สี่ปีผ่านไป
เมืองซิ่งชุน
“หลี่เจียวมิ่ง เก็บของได้แล้วลูก”
หลี่ชิวโหรวบอกเด็กชายวัยสามขวบครึ่ง ลูกชายตัวน้อยที่แสนน่ารักของเธอ
“เฉิงเจียวมิ่ง อย่าเรียกว่าหลี่เจียวมิ่ง”
เด็กชายรีบแย้ง เขาไม่อยากใช้แซ่ของผู้เป็นแม่ เพราะมักถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ ทั้งๆ ที่เขามีพ่อ พ่อของเขาเป็นถึงคุณหมอ มีชื่อว่าเฉิงอี้หยวน
“พี่ชอบให้ท้ายหลาน เดี๋ยวเขาก็สับสนหรอก”
หลี่ชิวโหรวมองค้อนบอกเฉิงอี้หยวน
“โหรวโหรว พี่บอกเธอกี่ครั้งแล้ว ให้มิ่งมิ่งเรียกพี่ว่าพ่อ เขาจะได้ไม่เป็นเด็กมีปัญหา อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วย”
เฉิงอี้หยวนนับจำนวนกระเป๋าเดินทางแล้วช่วยเด็กชายตัวน้อยถือกระเป๋า
“พี่ก็นะ เดี๋ยวไม่ได้แต่งงานพอดี”
หลี่ชิวโหรวส่ายศีรษะมองผู้ชายตัวใหญ่และผู้ชายตัวเล็กเดินตามกัน
เขาเคยขอเธอเป็นแฟน ทั้งยังขอแต่งงานแล้วหลายครั้ง แต่เธอก็ใจแข็ง ตอนนี้กำลังจะย้ายกลับไปที่เมืองจินไห่ อาจจะต้องพิจารณาอีกครั้ง
ทำให้เขาเสียโอกาสมีสี่ปี เธอคงต้องตัดสินใจครั้งใหญ่
........
เมืองจินไห่
“ไม่ต้องกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่แล้ว คุณอาคุณน้าอยู่ต่างประเทศจนลืมลูกลืมหลานล่ะ”
เฉิงอี้หยวนหัวเราะ พ่อแม่ของหลี่ชิวโหรวกับพ่อแม่ของเขาเป็นเพื่อนสนิทกันถึงขั้นชวนไปเที่ยวในประเทศและตอนนี้ก็ปักหลักอาศัยอยู่ต่างประเทศถาวรไม่ยอมกลับบ้าน
แถมยังสั่งให้เขาดูแลโหรวโหรวและมิ่งมิ่งให้ดีอีกต่างหาก
“ฉันเกรงใจพี่นี่นา”
หลี่ชิวโหรวพูดสายตาลังเลชัดเจน
“ยัยเด็กคนนี้” เฉิงอี้หยวนมองหญิงสาวแววตาอบอุ่น
“อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี จะต้องเกรงใจกันอีกหรือ”
เขาอุ้มหลี่เจียวมิ่งเดินเขาคอนโดของตัวเองอย่างรวดเร็ว
“โหรวโหรว ตามมาเร็วๆ”
เด็กน้อยตะโกนเรียกชื่อแม่จนเธออดขำไม่ได้
เด็กคนนี้คงเลือกแล้วว่าจะให้เฉิงอี้หยวนเป็นพ่อของเขา เพราะเขาไม่เคยถามถึงพ่อแท้ๆ ของตัวเองเลยสักครั้ง
........
บริษัทต้าเฉิง
“ยินดีต้อนรับเลขาอู๋กลับมาทำงานนะครับ”
ต่งเหอเก๋อกล่าวต้อนรับอู๋อี้ตันพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ให้
เธอเรียนจบและทำงานบริษัทที่สาขาฝรั่งเศสจนครบกำหนด โม่เหยี่ยนจึงอนุมัติให้เธอกลับมาทำงานสาขาใหญ่เมืองจินไห่
“ขอบคุณค่ะเลขาต่ง”
หญิงสาวผู้ซึ่งไม่ได้กลับมาเลยตลอดระยะเวลาสี่ปี ตอนนี้เธอดูสดใสมีมาดของหญิงสาวที่มั่นใจเต็มเปี่ยม การแต่งกายและการแต่งหน้าเปลี่ยนไปเป็นแฟชั่นทางฝั่งยุโรป
“สวัสดีค่ะ ประธานโม่”
โม่เหยี่ยนพยักหน้ารับเมื่ออู๋อี้ตันทักทาย
“หวังว่าเลขาอู๋จะช่วยเป็นกำลังในการพัฒนาบริษัทนะ”
เขาพูดเพียงเท่านี้ก็ออกไปคุยธุระข้างนอก
“ฉันไปด้วยไหมคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“เลขาอู๋ดูงานสำคัญที่ท่านประธานมอบให้เถอะครับ งานติดตามประธานคุยงานนอกสถานที่ผมทำเองก็พอ”
ต่งเหอเก๋อพูดกับหญิงสาว
“งานสำคัญหรือคะ”
“ใช่ครับ บริษัทจะมีโปรเจคใหม่ เลขาอู๋ช่วยคิดงานอีกคนดีกว่า คุณเพิ่งเรียนจบกลับมากำลังไฟแรง มุมมองต่างๆ อาจจะไม่เหมือนกับพนักงานที่ทำงานในประเทศมานาน”
“ได้ค่ะ”
หญิงสาวรับคำแล้วกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะของตน
........
โรงเรียนคิงส์เฮาส์
โม่เหยี่ยนมาคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียน ทางบริษัทต้าเฉิงจะเปิดให้นักเรียนอนุบาลและประถมศึกษามาทัศนศึกษาตามกิจกรรมที่โรงเรียนจัดขึ้น จึงต้องมาพูดคุยเรื่องรายละเอียด
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น คุณครูชั้นอนุบาลหนึ่งจูงมือเด็กน้อยเข้ามาหาที่ห้อง
เด็กน้อยหน้าตาสดใส แววตาฉายแววความฉลาดเป็นตัวแทนของนักเรียนกล่าวขอบคุณโม่เหยี่ยนด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“ขอบคุณประธานโม่ที่ให้พวกเราเข้าไปดูที่บริษัทครับ”
เด็กชายตัวน้อยพูดประโยคที่คุณครูสอนมาอย่างคล่องแคล่ว
โม่เหยี่ยนสำรวจใบหน้าน่ารักไร้เดียงสาและแววตาของเด็กชายตัวน้อยที่มองมายังเขาด้วยความมั่นใจก็อดถามไม่ได้
“หนูชื่ออะไร”
เขาถามขึ้นเพราะถูกชะตาเด็กคนนี้เป็นพิเศษ
“ชื่อเฉิงเจียวมิ่ง”
“เฉิงเจียวมิ่ง ลุงจำได้แล้ว วันที่ไปบริษัท ลุงจะเลี้ยงขนมอร่อยๆ นะ แล้วก็หนูๆ ทุกคนด้วย”
เขากวาดสายตามองเด็กน้อยคนอื่นๆ พร้อมรอยยิ้ม
เด็กแต่ละคนเมื่อได้ยืนว่าจะมีขนมอร่อยกินก็ส่งเสียงร้องดีใจ
“หนูไม่ดีใจหรือ”
เขาเอ่ยถามหลี่เจียวมิ่งที่มีสีหน้านิ่งเฉย
“ดีใจ แต่มิ่งมิ่งได้กินขนมอร่อยทุกวันอยู่แล้ว”
เด็กชายตอบอย่างตรงไปตรงมาแววตาใสซื่อ
“ฮ่าฮ่า”
โม่เหยี่ยนหัวเราะเอ็นดู ยกมือหนาลูบศีรษะเด็กน้อย
“ลุงจะหาขนมอร่อยที่สุดในโลกมาให้นะ”
หลี่เจียวมิ่งได้ยินก็ยิ้มชอบใจ
“ขอบคุณครับคุณลุง”
........
บนรถคันใหญ่
ต่งเหอเก๋อมองผ่านกระจกหลังก่อนชวนเจ้านายตัวเองคุย
“ประธานโม่รักเด็กจังนะครับ น่าจะมีลูกไว้เป็นเพื่อนสักคนสองคน”
โม่เหยี่ยนปรายสายตาเย็นชามองนอกกระจกรถ
“ฉันชอบแค่เด็กฉลาด ถ้ามีลูกเป็นของตัวเองกว่าจะโตอาจไม่มีความอดทนพอ”
ถ้าเขากับหลี่ชิวโหรวยังอยู่ด้วยกัน ป่านนี้อาจมีลูกสองคนแล้วก็ได้
เขาคิดพลางถอนหายใจ
........
คอนโดของเฉิงอี้หยวน
“มิ่งมิ่ง ที่โรงเรียนวันนี้เป็นยังไงบ้าง”
หลี่ชิวโหรวชวนลูกชายตัวน้อยคุย เธอมักให้เขาเล่าสิ่งที่พบเจอในแต่ละวัน
“วันนี้มีคุณลุงเจ้าของบริษัทมาที่โรงเรียน บอกว่าจะให้ขนมที่อร่อยที่สุดในโลกกับมิ่งมิ่งด้วย”
เด็กชายเล่าให้แม่ตัวเองฟังอย่างอารมณ์ดี
“อร่อยที่สุดในโลก ถูกคุณลุงหลอกแล้ว”
หญิงสาวหัวเราะกับลูกชาย มือบางหยิบถุงขนมยื่นให้เขา
“มิ่งมิ่งบอกไปแล้วว่าได้กินขนมอร่อยทุกวัน คุณลุงเลยจะเอาขนมอร่อยที่สุดในโลกมาให้”
เด็กน้อยคว้าถุงขนมแล้วหยิบเข้าปากรวดเร็ว
หลี่ชิวโหรวยิ้มชอบใจ ตั้งแต่ตั้งท้องมิ่งมิ่ง เธอก็หาขนมสำหรับเด็กที่อร่อยและมีประโยชน์ สุดท้ายก็เปิดบริษัทเพื่อนำเข้ามาขาย
แม้จะเป็นบริษัทขนาดเล็ก แต่ก็มีความสุขเวลาเห็นเด็กๆ ได้กินขนมที่รสชาติถูกปาก
“แล้วจดหมายที่โรงเรียนให้แม่เซ็นชื่อล่ะจ๊ะ”
เธอเปิดกระเป๋าเป้ของหลี่เจียวมิ่ง หาจดหมายขออนุญาตพานักเรียนไปทัศนศึกษานอกสถานที่
“อยู่ในช่องนั้น”
เด็กน้อยเคี้ยวแก้มตุ่ยชี้นิ้วที่ช่องซิปด้านข้าง
หลี่ชิวโหรวเปิดจดหมายออกมาอ่าน เธอชะงักแล้วเงียบเมื่อเห็นว่าลูกชายต้องไปดูงานที่บริษัทต้าเฉิง ใจนึกถึงโม่เหยี่ยนประธานบริษัทที่แสนใจจืดใจดำ
คนอย่างเขาคงไม่มาสนใจกิจกรรมนี้หรอก อีกอย่างเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าตัวเองมีลูกแล้ว
หลี่ชิวโหรวเซ็นอนุญาตแล้วจับจดหมายใส่ช่องซิปตามเดิม
........
บริษัทต้าเฉิง
บรรดาเด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาลจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบคนเดินจูงมือกันเข้ามาภายในบริษัท แต่ละคนมองสถานที่ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“พาเด็กๆ ไปที่ห้องประชุมก่อนเลยนะ แล้วค่อยแบ่งกลุ่มไปดูแต่ละแผนก”
อู๋อี้ตันบอกกับพนักงานที่ดูแลเด็กๆ มีคุณครูอีกหกคนคอยเดินประกบไม่ให้เด็กน้อยเดินแตกแถวหรือหลงทาง
ในห้องประชุมใหญ่ คุณครูได้ให้ตัวแทนนักเรียนออกมาทำการแสดงเพื่อขอบคุณผู้บริหารบริษัท
“เด็กคนนั้นคล้ายนายตอนเด็กเลยนะ”
สือเหว่ยเฟิง ผู้จัดการอาวุโสของบริษัทชี้นิ้วไปที่เด็กชายแล้วพูดกับโม่เหยี่ยน เขาเห็นโม่เหยี่ยนมาตั้งแต่เล็ก รู้สึกว่าเด็กบนเวทีมีความคล้ายกับชายหนุ่มที่นั่งด้านข้างอยู่หลายส่วน
“เด็กคนนั้นชื่อเฉิงเจียวมิ่ง เดี๋ยวพอโตขึ้นมาหน้าก็เปลี่ยนเอง”
โม่เหยี่ยนกล่าว นัยน์ตาคมมองเด็กน้อยด้วยความสนใจ
เด็กชายที่นิสัยร่าเริง กล้าแสดงออก ช่างเจรจา มีความโดดเด่นบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกรักใคร่เอ็นดู
เมื่อการแสดงของเด็กๆ จบลง พนักงานก็เข็นรถเข็นที่ใส่ขนมเค้กหลากหลายรสชาติ โม่เหยี่ยนได้โอกาสจึงเดินไปหาหลี่เจียวมิ่ง
“เฉิงเจียวมิ่ง” เขาเรียกชื่อเด็กชาย
“ลุงสั่งทำขนมเค้กอร่อยที่สุดในโลกมาให้แล้วนะ”
เด็กน้อยหันมองหน้าชายหนุ่มก่อนมองขนมเค้กบนรถเข็น เขาเห็นหน้าขนมเค้กเป็นรูปตัวการ์ตูนชื่อดังก็มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
“ขอบคุณครับคุณลุง”
หลี่เจียวมิ่งวิ่งไปกอดขาเขาเป็นการเอาใจ จากนั้นก็วิ่งไปหยิบขนมเค้กมากินกับเพื่อนๆ
โม่เหยี่ยนรู้สึกว่ามีกระแสความอบอุ่นวิ่งไหลผ่านหัวใจตอนที่ถูกเด็กชายกอด มือหนายกขึ้นมาลูบศีรษะเขาอย่างลืมตัว ก่อนปล่อยให้หลี่เจียวมิ่งวิ่งไปกินขนมที่ตนสั่งมา
“คิดไม่ถึงว่าประธานโม่ก็มีด้านที่รักเด็ก”
อู๋อี้ตันเดินถือจานขนมเค้กมายื่นให้เขา สายตาจับจ้องที่เด็กชายที่เพิ่งวิ่งออกไป
“ถ้าคุณนายไม่แท้ง อายุก็น่าจะเท่าเด็กคนนี้พอดี”
จ้าวเล่ออิ๋นเลขาอีกคนพูดขณะที่ยกน้ำดื่มมาเสิร์ฟ
โม่เหยี่ยนได้ฟังหน้าเปลี่ยนสีทันที เมื่อคิดว่าอดีตภรรยาสุดที่รักของตนอุ้มท้องให้ชายคนอื่น เขาก็โกรธจนแทบฆ่าคนได้ แต่เมื่อคิดว่าหากเป็นลูกของเขามาวิ่งเล่นอยู่รอบตัวก็คงมีความสุขไม่น้อย
ความรู้สึกสับสนเกิดขึ้นจนเขาต้องเดินออกจากห้องประชุม
ในร้านอาหารที่ไม่ไกลกันนัก โม่เหยี่ยนคุยธุระเสร็จ อู๋อี้ตันก็เรียกพนักงานมาสั่งอาหาร “ฉันว่าประธานโม่คงอยากมีเด็กวิ่งเล่นในบ้านแล้วนะคะ ประธานโม่ไม่คิดจะแต่งงานใหม่หรือคะ”เธอถามชายหนุ่มพลางสังเกตปฏิกิริยาของเขา “ฉันไม่อยากแต่งงานใหม่”โม่เหยี่ยนปฏิเสธน้ำเสียงเยือกเย็น “ถ้าประธานไม่อยากแต่งงานแต่อยากมีลูก ฉันก็พร้อมมีให้นะคะ”หญิงสาวรวบรวมความกล้าแล้วพูดเสนอตัวออกมา นัยน์ตาคมของโม่เหยี่ยนมองเธอ ริมฝีปากบางเม้มเล็กน้อย
สนามบินระหว่างประเทศเมืองเจียงโจวหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยวัยสามขวบอยู่ในอ้อมแขน มีผู้หญิงวัยกลางคนยืนกระสับกระส่ายรอรับอยู่ด้านหน้า เมื่อพบหน้ากันก็ช่วยลากกระเป๋าเดินทางของหญิงสาวคนดังกล่าว“คุณหนูกลับบ้านครั้งนี้ คุณท่านดีใจมากเลยนะคะ”หญิงวัยกลางคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ไม่หรอก ฉันระหกระเหเร่ร่อนอยู่ที่อื่นมาสี่ปี คุณปู่เพิ่งเรียกฉันกลับบ้าน คงมีปัญหาอะไรมากกว่า”หญิงสาวที่อุ้มเด็กหญิงตัวน้อยพูดเสียงราบเรียบ“แต่คุณหนูก็มีเหลนมาให้ท่าน ท่านไม่ตำหนิอะไรหรอกค่ะ”“หยุดพูดเถอะค่ะป้าฮั่ว”หญิงสาวส่งสายตาไม่พอใจ เธอเดินไปขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดรอรับผู้โดยสารด้านหน้าอย่างรวดเร็ว.....
การดูงานในแผนกต่างๆ ของบริษัท หลี่เจียวมิ่งได้แสดงไหวพริบในการตั้งคำถามจนทำให้โม่เหยี่ยนประทับใจอีกหลายครั้ง เด็กคนนี้นอกจากจะมีความมั่นใจแล้ว ยังเฉลียวฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกัน ในใจเริ่มอยากรู้ว่าพ่อแม่ของเด็กคนนี้เป็นใคร เลี้ยงดูลูกอย่างไรจึงออกมาดีแบบนี้ ก่อนที่เด็กชายตัวน้อยจะขึ้นรถกลับโรงเรียน เขาก็เดินเข้าไปถามอย่างเอ็นดู “เฉิงเจียวมิ่ง คุณพ่อคุณแม่ทำงานอะไร” เด็กน้อยหันมามองหน้าเขาด้วยความสงสัย แต่ก็ตอบน้ำเสียงภาคภูมิใจ“คุณแม่ทำงานบริษัท ส่วนคุณพ่อเป็นหมอ” เขาตอบโดยไ
สี่ปีผ่านไปเมืองซิ่งชุน “หลี่เจียวมิ่ง เก็บของได้แล้วลูก”หลี่ชิวโหรวบอกเด็กชายวัยสามขวบครึ่ง ลูกชายตัวน้อยที่แสนน่ารักของเธอ “เฉิงเจียวมิ่ง อย่าเรียกว่าหลี่เจียวมิ่ง”เด็กชายรีบแย้ง เขาไม่อยากใช้แซ่ของผู้เป็นแม่ เพราะมักถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ ทั้งๆ ที่เขามีพ่อ พ่อของเขาเป็นถึงคุณหมอ มีชื่อว่าเฉิงอี้หยวน “พี่ชอบให้ท้ายหลาน เดี๋ยวเขาก็สับสนหรอก”หลี่ชิวโหรวมองค้อนบอกเฉิงอี้หยวน “โหรวโหรว พี่บอกเธอกี่ครั้งแล้ว ให้มิ่งมิ่งเรียกพี่ว่าพ่อ เขาจะได้ไม่เป็นเด็กมีปัญหา อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วย”เฉิงอี้หยวนนับจำนวนกระเป๋าเดินทางแล้วช่วยเด็กชายตัวน้อยถือกระเป๋า “พี่ก็นะ เดี๋ยวไม่ได้แต่งงานพอดี”หลี่ชิวโหรวส่ายศีรษะมองผู้ชายตัวใหญ่และผู้ชายตัวเล็กเดินตามกัน เขาเคยขอเธอเป็นแฟน ทั้งยังขอแต่งงานแล้วหลายครั้ง แต่เธอก็ใจแข็ง ตอนนี้กำลังจะย้ายกลับไปที่เมืองจินไห่ อาจจะต้องพิจารณาอีกครั้ง ทำให้เขาเสียโอกาสมีสี่ปี เธอคงต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ ........ เมืองจินไห่ “ไม่ต้องกลับไปอยู่บ้านพ
“เสี่ยวหรู ดูเลขาอู๋ทำสิ นับวันยิ่งทำตัวเป็นเจ้านายแล้วก็ทำเป็นเจ้าของท่านประธาน”ตงเย่ชิง หนึ่งในเลขาหน้าห้องของโม่เหยี่ยนเดินมากระซิบกระซาบกับเฉินเสี่ยวหรู“เอาหน้าขนาดนั้น ถึงกับกล้าหยิบรูปคู่ของท่านประธานกับคุณนายที่อยู่บนชั้นวางหนังสือไปเก็บใส่ลังได้ ประธานก็ไม่ต่อว่า”จ้าวเล่ออิ๋น เลขาอีกคนลากเก้าอี้เข้ามาร่วมวงสนทนา“ฉันเห็นแววตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้อยากเป็นคุณนายคนใหม่ อาศัยว่าเคยช่วยชีวิตท่านประธาน ท่านประธานจึงค่อนข้างตามใจเธอ ไม่เคยต่อว่าเลยสักครั้ง”“ก็รอดูว่าท่านประธานจะเอายังไงกับผู้หญิงคนนี้”หญิงสาวทั้งสามคนพูดคุยกันได้สักพักก็แยกย้ายทำงานเหมือนเดิม........ห้องทำงานโม่เหยี่ยน“ประธานโม่คะ เย็นพรุ่งนี้มีงานเลี้ยงดินเนอร์ของประธานเหมาแห่งบริษัทเอ็นเอฟค่ะ”อู๋อี้ตันเปิดตารางงาน รายงานโม่เหยี่ยนด้วยน้ำเสียงดีใจ“อืม” ประธานหนุ่มรับคำ“ประธานโม่จะให้เลขาต่งตามไปหรือว่าให้ฉันไปด้วยดีคะ งานเลี้ยงแบบนี้ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยไปเลยค่ะ”บุรุษที่ฟังอยู่เหลือบตามองหญิงสาว เห็นดวงตาเธอจ้องเขาอย่างมีความหวัง“คุณไปกับผมและเลขาต่งก็ได้” เขาตอบเธอแล้วพูดกับต่งเหอเก๋อ“พาเลขา
เมืองซีเหลียนยามค่ำคืนของเมืองซีเหลียนอากาศเย็นสบาย ตึกและอาคารต่างๆ เปิดไฟประดับสว่างไสวทำให้บรรยากาศคึกคัก ผู้คนพลุกพล่านไม่ต่างจากตอนเช้า“ท่านประธานจะกลับโรงแรมเลยหรือว่าจะไปดื่มก่อนดีครับ”ต่งเหอเก๋อที่กำลังขับรถอยู่เหลือบสายตามองเจ้านายผ่านกระจกมองหลัง“กลับโรงแรม”โม่เหยี่ยนตอบ แต่เมื่อรถถึงหน้าโรงแรมก็กลับพูดขึ้น“ฉันจะลงตรงนี้”เขาเปิดประตูลงจากรถ นัยน์ตาคมมองทางฝั่งซ้ายของโรงแรมที่มีถนนเส้นเล็กสายยาวแต่เต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านขายของหลายร้าน จึงเดินไปอย่างรวดเร็ว“เดินเที่ยวบ้างก็ดี”เขาพูดบอกเลขาเสียงไม่ดังนักต่งเหอเก๋อมองตามหลังเจ้านายหนุ่ม ก่อนที่จะขับรถเข้าไปจอดภายในโรงแรม ปล่อยให้โม่เหยี่ยนเดินชมวิวกลางคืนของเมืองคนเดียวโม่เหยี่ยนปรายตามองแต่ละร้านอย่างไม่สนใจเท่าใด เขาไม่ได้เที่ยวตอนกลางคืนมาหลายปี คืนนี้เลยถือโอกาสเดินชมบรรยากาศเมืองซีเหลียนเมืองนี้แม้ผู้คนจะเยอะแต่ก็ไม่วุ่นวายเท่าเมืองจินไห่ ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลาย เขาแวะซื้อเบียร์ที่ร้านสะดวกซื้อข้างทาง จากนั้นก็หาเก้าอี้นั่งรับลมริมแม่น้ำที่ไหลผ่านใจกลางเมืองนั่งดื่มเบียร์จนหมดสองกระป๋องเขาก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะก
ณ งานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ที่จัดขึ้นในโรงแรม ML โรงแรมชื่อดังระดับห้าดาวแห่งเมืองจินไห่ รถยนต์แบรนด์หรูคันใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนเข้าจอดเทียบหน้าประตูทางเข้างานประตูรถถูกเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาแต่เต็มไปด้วยความเย็นชาลงจากรถเป็นคนแรก จากนั้นก็มีหญิงสาวใบหน้าสวยหวาน ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาลงจากรถตามมาเธอเอื้อมมือเรียวควงแขนชายหนุ่มเพื่อเดินเข้าไปในงาน พร้อมกับส่งรอยยิ้มให้แขกในงานเป็นระยะ“ประธานโม่ คุณนายโม่”เสียงทักทายจากบรรดาแขกเหรื่อดังขึ้นตลอดทางเมื่อเห็นพวกเขาพวกเขาก็คือประธานโม่เหยี่ยนแห่งบริษัทต้าเฉิง และหลี่ชิวโหรวภรรยาสาวโม่เหยี่ยนเดินทักทายกับแขกคนอื่นอย่างเป็นกันเอง ไม่ว่าใครที่เข้ามาทักทายเขาก็พูดคุยอย่างสนิทสนม ปล่อยให้หลี่ชิวโหรวที่ควงแขนเดินก้าวเท้าตามเขารัวๆลักษณะคล้ายกับว่าเขากำลังลากเธอให้เดินตาม โดยที่ไม่สนใจว่าเธอจะตามทันหรือไม่หลายคนเห็นท่าทางของเขาก็ได้แต่สงสัย เมื่อก่อนประธานโม่เอาใจใส่ดูแลภรรยาสุดสวยคนนี้มาก เธอจะทำอะไรเขาก็ยอมเธอทุกอย่าง แต่มาวันนี้ดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจเธอแม้แต่น้อยหลี่ชิวโหรวที่สวมชุดเดรสเข้ารูปและรองเท้าส้นสูง เธอเดินตามสามีหนุ่มไ