คำเตือน! ระวังถูกน้องซ่งเมยเมยหลอก....
ตอนที่ 1
ท่านเซียนของเมยเมย
ซ่งเมยเมยคิดมาเสมอเลยว่าโลกที่นางอยู่ในยามนี้ปีศาจอยู่อย่างสงบ ไม่มาวุ่นวายกับมนุษย์ดังเช่นยามที่นางยังเด็ก
แต่ก็รู้ในตอนนี้แล้วว่าตนเองคิดผิดมหันต์!
ปีศาจหมาป่าตัวใหญ่รูปร่างสูงย่างกรายเข้ามายังร่างเล็กของหญิงสาววัยสิบหกมากขึ้นเรื่อยๆ
“อย่าเข้ามา” ซ่งเมยเมยทำใจกล้า หยิบไม้ข้างเท้าขึ้นมาแล้วชี้ไปทางมันแทน
เมื่อก่อนหน้านี้นางกับครอบครัวเดินทางไกลจากเมืองหลวงเพื่อจะไปเยี่ยมอาจารย์ของบิดาที่เร้นกายมาอาศัยอยู่พื้นที่ชนบทแดนใต้
และตอนที่พักขบวนม้ากันนั่นเอง ‘นกน้อยของนาง’ ที่บิดามอบให้เพื่อเป็นเพื่อนเล่นนางยามเขาไปบุกยึดพวกค้าสัตว์เมื่อเก้าปีก่อน มันเกิดอาการหวาดกลัวแปลกๆ ก่อนจะบินว่อนไปทั่ว ซ่งเมยเมยเป็นห่วงมันจึงต้องวิ่งออกมาตามหา แต่สุดท้ายดันพลัดกันกับบิดามารดาแล้วทำให้นางมาเจอปีศาจที่อยู่ตรงหน้าแทน
ซ่งเมยเมยเขยิบร่างหนีจนแผ่นหลังติดกับต้นไม้ด้านหลัง ไร้ทางไป นางฝืนข้อมือสั่นเทาชี้ไม้ท่อนใหญ่ไปทางปีศาจหมาป่าอีกครั้ง
แต่ทันใดนั้นเองกลับมีร่างเด็กวัยประมาณแปดขวบเข้ามาขวางนางไว้ ทั้งยังเอ่ยน้ำเสียงสั่นสะท้านหวาดหวั่นตามออกมา “มะ เมยเมย! มะ ไม่ต้องกลัว ขะ ข้ามาช่วยแล้ว...”
หญิงสาวทำหน้างุนงง ไม่รู้ว่าเด็กน้อยตรงหน้าคือผู้ใดกัน แถมยังรู้จักชื่อของนางอีก
ปีศาจหมาป่าพุ่งเข้ามาทางทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ทันไรก็ถูกกระแสบางอย่างจากบนฟ้าสกัดร่างใหญ่โตของมันเสียก่อน
“แฮ่! ผู้ใดบังอาจ!”
แสงสว่างค่อยๆ ร่วงลงมาจากบนฟ้าช้าๆ ก่อนจะปรากฏเป็นบุรุษรูปงามในอาภรณ์สีฟ้าขาว เขาง้างมือขึ้นมาแล้วสะบัดไปทางปีศาจหมาป่ารอบเดียวมันก็อันตรธานหายไป กลายเป็นกลุ่มหมอกควันลอยหนีไปในทันที
ซ่งเมยเมยที่มองเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกรู้สึกตะลึงเป็นอย่างมาก ดวงตานางเป็นประกายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม
“เกิดออกมาจากท้องมารดา ตั้งแต่เด็กจนโต ข้าเพิ่งเคยเห็นเซียนก็วันนี้!”
‘ถงอี๋’ หลุบตาลงมองไปยังสาวน้อยที่กำลังยิ้มแป้นมายังเขาไม่ยอมหุบเสียที
ก่อนจะขยับริมฝีปากเอ่ยเสียงค่อย “ข้ายังไม่ได้เป็นเซียน”
ซ่งเมยเมยยังไม่ยอมละสายตาไปไหน “ท่านเซียน ท่านไม่ ต้องโกหกข้าหรอกเจ้าค่ะ” นางเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง “แถมท่านยัง...ดูรูปงามอีกด้วย”
ถงอี๋บำเพ็ญเพียรมานาน ไม่เคยยุ่งเกี่ยวสนิทสนมกับหญิงสาวคนใดมาก่อน ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ก็ถอยหลังออกไป
“ข้าบอกว่าไม่ได้เป็นเซียน”
ซ่งเมยเมยยิ้มกว้าง เห็นฟันขาว “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่บอกใครหรอกเจ้าค่ะ ท่านเซียน”
ถงอี๋มองนางอย่างเหลือเชื่อ ตั้งแต่เกิดมาจนบำเพ็ญเพียรเป็นปรมาจารย์ได้แล้ว เขายังไม่เคยเจอสตรีนางใดที่พูดเองเออเองเช่นนางมาก่อนเลย
เด็กน้อยที่ยืนนิ่งอยู่นานค่อยๆ ก้าวมาหาซ่งเมยเมย “เมยเมย...” ก่อนที่จะยกมือน้อยๆ ขึ้นมาจับแขนเสื้อนางไว้แน่น
หญิงสาวแม้จะไม่รู้จักเด็กน้อยตรงหน้าแต่ก็กลัวว่านางจะขวัญเสียจึงยกมือขึ้นลูบหัวเป็นการปลอบโยน “เจ้าหนู ไม่ต้องกลัวนะ ปลอดภัยแล้ว”
แต่แตะได้เพียงครู่เดียวก็ถูกชายหนุ่มด้านหลังชักมือนางกลับมา “อย่าแตะ! นางเป็นปีศาจ”
ซ่งเมยเมยตกใจอีกครั้ง “ปีศาจหรือ? แต่นางช่วยข้าไว้...”
ถงอี๋ไม่ได้ฟังคำพูดของนางสักนิด ยกมือง้างขึ้นหมายจะกำจัดปีศาจตรงหน้า แต่เด็กหญิงตัวน้อยรู้ทันจึงรีบใช้วิชาล่องหนหนีหายไปในพริบตา
“นะ นางเป็นปีศาจจริงหรือ เจ้าหนูนั่น...” ซ่งเมยเมยอ้าปากค้าง ชี้ไปทิศทางที่เด็กน้อยเมื่อครู่หายไป
ถงอี๋ร้องอืมในลำคอ ก่อนจะก้าวเท้าโดยตั้งใจจะจากไป แต่กลับถูกมือเล็กคว้าไว้
ชายหนุ่มหันไปมองสตรีตัวน้อยอย่างไม่เข้าใจ “มีอะไร”
ซ่งเมยเมยหลุบตาลง แต่มือก็ยังไม่ยอมละออกจะข้อมือเขาแม้แต่น้อย “คะ คือว่า ข้าหลงกับบิดามารดาเจ้าค่ะ ท่านเซียนช่วยไปส่งข้าหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ”
เดิมทีเขาลงจากสำนักมาก็เพื่อตั้งใจจะมาบำเพ็ญเพียร ปฏิบัติตนเป็นคนดีอยู่แล้วจึงไม่ได้ปฏิเสธสาวน้อยตรงหน้า
เขามองเห็นแววตาสุกใสของนางก็พลันเหม่อลอยชั่วขณะ ในเวลาที่เขากำลังจะรับปากซ่งเมยเมยนั้นเอง ถงอี๋ก็ถูกปีศาจหมาป่าลอบโจมตีด้านหลังอย่างแรง
“อั๊ก!” โลหิตสีแดงสดถูกกระอักออกมาเป็นจำนวนมาก
“ท่านเซียน!” ซ่งเมยเมยร่างกายสั่นเทาขึ้นมาอีกครั้ง อยู่ๆ นางก็รู้สึกกลัวว่าเซียนหนุ่มรูปงามตรงหน้าจะตายและอันตรธานหายไปต่อหน้านาง
จากนั้นปีศาจหมาป่าก็วกกลับมาแล้วลอบทำลายเขาอีกแผลหนึ่ง “อั๊ก!”
หญิงสาวฝืนมือสั่นเทาลูบหลังเขาค่อยๆ ก้มมองดูหน้าท้องที่เป็นรูกว้างของถงอี๋อย่างหวาดกลัว “ทำใจดีๆ ไว้เจ้าค่ะ! ตอนนี้ต้องรีบหนีจากมันก่อนนะเจ้าคะ”
ถงอี๋ริมฝีปากสั่นสะท้าน เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะพลาดท่าให้กับปีศาจเพียงเพราะเหม่อมองสาวงามชั่วขณะ “ดึงดาบออกมาจากเอวข้า”
ร่างกายของชายหนุ่มนับว่าไม่ไหวแล้ว เขาจึงบอกให้ซ่งเมยเมยดึงดาบออกมาแทนเขา
นางเองเมื่อได้รับคำสั่งจากเซียนหนุ่มรูปงามของนาง ก็รีบดึงดาบออกมาจากฝัก
“ชี้ขึ้นฟ้า”
คราแรกนางใช้มือข้างที่ยกดาบชี้ขึ้นฟ้าด้วยมือข้างเดียวไม่ไหว ซ่งเมยเมยจึงใช้มืออีกข้างมาช่วยประคองแล้วชี้ปลายแหลมขึ้นบนฟ้าได้สำเร็จ
ถงอี๋ลอบกลืนน้ำลายเล็กน้อย “ล่วงเกินแล้ว”
ก่อนที่มือหนาจะคว้าเอวบางของนางมากอดไว้แผ่วเบา แล้วทั้งคู่ก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าท่ามกลางดวงตาที่โกรธแค้นของปีศาจหมาป่า และท่ามกลางดวงหน้าสีแดงก่ำของสตรีบางคน!
ตอนพิเศษ 2ครอบครัวจวิน กับ งานหมั้นหมายจวินถานไป๋คือรัชทายาทผู้หนึ่ง ที่ตำหนักในไร้สตรีดังเช่นบิดาของเขาที่ดำรงตำแหน่งฮ่องเต้ยามนี้หากจะว่าพวกเขากลัวภรรยาก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่ความเป็นจริงคือเขาสองพ่อลูกให้เกียรติภรรยาตนเองต่างหากซ่งเหนียวเหนี่ยวประคองท้องใหญ่โตเดินออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “จวินถานไป๋!”รัชทายาทหนุ่มเดินตรงมาทางพระชายาของตนอย่างไว ประคองนางให้เดินระมัดระวัง นางกำลังจะง้างมือตบหัวสามีก็ถูกบุตรชายด้านล่างดึงกระโปรงแผ่วเบา“หลินอี มีอะไร”‘จวินหลินอี’ ยื่นเทียบเชิญให้มารดาด้วยแววตาใสซื่อ จวินถานไป๋พลันอยากปรี่ตัวเข้าไปกอดเขายิ่งนักลูกพ่อ เจ้าช่วยเหลือพ่อยามขับขันได้ทันเวลาจริงๆ แม่ของเจ้าอารมณ์ไม่คงที่ เกรี้ยวกราดไม่เลือกเวลา...ซ่งเหนียวเหนี่ยวอ่านจบก็สั่งบ่าวรับใช้เตรียมหีบเสื้อผ้า ของกินมากมายขึ้นรถม้าทันที“สามี หลานทั้งสองของท่านจะจัดงานเลี้ยงวันเกิด ท่านจะไปหรือจะอยู่วังรอรับเหล่านางในก็แล้วแต่ท่าน” กล่าวเสร็จก็จูงจวินหลินอีขึ้นรถม้าทันทีจวินถานไป๋ไหนเลยจะปล่อยให้นางไปกับบุตรชายแค่สองคน อีกอย่าง...นางก็กำลังท้องโตปานนั้นยามมาถึงแดนมาร จวินหลินอีก็หลบหนีออกมาเที่ยวเ
ตอนพิเศษ 1ชีวิตพลิกผันในแดนมารหลิวอี้หยางนับเป็นอะไร เป็นเพียงบุตรเขยกลัวภรรยาผู้หนึ่งของจอมมารตู้จวินเท่านั้น!ตู้ฮวาเคยคิดเสมอว่าหากวันหนึ่งตนแต่งงานมีครอบครัว คงจะเลือกพวกมารเช่นเดียวกันเพื่อแต่งงานด้วยแต่พอวันนั้นที่นางได้พบชายหนุ่มผู้หนึ่งในโรงเตี๊ยม นางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีบุรุษเช่นนี้อยู่ในโลกหลิวอี้หยางเดินตรงมายังโต๊ะอาหาร ก่อนจะนั่งยังกวาดสายตามองโดยรอบ เห็นเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง ชั่วเวลานั้นตู้ฮวายอมรับว่าแอบเขินอยู่นิดๆ ชายหนุ่มผู้นี้เองก็หล่อเหลาเอาการ จากนั้นนางก็เห็นเขาลากเก้าอี้เดินอ้อมด้านหลังนาง มานั่งอยู่ข้างๆเอ่อ... จนแทบจะสิงนางให้ได้“แม่นางเจ้างดงามยิ่งนัก”เสียงกระเซ้าเย้าแหย่ดังก้องอยู่ข้างหูนางไม่หยุด ตู้ฮวาไม่สนใจรีบก้มหน้าลงกินอาหารอย่างช้าๆ แต่จิตใจกลับวุ่นวายนักพอยามที่เขาเอ่ยสู่ขอนางกับบิดา ไม่อยากจะเชื่อว่าบิดาจะอนุญาต นางดีใจมากเพียงแต่ไม่แสดงออกมา ยังคิดว่าทั้งหมดอาจจะแค่ฝันไป เพราะคราวที่นางอยู่บนรถม้ายามนั้นบิดาบอกว่านางหมดหวังในเรื่องของเขาแล้ว...ช่วงเวลานั้นนางเสียใจมากจริงๆ หากมีหวังขึ้นมาสักนิด อย่างเช่นเขารู้ว่านางเป็นมารผู้หนึ่ง จะได
บทส่งท้ายเมื่อยามเล็กซ่งเมยเมยมักจะติดตามบิดาไปหาอาจารย์ของเขาเสมอวันหนึ่งบิดาบุญธรรมพาน้องชายมาจวนโหวเป็นครั้งแรก นางเห็นเด็กชายที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อยปานนั้นก็อดที่จะแกล้งเขาบ่อยๆ ไม่ได้พอนานวันเข้าทั้งคู่ก็ตัวติดกัน เป็นคู่หูพี่น้องที่รู้ใจ นางจำเรื่องเล่าของมารดาได้เสมอไม่มีตกหล่น พอได้ยินว่าอาจารย์ของบิดาล้วนคืออดีตจอมมารเทียมฟ้าสะเทือนดินผู้หนึ่งก็มีความคิดดีๆ“เสี่ยวไป๋ เจ้าอยากเก่งจนร้ายกาจรึไม่”จวินถานไป๋ยังเล็ก ย่อมไม่รู้ว่า เก่งจนร้ายกาจ คืออะไร แต่เห็นพี่สาวบุญธรรมคลี่ยิ้มกว้างเพียงนั้นก็น่าจะต้องเป็นของดี เขาจึงพยักหน้ารัวๆจากนั้นนกน้อยตัวหนึ่งที่เกาะอยู่บนบ่าพี่สาวนิ่งๆ มาตลอดก็บินมาจิกหัวเขาอย่างแรงสองสามที‘เจ้าโง่จวินถานไป๋ ถูกเมยเมยหลอกให้ทำเรื่องไม่ดีก็ไม่รู้ตัว!’เขาไหนเลยจะรู้ว่าซ่งเหนียวเหนี่ยวก่นด่าเขาเช่นนี้ จูงมือผู้เป็นพี่สาวติดตามรถม้าตระกูลซ่งมุ่งลงใต้เพื่อไปฝึกตนเป็นศิษย์หลานของจอมมาร!ยามดึกคืนหนึ่งซ่งเมยเมยที่อายุเพียงสิบขวบ นางเห็นอาจารย์ปู่หยิบคันฉ่องปิดวิญญาณออกมา นอกจากมันจะส่องหาคนที่อยากเห็นด้วยแล้ว ยังสามารถมองเห็นรูปโฉมที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ
ตอนที่ 30จุดจบของการหลงบุรุษที่หน้าตา!ซ่งเมยเมยตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็รับรู้ได้ว่านกน้อยบนแท่นกำเนิดเริ่มขยับเล็กน้อยแต่ยังไม่ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงซ่งเมยเมยตั้งใจจะไปดูนางใกล้ๆ เลิกผ้าห่มขึ้นคลุมร่าง แต่พอเท้าแตะลงพื้นเพื่อก้าวลงจากเตียง ความเจ็บปวดด้านล่างก็พุ่งขึ้นมา ร่างเล็กก็ลงไปกองกับพื้นทันที“ถงอี๋!” นางตวาดลั่นเรียกบุรุษที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้เสียงดังชายหนุ่มกำลังฝึกพลังมารที่เพิ่งได้รับมาใหม่อยู่ก็ลุกขึ้นเดินตรงมาหาหญิงสาวทันที ถงอี๋ไม่ทันได้ถามว่าทำไมนางถึงเรียกเขาแต่พอเห็นนางล้มลงไปกองกับพื้น ก็รีบโน้มตัวลงไปอุ้มนางขึ้นมาก่อน“จะไปไหน” ยามนี้เขาเพิ่งฝึกพลังมา ร่างมารยังไม่ได้หายไป เขาบนหัวที่แหลมย้อยลงมาจิ้มแก้มนางเล็กน้อยจนนางคันยุบยิบซ่งเมยเมยโน้มใบหน้าออกห่างเขาระยะหนึ่ง แล้วชี้ไปยังแท่นกำเนิด “ไปดูเหนียวเหนี่ยว”ถงอี๋พานางไปดูมุกวิญญาณของนกน้อยอย่างว่าง่าย แต่การที่นางขยับหนีห่างเขาเช่นนี้ทำเอาหงุดหงิดใจนักเมื่อดูพอแล้วปากเล็กจึงขยับสั่งการ “ไปๆ กลับเตียง”พอร่างของนางมาถึงเตียง ซ่งเมยเมยก็ล้มตัวลงไปนอนเช่นเดิม หันหลังไม่มองเขาอีก“กลัวหรือ...หรือว่าน่าเกลียด”ซ่งเมยเมย
ตอนที่ 29ราชาจอมมารถงอี๋สติพลันหายไป ฝ่าวงล้อมฆ่าพวกมารไปจำนวนมาก ทันใดนั้นร่างกลายเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลง บนหัวมีเขาค่อยๆ งอกออกมาคดโค้งย้อยลงเหมือนเขาแกะ ทั้งใหญ่และแหลมพอเห็นแล้วดูน่าเกลียดน่ากลัวยิ่ง รังสีอันตรายก็พุ่งออกมา ทำร่างของมารรอบๆ กระเด็นกระดอน“อาจารย์ปู่ดูนั่น!” จวินถานไป๋ชี้ไปยังร่างของถงอี๋ที่ยามนี้มีไอสังหารทั่วร่างจอมมารตู้จวินมองก็ยกยิ้มอย่างพอใจ เขากระโดดลงไปในหน้าผาทันที ฝ่ามือตบลงไปบนไหล่กว้างของถงอี๋“นี่คือหลานชายของข้า! พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าสิบวันสิบคืนมานี้ผู้ใดจะสู้เขาได้ หากมีผู้ใดคัดค้านไม่ยอมยกตำแหน่งราชาจอมมารให้เขา ข้าจะถือว่าพวกเจ้ารนหาที่!”ถงอี๋ได้ยินก็สับสนมาก เขาคือหลานชายของจอมมาร เช่นนั้นที่ผ่านมาทำไมเขาจึงไม่รู้เลยถงอี๋ยกกระบี่ขึ้นมาส่องมองใบหน้าตัวเองในยามนี้ ดวงตาแดงฉาน เขี้ยวแหลมยาวที่งอกออกมาดูแล้วก็น่ารังเกียจยิ่งนัก แถมเขาบนหัวนี่...หากเมยเมยเห็นนางจะกลัวเขาหรือไม่... พอคิดถึงนางร่างสูงใหญ่ก็มีแต่จะเจ็บปวด เขาขมวดคิ้วจนเป็นปม ร่างกายก็กระอักเลือดออกมาสามทีติดกันจอมมารตู้จวินหันมาตบไหล่ถงอี๋อีกครั้ง “เจ้าทำได้ดีมาก”“ทำได้ดีแล้วอย่างไ
ตอนที่ 28วิญญาณดับสูญ ไร้การเคลื่อนไหวตลอดกาลแม้ร่างกายซ่งเมยเมยจะได้รับบาดเจ็บแต่ก็นับว่าไม่หนัก นางยังเดินเหินได้ปกติ จากนั้นก็รวมกำลังกับคนอื่นเพื่อกำจัดปีศาจอาฆาต“เจ้า! เจ้ากล้าถอดหัวใจจอมมาร” แล้วพวกมันจะกินร่างเปล่าที่ไร้ของมีค่าเพื่ออันใดความโมโหโทสาของมันเพิ่มมากขึ้น พุ่งเข้ามาทางพวกเขาทันที แต่ครั้งนี้จวินถานไป๋กางอาคมย้อนกลับได้ทันการณ์“พวกเจ้าล้วนเป็นพวกเจ้าเล่ห์!” ปีศาจอาฆาตตัวนี้ยังสมบูรณ์มากกว่าตัวที่ทำร้ายซ่งเมยเมย จึงเห็นรูปหน้ามันชัดเจน ดูแล้วพลังของมันก็น่าจะแกร่งกว่าตัวอื่นปีศาจอาฆาตพุ่งขึ้นไปชนขอบอาณาเขตเต็มแรง จากนั้นเกาะกำบังในพื้นที่พิเศษก็แตกออก ร่างของมันเองก็ระเบิดแตกตกลงมาเป็นลูกไฟด้วยความเร็วถี่ซ่งเมยเมยไม่ทันตั้งตัวถูกลูกไฟอาฆาตทะลุร่างไปสองสามลูก จนกระอักเลือดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า คนที่เหลือยังไม่ทันได้สังเกตเห็น เพราะพวกเขาเองก็ตั้งรับกับจำนวนลูกไฟอยู่เช่นกันซ่งเหนียวเหนี่ยวหันหน้าไปทางเจ้านายของตน เห็นลูกไฟกำลังจะตกลงมาใส่ร่างนางอีกครั้งก็เข้าไปขวางนางทันที“นะ เหนียวเหนี่ยว”“เมยเมย... ตลอดเวลาข้าดีใจมากที่มีเจ้าอยู่เป็นเพื่อน จนถึงวันที่ข้าเ