“ไม่มีใครให้บัวยุ่งค่ะ แต่บัวเห็นข่าว แล้ว... แล้วบัว... บัวไม่สบายใจ”
“แค่อยู่เฉยๆ ไม่ต้องวุ่นวายก็พอ”
“แต่บัวไม่อยากทำลายชีวิตแต่งงานของใครนะคะ”
“ไม่อยากทำลาย เธอก็แค่อยู่เฉยๆ เหมือนเดิม ก็แค่นั้น”
“คุณเพชร...”
แม้จะรู้ว่าข่าวแต่งงานอาจทำให้ม่านบุษยาน้อยใจ แต่เขาคิดว่าจัดการได้ เพราะระหว่างเขากับวิกัญญามันเป็นความพึงพอใจของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย พ่อแม่เขากับท่านวรุต พ่อของวิกัญญาเคยมีบุญคุณต่อกัน เมื่อท่านอยากให้แต่งเขาก็แต่ง ส่วนจะแต่งแล้วอยู่กันยืดไหม เขาว่ามันเป็นเรื่องของการจัดการ เขาที่บริหารคนงานได้หลายพันคน กับแค่เมียทำไมจะบริหารไม่ได้ และจากที่เห็นวิกัญญาก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไร
“ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก เก็บของเสร็จแล้วตามไปถูหลังให้ฉันด้วย”
เขาพูดตัดบท ลุกขึ้นยืนโดยไม่มองหน้าหล่อนด้วยซ้ำ แต่หล่อนจะไม่ยอมให้เขาเดินจากไปง่ายๆ แบบนี้
“บัวไม่อยากทำให้ผู้หญิงคนนั้น ต้องรู้สึกเหมือนที่บัวรู้สึก”
พชรหัวเราะเสียงเย็น แต่นั่นมันจะต่างอะไรกับเสียงหัวเราะของมัจจุราช เพราะแค่เขาปรายตามองมา หล่อนก็ขาอ่อนแรง
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร”
“บัวรู้ค่ะ ว่าบัวเป็นแค่ของเล่นของคุณเพชร”
ม่านบุษยาพยายามแล้วที่จะไม่ให้เสียงสั่น แต่หล่อนก็ทนไม่ไหว เพราะสายตาเขาไม่ต่างจากหล่อนเป็นของไร้ค่า
แม้จะไร้ค่าสำหรับเขา แต่ไม่ใช่กับตัวเอง
“แต่ของเล่นคนนี้ก็มีหัวใจนะคะ และตอนนี้หัวใจบัวก็เจ็บมาก มากจนบัวไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้วค่ะ”
สายตามองแรงที่ปรายมา กลายเป็นความดุดันที่หันมาจ้องตรงๆ
ม่านบุษยายอมรับว่า ‘กลัว’
ใช่ หล่อนกลัวมาก กลัวสายตานี้จะแผดเผาหล่อนให้มอดไหม้
พชรไม่เคยมองหล่อนแบบนี้มาก่อน หากไม่ถูกใจ แค่คิ้วเขาขมวด หล่อนก็ต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ ไม่ให้ลุกลาม ดังนั้นความสัมพันธ์ของเขากับหล่อนไม่เคยเดินมาถึงจุดนี้ แต่ตอนนี้มันทะลุจุดเดือดไปแล้ว
“หมายความว่ายังไง”
น้ำเสียงคุกคามพร้อมร่างสูงใหญ่ที่ค่อยๆ ก้าวเข้าหา ยิ่งทำให้ใจกระตุก ทั้งร่างสะท้าน สะบัดร้อนสะบัดหนาว แต่หล่อนจะไม่ถอย
ม่านบุษยามองเขาอย่างไม่คิดจะหลบหลีก “ตามสัญญาค่ะ ของเล่นหมดอายุแล้ว” ทว่าเสียงที่เค้นออกมาก็เบาหวิว
“จะไป?”
“ค่ะ”
“ไม่ให้ไป”
คำตอบจากเสียงทุ้มต่ำของเขาเหมือนปีศาจร้ายที่กำลังล่อลวงเหยื่อให้ตายใจ ก่อนจะกัดกินไม่เหลือ
พชรกำลังทำให้หล่อนรู้สึกแบบนั้น เขากำลังข่มขู่ให้กลัวจากเสียงและจากร่างกายสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาใกล้ ทำให้อายอำมหิตที่แผ่ออกมากระตุ้นความกลัวในใจหล่อน
ซึ่งหล่อนกลัวจริงๆ แต่ไม่เปลี่ยนใจ
“คุณเพชรบอกไว้เอง ถ้าวันหนึ่งคุณแต่งงาน หรือวันที่บัวพร้อมจะไป บัวก็มีสิทธิ์เลือกได้”
“ฉันยังไม่ได้แต่งงาน”
“แต่คุณกำหนดวันแล้วนี่คะ ข่าวออกทั่วประเทศ”
“แต่ฉันยังไม่ได้แต่ง”
น้ำเสียงเรียบแต่ดุ รวมทั้งแววตาที่มองมาไม่ต่างจากคำสั่งให้หล่อนหยุดพูด
ม่านบุษยาสะอื้นในอก มองใบหน้าหล่อจัดของผู้ชายคนแรกและคนเดียวในชีวิต
แรกเริ่มที่เห็นข่าว หล่อนแทบขาดใจ เมื่อคิดว่าจะต้องพูดเรื่องนี้กับเขา และจะต้องไปจากที่นี่ก่อนวันที่เขาจะแต่งงาน เพราะคงทนไม่ได้ที่จะต้องอยู่ในสถานะใหม่
ความรู้สึกจะขาดใจนั้น มาจากที่ต้องไปจากเขา มาจากที่คาดคิดไว้ว่าเขาคงปล่อยหล่อนไปตามสัญญาแบบง่ายๆ เพราะเขากำลังจะมีครอบครัว มีผู้หญิงที่เขาจะกกกอดได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีสถานะเป็นเพียง ‘เมียเก็บ’ เป็น ‘ของเล่น’ ที่เขาซื้อมาด้วยราคาแสนแพง รวมทั้งปรนเปรอทุกอย่างที่คิดว่าหล่อนอยากได้ เพียงเพื่อที่เขากลับมากินซ้ำได้ทุกค่ำคืน แลกกับต้องอยู่อย่างไร้ตัวตน ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนไม่ได้สำคัญสักนิด หากจะจากไป
เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะคิกคักของวิกัญญากับเจ้าของร้านยังดังมาเข้าหูอยู่ตลอดเวลา พวกเขาคุยกันเรื่องแหวนเพชรเม็ดเป้งที่วิกัญญาสวมอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้าย“พี่เพชรไม่อยากให้ทำงานในวงการค่ะ อยากให้ลูกแก้วเป็นแม่บ้าน คอยดูแลพี่เพชรอย่างเดียว แต่ลูกแก้วเซย์โนค่ะ ลูกแก้วไม่ถนัดหรอก อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะพี่กุ้ง ลูกแก้วว่าคนเราควรทำงานที่ตัวเองถนัดนะคะ ถ้าลูกแก้วไปแย่งงานแม่บ้านทำ แล้วคุณแม่บ้านจะทำยังไงล่ะคะ สู้ลูกแก้วใช้คนทำงานให้เหมาะสมดีกว่า คุณแม่บ้านก็จะได้มีอาชีพด้วย พี่เพชรก็เลยแย้งไม่ได้ค่ะ ต้องตามใจลูกแก้วเหมือนเคย”“เนี่ย! กุ้งอิจฉาคุณลูกแก้วอีกแล้ว คุณเพชรนี่ช่างเป็นผู้ชายที่ดีจริงๆ เลยนะคะ ทั้งหล่อ รวย อบอุ่น และก็ตามใจคุณลูกแก้วดี๊ดี! คุณลูกแก้วเหมือนถูกรางวัลที่หนึ่งร้อยชุดเลยนะคะ” “ลูกแก้วรู้ตัวค่ะว่าโชคดี แต่ชมให้พี่เพชรฟังไม่ได้นะคะ เดี๋ยวจะเหลิงค่ะ เพราะเกเรไว้เยอะเหมือนกัน” “อุ๊ย! คุณเพชรมีเกเรด้วยเหรอคะ” น้ำเสียงใส่จริตของพี่กุ้ง ฟังรู้ว่า ‘เกเร’ นั้นคือเรื่องผู้หญิง นั่นทำให้ม่านบุษยาหูผึ่ง ไม่อยากฟังเรื่องแสลงใจ แต่ก็จำต้องฟังเพรา
ม่านบุษยายิ้มน้อยๆ และเดินตามเจ้าของร้านที่คุ้นเคยกันมาหลายปี ก็ร้านนี้เป็นร้านประจำของหล่อน สิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงของพชรจะต้องมีก็คือ ความสวย‘เธอต้องดูแลตัวเองให้ดี สวยทุกเวลา ฉันชอบของสวยงาม เสื้อผ้าหน้าผม ต้องทำให้ฉันอยากกลับมานอนที่นี่ทุกคืน’คำสั่งที่พชรพูดกับหล่อนตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้าไปอยู่ในคอนโดฯ ของเขา และเขาก็เลือกสปาร้านนี้ให้กับหล่อน เลือกยี่ห้อของเครื่องสำอาง เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ให้ด้วย เหมือนจะรู้ว่าหากให้หล่อนไปเลือกเองอาจจะไม่ถูกใจเขาและแม้จะผ่านมา 6 ปีแล้ว หล่อนก็ไม่เคยละเลยที่จะดูแลตัวเอง เพราะความสวยนี้ก็เพื่อพชรม่านบุษยานั่งเงียบ ๆ ปล่อยให้พนักงานทำเล็บอย่างใจลอย ในหัวคิดหาหนทางที่จะไปจากพชรแบบสะดวกที่สุด หนทางที่จะทำให้เขายอมให้หล่อนไปแต่โดยดี เพราะถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว แต่หล่อนก็ไม่อยากให้เขาเกลียด อยากให้เขาเข้าใจ และยอมรับกับทางที่หล่อนเลือกแต่ความเงียบก็ไม่อยู่นาน เมื่อมีเสียงเปิดประตูร้าน พร้อมเสียงหวานที่คุ้นหูดังขึ้น“สวัสดีค่ะ ดิฉันโทร.มาจองเรื่องคอร์สเจ้าสาวนะคะ”ม่านบุษยาหันมองหญิงสาวที่ก้าวเข้ามา ผู้หญิงผิวขาวจัด รูปร่างเพรียวในชุดเดรสหรู
ในคลิปปรากฏภาพหญิงสาวรูปร่างแบบบาง ผมตรงยาวสลวย ใบหน้าที่แม้จะเห็นจากระยะไกลก็ยังดูรู้ว่าสวยมาก เธอคนนั้นใส่ชุดเดรสยาวกรอมเท้า สะพายกระเป๋าใบจิ๋ว และสวมรองเท้าส้นเตี้ย การแต่งตัวที่น้อยแต่มาก เพราะมองปราดเดียวหล่อนยังรู้ว่านั่นแบรนด์เนมทั้งชุด และแมทกันอย่างลงตัวโดยเฉพาะกระเป๋าที่ผู้หญิงคนนั้นใช้ สี แบบ และขนาด ถึงจะเห็นไม่ชัด ก็พอจะเดาไว้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ดที่หล่อนอยากได้ แต่กระเป๋ายังมาไม่ถึงร้านที่ไทย แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มี“ชื่อม่านบุษยา อายุยี่สิบสี่ เรียนจบมาสองปีแล้ว แต่อยู่ที่คอนโดฯ นี้มาหกปี”เสียงของบิดาดังขึ้นพร้อมกับเลื่อนแฟ้มข้อมูลของม่านบุษยามาตรงหน้า วิกัญญาปรายตามองกระดาษสีขาวในแฟ้มนิดหน่อยก่อนจะหันไปสนใจคลิปวิดีโอต่อ“แสดงว่าพี่เพชรเลี้ยงนังนี่ไว้ที่คอนโดฯ ตั้งแต่อายุสิบแปดเหรอคะ”น้ำเสียงถามเหมือนจะเยาะ แต่เยาะใครล่ะ วิกัญญาหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้เป็นพ่อ“หกปี ตั้งหกปี... นี่คุณพ่อไม่รู้เลยเหรอคะ ว่าพี่เพชรทำแบบนี้ใต้จมูกลูกแก้วอะ”“แต่หกปีก่อน พ่อกับฝั่งคุณเพชรยังไม่ได้คุยเรื่องแต่งงานกันนะ”“ก็นั่นแหละค่ะ แต่คุณพ่อก็น่าจะตรวจสอบบ้าง”วรุตซึ่งเป็นข้าราชการเกษ
ม่านบุษยาล้างจานกับน้ำสะอาดก่อนจะคว่ำไว้ด้านข้างซิงค์ ล้างมือ เช็ดมือให้สะอาดก่อนจะหันมาสบตากับแม่ ที่กำลังรอคำตอบทุกขณะจิต หล่อนจูงมือแม่มานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่นก่อนจะเริ่มต้นพูด“แม่จ๊ะ”“บัว แม่รู้ว่าที่แม่กับน้องอยู่ดีกินดีทุกวันนี้ เพราะบัวเสียสละอะไรไปบ้าง แต่แม่กับน้องไม่ได้ต้องการอะไรอีกแล้วนะ แค่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีมากที่สุดแล้ว แค่แม่ยังมีบัว ยังมีลิน แม่ก็ไม่ขออะไรแล้วนะ บัวไม่ต้องเสียสละอะไรให้แม่กับน้องอีกแล้ว”ม่านบุษยายิ้มน้อยๆ เมื่อแม่ชิงพูดก่อนที่หล่อนจะอธิบาย ซึ่งไม่ต่างจากที่หล่อนคิด แค่มีแม่มีน้อง แค่นี้ก็พอแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่แม่เข้าใจผิด“บัวก็ไม่ได้ต้องการอะไรแล้วจ้ะแม่ แค่มีแม่ มีลิน แค่นี้ก็พอแล้วเหมือนกัน แต่ทั้งหมดที่บัวทำ บัวไม่ได้เสียสละอะไรเลยนะแม่ ที่บัวทำไปทั้งหมด เพราะ... เพราะบัวรักคุณเพชร บัวไม่ได้ฝืนใจ ไม่ได้ไม่เต็มใจ”“แปลว่าบัว...”“ไม่ใช่จ้ะแม่ ไม่ใช่อย่างที่แม่คิด บัวกำลังจะเดินออกมา แม่ไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ บัวจะออกมาจากคุณเพชร ก่อนที่คุณเพชรจะแต่งงาน”น้ำเสียงที่บอกแม่ราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องผ่านไปอีกว
ม่านบุษยาขับรถไปยังบ้านหลังเล็กย่านชานเมืองบ้านที่พชรซื้อให้แม่กับน้องหล่อนได้อาศัยอยู่ ที่หล่อนเลือกบ้านหลังนี้ เพราะต้องการพื้นที่ใช้สอยให้แม่กับน้องอยู่อย่างสะดวก ต้องการทำเลที่ใกล้โรงพยาบาล แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ไม่แออัดเหมือนในเมืองแม้พชรจะเสนอบ้านในโครงการอื่นที่ให้ความสะดวกสบายกว่า หลังใหญ่กว่า อยู่ในเมือง หล่อนจะได้ไปมาหาสู่แม่กับน้องได้ตลอด แต่หล่อนก็ปฏิเสธไป ด้วยเหตุผลที่ว่าแม่กับน้องอยู่กันแค่สองคน ถ้าหลังใหญ่เกินกำลัง แม่ก็จะทำความสะอาดไม่ไหวและน้องเองก็อาจจะไม่สะดวกเท่าที่ควรด้วย อีกอย่างแม่กับหล่อนเห็นตรงกันว่าจะไม่จ้างแม่บ้าน เพราะถึงแม้พชรจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่าง แต่แม่กับหล่อนก็เกรงใจ และแม้หล่อนจะเกรงใจเขามาก แต่เป็นเขาเองที่บอกว่า ‘ฉันรวยมาก เธอไม่รู้เหรอ ฉันซื้อบ้านให้เธอหลังใหญ่กว่านี้ได้สบาย แม่บ้าน แม่ครัว คนรับใช้ เธอก็จ้างได้เต็มที่ แม่กับน้องเธอจะได้สบายไง’ ที่เขาพูดมาทั้งหมดมันถูกต้อง แม่กับน้องจะได้สบาย แต่แม่กลับสอนหล่อนว่า คนที่พึ่งพาตัวเองมาตลอดชีวิต หากต้องเปลี่ยนตัวเองให้สบายเกินไป อาจจะกลายเป็นอึดอัดได้และเมื่
งานแต่งใกล้เข้ามาทุกทีจนตารางงานของพชรถูกกลบด้วยรายละเอียดของพิธีแต่งงานที่เขาแทบไม่ได้สนใจ ก็แค่ทำไปตามหน้าที่เท่านั้น คนที่มีความสุขสุดคงเป็นวิกัญญา หล่อนพาเขาไปบรีฟงานครั้งสุดท้ายกับทีมออแกไนเซอร์ แต่พชรกลับเบื่อหน่ายและหงุดหงิดขั้นสุดก็ตอนที่วิกัญญาถามเขาทุกเรื่อง“พี่เพชรคิดว่าเราเปลี่ยนของชำร่วยเป็นสบู่ทำมือดีไหมคะ แบบเน้นบำรุงผิว”“อะไรก็ได้จ้ะ เอาตามที่ลูกแก้วชอบเลย”เขาตอบอย่างเสียไม่ได้ พยายามใจเย็นที่สุด เพราะเรื่องของชำร่วย จำได้ว่าวิกัญญาถามเขาเป็นครั้งที่ 4 หรือ 5 ได้แล้ว และก็เปลี่ยนมาหลายอย่าง นี่จะถึงวันงานก็จะเปลี่ยนอีก ยังไม่รวมธีมสีของงานแต่ง จากสีชมพู เป็นสีฟ้า เป็นสีส้ม และก็กลับมาเป็นสีเทาอมฟ้า และเขาแน่ใจว่าหล่อนจะถามอีกรอบว่าเปลี่ยนจากสีเทาอมฟ้าเป็นสีอื่นดีไหม“ไม่เอาอะไรก็ได้สิคะ นี่งานของเรานะ”“ก็ลูกแก้วเป็นเจ้าสาว ลูกแก้วก็เลือกตามที่ลูกแก้วชอบได้เลย พี่ยังไงก็ได้ ตามใจลูกแก้วทุกอย่าง”“แต่พี่เพชรเป็นเจ้าบ่าวนะคะ ลูกแก้วก็อยากให้พี่เพชรชอบด้วยอะ”“พี่ชอบทุกอย่างตามลูกแก้วนั่นล่ะ”“แน่ใจนะคะ ไม่ใช่ว่าลูกแก้วเลือกแล้วจะมาบอกว่าไม่ชอบทีหลังไม่ได้นะ”“แน่นอนจ้