"ก็เพราะเจ้าขันทีผู้นี้แหละ"บ่นงึมงำ
หมอหลวง ขมวดคิ้วเพราะเหมือนม่อเฉวียนอยากจะพูดกับหมอหลวงคนเดียวมากกว่าจะให้ผู้อื่นได้ยิน
"ท่านหมอ"ไทเฮาแสดงสีหน้ากังวล
"อาการของฝ่าบาท ยังพอจะแก้ไขได้ ข้าน้อย จะใช้เวลาต่อจากนี้ดูแลและตรงฃวจรักษาพระอาการประชวรอย่างลฃะเอียดไมทเฮาอย่าทรงกังวลเพียงแต่ตอนนี้จะต้องเร่งตรวจดูพระอาการประชวรเสียก่อน"ประสานมือตรงหน้าไทเฮา
"ฉะนั้นท่านหมอดูแลฝ่าบาท ข้าไม่กวนใจแล้ว เฉวียนเอ่อร์แม่จะส่งบุตรีขุนนางคนแรกมาในอีกสองวัน"ม่อเฉวียนยิ้มน้อยๆ
ไทเฮาจากไปพร้อมกับความกังวลใจ
"มะ ท่านหมอข้าพร้อมแล้ว"
"ฝ่าบาทคงต้องถวายยาคลายความกังวลบำรุงร่างกายให้หลับสบาย"
"ท่านหมอข้ายังไม่ได้บอกท่านหมอว่าข้ามีอาการเช่นไร"
หมอหลวงถอนหายใจ
"ฝ่าบาท ไม่นิ่งซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการของคนที่กำลังสับสนและวิตกกังวล ตอนนี้ฝ่าบาทมีความรู้สึกท้อแท้และไม่แน่ใจบางอย่างบ้างไหม"
ม่อเฉวียนพยักหน้า
"น่านอย่างไรเล่า ฝ่าบาทกำลังมีเรื่องกังวลใจอย่างยิ่ง ฝ่าบาทบอกข้าน้อยมาเถิดว่าฝ่าบาทกำลังกังวลใจเรื่องไร รับรองว่าคุยกับข้าน้อยแล้วจะต้องหายกังวลแน่นอน เมื่อเรื่องอะไรก็เล่าให่ข้าน้อยฟังได้บางทีสองหัวอาจดีกว่าหัวเดียว"นับว่าท่านหมอเข้าใจพูดในสิ่งที่อยากฟังม่น้อย
ม่อเฉวียนยิ้มแห้งๆ หมอหลวงมีสีหน้ามั่นใจที่สุด
"เล่ามาเถอะฝ่าบาท เราจะได้หาทางแก้ไข"
ม่อเฉวียนถอนหายใจ
"ข้า กำลังคิดว่าข้าจะตัดแขนเสื้อตัวเองแน่ๆ หากแก้ไขช้ากว่านี้"
"ฝ่าบาท สิ่งนี้ไม่ผิดการที่เราเป็นตัวเราไม่ผิดแต่มันผิดตรงที่ฝ่าบาทจะต้องมีฮองเฮาสนมนางในเพื่อสืบสันติวงค์"พูดไปตามเนื้อผ้าเสียมากกว่าจะตั้งใจ
“ท่านหมอสัญญาก่อนว่าาจะไม่นำเรื่องนี้ไปบอกใครไม่อย่างนั้นลานประหารที่โหดเหี้ยมนั่นเป็นของท่านแล้ว”
“ฝ่าบาทข้าน้อยรับไม่แพร่งพราย อย่างแน่นอน”ยิ้มแห้งๆ
"ข้าอยากจะให้ท่านหมอรักษาอาการของข้า เพราะข้าคิดว่าข้าคิดไปเองหรืออาจจะเป็นเพราะไม่พบหญิงงามถูกใจและเผอิญว่าเจ้าขันทีนั่นมีใบหน้าและกิริยาถูกใจข้า ทำให้ข้ายิ้มได้ทำให้ข้าสนุกข้าเลยอยากอยู่ใกล้อยากจะ...อย่าพูดเลยเอาเป็นว่าข้าคิดว่าข้าแค่คิดไปเอง"พูดรัวเร็ว
"ขันทีผู้นั้น"ทำสีหน้าครุ่งคิดขันทีคนไหน หว่า
"ขันทีข้างกายคนใหม่ตั้งแต่ขันทีน้อยผู้นี้เข้ามา ข้าก็มักจะคิดถึงแต่ใบหน้าของเขาไม่ว่ายามหลับยามตื่น อยากอยู่ใกล้ อยากฟังเสียง อยากจะ...เฮ้อ แต่กับคนอื่น ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรหรือแม้แต่นางกำนัลข้าก็ไม่อยากจะชายตามองด้วยซ้ำไป"
"ฝ่าบาท แน่แล้วนี่คือความคิดไปเองของฝ่าบาท หากไม่เคยชอบบุรุษอื่นมาก่อนหากเป็นเพราะฝ่าบาทเป็นแบบนี้ มาตั้งแต่กำเนิดฝ่าบาทจะต้องเคยถูกใจบุรุษอื่นมาบ้าง"
ม่อเฉวียนพยักหน้าค่อนข้างจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านหมอพูด
"ข้าต้องทำอย่างไรปลดขันทีข้างกายออกจากตำแหน่งเลยดีไหม"
"ฝ่าบาท ห้ามปลดขันทีคนนี้เด็ดขาดนี่คือวิธีแก้ไขที่ดีที่สุด หนามยอกต้องเอาหนามบ่งฝ่าบาทเคยได้ยินไหมว่าต้องเอาชนะความกลัวด้วยความกลัว ฝ่าบาทยิ่งเข้าใกล้ขันทีน้อยคนนั้นแล้วเอาชนะใจตัวเองให้ได้พยายามฝืนใจนั่นแหละคือทางออกที่ดีที่สุด"
"แล้วนานแค่ไหนข้าถึงจะวางใจได้"
"ก็จนกว่าฝ่าบาทจะห้ามใจตัวเองได้ ไม่รู้สึกอะไรกับขันทีหน้าหวานคนนั้น"
ม่อเฉวียนยิ้มผ่อนลมหายใจออกจากปาก
"ขอบคุณท่านหมอ ข้าค่อยเบาใจหน่อย"หากผ่านตรงนี้มาได้จึงจะถือว่าสำเร้จหากวันไหนที่เขาไม่อยากเห้นนห้าเจียเฟยแล้วไม่อยากเข้าใกล้แล้วนะล่ะจึงถือว่าดี
"ข้าน้อยจะจัดยาบำรุงร่างกาย ฝ่าบาทสุขภาพดีแข็งแรงจึงจะบงการจิตใจตัวเองให้หักห้ามใจได้"
หมอหลวงจากไปทิ้งเทียบยาบำรุงไว้ให้
เอาล่ะคงต้องเริ่มจัดการได้แล้วสินะ ยิ้มมุมปากเขาจะได้หลุดพ้นจากความรู้สึกบ้าๆนี่เสียที
"เสี่ยวเฟย เสี่ยวเฟย มานี่สิ"
เจียเฟยที่คอยเงี่ยหูฟังอยู่แล้ววิ่งแน่บเข้ามา ยืนยิ้มแผล่หน้าม่อเฉวียนที่ไม่พูดพล่ามทำเพลงคว้าเอวเล็กดึงเข้าหาตัว เจียเฟยเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาดวงตากลมโต มีแววตาสงสัยว่าม่อเฉวียนกำลังจะทำอะไร ม่อเฉวียนจ้องริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อหักห้ามใจ แต่ใบหน้าใสในอ้อมแขน ลอยเด่นตรงหน้ายิ่งสายตาขี้สงสัยนั้น ทำให้เขาอยากจะกดริมฝีปากตัวเองลงบนเปลือกตาปิดมันเสียไม่ให้ดวงตาคู่นั้นล่อหลอกเขาให้หลงใหล ม่อเฉวียนสะบัดหัวไปมา ไอ้เจ้าขันทีผู้นี้ก็ทำตาปริบๆไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย
เดินหันหลังไปยืนเอามือไพล่หลังที่หน้าต่างมองออกไปไกลสุดไกลเพื่อจะได้ข่มความรู้สึกของตัวเอง
“ฝะฝะฝ่าบาท มันคืออะไรฝ่าบาทตั้งใจทำอะไรหรือว่ากำลังเล่นสนุกอะไรอยู่”ถามเพราะไม่แน่ใจกลัวว่าตัวเองไปทำอะไรผิดมาหรือทำอะไรที่ไม่ถุกใจม่อเฉวียนอีกหรือเปล่า
"เจ้ารู้สึกอย่างไรเมื่ออยู่ใกล้ข้าแบบนี้"
"ไม่รู้สึก อะไร"ส่ายหน้าไปมาแววตาใสซื่อ
ม่อเฉวียนคว้าร่างบางโน้มตัวลงกดริมฝีปากกับปากอิ่มอย่างดูดดื่ม
“อือออ”ความหวานจากริมฝีปากทำเอาม่อเฉวียนรู้สึกเหมือนกำลังปลดปล่อยบางอย่างที่อัดอั้นมานาน จุบหวานซอกซอนลิ้นนุ่มกระหวัดรัดรึงจนเจียเฟยขนลุกซู่ร่างบางเซแซ่ดๆดีที่มีอ้อมกอดของม่อเฉวียนประคองไว้
"ฝะฝะฝ่าบาท เสี่ยวเฟยเป็นบุรุษนะ"
คราวนี้เจียเฟยผลักเต็มแรงก่อนจะถอยห่างจากม่อเฉวียน
"ข้าแค่ ทดสอบดูว่าตัวข้าจะ รู้สึกอย่างไรในเมื่อเจ้าไม่รู้สึกอะไรก็ให้ข้าทดสอบดูหน่อย ไม่ได้หรือ”
เจียเฟยหน้าแดงระเรื่อแค่ทดสอบดูอย่างนั้นหรือ ฝืนยิ้มทั้งที่ใจสั่น
“อย่าบอกนะว่า ฝ่าบาทอยากจะตัดแขนเสื้อตัวเองเหมือนกัน ไม่เหมาะ ไม่เหมาะ รู้ทั้งรู้ว่า เจียเฟยเป็นบุรุษ ฝ่าบาทยังกล้าจุมพิต แบบนี้ไม่พ้นต้องตัดแขนเสื้อตัวเองแน่ๆ “
ม่อเฉวียนยิ่งหวั่นใจยิ่งกังวล กลับต้องมา ถูกเจียเฟยปลุกปั่น
“เจ้าว่า ข้า เหมือนพวกที่….นิยมบุรุษไหม”
“ตอนนี้ยังไม่ แต่หากว่าฝ่าบาทยังคง เอ่อยังคง..เอ่อถูกเนื้อต้องตัวเสี่ยวเฟยแบบนี้ก็จะกลายเป็นความเคยชินอีกหน่อยก็จะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาแล้วก็จะนิยม บุรุษด้วยกัน” ยังปั่นไม่เลิก
ม่อเฉวียนขมวดคิ้ว ท่านหมอพูดไปอีกอย่างเจียเฟยพูดอีกอย่างเขาจะเชื่อใครดี กุมขมับก่อนจะส่ายหน้า
“ข้า เชื่อหัวใจข้าเองดีกว่าไม่ควรเชื่อใครในตอนนี้นอกจากหัวใจตัวเอง”
“แล้วหัวใจฝ่าบาทบอกว่าอย่างไรเล่า”
พาซื่อถาม ไปเพราะไม่คิดว่าจะเข้าตัว
“หัวใจของข้า…บอกข้าว่า อยากจะเข้าใกล้เจ้าเสี่ยวเฟย”
“ม่ายยยยฝ่าบาทแบบนั้นไม่ได้ ฝ่าบาทเป็นถึงฮ่องเต้ยังต้องแต่งตั้งฮองเฮายังต้องมีหน้าที่รับผิดชอบมากมายจะยอมตัดแขนเสื้อตัวเองแบบนี้ไม่ได้ เอาอย่างนี้ ต่อไปให้เป็นหน้าที่ของเสี่ยวเฟย เสี่ยวเฟยจะจัดการเรื่องนี้เอง”
ดวงตาเป็นประกายน้ำเสียงมุ่งมั่น
“ก่อนอื่นเจ้าควรห่างๆ ข้าก่อนจึงดี”
ม่อเฉวียนเอ่ยปากดังๆ เจียเฟยยิ้มก่อนจะถอยออกไป
“แน่นอนเราจะต้องเริ่มตรงที่เราสองคนห่างๆกัน ถูกต้องที่สุด”
ก้าวเดินออกจากห้องไปถอนหายใจโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่แย่เท่าไหร่ อย่างน้อยม่อเฉวียนก็ยังคิดว่าเจียเฟยเป็นบุรุษ นั่นจึงดี ความลับจึงเป็นความลับ ไม่อย่างนั้นสักวันม่อเฉวียนจะต้องจับได้ว่า เจียเฟยเป็นหญิงหากยังใกล้กันแบบนี้ความลับย่อมถุกเปิดเผยสักวันจนได้ เงินก็อยากได้ความลับก็อยากจะปิดไว้เช่นนั้นอย่าให้ใครจับได้เป็นดีที่สุด
“เฮ้อ เจียเฟยเอ๊ยเจียเฟยจะรอดไปกี่น้ำ”
"ฝ่าบาทเพคะ เอี้ยงอูเป็นแม่สื่อตอนนี้ได้นำท่านหญิงจงยี่บุตรีใต้เท้ากงมาเข้าเฝ้าเพคะ"ม่อเฉวียนเงยหน้าจากกองฎีกา เจียเฟยยืนกุมมือด้านหน้าห่างออกไป"เสี่ยวเฟยยกน้ำชา"เจียเฟย ประสานมือก้าวเดินออกห้องไป"เชอะ มีหญิงงามมาถึงที่ไล่เราออกมาทำสีหน้าเรียบเฉยแต่ความจริงอยากจะตะคลุบนางเสียเต็มที"บ่นงึมงำออกมา หานตงเงยหน้าขึ้นทันที"ขันทีน้อยเจ้าพูดกับข้าหรือ""พูดกับท่านนั่นแหละ""นี่เจ้าว่าข้าว่าข้าจะตะคลุบองค์หญิงอย่างนั้นหรือ เจ้านี่ปากคอเราะร้าย เหมือนๆ ..เหมือนสตรี"อีกคนที่วันๆใจกับลอยไปหาองค์หญิงรองมู่เฉวียนกลับมองว่าเรื่อวทุกเรื่องเกี่ยวกับเขา"ท่านเองก็เหมือนกัน""นี่เจ้า"ตาเขียวปั๊ด"องครักษ์ต่ำชั้นอย่าได้มายุ่งกับเสี่ยวเฟยของข้า"เสียงแหลมเล็กของมู่เฉวียนที่เดินมาคล้องแขนกับแขนของเจียเฟย หันมายิ้มกว้างให้กับเจียเฟย"ไปก้นเถอะ อย่ามาเสียเวลากับองครักษ์ไร้ค่าเพียงคนเดียว"หานตงก้มหน้า"องค์หญิง องค์หญิงเสี่ยวเฟยจะต้องยกน้ำชา""เจ้าไปยกน้ำชาแทนท่านขันที ส่วนท่านขันที ข้าชวนเขาไปเดินเล่น"หันไปสั่งหานตง"ตะแต่องค์หญิงฝ่าบาทจะทรงกริ้ว""ข้ารับรองพี่ใหญ่ไม่กล้า ไปกับข้าพี่ใหญ่ไม่ยุ่ง น่า… เ
"ก็เพราะเจ้าขันทีผู้นี้แหละ"บ่นงึมงำหมอหลวง ขมวดคิ้วเพราะเหมือนม่อเฉวียนอยากจะพูดกับหมอหลวงคนเดียวมากกว่าจะให้ผู้อื่นได้ยิน"ท่านหมอ"ไทเฮาแสดงสีหน้ากังวล"อาการของฝ่าบาท ยังพอจะแก้ไขได้ ข้าน้อย จะใช้เวลาต่อจากนี้ดูแลและตรงฃวจรักษาพระอาการประชวรอย่างลฃะเอียดไมทเฮาอย่าทรงกังวลเพียงแต่ตอนนี้จะต้องเร่งตรวจดูพระอาการประชวรเสียก่อน"ประสานมือตรงหน้าไทเฮา"ฉะนั้นท่านหมอดูแลฝ่าบาท ข้าไม่กวนใจแล้ว เฉวียนเอ่อร์แม่จะส่งบุตรีขุนนางคนแรกมาในอีกสองวัน"ม่อเฉวียนยิ้มน้อยๆไทเฮาจากไปพร้อมกับความกังวลใจ"มะ ท่านหมอข้าพร้อมแล้ว""ฝ่าบาทคงต้องถวายยาคลายความกังวลบำรุงร่างกายให้หลับสบาย""ท่านหมอข้ายังไม่ได้บอกท่านหมอว่าข้ามีอาการเช่นไร"หมอหลวงถอนหายใจ"ฝ่าบาท ไม่นิ่งซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการของคนที่กำลังสับสนและวิตกกังวล ตอนนี้ฝ่าบาทมีความรู้สึกท้อแท้และไม่แน่ใจบางอย่างบ้างไหม"ม่อเฉวียนพยักหน้า"น่านอย่างไรเล่า ฝ่าบาทกำลังมีเรื่องกังวลใจอย่างยิ่ง ฝ่าบาทบอกข้าน้อยมาเถิดว่าฝ่าบาทกำลังกังวลใจเรื่องไร รับรองว่าคุยกับข้าน้อยแล้วจะต้องหายกังวลแน่นอน เมื่อเรื่องอะไรก็เล่าให่ข้าน้อยฟังได้บางทีสองหัวอาจดีกว่าหั
"ไม่ต้องตาม"มู่เฉวียนตวาดไล่หานตงยังคงขยับตัวตามทีละนิด"ข้ารู้ดีว่าตำหนักข้าอยู่ที่ไหนไม่จำเป็นต้องให้องครักษ์ต่ำชั้นมาส่งยังตำหนัก""ฝ่าบาทกลัวว่าองค์หญิงจะไม่ยอมกลับไปที่ตำหนัก"อ้างม่อเฉวียน"นั่นมันเรื่องของข้า หานตงท่านไปเสียขอร้อง"หานตงส่ายหน้าไปมา"หานตงอยากจะบอกองค์หญิงว่า ขันทีเสี่ยวเฟยเขาเป็นชายแค่เพียงตัว แต่หัวใจนั่นเล่าเจ้าไม่กลัวว่าจะโดนเขาล่อหลอกเอาหรือ องค์หญิงเคยได้ยินเรื่องเล่าของฝ่าบาทหรือไม่"พยายามจะชี้ให้เห็นว่า เจียเฟยกับม่อเฉวียนมีอะไรบางอย่างที่เหมือนเรื่องเล่าเกินจริงนั้น ก็เขาห่วงมู่เฉวียนนี่ ถึงไม่ไม่เกลียดเจียเฟยและยังถุกชะตาเจียเฟยเสียด้วยซ้ำแต่ถ้าเป็นเรื่องของมู่เฉวียนเขาไม่มีทางยอม"อย่ามาปักปำพี่ใหญ่ข้านะพี่ใหญ่ยังคงชอบหญิงงาม" มู่เฉวียนหันมาจ้องหานตงเต้มตาตั้งใจเอาเรื่องแบบนี้แหละที่หานตงต้องการ ได้ขัดใจนางได้เห็นท่าทีโกรธเกรี้ยวของนางนี่เขาเป็นอะไรมากไปหรือเปล่า"ข้าน้อยเห็นกับตาว่า ฝ่าบาทอุ้มขันทีน้อยผู้นั้น แล้วยามที่ฝ่าบาทมองขันทีน้อยผู้นั้นสายตาของฝ่าบาท.."ยังยังไม่ยอมหยุดมู่เฉวียนเลือดขึ้นหน้าตรงเข้าผลักหานตงอย่างแรงแต่หานตงกับดึงเอาร่างเล็กข
ตำหนักไทเฮา“เป็นอย่างไรบ้างฝ่าบาทกับขันทีคนใหม่”“มีแต่เสียงกรีดร้องเพคะ” หรูหราน เอ่ยปากยิ้มๆไทเฮาวางถุงหอมที่เลือกหยิบมาดูทีละอันลงในถาด ถอนหายใจยาว“เฉวียนเอ่อร์ ที่ข้ากลัวคือเขานิยมบุรุษ มาบัดนี้จึงอยากจะลองใจ หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลคงต้องเปลี่ยนตัวขันทีเสีย”“ยังไม่มีอะไรเพคะ”ก้มหน้าหลบตาจะว่าไปเสี่ยวเฟยก็น่าเอ็นดูหลังจากพูดคุยกันเมื่อวาน จึงรู้ว่าเสี่ยวเฟยเองลำบากไม่น้อย กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้หากจะถูกปลดจากตำแหน่งขันทีข้างกายเพราะความชอบส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ก็คงไม่ยุติธรรมนัก“เอาล่ะเจ้าไปเถิดไปคอยจับตามองฮ่องเต้แทนข้า แล้วอย่าลืมนำเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักของเฉวียนเอ่อร์มาเล่าให้ข้าฟัง”หรูหรานย่อกายจากไป“ควรทำอย่างไร” เอ่ยปากกับนางกำนัลข้างกาย“จะทำสิ่งใดได้ คงต้องคัดสรรหญิงงามมาให้ฝ่าบาทดูตัวเช่นเคยที่ผ่านมา ไทเฮาทรง ลองใจฝ่าบาทโดยการส่งขันทีร่างอ้อนแอ้นหน้าตาหวานละมุนยิ่งจะทำให้ฝ่าบาทจิตใจไหวเอน อีกอย่างหากเป็นอย่างเรื่องเล่าจริง คนที่จะลำบากใจที่สุดก็คือไทเฮา เคยมีเรื่องเล่าขานเมื่อนานมาว่าขันทีมักจะเหนือบัลลังก์ ยามที่ฝ่าบาท ยอมเชื่อใจ ไทเฮาไม่กล้ากดดันฝ่าบาทเรื่องหญิงท
“เจ้าขันทีมานี่หน่อย” เจียเฟยวิ่งพรวดเข้ามาชนเข้ากับร่างสูงของม่อเฉวียนเต็มเปา“ซุ่มซ่าม” คว้าแขนเล้กแต่พอนึกได้ก็ปล่อยให้เจียเฟยล้มลงกับพื้นก้มจ้ำเบ้าแต่เจียเฟยก็ยังลุกขึ้นยืนยิ้ม อยู่ตรงหน้า“ฝะฝะฝ่าบาทมีเรื่องใดให้เสี่ยวเฟยรับใช้ดูแลปกป้องและ ช่วยเหลือ” ม่อเฉวียนถอนหายใจ เจ้านี่พูดมากเสียจริง“นอนที่นั่นนอนตรงนั้นเหมือนที่เฉินกงเคยนอน” ชี้มือไปที่แท่นนอนอีกอันที่ต่ำกว่า ข้างข้างผนังห้องกว้าง“ได้ขอรับ”“ไปขนเอาเครื่องนอนของเจ้ามาเจ้าขันที”"ไม่ต้องบอกหรอกขอรับเรื่องนั้นเจียเฟยจะต้องไปเอาเครื่องนอนมาแน่เพราะฝ่าบาทคงไม่มีน้ำพระทัยที่เปี่ยมล้นยอมมอบเครื่องนอนอันสวยงามและหอมกรุ่นของฝ่าบาทให้กับเสี่ยวเฟยแน่ๆ”“เจ้านี่ รีบไปหัดสงบคำเสียบ้าง”เจียเฟยวิ่งแน่บ“มาแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาทเสี่ยวเฟยมาแล้ว” ม่อเฉวียนขมวดคิ้วคม“มาแล้วก็ไปนอน” คลี่ผ้าห่มห่มคลุมร่างบาง แหมแท่นนอนของเฉินกงกงนี่นุ่มเสียจริง“ขอรับแต่เอาเข้าจริงๆ นะขอรับฝ่าบาทก็อายุตั้ง22ปีแล้วทำไมไม่หัดนอนเพียงลำพังหรือหาสนมนางในมานอนร่วมแท่นนอนจะได้ไม่ต้องอ้างว้างลำพังเช่นนี้”“เจ้าหยุดพูดได้แล้ว”“นั่นสินะฝ่าบาทนี่ก็แปลกเป็นถึงฮ่องเต้
"วางตะเกียบได้แล้ว แล้วเตรียมน้ำชา"ม่อเฉวียนหันกลับมาสีหน้าเรียบเฉย เสี่ยวเฟยกุลีกุจอ รินชาใส่จอกยกกระดกรวดเดียวหมดจอก ปากคาบจอกชาไว้แน่น ม่อเฉวียนส่ายหน้า"เครื่องเสวยอร่อยพร้อมชารสดีถูกทดสอบพิษเป็นที่เรียบร้อยเชิญฝ่าบาทเสวยได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"ทำเสียงขึงขังดวงตาเป็นประกายถ้าไม่เกรงใจคงยกมือลูบท้องที่อิ่มแน่น"ข้าให้เจ้าเตรียมชา มิได้ให้สวาปามชาของข้า"น้ำเสียงราบเรียบดังผิวน้ำคราไร้ลมไล่"อ่า ฝ่าบาทคิดว่าคนที่ปองร้ายเปิดกาน้ำชาไม่เป็นหรือไร""ไปยืนตรงนั้น"ไล่เอาเสียดื้อๆ หิวจนไส้กิ่วแต่กลายเป็นว่าเจ้าขันทีหนุ่มหิวเสียกว่า แต่อิ่มก่อนเขาขืนต่อปากต่อคำเจ้าขันทีหนุ่มอยู่แบบนี้เขาคงฟังเสียงท้องไส้ของตัวเองคร่ำครวญเป็นกู้เจิ้งสายขาด หยิบตะเกียบคนไปบนเครื่องสวยที่มักจะเอาของดีดีวางไว้ข้างหน้า แต่บัดนี้เจียเฟยคีบใส่ปากไปจนสิ้น ถอนหายใจยาว อย่างไรก็ต้องกิน"แค่ก ๆ แอ่กๆ "เจียเฟยรินชาส่งให้ม่อเฉวียน"ฝ่าบาทไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เครื่องเสวยไม่ได้มีขาหนีไปไหนไม่ได้อย่างไรก็ได้กิน""ตกลงแล้วเป็นข้าที่ผิดใช่ไหม""เสียเฟยแค่จะบอกว่าอาหารรสดีต้องค่อยๆ ละเลียดชิม จึงจะลิ้มรสอาหารได้อย่าง
“เสี่ยวเฟย เจ้ากำลังจะทำอะไร” ขมวดคิ้วเข้าหากัน สายตาแสดงความสงสัยและไม่พอใจอย่างที่สุด ภาพตรงหน้าคือเจียเฟยที่ กอดเอวหรูหรานไว้แนบแน่นจากด้านหลัง“เจ้าสองคน …” อ้าปากกว้างคิ้วคมขมวดเข้าหากัน เจ้าขันทีนี่มาวันแรกก็สร้างวีรกรรมเลยหรือไร“ฝ่าบาท ในห้องนี้มี แมงมุมตัวใหญ่ขันทีคนใหม่ กลัวเจ้าแมงมุมนั่น”หรูหรานละล่ำละลักอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น เจียเฟยหันกลับมา มองม่อเฉวียนที่มีสีหน้าเข้มดุ“เลยเวลาเสวยเที่ยงของข้าแล้ว” เจียเฟย ประสานมือก้มหน้า“ข้าน้อยจะยกเครื่องเสวยเดี๋ยวนี้” วิ่งออกจากห้องไปในทันที“นี่คือสาเหตุที่ข้าไม่อยากรับขันทีท่าทีกึ่งหญิงกึ่งชาย เพราะแม้แต่แมงมุมยังกลัว”หรูหรานย่อกายเดินออกจากห้องไป ม่อเฉียนสำรวจหาตัวแมงมุมก่อนจะจับมันไว้ แล้ว โยนออกนอกห้องไป ส่ายหน้าไปมาเจียเฟยยกถาดเครื่องเสวยที่มีเครื่องเสวยมากมาย พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นว่าเครื่องเสวยทั้งหอมทั้งน่าลิ้มรสในนั้น นางกำนัลอีกสองคนก็ยกเครื่องสวยตามมาอีกสองถาดใหญ่ๆวางเครื่องเสวยตรงหน้า นางในห้องเครื่องวางเครื่องสวยก่อนจะย่อกายจากไป“ฝ่าบาทเครื่องสวยมาแล้ว” ม่อเฉวียนยังนิ่ง“ฝะฝ่าบาทเครื่องเสวยมาและพ่ะย่ะค
“กงกงหมดหน้าที่ท่านแล้ว ขอบคุณที่อยู่ร่วมกันมายี่สิบสองปี” ราวกับพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในการกล่าวลาขันทีอาวุโสผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดมาตลอดขันทีชราปาดน้ำตาปรอยๆยี่สิบสองปีกับใบหน้าหล่อเหลา อีกทั้งยังดูอ่อนกว่าวัย เจียเฟยยกท่อนแขนตัวเองขึ้นมาดูผิวคล้ำแดดกับมือหยาบกระด้าง เจียเฟยเป็นหญิงแท้ๆ ยังไม่ขาวสะอาดเรียบเนียนเหมือนผิวกายของม่อเฉวียน เทียบไม่ติดกันเลยทีเดียว“เจ้าชื่อแซ่ว่าอย่างไร” ขันทีอาวุโสถามขึ้นเบาๆ ทำความรู้จักกันไว้ ในเมื่อวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสิ่งเดียวที่อยากทำคือการสั่งเสียขันทีหนุ่มน้อยให้ภักดีต่อม่อเฉวียนที่ขันทีชราดูแลมาตลอด“แซ่เจีย นามว่าเฟย” ม่อเฉวียน เอามือไพล่หลัง มองออกนอกหน้าต่างไม่สนใจว่ากงกงจะพูดอะไรกับเจียเฟย“อาเฟย ไม่สิเสี่ยวเฟย เจ้าต้องดูแลฝ่าบาทให้ดี ฝ่าบาทนิยมนอนตื่นแต่เช้า จิบชาอุ่นๆ และเสวยอาหารที่รสไม่จัดนัก” เจียเฟยประสานมือก้มหน้านิ่งน้อมรับคำสั่งสอนจากผู้ที่ได้ชื่อว่ารุ้ใจนายคนใหม่ของเจียฟยที่สุด“ยี่สิบสองปีข้านอนข้างๆ นั่น”ชี้มือไปที่ผนังห้องเจียเฟยกระแอมเบาๆ ปรับเสียงให้ทุ้ม“ขอรับ” ม่อเฉวียนหันขวับกลับมาทันที“พูดใหม่สิ” น้ำเสียงกระตุก“ขะ
เจียเฟย สวมอาภรณ์ชุดขันทีสวมหมวกขันทีเปิดเผยใบหน้าที่จะว่าหล่อเหลา หรืออ่อนหวานก็ไม่อาจแยกแยะในเมื่อคิ้วดกวาดยาวบนใบหน้า ริมฝีปากรูปกระจับหยักสวย กับดวงตาคมพอสวมหมวกขันทีแล้วไม่อาจแยกแยะว่าหญิงหรือชาย อกนุ่มถูกรัดด้วยผ้าฝ้ายดิบจนแบนราบเอวกิ่วไม่ได้ดึงสายรัดเอวให้ตึงแน่นยังปล่อยให้ชายอาภรณ์ทิ้งตัวลงมาคลุมทับกางเกงสีเดียวกันนั้น ไม่บอกใครจะรู้ว่าเจียเฟยคือหญิงอายุ18ที่ลักลอบเข้ามาในวังหลวงในตำแหน่งขันทีฝึกหัด แต่ละคนใบหน้าหมดจด เมื่อสวมอาภรณ์ขันทีล้วนมองไม่ต่างกัน เจียเฟยจะทำอย่างไรได้ในเมื่อครอบครัวทุกข์เข็ญ อดมื้อกินมื้อ ขันทีในวังหลวงเองก็ตุ้งติ้งไม่ต่างกันกับหญิงงาม เช่นนั้นปรับท่าทีเสียหน่อยก็พอจะ ถูไถไปได้“ขันทีฝึกหัดทั้งหลายยยย วันนี้ฝ่าบาทจะทรงคัดเลือกขันทีคนใหม่หลังจากที่กงกงที่ชรายิ่งไม่อาจรับใช้เบื้องยุคลบาทได้อีกแล้ว พวกเจ้าโชคดีเข้ามาในเวลาที่เหมาะสมมีโอกาสไต่เต้าได้รับตำแหน่งพิเศษ”“หวังว่าคนที่ได้รับคัดเลือกจะทำหน้าที่ให้ดี เพราะนั่นหมายถึงความสุขสบายชั่วชีวิตของเจ้า และวันนี้พวกเจ้าอาจได้คารวะข้าเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปอาจเป็นข้าที่ต้องพึ่งพาพวกเจ้า"เจียเฟยสูดลมหายใจเข้