"ไม่ต้องตาม"มู่เฉวียนตวาดไล่
หานตงยังคงขยับตัวตามทีละนิด
"ข้ารู้ดีว่าตำหนักข้าอยู่ที่ไหนไม่จำเป็นต้องให้องครักษ์ต่ำชั้นมาส่งยังตำหนัก"
"ฝ่าบาทกลัวว่าองค์หญิงจะไม่ยอมกลับไปที่ตำหนัก"อ้างม่อเฉวียน
"นั่นมันเรื่องของข้า หานตงท่านไปเสียขอร้อง"
หานตงส่ายหน้าไปมา
"หานตงอยากจะบอกองค์หญิงว่า ขันทีเสี่ยวเฟยเขาเป็นชายแค่เพียงตัว แต่หัวใจนั่นเล่าเจ้าไม่กลัวว่าจะโดนเขาล่อหลอกเอาหรือ องค์หญิงเคยได้ยินเรื่องเล่าของฝ่าบาทหรือไม่"พยายามจะชี้ให้เห็นว่า เจียเฟยกับม่อเฉวียนมีอะไรบางอย่างที่เหมือนเรื่องเล่าเกินจริงนั้น ก็เขาห่วงมู่เฉวียนนี่ ถึงไม่ไม่เกลียดเจียเฟยและยังถุกชะตาเจียเฟยเสียด้วยซ้ำแต่ถ้าเป็นเรื่องของมู่เฉวียนเขาไม่มีทางยอม
"อย่ามาปักปำพี่ใหญ่ข้านะพี่ใหญ่ยังคงชอบหญิงงาม" มู่เฉวียนหันมาจ้องหานตงเต้มตาตั้งใจเอาเรื่องแบบนี้แหละที่หานตงต้องการ ได้ขัดใจนาง
ได้เห็นท่าทีโกรธเกรี้ยวของนางนี่เขาเป็นอะไรมากไปหรือเปล่า
"ข้าน้อยเห็นกับตาว่า ฝ่าบาทอุ้มขันทีน้อยผู้นั้น แล้วยามที่ฝ่าบาทมองขันทีน้อยผู้นั้นสายตาของฝ่าบาท.."ยังยังไม่ยอมหยุด
มู่เฉวียนเลือดขึ้นหน้าตรงเข้าผลักหานตงอย่างแรงแต่หานตงกับดึงเอาร่างเล็กของมู่เฉวียนล้มลงบนอกของหานตง มืออุ่นกลับรวบเอวบางไว้แน่น
"ปล่อยนะ องครักษ์ถ่อย ข้าจะฟ้องท่านพี่ว่าเจ้าลวงเกินข้า"
ยกมือขึ้นทุบที่อกกว้างกลับโดนรวบมือไว้
“ฝ่าบาทไม่ได้อยู่ที่นี่ ตอนนี้มีแค่เราสองคน”
"ข้าจะสั่งโบยท่านท่านล่วงเกินข้า"
"องค์หญิงล่วงเกินหานตงเห็นๆ องค์หญิงทับหานตงอยู่"อมยิ้มเมื่อรู้ว่ามีชัยเหนือกว่าแต่มู่เฉวียนยิ่งโกรธ เม้มปากแน่น
ดิ้นขลุกขลักแต่หานตงกับกอดไว้แน่น
"ข้าจะฆ่าท่านเสีย"คราวนี้เลือดขึ้นหน้าเห็นๆ กำลังจะฆ่าหานตงให้ตายดับเลยทีเดียวอารมณ์โกรธอิสตรี
"เอะอะก็ตบก็ตี แล้วยังคิดจะฆ่าได้อีก ใจคอทำด้วยอะไรแบบนี้ถ้าแต่งกันไป หานตงไม่ช้ำในตายหรือ"
มู่เฉวียนยังดิ้นรนในอ้อมแขนของหานตง
"ใครจะแต่งกันท่านปล่อยข้านะ เจ้าองครักษ์ต่ำชั้น"
กระทุ้งศอกเข้าที่หน้าท้องของหานตงก่อนะวิ่งแน่บหายไป หานตงอมยิ้มลุกจากพื้น หัวเราะในลำคอเบาๆ
ตำหนักใหญ่ฮ่องเต้
"แล้วเสี่ยวเฟยต้องทำอย่างไร"
"มู่เฉวียนเป็นคนรักง่ายเกลียดง่ายต่อไป แค่ปฏิเสธนางเสีย นางก็จะรู้เองว่าเจ้าไม่มีใจกับนาง"
เห็นในหลายครั้งที่มู่เฉวียนมักจะฟาดงวงฟาดงากับหานตงแต่กับคนอื่นนางก็น่าเอ็นดูไม่น้อย
เจียเฟยยืนนิ่งก้มหน้า ม่อเฉวียนเดินมาใกล้ๆ ก้มลงมองใบหน้างดงาม
"ได้หรือไม่ถือว่าข้าขอร้อง"น้ำเสียงอ่อนโยน
เจียเฟยเงยหน้าขึ้นช้าๆ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ม่อเฉวียนมองริมฝีปากสีชมพูน่าจูบฝืนใจปล่อยมือเบือนหน้าหนี กลืนก้อนแข็งๆ ลงคออย่างยากเย็น
เขาเปแ้นอะไรไปใจสั่น แล้วยัง ยังมองขันทีว่างดงาม ตรึงใจเขาเช่นนี้
"ตามหมอหลวง ตามหมอหลวงมาที่นี่ แล้วเจ้าไปให้พ้นหน้าข้า"
"ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะไปให้พ้นหน้าไม่ได้"
"ทำไมก็ในเมื่อข้าสั่ง"
"ก็ เสี่ยวเฟยเป็นขันทีข้างกายจะต้องอยู่ข้างกายจะไปให้พ้นหน้าแล้วเวลาฝ่าบาทต้องการสิ่งใดจะเรียกหาใครได้ หากเกิดอะไรขึ้นหากมีอะไรไม่ถูกไม่ควรฝ่าบาทก็โทษเสี่ยวเฟยอีกไม่ยิ่งแย่ไปใหญ่หรือ"
อธิบายยาวเหยียด
"อย่างนั้นก็ออกไปอยู่ข้างนอก ข้าเรียกจึงมา หากไม่เรียกก็อย่าเสนอหน้า แล้วอย่าลืมตามหมอหลวงให้ข้าด้วย"
เจียเฟยงงงันกับท่าทีเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของม่อเฉวียน คนอะไรเดี๋ยวไล่เดี๋ยวเรียก
"เป็นอะไรของเขา"
ม่อเฉวียนทิ้งตัวลงบนแท่นบรรทมนอนหงายหลังยกมือกุมขมับ
"ไทเฮาเสด็จจจจจ"
ม่อเฉวียนผุดลุกขึ้นจากแท่นบรรทม
"เฉวียนเอ่อร์ถวายพระพรเสด็จแม่"รีบลุกขึ้นเดินออกจากห้องบรรทมมารอรับไทเฮา
"หืมมม ขันทีน้อยเล่า"
"เอ่อลูกให้เขาตามหมอหลวง"
"ฮ่องเต้ ป่วยหรือ แล้วทำไมไม่มีใครบอกแม่"น้ำเสียงห่วงใย
"ละละลูกไม่ได้ป่วยเพียงแค่มีบางอย่างจะขอคำปรึกษากับท่านหมอ"
"เรื่องใดกัน"
"เอ่อ เอ่อเรื่องที่ ช่างเถอะ เสด็จแม่แวะมาถึงนี่”
“แม่กำลังจะบอกฮ่องเต้ว่าแม่ สองวันมานี้ ส่งเทียบไปยังเหล่าขุนนางให้ส่งบุตรี ที่ถึงวัยคัดตัวนางในเข้ามาให้เจ้าดูตัว เลือกสรรคนที่ฮ่องเต้ตรึงตาตรึงใจไว้ข้างกายสักสองสามคนให้พวกนางเดินเข้าออกหรือมาพูดคุยร่วมเดินหมากหรืออะไรก็แล้วแต่ฮ่องเต้ จะดีไหม”
น้ำเสียงอ่อนโยนเพราะเคยพูดเรื่องนี้กันหลายทีแล้วแต่เป็นม่อเฉวียนที่ออกอาการเบื่อหน่ายและปฏิเสธหลายๆ ครั้งเข้าก็กลายเป็นอารมณ์ขุ่นมัว ครั้งนี้จึงตั้งใจว่าม่อเฉวียนจะไม่พอใจอีก แต่ผิดคาด
“ดีเลย เสด็จแม่ลูกกำลังถึงทางตัน”
อยากจะบอกว่าหาทางออกไม่ได้ไม่รู้จะทำอย่างไรกับ ความรู้สึกที่เกินหักห้ามใจของตัวเองที่มีต่อขันทีน้อย ครั้นจะปลดออกจากตำแหน่งขันทีข้างกายเสียอีกใจกลับบอกว่า อยากจะอยู่ใกล้ขันที น้อยผู้นั้นแล้ว
“ทางตันเรื่องใดกัน”
“ก็เรื่องที่เสด็จแม่ทรงเป็นกังวลลูกเองก็กังวลไม่น้อย สองสามวันก่อนใต้เท้าเหอถวายฎีกาเรื่องที่ลูกไม่ยอมให้มีการคัดตัวนางในแล้วยังไม่ยอมแต่งตั้งฮองเฮา “ไทเฮายิ้ม
“ฮ่องเต้พูดมาแบบนี้แม่ก็วางใจ ดีเลยเช่นนั้นแม่ให้แม่สื่อพาบุตรีขุนนางเข้ามาทีละคนเพื่อให้ฮ่องเต้ได้ดูตัว และทำความคุ้นเคยใกล้ชิดจะดีไหม”
“รีบหน่อย ก็ดีเสด็จแม่ไม่อย่างนั้นลูกคง จะบ้าตายแน่ๆ ”
อยากจะบอกว่า ตอนนี้ไม่มีเวลาไหนที่ไม่มีใบหน้าของขันทีน้อยลอยมากวนใจ
"หมอหลวงมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
หมอหลวงก้าวขาเข้ามาแต่เจียเฟยหายไป แอบหลบไปไกลๆ อย่างที่ม่อเฉวียนสั่ง
"อืมม ท่านหมอพอจะมีเวลาคุยกับข้าไหม รอให้ข้าคุยกับเสด็จแม่เรียบร้อยก่อนท่านค่อยเข้ามา"
"ขันทีข้างกายฝ่าบาท บอกว่าฝ่าบาทอาการค่อนข้างหนักคุ้มดีคุ้มร้าย"
ม่อเฉวียนถอนหายใจส่ายหน้าไปมา
"แล้วเขาไปไหน"
ในที่สุดก็ไม่อาจห้ามใจที่จะถามถึงเสียไม่ได้
"นั่งอยู่ที่ตำหนักด้านนู่นพ่ะย่ะค่ะบอกว่าฝ่าบาทไล่ให้ไปไกลๆ ฝ่าบาทข้าน้อยพูดตามตรงหาก แม้กระทั่งขันทีข้างกายที่รู้ใจที่สุดยังถูกไล่ออกไปเช่นนี้แสดงว่าฝ่าบาทอาการไม่เบาจริงๆ"
ไทเฮายกมือขึ้นทาบอกสีหน้าเป็นกังวล
“เช่นนั้นหมอหลวงท่านควรเร่งหาสามเหตุและรักษาอาการประชวรของฮ่องเต้ให้หายในเร็ววัน”
"ไม่ต้องตาม"มู่เฉวียนตวาดไล่หานตงยังคงขยับตัวตามทีละนิด"ข้ารู้ดีว่าตำหนักข้าอยู่ที่ไหนไม่จำเป็นต้องให้องครักษ์ต่ำชั้นมาส่งยังตำหนัก""ฝ่าบาทกลัวว่าองค์หญิงจะไม่ยอมกลับไปที่ตำหนัก"อ้างม่อเฉวียน"นั่นมันเรื่องของข้า หานตงท่านไปเสียขอร้อง"หานตงส่ายหน้าไปมา"หานตงอยากจะบอกองค์หญิงว่า ขันทีเสี่ยวเฟยเขาเป็นชายแค่เพียงตัว แต่หัวใจนั่นเล่าเจ้าไม่กลัวว่าจะโดนเขาล่อหลอกเอาหรือ องค์หญิงเคยได้ยินเรื่องเล่าของฝ่าบาทหรือไม่"พยายามจะชี้ให้เห็นว่า เจียเฟยกับม่อเฉวียนมีอะไรบางอย่างที่เหมือนเรื่องเล่าเกินจริงนั้น ก็เขาห่วงมู่เฉวียนนี่ ถึงไม่ไม่เกลียดเจียเฟยและยังถุกชะตาเจียเฟยเสียด้วยซ้ำแต่ถ้าเป็นเรื่องของมู่เฉวียนเขาไม่มีทางยอม"อย่ามาปักปำพี่ใหญ่ข้านะพี่ใหญ่ยังคงชอบหญิงงาม" มู่เฉวียนหันมาจ้องหานตงเต้มตาตั้งใจเอาเรื่องแบบนี้แหละที่หานตงต้องการ ได้ขัดใจนางได้เห็นท่าทีโกรธเกรี้ยวของนางนี่เขาเป็นอะไรมากไปหรือเปล่า"ข้าน้อยเห็นกับตาว่า ฝ่าบาทอุ้มขันทีน้อยผู้นั้น แล้วยามที่ฝ่าบาทมองขันทีน้อยผู้นั้นสายตาของฝ่าบาท.."ยังยังไม่ยอมหยุดมู่เฉวียนเลือดขึ้นหน้าตรงเข้าผลักหานตงอย่างแรงแต่หานตงกับดึงเอาร่างเล็กข
ตำหนักไทเฮา“เป็นอย่างไรบ้างฝ่าบาทกับขันทีคนใหม่”“มีแต่เสียงกรีดร้องเพคะ” หรูหราน เอ่ยปากยิ้มๆไทเฮาวางถุงหอมที่เลือกหยิบมาดูทีละอันลงในถาด ถอนหายใจยาว“เฉวียนเอ่อร์ ที่ข้ากลัวคือเขานิยมบุรุษ มาบัดนี้จึงอยากจะลองใจ หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลคงต้องเปลี่ยนตัวขันทีเสีย”“ยังไม่มีอะไรเพคะ”ก้มหน้าหลบตาจะว่าไปเสี่ยวเฟยก็น่าเอ็นดูหลังจากพูดคุยกันเมื่อวาน จึงรู้ว่าเสี่ยวเฟยเองลำบากไม่น้อย กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้หากจะถูกปลดจากตำแหน่งขันทีข้างกายเพราะความชอบส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ก็คงไม่ยุติธรรมนัก“เอาล่ะเจ้าไปเถิดไปคอยจับตามองฮ่องเต้แทนข้า แล้วอย่าลืมนำเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักของเฉวียนเอ่อร์มาเล่าให้ข้าฟัง”หรูหรานย่อกายจากไป“ควรทำอย่างไร” เอ่ยปากกับนางกำนัลข้างกาย“จะทำสิ่งใดได้ คงต้องคัดสรรหญิงงามมาให้ฝ่าบาทดูตัวเช่นเคยที่ผ่านมา ไทเฮาทรง ลองใจฝ่าบาทโดยการส่งขันทีร่างอ้อนแอ้นหน้าตาหวานละมุนยิ่งจะทำให้ฝ่าบาทจิตใจไหวเอน อีกอย่างหากเป็นอย่างเรื่องเล่าจริง คนที่จะลำบากใจที่สุดก็คือไทเฮา เคยมีเรื่องเล่าขานเมื่อนานมาว่าขันทีมักจะเหนือบัลลังก์ ยามที่ฝ่าบาท ยอมเชื่อใจ ไทเฮาไม่กล้ากดดันฝ่าบาทเรื่องหญิงท
“เจ้าขันทีมานี่หน่อย” เจียเฟยวิ่งพรวดเข้ามาชนเข้ากับร่างสูงของม่อเฉวียนเต็มเปา“ซุ่มซ่าม” คว้าแขนเล้กแต่พอนึกได้ก็ปล่อยให้เจียเฟยล้มลงกับพื้นก้มจ้ำเบ้าแต่เจียเฟยก็ยังลุกขึ้นยืนยิ้ม อยู่ตรงหน้า“ฝะฝะฝ่าบาทมีเรื่องใดให้เสี่ยวเฟยรับใช้ดูแลปกป้องและ ช่วยเหลือ” ม่อเฉวียนถอนหายใจ เจ้านี่พูดมากเสียจริง“นอนที่นั่นนอนตรงนั้นเหมือนที่เฉินกงเคยนอน” ชี้มือไปที่แท่นนอนอีกอันที่ต่ำกว่า ข้างข้างผนังห้องกว้าง“ได้ขอรับ”“ไปขนเอาเครื่องนอนของเจ้ามาเจ้าขันที”"ไม่ต้องบอกหรอกขอรับเรื่องนั้นเจียเฟยจะต้องไปเอาเครื่องนอนมาแน่เพราะฝ่าบาทคงไม่มีน้ำพระทัยที่เปี่ยมล้นยอมมอบเครื่องนอนอันสวยงามและหอมกรุ่นของฝ่าบาทให้กับเสี่ยวเฟยแน่ๆ”“เจ้านี่ รีบไปหัดสงบคำเสียบ้าง”เจียเฟยวิ่งแน่บ“มาแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาทเสี่ยวเฟยมาแล้ว” ม่อเฉวียนขมวดคิ้วคม“มาแล้วก็ไปนอน” คลี่ผ้าห่มห่มคลุมร่างบาง แหมแท่นนอนของเฉินกงกงนี่นุ่มเสียจริง“ขอรับแต่เอาเข้าจริงๆ นะขอรับฝ่าบาทก็อายุตั้ง22ปีแล้วทำไมไม่หัดนอนเพียงลำพังหรือหาสนมนางในมานอนร่วมแท่นนอนจะได้ไม่ต้องอ้างว้างลำพังเช่นนี้”“เจ้าหยุดพูดได้แล้ว”“นั่นสินะฝ่าบาทนี่ก็แปลกเป็นถึงฮ่องเต้
"วางตะเกียบได้แล้ว แล้วเตรียมน้ำชา"ม่อเฉวียนหันกลับมาสีหน้าเรียบเฉย เสี่ยวเฟยกุลีกุจอ รินชาใส่จอกยกกระดกรวดเดียวหมดจอก ปากคาบจอกชาไว้แน่น ม่อเฉวียนส่ายหน้า"เครื่องเสวยอร่อยพร้อมชารสดีถูกทดสอบพิษเป็นที่เรียบร้อยเชิญฝ่าบาทเสวยได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"ทำเสียงขึงขังดวงตาเป็นประกายถ้าไม่เกรงใจคงยกมือลูบท้องที่อิ่มแน่น"ข้าให้เจ้าเตรียมชา มิได้ให้สวาปามชาของข้า"น้ำเสียงราบเรียบดังผิวน้ำคราไร้ลมไล่"อ่า ฝ่าบาทคิดว่าคนที่ปองร้ายเปิดกาน้ำชาไม่เป็นหรือไร""ไปยืนตรงนั้น"ไล่เอาเสียดื้อๆ หิวจนไส้กิ่วแต่กลายเป็นว่าเจ้าขันทีหนุ่มหิวเสียกว่า แต่อิ่มก่อนเขาขืนต่อปากต่อคำเจ้าขันทีหนุ่มอยู่แบบนี้เขาคงฟังเสียงท้องไส้ของตัวเองคร่ำครวญเป็นกู้เจิ้งสายขาด หยิบตะเกียบคนไปบนเครื่องสวยที่มักจะเอาของดีดีวางไว้ข้างหน้า แต่บัดนี้เจียเฟยคีบใส่ปากไปจนสิ้น ถอนหายใจยาว อย่างไรก็ต้องกิน"แค่ก ๆ แอ่กๆ "เจียเฟยรินชาส่งให้ม่อเฉวียน"ฝ่าบาทไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เครื่องเสวยไม่ได้มีขาหนีไปไหนไม่ได้อย่างไรก็ได้กิน""ตกลงแล้วเป็นข้าที่ผิดใช่ไหม""เสียเฟยแค่จะบอกว่าอาหารรสดีต้องค่อยๆ ละเลียดชิม จึงจะลิ้มรสอาหารได้อย่าง
“เสี่ยวเฟย เจ้ากำลังจะทำอะไร” ขมวดคิ้วเข้าหากัน สายตาแสดงความสงสัยและไม่พอใจอย่างที่สุด ภาพตรงหน้าคือเจียเฟยที่ กอดเอวหรูหรานไว้แนบแน่นจากด้านหลัง“เจ้าสองคน …” อ้าปากกว้างคิ้วคมขมวดเข้าหากัน เจ้าขันทีนี่มาวันแรกก็สร้างวีรกรรมเลยหรือไร“ฝ่าบาท ในห้องนี้มี แมงมุมตัวใหญ่ขันทีคนใหม่ กลัวเจ้าแมงมุมนั่น”หรูหรานละล่ำละลักอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น เจียเฟยหันกลับมา มองม่อเฉวียนที่มีสีหน้าเข้มดุ“เลยเวลาเสวยเที่ยงของข้าแล้ว” เจียเฟย ประสานมือก้มหน้า“ข้าน้อยจะยกเครื่องเสวยเดี๋ยวนี้” วิ่งออกจากห้องไปในทันที“นี่คือสาเหตุที่ข้าไม่อยากรับขันทีท่าทีกึ่งหญิงกึ่งชาย เพราะแม้แต่แมงมุมยังกลัว”หรูหรานย่อกายเดินออกจากห้องไป ม่อเฉียนสำรวจหาตัวแมงมุมก่อนจะจับมันไว้ แล้ว โยนออกนอกห้องไป ส่ายหน้าไปมาเจียเฟยยกถาดเครื่องเสวยที่มีเครื่องเสวยมากมาย พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นว่าเครื่องเสวยทั้งหอมทั้งน่าลิ้มรสในนั้น นางกำนัลอีกสองคนก็ยกเครื่องสวยตามมาอีกสองถาดใหญ่ๆวางเครื่องเสวยตรงหน้า นางในห้องเครื่องวางเครื่องสวยก่อนจะย่อกายจากไป“ฝ่าบาทเครื่องสวยมาแล้ว” ม่อเฉวียนยังนิ่ง“ฝะฝ่าบาทเครื่องเสวยมาและพ่ะย่ะค
“กงกงหมดหน้าที่ท่านแล้ว ขอบคุณที่อยู่ร่วมกันมายี่สิบสองปี” ราวกับพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในการกล่าวลาขันทีอาวุโสผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดมาตลอดขันทีชราปาดน้ำตาปรอยๆยี่สิบสองปีกับใบหน้าหล่อเหลา อีกทั้งยังดูอ่อนกว่าวัย เจียเฟยยกท่อนแขนตัวเองขึ้นมาดูผิวคล้ำแดดกับมือหยาบกระด้าง เจียเฟยเป็นหญิงแท้ๆ ยังไม่ขาวสะอาดเรียบเนียนเหมือนผิวกายของม่อเฉวียน เทียบไม่ติดกันเลยทีเดียว“เจ้าชื่อแซ่ว่าอย่างไร” ขันทีอาวุโสถามขึ้นเบาๆ ทำความรู้จักกันไว้ ในเมื่อวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสิ่งเดียวที่อยากทำคือการสั่งเสียขันทีหนุ่มน้อยให้ภักดีต่อม่อเฉวียนที่ขันทีชราดูแลมาตลอด“แซ่เจีย นามว่าเฟย” ม่อเฉวียน เอามือไพล่หลัง มองออกนอกหน้าต่างไม่สนใจว่ากงกงจะพูดอะไรกับเจียเฟย“อาเฟย ไม่สิเสี่ยวเฟย เจ้าต้องดูแลฝ่าบาทให้ดี ฝ่าบาทนิยมนอนตื่นแต่เช้า จิบชาอุ่นๆ และเสวยอาหารที่รสไม่จัดนัก” เจียเฟยประสานมือก้มหน้านิ่งน้อมรับคำสั่งสอนจากผู้ที่ได้ชื่อว่ารุ้ใจนายคนใหม่ของเจียฟยที่สุด“ยี่สิบสองปีข้านอนข้างๆ นั่น”ชี้มือไปที่ผนังห้องเจียเฟยกระแอมเบาๆ ปรับเสียงให้ทุ้ม“ขอรับ” ม่อเฉวียนหันขวับกลับมาทันที“พูดใหม่สิ” น้ำเสียงกระตุก“ขะ
เจียเฟย สวมอาภรณ์ชุดขันทีสวมหมวกขันทีเปิดเผยใบหน้าที่จะว่าหล่อเหลา หรืออ่อนหวานก็ไม่อาจแยกแยะในเมื่อคิ้วดกวาดยาวบนใบหน้า ริมฝีปากรูปกระจับหยักสวย กับดวงตาคมพอสวมหมวกขันทีแล้วไม่อาจแยกแยะว่าหญิงหรือชาย อกนุ่มถูกรัดด้วยผ้าฝ้ายดิบจนแบนราบเอวกิ่วไม่ได้ดึงสายรัดเอวให้ตึงแน่นยังปล่อยให้ชายอาภรณ์ทิ้งตัวลงมาคลุมทับกางเกงสีเดียวกันนั้น ไม่บอกใครจะรู้ว่าเจียเฟยคือหญิงอายุ18ที่ลักลอบเข้ามาในวังหลวงในตำแหน่งขันทีฝึกหัด แต่ละคนใบหน้าหมดจด เมื่อสวมอาภรณ์ขันทีล้วนมองไม่ต่างกัน เจียเฟยจะทำอย่างไรได้ในเมื่อครอบครัวทุกข์เข็ญ อดมื้อกินมื้อ ขันทีในวังหลวงเองก็ตุ้งติ้งไม่ต่างกันกับหญิงงาม เช่นนั้นปรับท่าทีเสียหน่อยก็พอจะ ถูไถไปได้“ขันทีฝึกหัดทั้งหลายยยย วันนี้ฝ่าบาทจะทรงคัดเลือกขันทีคนใหม่หลังจากที่กงกงที่ชรายิ่งไม่อาจรับใช้เบื้องยุคลบาทได้อีกแล้ว พวกเจ้าโชคดีเข้ามาในเวลาที่เหมาะสมมีโอกาสไต่เต้าได้รับตำแหน่งพิเศษ”“หวังว่าคนที่ได้รับคัดเลือกจะทำหน้าที่ให้ดี เพราะนั่นหมายถึงความสุขสบายชั่วชีวิตของเจ้า และวันนี้พวกเจ้าอาจได้คารวะข้าเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปอาจเป็นข้าที่ต้องพึ่งพาพวกเจ้า"เจียเฟยสูดลมหายใจเข้