Beranda / แฟนตาซี / ขวัญรดาลูกแม่ค้า / ตอนที่ 6 ไม่เหมือนกัน

Share

ตอนที่ 6 ไม่เหมือนกัน

           ขวัญรดาลองหลับตาลง พยายามตั้งสมาธิไปที่ระบบแมวกวักที่เคยปรากฏขึ้นมาพร้อมกับลองเรียกในใจ

            'ระบบ... มีวิธีหาเงินอย่างสุจริตที่ลงทุนน้อยที่สุดสำหรับครอบครัวเราตอนนี้ไหม' เธอตั้งคำถาม

          ติ๊ง!

            ราวกับตอบรับคำขอของเธอ หน้าต่างแสงสีทองพลันปรากฏขึ้นในม่านตาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ได้แสดงภารกิจใหม่ มันกลับแสดงหน้าต่างสถานะความสุขปัจจุบันขึ้นมาเหมือนเดิม...แต่มีบางอย่างต่างออกไป

            ข้อความสถานะของแม่ช่อฟ้ามีแถบสีเขียวกะพริบอยู่ที่บรรทัดใหม่ซึ่งถูกเพิ่มเข้ามา

          [แม่ช่อฟ้า: 30/100 ความสุขเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทักษะที่ซ่อนเร้น: การทำอาหารระดับสูง]

          'ทักษะที่ซ่อนเร้น? การทำอาหาร?' ขวัญรดาขมวดคิ้ว... จริงอยู่ว่าแม่ทำอาหารอร่อย แต่ก็เป็นเพียงกับข้าวบ้าน ๆ ธรรมดา จะเอาไปสร้างเป็นอาชีพได้อย่างไร?

            แต่แล้วในวินาทีนั้นเอง ภาพความทรงจำอันเจ็บปวดจากชาติภพแรกก็ฉายซ้อนขึ้นมาอย่างรุนแรง มันไม่ใช่ภาพของเธอเอง แต่เป็นภาพที่เธอในวัยเจ็ดขวบนั่งฟังลุงระบายความคับแค้นใจให้ยายฟังด้วยความโกรธเกรี้ยว...

            มันคือช่วงเวลาหลังจากที่ครอบครัวของเธอแตกสลาย... หลังจากที่แม่หอบหิ้วเธอกับมนัสหนีกลับไปอยู่บ้านตายายที่นครสวรรค์...ในตอนที่เธออายุห้าขวบ 'จะว่าไปไม่ใช่ตอนนี้หรอกหรือ' เธอคิดอย่างหวาดหวั่น

            ก่อนที่คำพูดของลุงจะดังก้องอยู่ในหัวของเธอ "ก็เพราะผัวมันนั่นแหละแม่!" เสียงของลุงในความทรงจำแสดงความเกรี้ยวกราด "พอถูกหวยได้เงินมาหน่อยก็ทำตัวใหญ่โต!"

            ในตอนนี้ดูเหมือนว่าขวัญรดาจะจำคำพูดของลุงได้แม่นว่า...ป๊าถูกรางวัลที่ห้าเป็นเงินถึงหนึ่งหมื่นบาทเลยทีเดียว! ซึ่งเงินหนึ่งหมื่นบาท! ในยุคที่ค่าแรงรายวันอยู่ที่หลักสิบมันคือเงินก้อนมหาศาล มากพอที่จะพลิกชีวิตครอบครัวให้ดีขึ้นได้อย่างสบาย ๆ หรือจะเป็นการทำลายให้ย่อยยับอีกก็ได้เหมือนกัน

            ก่อนที่ภาพความทรงจำของจิตวิญญาณของหญิงชรานั้นจะเริ่มชัดเจนขึ้นราวกับเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นไม่มีผิด... ภาพของป๊าที่เริ่มกลับบ้านผิดเวลา กลิ่นน้ำหอมแปลก ๆ ที่ติดมาตามเสื้อ และแววตาที่ว่างเปล่าของแม่ที่นั่งรอสามีกลับบ้านทุกคืน...ไม่ว่าอาม่าจะห้ามปรามอย่างไรป๊าก็ดูเหมือนว่าจะกู่ไม่กลับ

            สุดท้ายในที่สุดแม่ของเธอจึงได้หอบเธอกับน้องหนีไปอยู่บ้านตายายที่นครสวรรค์ หลังจากที่แม่ร้องไห้มาหลายวัน แม่ก็ได้ฮึดขึ้นสู้และประกาศว่า "ฉันจะเลี้ยงลูกสองคนด้วยลำแข้งของตัวเอง"

            เมื่อขวัญรดาคิดมาถึงตรงนี้เธอก็เห็นภาพของแม่ที่ยืนหยัดหาบขนมจีนขายด้วยตัวเองอย่างอดทนจนทำให้มีเงินเก็บก้อนหนึ่ง...และหลังจากนั้นไม่นานที่ป๊าหมดตัวและถูกทิ้งหรือส่วนหนึ่งอาจจะมาเพราะอาม่า ก็เลยทำให้เขาไปง้อแม่ของเธอและสัญญาว่าจะทำตัวใหม่

            'ดูเหมือนว่าเหตุการณ์การเป็นลูกแม่ค้าของเราจะเริ่มจากตรงนั้นสินะ' เด็กหญิงครุ่นคิด ก่อนจะดีดนิ้วของตัวเองดังเป๊าะด้วยแววตาลุกโชน 'ขนมจีนน้ำยาฝีมือแม่ ไหนจะแกงเขียวหวานคั่วฟักเขียว...แม่ของเราทำอร่อยที่สุดแล้ว!'

            เมื่อคิดได้ดังนี้ เธอก็ตั้งใจว่าจะต้องนำเรื่องนี้ไปคุยกับแม่อย่างจริงจังให้ได้ แต่ก่อนอื่น...เธอต้องจัดการกับระเบิดเวลาที่ชื่อว่าเงินหนึ่งหมื่นบาทนั้นเสียก่อน!

            และแล้วแผนการหยิบยืมสลากกินแบ่งรัฐบาลมาให้แม่ก็ได้ถูกคิดขึ้นมาอย่างเร่งด่วน 'เราต้องห้ามแม่ด้วยว่าห้ามบอกใคร แต่เราจะทำอย่างไรให้แม่ทำตามดี' ขวัญรดารู้สึกว่าเหมือนเธอจะประสบปัญหาใหม่อีกแล้ว เนื่องจากแม่ของเธอนั้นรักครอบครัวมาก อีกทั้งยังจะเป็นเหมือนผู้หญิงยุคเก่าทั่วไปที่เป็นเหมือนช้างเท้าหลัง

            'เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน...คงต้องลองเสี่ยงดูสักหน' เด็กหญิงครุ่นคิดก่อนจะเหม่อมองไปทางเจ้าทองตัวน้อย 'ใช้วิธีบอกว่ามีผีมาบอกก็แล้วกัน และให้ผีในฝันย้ำว่าหากแม่บอกป๊า บ้านของเราจะแตกเพราะป๊าจะมีผู้หญิงใหม่จากการแนะนำของเพื่อนที่โรงเชือด'

            ในขณะที่ขวัญรดากำลังตกอยู่ในภวังค์ของตนเองอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของน้องชายดังขึ้น ทำให้เธอหลุดออกจากความคิดอันซับซ้อน

            พร้อมกับมองไปยังน้องที่นั่งห่างออกไปไม่ไกล และเห็นเขาทำท่าเหมือนกำลังยื่นของเล่นไม้ในมือให้ใครบางคนที่คนอื่นมองไม่เห็น ซึ่งหากมีคนเห็นก็อาจจะช็อกเนื่องจากจู่ ๆ ของเล่นก็ลอยขึ้นกลางอากาศได้เองราวกับมีคนรับไป

            ขวัญรดามองภาพนั้นแล้วก็ยิ้มออกมา...ทั้งนี้เป็นเพราะเธอมองเห็นร่างโปร่งแสงของเจ้าทองที่กำลังทำหน้าทะเล้นแลบลิ้นปลิ้นตาเล่นกับน้องชายของตนอย่างสนุกสนาน ซึ่งดูเหมือนว่ากุมารน้อยกำลังทำหน้าที่เป็นพี่ชายเลี้ยงน้องได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

            และแล้วภาพความสุขเล็ก ๆ ตรงหน้ายิ่งตอกย้ำความตั้งใจของเธอให้แน่วแน่มากยิ่งขึ้น...เธอจะต้องปกป้องรอยยิ้มนี้ของน้องและของครอบครัวเอาไว้ให้ได้ แม้ว่าต่อมาป๊าจะคิดได้ แต่ทุกสิ่งมันก็ไม่เหมือนเดิม เนื่องจากเธอรู้ดีว่าแม่ก็ยังคงระแวงป๊าอยู่ในเรื่องผู้หญิงตลอดเวลาจนกระทั่งเธอสิ้นลม

            เมื่อแผนการทุกอย่างตกผลึกในใจ เจ้าตัวก็ไม่รอช้าเธอเพ่งสมาธิไปยังจุดที่เจ้าทองกำลังเล่นอยู่ แล้วส่งกระแสจิตไปหากุมารน้อยทันที

          'เจ้าทอง...ฉันมีเรื่องสำคัญมาก ๆ จะให้ช่วย'

            กุมารน้อยที่กำลังสนุกสนานชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมาพยักหน้ารับรู้แล้วค่อย ๆ ลอยตัวมานั่งขัดสมาธิเคียงข้างพี่สาวคนใหม่ของตัวเอง

          'พี่สาวมีอะไรให้หนูช่วยเหรอจ๊ะ'

          'อีกไม่นาน...ก่อนตรุษจีน ป๊าของฉันจะไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล' ขวัญรดาเกริ่น 'ฉันอยากให้เธอช่วยไปสืบดูให้หน่อยว่าป๊าซื้อแล้วเก็บเอาไว้ที่ไหน'

            เจ้าทองเอียงคอด้วยความสงสัย 'แล้วพี่สาวจะให้หนูทำอะไรต่อเหรอ...หรือจะให้หนูไปแอบหยิบสลากใบนั้นมาให้พี่สาวใช่ไหม...ว่าแต่แบบนั้นมันไม่เรียกว่าขโมยเหรอจ๊ะ' กุมารทองตัวน้อยถามอย่างพาซื่อ ทั้งนี้เพราะจำได้ว่าพี่สาวเคยพูดไว้

            'สิ่งที่เราจะทำนี้ไม่เรียกว่าขโมยเพราะเราไม่ได้ไปลักของใคร แต่ว่าเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมต่างหาก' เธอเกริ่น ก่อนจะรีบอธิบายออกมาเพิ่มเติมเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของกุมารตัวน้อย 'เจ้าทอง...เธอรู้จักสุภาษิตไทยที่ว่าตำน้ำพริกละลายแม่น้ำไหม' กุมารน้อยส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ

            'มันหมายถึงการลงทุนลงแรงไปกับอะไรที่ไม่เกิดประโยชน์เลย...เหมือนเราตั้งใจโขลกน้ำพริกอย่างดี แต่สุดท้ายก็เอาไปเททิ้งในแม่น้ำจนหมด ไม่ได้อะไรดี ๆ กลับคืนมา'

            เธอกล่าวพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของกุมารน้อย และเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาคล้ายเข้าใจมากขึ้น เธอจึงได้พูดขึ้นมาอีก

            'ซึ่งก็เหมือนกับเงินที่ป๊าจะถูกหวยนั่นแหละ เพราะถ้าปล่อยให้ป๊าเก็บไว้ เงินก้อนนั้นก็จะหมดไปกับเพื่อนฝูงและผู้หญิงคนอื่น...เหมือนเราเอาเงินหนึ่งหมื่นบาทไปเททิ้งในแม่น้ำ มันไม่ได้ทำให้ครอบครัวเราดีขึ้นเลย แถมยังจะทำให้บ้านเราแตกอีกด้วย'

            'หนูเข้าใจแล้วจ้ะ แบบว่าพ่อแม่ของพี่สาวก็จะทะเลาะกันแบบนี้ใช่ไหม และก็จะเสียงดัง ๆ ด้วย' กุมารน้อยพูดขึ้นตามที่ตัวเองเคยเห็น

            'ใช่แล้วละ แต่ว่าถ้าฉันนำเงินก้อนนั้นมาให้แม่...มันก็เหมือนเรานำเงินของครอบครัวมาเป็นเงินทุนเพื่อสร้างอนาคตของเรา และมันก็จะไม่ได้หายไปไหน แต่ตรงข้ามเงินมันจะงอกเงยขึ้นมาให้เราได้อยู่ดีกินดีกันทุกคน...รวมถึงเธอด้วย'

            เจ้าทองนิ่งฟังอย่างตั้งใจ...พร้อมกับจับใจความสำคัญทั้งหมดเอาไว้ว่าสิ่งที่พี่สาวกำลังจะทำนั้น ก็เพื่อทำให้ทุกคนในบ้านได้อิ่มท้องนั่นเอง

          'เข้าใจแล้วพี่สาว!' เขาตอบกลับมาเสียงหนัก 'หนูจะไปสืบมาให้พี่สาวเอง! วางใจได้เลย!'

            พูดจบ ร่างของเด็กชายก็สลายหายไป ทิ้งให้ขวัญรดานั่งอยู่กับน้องชายตามลำพัง แต่คราวนี้ ในใจของเธอไม่ได้มีแค่ความกังวลอีกต่อไป แต่กำลังมีแผนการบางอย่างที่จะเริ่มต้นขึ้นด้วย

            เย็นวันเดียวกัน...เมื่อเธอเห็นว่าแม่อาบน้ำและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ในขณะที่หญิงสาวกำลังตากผ้าที่ซักสะอาดจากการเปรอะเปื้อนขี้หมูอยู่นั้น

            ขวัญรดาก็เดินตรงเข้าไปหาเธอ "แม่จ๋า" เจ้าตัวเรียกขานแม่อย่างอ่อนหวาน

            "ว่ายังไงลูก" ช่อฟ้าหันมาส่งยิ้มให้กับลูกสาวของตน แม้ว่าในแววตาจะอ่อนล้าจากการตื่นเช้าและทำงานหนัก

            "แม่จ๋า เมื่อคืน" ท่าทางของลูกสาวที่ยืนบิดมือไปมาคล้ายลังเลทำให้ช่อฟ้าเกิดความสงสัย

            "เมื่อคืนมีอะไรหรือลูก" คนเป็นแม่วางงานในมือลงก่อนจะเดินมาทางลูกสาวถามอย่างห่วงใย

            "คือ เมื่อคืนหนูฝันจ้ะ ในฝันมีคุณยายท่านหนึ่งมาบอกว่า" ขวัญรดาไขว้นิ้วไว้ด้านหลัง พร้อมกับเล่าเรื่องของอนาคตออกมา ช่อฟ้านิ่งฟังลูกสาวด้วยปากอ้า ๆ หุบ ๆ

            "แม่ว่าหนูคงจะฝันไปนั่นแหละจ้ะ ไม่มีอะไรหรอก" ช่อฟ้ายกมือขึ้นลูบหัวลูกสาวกล่าวปลอบอย่างอ่อนโยน

            "แม่จ๋า แต่มันก็ไม่แน่นะจ๊ะ ถ้าเรามีเงินมากขนาดนั้นจริง ๆ หนูว่าแม่เชื่อไว้สักหน่อยก็ไม่เสียหาย เพราะเงินมันคมมากนะจ๊ะ" คำว่าเงินมันคมมาก ที่ไม่น่าจะออกมาจากปากของลูกน้อยวัยห้าปีทำให้ช่อฟ้านิ่งงันไป

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ขวัญรดาลูกแม่ค้า   ตอนที่ 41 เส้นทางพรสวรรค์ของขวัญรดา

    หลายเดือนต่อมาในขณะที่การค้าของครอบครัวศิริเวชเจริญนั้นเป็นไปด้วยดี ในตอนนี้ช่อฟ้ากับสุ่นลั้งเริ่มสบายตัวมากขึ้น เนื่องจากคนทั้งคู่ได้ตัดสินใจแค่ทำของอยู่กับบ้านและให้ป้าพรกับป้าสมศรีเป็นคนออกไปขายแทนทางด้านดวงก็ยังคงทำหน้าที่พนักงานหาบของ...ของตนตามเดิม เพียงแค่...ตอนนี้เด็กหนุ่มไม่จำเป็นต้องเดินหาบตามบ้านอีกต่อไปแล้วทำเพียงแค่ออกไปขายตามตลาดนัดก็เพียงพอแต่สำหรับทางด้านงานของมนตรีที่กำลังช่วยเจ็กใช้ทำงานด้วยความขยันขันแข็งอยู่นั้น กลับได้เกิดปัญหาขึ้นบางอย่าง...เย็นวันหนึ่ง มนตรีกลับมาถึงบ้านด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดมากกว่าปกติ“เป็นอะไรไปป๊า” ช่อฟ้าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงระหว่างมื้อเย็น“เฮ้อ! ก็เรื่องงานน่ะสิ” เขาถอนหายใจ “ลูกค้าคนล่าสุดเขาติมา... เขาว่าแบบบ้านของอาเจ็กมันซ้ำกับบ้านหลังอื่นในซอย...เขาอยากได้อะไรที่มันดูใหม่มากกว่านี้...แต่อาเจ็กแกก็มีแบบบ้านมาตรฐานอยู่ไม่กี่แบบ”ปัญหาเชิงธุรกิจนั้นทำให้ทุกคนในวงข้าวนิ่งเงียบไป...ขวัญรดาที่นั่งทำการบ้านอยู่ไม่ไกลได้ยินทุกอย่าง...และในตอนนี้จิตวิญญาณของคุณยายชาวสวนที่เคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิกพ

  • ขวัญรดาลูกแม่ค้า   ตอนที่ 43 กำเนิดนักร้องเสียงทองตัวน้อย

    สามปีผ่านไปทุกชีวิตในครอบครัวศิริเวชเจริญได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง...จากร้านหาบเร่และรถเข็นเล็ก ๆ ในวันวาน บัดนี้ร้านแม่ช่อฟ้าได้กลายเป็นร้านข้าวแกงเจ้าประจำของชุมชนที่ทุกคนต่างรู้จักและชื่นชอบกิจการของพวกเขาเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง เงินเก็บในสมุดบัญชีก็เริ่มมีมากขึ้นตามลำดับจากหยาดเหงื่อแรงกายของทุกคน และในตอนนี้ร้านข้าวแกงแม่ช่อฟ้าจากแม่ค้าตลาดนัดก็มีห้องแถวขนาดกลางเป็นของตัวเองเพิ่มขึ้นมาทางด้านของมนตรีชายหนุ่มก็ได้กลายเป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้างที่ใช้ไว้วางใจและให้คุมงานสำคัญแทน ชายหนุ่มเลิกดื่มเหล้าอย่างเด็ดขาด และกลายเป็นเสาหลักที่อบอุ่นและแข็งแกร่งของครอบครัว ส่วนช่อฟ้ากับสุ่นลั้งก็กลายเป็นเถ้าแก่เนี้ยผู้เป็นที่ยอมรับนับถือของคนในตลาดทางด้านขวัญรดาในวัยสิบปี ในปีนี้ซึ่งเป็นการเปิดภาคเรียนใหม่เด็กหญิงกำลังจะขึ้นไปอยู่ชั้นประถมปีที่ 6 อย่างมีความสุข เธอเป็นนักเรียนดีเด่นที่เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและในปีนี้... มนัสน้องชายตัวน้อยของเธอ...ก็ได้ก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียนเดียวกันในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นที่เรียบร้อย แม้ว่ามนัสจะไม่ได้มีพร

  • ขวัญรดาลูกแม่ค้า   ตอนที่ 42 ข้ามชั้นแบบงง ๆ

    “ใช่! ห้องของคุณนั่นแหละ” ครูใหญ่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดครูวิทยายังคงยืนอึ้งกับการตัดสินใจที่รวดเร็วของผู้บริหาร แต่ก็รีบพยักหน้ารับคำ “ครับท่าน...ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวไปแจ้งผู้ปกครองของเด็กก่อนนะครับ”ภายในห้องพักรับรองด้านนอก มนตรีและใช้กำลังนั่งรอผลคำตอบด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ส่วนขวัญรดานั้นแม้ภายนอกของเธอจะยังคงนิ่งแต่ในใจก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้เช่นกันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับคนรอ...ความเงียบในห้องรับรองถูกกดทับด้วยความตึงเครียด มนตรีนั่งไม่ติดที่ เขาขยับตัวไปมา ลูบท้ายทอยตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าส่วนใช้แม้จะพยายามรักษาท่าทีให้สุขุม แต่การที่เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเป็นระยะ ๆ ก็บ่งบอกว่าเจ้าตัวเองก็กำลังลุ้นไม่แพ้กันมีเพียงขวัญรดาที่ยังคงนั่งนิ่ง... แต่หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าปลายนิ้วเล็ก ๆ ของเธอกำลังจิกอยู่ที่กระโปรงนักเรียนจนแน่นและในที่สุดเสียงเปิดประตูห้องพักรับรองแห่งนี้ก็ดังขึ้น ทำให้ร่างของผู้ใหญ่ทั้งสองคนสะดุ้งเล็กน้อยและรีบลุกขึ้นยืนโดยอัตโนมัติครูวิทยาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา... มันเป็นสีหน้าที่ผสมปนเป

  • ขวัญรดาลูกแม่ค้า   ตอนที่ 40 เข้าสู่เส้นทางตลาดนัด

    และแล้วสามวันต่อมา...ซึ่งเป็นวันเสาร์ก็มาถึง วันนี้บ้านสวนหลังนี้คึกคักกันตั้งแต่ตีสามเลยทีเดียวเพราะเป็นวันที่ครอบครัวศิริเวชเจริญจะไปเปิดศึกที่ตลาดนัดลานต้นมะขามซึ่งบรรยากาศในครัววันนี้ได้แตกต่างออกไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เพราะนอกจากหม้อแกงและขนมหวานที่คุ้นเคยแล้ว วันนี้ยังมีเมนูใหม่แกะกล่องที่สุ่นลั้งและช่อฟ้าบรรจงทำขึ้นเป็นพิเศษอีกด้วย...นั่นคือรายการหมูพะโล้สูตรโบราณที่เคี่ยวจนน้ำเข้าเนื้อส่งกลิ่นหอมของเครื่องเทศจีนไปทั่ว และหมูสามชั้นต้ม ที่ต้มจนเปื่อยนุ่ม ราดด้วยน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวรสเด็ดกับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่มนตรีเป็นคนปรุงเองกับมือ ซึ่งเมนูเหล่านี้แทบจะไม่มีใครทำขายตามตลาดนัดทั่วไป เพราะเป็นอาหารที่ต้องใช้เวลาและความใส่ใจในการทำสูง ส่วนฝ่ายขนมหวาน...ขวัญรดาก็ได้แสดงฝีมือในฐานะ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์เป็นครั้งแรก“แม่จ๋า...ทับทิมกรอบของเรา...ลองทำใส่แก้วพลาสติก ใส ๆ แบบนี้ดีไหมจ๊ะ” เธอนำเสนอ “เราจัดเรียงเป็นชั้น ๆ ให้เห็นเม็ดทับทิมสีแดงสด ตัดกับขนุนสีเหลืองทอง...มันจะดูน่ากินขึ้นเยอะเลย”ความคิดในการจัดวางสินค้าให้น่าสนใจนั้น เป็นสิ่งที่ใหม่มากสำหรับคนในยุค

  • ขวัญรดาลูกแม่ค้า   ตอนที่ 39 ความดวงดีของนายดวง?

    หลังจากที่นายดวงเดินออกมาจากท้ายวัดและมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งตรงกันข้ามกับเส้นทางที่ช่อฟ้ากำลังจะไปขายข้าวราดแกงของตนและขนมกับพรในเวลานั้นเด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าการขายขนมของตนวันนี้เป็นเพราะความโชคดีของตนหรือว่าเพราะตุ๊กตาแมวกวักหน้ายิ้มกันแน่ เพราะทันทีที่ปากของเขาร้องตะโกนเรียกลูกค้าไปได้เพียงแค่ครั้งเดียว... และยังไม่ทันจะจบประโยคดีว่า...“ขนมจ้า! ขนมอร่อย ๆ มาแล้วจ้า! ปลากริมไข่...”“พ่อค้า! เดี๋ยว! หยุดก่อน!”เสียงเรียกจากหญิงวัยกลางคน...ได้ดังขึ้นจากหน้าบ้านหลังหนึ่ง ดวงรีบวางหาบลงทันที หญิงคนนั้นเดินเข้ามาดูขนมในหาบด้วยความสนใจก่อนจะขอซื้อปลากริมไข่เต่าไปลองชิมหนึ่งถ้วยและทันทีที่นางได้ชิมขนมเข้าไปคำแรก... ดวงตาของหญิงวัยกลางคนก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ!“อร่อย! อร่อยมาก! ไม่เคยกินปลากริมไข่เต่ารสชาตินี้มาก่อนเลย!” หล่อนกล่าวชมอย่างจริงใจ “พ่อหนุ่ม...ทำของอร่อยขนาดนี้ ทำไมไม่ไปขายที่ตลาดนัดเช้าตรงลานมะขามล่ะ ที่นั่นคนเยอะมากเลยนะ ของอร่อย ๆ แบบนี้ต้องขายดีแน่นอน”“ตลาดนัดเช้าเหรอครับป้า” ดวงทวนคำอย่างสนใจ“ใช่! เขามีก

  • ขวัญรดาลูกแม่ค้า   ตอนที่ 38 ก้าวแรกของการเป็นเถ้าแก่

    และครอบครัวศิริเวชเจริญก็ไม่ปล่อยให้แผนการเป็นเพียงแค่ความฝัน...เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นมนตรีก็ใช้ทักษะช่างของตนสร้างป้ายไม้แผ่นใหม่ที่ดูสวยงามและแข็งแรงขึ้นมากกว่าเดิมและนอกจากที่เขาจะเขียนชื่อร้านแม่ช่อฟ้าและรายการอาหารคาวหวานที่ขายหน้าร้านแล้ว ที่มุมหนึ่งของป้ายยังมีข้อความเล็ก ๆ ที่เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า: “รับสมัครคนช่วยงานทำขนมและคนหาบขนมขาย (มีส่วนแบ่งให้)”ซึ่งป้ายประกาศนี้ของเขาก็ได้สร้างความประหลาดใจและความสนใจให้กับลูกค้าและเพื่อนบ้านในชุมชนเป็นอย่างมาก...พร้อมกับทุกคนต่างคิดเหมือนกันว่า...กิจการของครอบครัวนี้กำลังจะขยับขยายอีกแล้ว!เวลาผ่านไปไม่กี่วัน...ก็มีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่กำลังว่างงานทยอยเดินทางมาสมัครกับสุ่นลั้งที่บ้านสวนเป็นจำนวนมาก ผิดจากแต่ก่อนที่ไม่เคยมีใครกล้าย่างกรายเข้ามาแถวนี้เพราะความกลัว ทว่าบัดนี้บ้านสวนหลังนี้กลับคึกคักขึ้นมากทีเดียวหญิงวัยกลางคนทำหน้าที่เป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หล่อนสอบถามประวัติความเป็นมาของคนที่มาสมัครรวมถึงเหตุผลและเคยผ่านงานอะไรมาบ้างเพื่อดูถึงความขยันขันแข็งและคว

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status