Masukเสียงแตกสั่นพร่าเอ่ยออกมาทันที ชายหนุ่มรีบดึงสายตาของภรรยาให้หันมามองเขา นางควรมองเห็นเขาที่รออยู่ตรงนี้“อดทนไว้...”หลี่ชางถือวิสาสะยอบกายลงที่ข้างเตียงของเฮ่อเหลียน ไม่สนสายตาตกใจและตำหนิของหมอตำแยทั้งสามคน“อาชาง...”เสียงแผ่วหวานของสตรีบนเตียงฉ่ำเลือดน้ำคร่ำ เอ่ยเรียกขานนามสามีด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ยามที่บุตรในครรภ์หยุดอาการปวดเกร็งให้นางได้พักหายใจเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่อาจหายใจได้ดังเช่นปกติก็ตามบนดวงหน้างามที่ซีดขาวมีหยาดเหงื่อไหลรินเต็มวงหน้าและดวงตาพร่ามัวที่รื้นไปด้วยน้ำตาไหลบ่าอาบสองข้างแก้มลากยาวไปถึงหมอนหนุนจนเปียกชื้น ทำเอาหลี่ชางยิ่งใจแกว่งเว้าแหว่งไม่เหลือดีชายหนุ่มเอื้อมมืออันสั่นเทาขึ้นลูบเบาๆ ที่แก้มฉ่ำชื้น สัมผัสนางอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม ใช้ท้องนิ้วเกลี่ยน้ำตาให้ออกไป สายตาคมดำจับจ้องที่วงหน้านางไม่วางเว้น“อดทนไว้ เหลียนเอ๋อร์ เจ้าต้องไม่เป็นอะไร ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป” เสียงสั่นพร่าเอ่ยออกมาอย่างไม่อาจห้ามใจ เขากำลังกลัวเหลือเกินว่านางจะตายเพราะคลอดบุตรเหมือนเมื่อครั้งนั้นหมอตำแยในห้องต่างมองเหลอหลา แล้วคนหนึ่งก็เอ่ยปากขึ้นว่า “เรียนคุณชาย ท่านควรออกไปจากห้องก่อ
วันเวลาคืบคลานไปช้าๆ ในความรู้สึกของเฮ่อเหลียนที่แสนจะอึดอัดทรมานกับหน้าท้องที่ใหญ่กลมโต หากแต่กลับรวดเร็วยิ่งนักในความรู้สึกของหลี่ชางหลายวันมานี้เขาดูแลจัดการสั่งงานลูกน้องที่ไว้ใจได้ให้ควบคุมกิจการทั้งหลายชั่วคราว ทั้งยังมอบสิทธิ์ในอำนาจการตัดสินใจด้วยคำสั่งเด็ดขาดเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นอาจิ้นที่ถูกให้ไปประจำการที่โรงน้ำชา เหลาสุรา และร้านอาหาร อาเฝิงดูแลโรงเตี๊ยม ร้านขายผ้า หรือแม้กระทั่งข่งอี้ยังถูกเรียกตัวไปดูแลร้านอัญมณีคล้ายยันต์กันขโมยกระนั้น หลงจู๊ทั้งหลายต่างต้องเปลี่ยนเจ้านายกะทันหันกันถ้วนหน้าเหตุที่หลี่ชางต้องทำถึงขนาดนี้ก็เพราะเฮ่อเหลียนใกล้คลอดเต็มทีทุกคนได้แต่สงสัยว่าแค่ภรรยาคลอดบุตร คุณชายหลี่จักตื่นเต้นอันใดกันนักกันหนา แม้แต่นายท่านผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังอดมิได้ที่จะมองหน้าหลี่ชางอย่างฉงน หากแต่ก็มิได้เอ่ยปากทัดทานอันใดให้มากความในที่สุด เฮ่อเหลียนก็เจ็บท้องคลอด นางทนทุกข์ทรมานนานถึงสามวันสามคืน ร้องไห้โอดโอยอยู่ทั้งวันทั้งคืนหลี่ชางที่เฝ้ารออยู่นอกห้อง แบบไม่ยอมหลับยอมนอน ก็ได้แต่ยืนเกร็งตัว ลืมหายใจในบางเวลา ภาพของภรรยาที่คลอดบุตรชายแล้วตายจากหมุนวนมาใ
ภายในเรือนนอนของเฮ่อเหลียนที่เดิมทีไม่มีผู้ใดมาเยี่ยมเยือน บัดนี้กลับมีแขกเหรื่อมารุมล้อมเต็มไปหมดของขวัญของกำนัลทั้งหลายก็ด้วย ล้วนถูกส่งมาให้นางในทุกๆ วัน และต้องเหน็ดเหนื่อยคอยต้อนรับทุกวันเช่นกันที่เป็นเช่นนี้ เพราะเส้นสายวาณิชของสกุลหลี่ที่สั่งสมมามากกว่าสามสิบปี จึงทำให้มีมิตรสหายทั้งในและต่างถิ่นตบเท้าเดินมาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสายนี่ยังไม่นับรวมคนสกุลเฮ่อที่หมั่นแวะเวียนสับเปลี่ยนมาพบหน้าไม่เว้นช่วง วันนี้พี่มา อีกวันน้องมา จากนั้นก็ท่านน้าและท่านอา หมุนเวียนไปกระทั่งนายท่านผู้เฒ่าเริ่มทนไม่ไหว ต้องประกาศกร้าวออกไป ว่าห้ามผู้ใดรบกวนลูกสะใภ้ นางกำลังตั้งครรภ์ สมควรพักผ่อนให้มาก บำรุงให้ดี ทุกทิวาและราตรีต่อจากนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามมาทำให้นางเหน็ดเหนื่อยเด็ดขาด!หลี่ชางก็ด้วย ฮูหยินก็ด้วย งดพิธีคารวะน้ำชาไปก่อน เหลียนเอ๋อร์ไม่ต้องทำอันใดทั้งนั้น กินและนอนได้อย่างเดียว!น้ำเสียงเฉียบขาดนั้น ทำเอาทุกคนในคฤหาสน์ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากทัดทานทั้งสิ้นและที่สำคัญ นายท่านผู้เฒ่ายังคล้ายกับว่ามีกำลังวังชาเพิ่มขึ้นมามากโข ท่านยอมกินยาหม้อขม ยอมฝังเข็มทุกวัน ทั้งยังคอยช่วยฮูหยินผู้เฒ่าต้
ม่านตาดำของหลี่ชางพลันหรี่เล็กแคบลง ในขณะที่เรียวคิ้วงามของเฮ่อเหลียนต้องขมวดพันกันจนเป็นปม สองสามีภรรยาล้วนเข้าใจได้ในทันทีนี่คงเป็นงานเลี้ยงน้ำชาเพื่อดูตัว หมายคัดเลือกสตรีดีพร้อมเข้าสกุลหลี่กระมังและเมื่อคิดได้เช่นนั้น ทั้งสองคนก็หันหน้าไปทางประธานในพิธี เห็นเป็นนายท่านผู้เฒ่าหลี่นั่งอยู่นิ่งๆ ด้วยท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง สายตากวาดมองไปทั่วงาน จับจ้องสตรีแต่ละนางอย่างถ้วนถี่ โดยมีฮูหยินผู้เฒ่านั่งก้มหน้าน้อยๆ ไม่พูดไม่จา สีหน้าไม่แสดงอารมณ์อันใดออกมา“ชางเอ๋อร์...”นายท่านผู้เฒ่าหลี่เอ่ยทักทายบุตรชายเสียงเรียบ“มาเถิด เข้ามาหาพ่อ เหลียนเอ๋อร์ด้วย”คล้ายกับว่าท่านตัดสินใจเด็ดขาดแล้วในครั้งนี้ กับการคัดเลือกอนุให้หลี่ชางด้วยตนเองและสตรีที่มาร่วมงาน ล้วนแล้วแต่เต็มใจมา ถึงแม้ว่างานเลี้ยงจะบอกว่าเพียงเชิญร่วมดื่มชาเพื่อพบปะสังสรรค์ฉันมิตรไมตรีทั่วไปหากแต่ความนัยที่ซ่อนเร้นนั้น ทุกผู้คนย่อมคาดเดาได้เนื่องจากข่าวคราวของคฤหาสน์หลี่ เกี่ยวกับทายาทที่ขาดแคลน ใครๆ ก็รับทราบดีคหบดีผู้เป็นวาณิชหนุ่มเจ้าของวงหน้าหล่อเหลาและร่ำรวยถึงเพียงนี้ เหล่าสตรีชาวบ้าน กระทั่งคุณหนูหลายตระกูล ย่อมยินดี
ท่ามกลางบรรยากาศเย็นฉ่ำของสวนพฤกษาริมทางเฮ่อเหลียนกำลังนั่งกินขนมอย่างอารมณ์ดี หาได้สนใจอาการต่างๆ ของสามีไม่ ทั้งยังมิได้ใส่ใจเรื่องราวในห้วงฝันอีกเลยเพราะหลังจากเหตุการณ์ของฟางเอ๋อร์เกิดการเปลี่ยนแปลงไป นางก็คิดแล้วว่า นั่นคือมายา หาใช่เรื่องจริงอันใดไม่และยิ่งไม่มีค่าพอให้นึกโกรธเคืองสามีอย่างไร้เหตุผล เพราะตนก็มิใช่คนงี่เง่าอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ถึงแม้ว่าบางครายังอดมิได้ที่จะนึกประหวั่นไปถึงสตรีที่มีนามว่าอวี้ชิงก็ตามทีแต่เมื่อพินิจเหตุการณ์อย่างถ้วนถี่ นางก็พบความจริงที่ว่า หากฟางเอ๋อร์มิได้มาร่วมชายคา อวี้ชิงย่อมไม่มีทางได้ย่างกรายเข้ามาเช่นกันเฮ่อเหลียนนั่งกินขนมอีกหลายชิ้น ปราศจากความคิดอะไรให้ลึกซึ้งมากกว่านี้ทว่าชั่วจังหวะนั้นเอง หลี่ชางพลันหันหน้ามาแล้วจับร่างนุ่มขึ้นอุ้มแนบอก ก่อนจะก้าวเท้าเดินอาดๆ ไปที่รถม้า ปากก็ร้องสั่งลูกน้องเสียงดังว่า “เดินทาง!”ทุกคนจึงพากันลุกขึ้นพึ่บพั่บ เตรียมพร้อมในทันทีทันใด หลี่ชางเอ่ยปากอีกคราว่า “ไปโรงหมอก่อน”เสียงตอบรับจากสารถีเกิดพร้อมเสียงสะบัดแส้ฉับพลันเฮ่อเหลียนได้แต่งุนงง มองสามีอย่างไม่เข้าใจอันใดเนื่องจากสวนพฤกษาริมทางนี้ อยู่ใ
กลิ่นกายปรุงแต่งหอมจรุงไปทั่วเช่นนั้น กอปรกับใบหน้างามพิลาศล้ำที่มีดวงตากลมโตดังวารีเช่นนี้ ทำเอาบุรุษบางคนถึงกับทนไม่ไหว ต้องเดินเข้าหานางเพื่อถามไถ่ชื่อเสียงเรียงนาม ยามนั้นจึงมีผู้ติดตามคนหนึ่งเข้าพูดคุยแทนแว่วได้ยินสรรพคุณนางว่ามีดีเช่นไรบ้าง คืนนี้มีการประมูลที่ใด กี่โมงยามอย่างไร เมื่อให้ความหวังแก่บุรุษคนแรกแล้วก็ผละออกห่าง จากนั้นก็ทำเช่นเดิมไปเรื่อยๆหลี่ชางยังคงหรี่ตามองคนงามนามอวี้ชิงอยู่นิ่งๆ ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉย ไม่เผยอารมณ์ใดๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อยบางจังหวะอวี้ชิงก็ปรายสายตามามองเขา เห็นนางชะงักไปชั่วครู่คล้ายกับเจอคนรู้จัก ประหนึ่งคุ้นหน้ากันแต่ชาติปางก่อนหลี่ชางเห็นอวี้ชิงขมวดคิ้วสงสัย ริมฝีปากแดงเรื่อขบเม้มน้อยๆ คล้ายยั่วยวนในที จากนั้นก็ส่งสัญญาณบางอย่างให้ผู้ติดตามของนางคนหนึ่ง ชั่วอึดใจคนผู้นั้นก็เดินมาทางเขาเมื่ออีกฝ่ายเดินมาถึงตัว เสียงเนิบช้ากล่าวเบาๆ ว่า“คุณชายท่านนี้ สนใจการประมูลคืนนี้หรือไม่?”คิ้วคมผู้ฟังกระตุกวูบ ใบหน้าหล่อเหลาแข็งกระด้างทันทีเส้นเสียงตรงหน้ายังคงดังทุ้มต่ำบอกกล่าวกับหลี่ชาง อย่างนอบน้อม “แม่นางอวี้ชิง ขอแสดงน้ำใจมอบที่นั่งพิเศษให้แก







