะที่นายท่านใหญ่สกุลซ่งกลับยังเป็นแค่เพียงแพทย์หลวงตำแหน่งธรรมดาสามัญทั่วไป ก็ไม่น่าประหลาดใจที่จวนสกุลหลินและข้าจะรังเกียจการหมั้นหมายในครั้งนี้” หลินเหม่ยเหยาเอ่ยพลางจ้องมองหยางสุ่ยเซียนด้วยสายตาท้าทาย สตรีผู้นี้มีความเชื่อเรื่องการบนบานศาลกล่าวย่อมไม่กล้าจะผิดคำสาบานแน่ แล้วก็เป็นอย่างที่นางคิดหยางสุ่ยเซียนมีสีหน้าอึดอัดและพลันส่ายหน้าปฏิเสธในทันที

“เซียนเอ๋อเจ้าก็รีบสาบานเลยสิว่าไม่ได้เอ่ยวาจาเช่นนั้นออกมา” เฉินอี๋เหนียงเอ่ยพลางพยายามหยิกหลังมือของบุตรสาว แต่หยางสุ่ยเซียนกลับส่ายหน้าให้มารดา ท่าทีเช่นนี้ของนางสามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าหลินเหม่ยเหยาพูดความจริง

“หยางสุ่ยเซียนคุกเข่าเดี๋ยวนี้” นายท่านหยางตวาดออกมา สายตาที่ใช้จ้องมองบุตรสาวคนที่สามเต็มไปด้วยความดุดัน

“น่าขายหน้านัก หยางสุ่ยเซียนเสียทีที่เจ้าเป็นบุตรสาวของข้าไม่เพียงทำตัวผิดจรรยาสตรีแถมยังกล้าทำให้ข้าต้องเสียหน้าต่อผู้อื่นด้วย” คำพูดของนายท่านหยางทำให้หยางสุ่ยเซียนต้องรีบคุกเข่าในทันที

“ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว” เด็กสาวอายุแค่เพียงสิบสี่ปีต่อให้มีความร้ายกาจมากเพียงใดแต่เมื่อถูกบิดาดุด่าเช่นนี้ย่อมไม่กล้าเสแสร้งและแสดงตนว่าเป็นผู้ถูกกระทำได้อีกต่อไป ท่าทียอมแพ้เช่นนี้ของบุตรสาวทำให้เฉินอี๋เหนียงเม้มปากแน่น แล้วรีบคุกเข่าลงข้างกายบุตรสาวของตนเองในทันที

“นายท่าน เซียนเอ๋อยังเด็ก...” เฉินอี๋เหนียงยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคก็ถูกคำว่า “หุบปาก” ของนายท่านหยางทำให้เฉินอี๋เหนียงไม่กล้าเอ่ยวาจาออกมาได้อีก นางเม้มปากแน่นแล้วรีบก้มหน้าลงเพื่อปิดบังความไม่พอใจในแววตาของตนเองในทันที

“ท่านรองหัวหน้าสำนักแพทย์หลวงเป็นข้าที่ผิดต่อท่านและบุตรสาวของท่าน เชิญท่านนั่งก่อนเถิด” น้ำเสียงที่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเดียวของนายท่านหยางทำให้หลินเจวี๋ยพลันยิ้มออกมาอย่างเย็นชา แต่ถึงอย่างไรตนและบุตรสาวก็ยังอยู่ภายในจวนของผู้อื่น อีกทั้งผู้อื่นยังมีบุตรสาวดำรงตำแหน่งกุ้ยเฟยในรัชกาลปัจจุบันอีกมีหรือที่เขาจะกล้าแตกหักกับอีกฝ่าย

“ไม่ต้องรู้สึกผิดอันใดหรอก ข้าก็แค่พาบุตรสาวมาแก้ต่างที่จวนแห่งนี้ด้วยตนเอง ยามนี้ในเมื่อท่านเห็นแล้วว่าเป็นผู้ใดที่เป็นคนทำผิด ข้ากับบุตรสาวก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ หวังเพียงว่าต่อไปท่านก็อย่าให้บุตรสาวของท่านไปที่จวนของข้าอีกเลย ข้าทนให้เด็กสาวที่ไม่รู้จักรักษาจรรยาและมารยาทผู้นี้เข้าจวนสกุลหลินไม่ได้จริงๆ หวังว่าท่านหัวหน้าสำนักราชบัณฑิตจะเข้าใจข้านะ” คำพูดของหลินเจวี๋ยทำให้สีหน้าของนายท่านหยางพลันซีดเผือด ส่วนสีหน้าของหยางสุ่ยเซียนและเฉินอี๋เหนียงยามนี้ไร้สีเลือดไปแล้ว ถ้อยคำตำหนิเช่นนี้ของหลินเจวี๋ยหากแพร่พลายออกไปด้านนอกหยางสุ่ยเซียนก็ยากที่จะได้หมั้นหมายและได้แต่งเข้าจวนสกุลขุนนางในเมืองหลวงแล้ว

“ท่านหัวหน้าสำนักราชบัณฑิต หยางฮูหยิน ข้ากับลูกสาวคงต้องขอตัวแล้ว” หลินเจวี๋ยเอ่ยออกมาอีกครั้งแล้วจึงได้คารวะอำลาโดยมีหลินเหม่ยเหยาและคนของนางที่ติดตามมาด้วยคารวะอำลาอยู่ทางด้านหลัง

“ต้องขออภัยต่อท่านด้วย บุตรสาวของข้ายังเด็กจึงได้ทำเรื่องไร้หัวคิดเช่นนี้ ข้าขอรับรองว่าวันหน้าจะไม่ปล่อยให้นางไปรบกวนพวกท่านอีก” เมื่อนายท่านหยางเอ่ยเช่นนี้หลินเจวี๋ยก็พลันยิ้มออกมาแล้วจึงได้พาบุตรสาวออกจากจวนสกุลหยางไปโดยไม่ได้เอ่ยอันใดออกมาอีก ทิ้งให้นายท่านหยางหันไปจ้องมองบุตรสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง

“ฮูหยิน ในเมื่อพวกนางสองแม่ลูกไม่รู้จักดีชั่ว เจ้าก็จงส่งพวกนางไปรอรับโทษที่หอลงทัณฑ์ก็แล้วกันอีกทั้งอย่าลืมหาตำราสอนจรรยาและจริยธรรมให้พวกนางคัดคนละห้าสิบจบ เมื่อครบถ้วนเมื่อไหร่จึงค่อยปล่อยพวกนางออกมา” คำสั่งของนายท่านหยางทำให้สวีเยียนรีบรับคำในทันที

“ท่านพี่โปรดวางใจ ข้าจะดูแลพวกนางอย่างดีเลยทีเดียว” คำพูดของสวีเยียนเต็มไปด้วยความสาแก่ใจทำให้สองแม่ลูกจากเรือนทิศตะวันออกพลันเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่นในทันที

เรื่องที่เกิดขึ้นในโถงกลางของจวนสกุลหยางถูกนำไปถ่ายทอดให้หยางเจี้ยนได้ฟังอย่างไม่มีตกหล่นเลยสักคำ ทำให้เขาที่กำลังจ้องมองขวดยาของหลินเหม่ยเหยาพลันยิ้มออกมาในทันที แล้วจึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสนใจ

“ไม่เลว! มารดาเลี้ยงของข้าต่อกรกับพวกนางสองแม่ลูกมาตั้งนานหลายปี หากข้ากับน้องหญิงไม่ออกหน้าช่วยก็ไม่มีเลยสักครั้งที่นางจะเป็นฝ่ายชนะ แต่หลินเหม่ยเหยาผู้นี้กลับไม่ใช่แค่เพียงทำให้เฉินอี๋เหนียงและน้องสามถูกลงโทษได้ แต่ยังทำให้ชื่อเสียงของน้องสามต้องมัวหมองไปตลอดชีวิตอีกด้วย เด็กสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย” หยางเจี้ยนเอ่ยชื่นชมหลินเหม่ยเหยาออกมาพลางจ้องมองขวดยาสลบที่ได้รับจากหลินเหม่ยเหยาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 100

    ‘เจ้าบ่าวของฉางเจียจะต้องเป็นข้าเพียงเท่านั้น’สวีหย่วนไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากนั้นเขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากกว่าจะได้แต่งงานกับฉางเจีย พอนางตัดสินใจว่าจะแต่งให้กับผู้อื่นแล้วนางก็มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เขาบอกว่าเขายินดีที่จะแต่งงานกับนาง แต่นางกลับคิดแค่เพียงว่าเขารู้สึกสงสารนางเพียง

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 99

    คุณหนูสกุลฉางกำลังจะแต่งงาน ข่าวนี้ทำให้ผู้คนในเมืองหลวงต่างพากันแตกตื่นและก็พากันสงสัยว่าใครกันที่จะเป็นเจ้าบ่าวผู้โชคร้ายคนนั้น ที่น่าประหลาดใจก็คือใกล้จะถึงวันมงคลอยู่แล้วแต่จวนสกุลฉางกลับไม่ได้จัดเตรียมงานมงคล แต่จวนที่จัดเตรียมงานมงคลกลับเป็นจวนสกุลหยาง จึงมีหลายคนต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 98

    “บัดซบ! หลินเหม่ยเหยาถ้าเจ้ากล้าเป็นอะไรไป ข้าจะตามไปเอาเรื่องเจ้าในปรโลกแน่ๆ” ฉางเจียเอ่ยพลางวิ่งอย่างสุดฝีเท้าไปที่จวนสกุลหยางโดยมีอิงเถาวิ่งตามนางมา“คุณหนูฉาง ข้าเอารถม้ามารับท่านด้วยนะเจ้าคะ” แม้ว่าจะวิ่งสุดฝีเท้าแต่ฉางเจียก็วิ่งไปไกลแล้ว อิงเถาได้แต่หลังน้ำตาออกมาอีกครั้งแล้ววิ่งกลับไปที่รถม้า

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 97

    ‘ข้าเคยพูดว่าเขาเป็นคนหน้าตาธรรมดาหรือ ข้าเคยพูดตอนไหนกันนะ’ นี่คือความคิดของฉางเจียหลังจากที่นางมอบถุงผ้าปักของตนเองให้สวีหย่วนเพื่อเป็นของแทนใจแต่กลับถูกเขาส่งคืนมาให้แถมยังบอกกับนางว่า“คุณหนูเคยเอ่ยกับข้าว่าข้าเป็นคนที่มีหน้าตาธรรมดา ดังนั้นคนที่มีหน้าตาธรรมดาเช่นข้าจึงไม่คู่ควรที่คุณหนูฉางจะมาช

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 96

    “จิ่นหลันเป็นถึงนายกองหญิงของทัพอู่ติ้ง ได้ยินมาว่าหลายปีมานี้นางคือกุนซือของกองทัพ หากนางคิดมากถึงเพียงนั้นเหตุใดจึงไม่คิดบ้างเล่าว่า ข้าไม่เคยทุ่มเทความสนใจของข้าให้กับสตรีอื่น และข้าก็เชื่อว่าลูกเหยียนของข้าคงจะไม่ต่างจากข้ามากนัก ส่วนลูกเยว่เจ้าไม่ต้องกังวล ขนาดข้ายังตกหลุมรักเจ้าได้ คงจะมีสักวั

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 95

    ซ่งเสวี่ยหรงและกัวไป๋จิ้งถูกตัดสินประหารชีวิตในวันเดียวกัน คนสกุลกัวทั้งสกุลพลอยติดร่างไปด้วย ส่วนคนอื่นๆ ในสกุลซ่งได้รับการอภัยโทษและถูกเนรเทศไปอยู่ชายแดนตลอดชีวิต หวังจื่อเถียนทนรับความลำบากไม่ไหวแขวนคอตนเองตายไปในที่สุด หลินเหม่ยเหยารับฟังเรื่องราวเหล่านี้ด้วยจิตใจอันว่างเปล่า บุญคุณความแค้นในชาต

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status