Share

บทที่ 4-2 หนุ่มน้อยหน้าหยก

last update Last Updated: 2025-10-10 13:55:21

เมิ่งอ้ายเยว่พลันหันขวับมามอง ก่อนจะต้องตกตะลึงไปทันที

เมื่อครู่นางมัวแต่ตั้งใจเล่นเพราะอยากได้เงินสักก้อนไปเป็นทุน จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีหนุ่มน้อยหน้าหยกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านข้างตน

ใบหน้าของเขาหล่อเหลาเป็นอย่างมาก ผิวพรรณของเขาขาวจัด ริมฝีปากแดงระเรื่อ ดวงตาก็ทรงเสน่ห์หาใดเปรียบ ทุกอย่างบนใบหน้าของเขาราวกับถูกเสริมสรรค์ปั้นแต่งเป็นอย่างดี

“เจ้าคือ?”

“ข้ามีนามว่าอาอี้”

อาอี้หรือ?

เหตุใดตอนนางอ่านนิยายจึงไม่เห็นเจอตัวละครชื่อนี้เลย เอาแล้วสิ ทุกอย่างในตอนนี้มันไม่เหมือนกับในนิยายเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงพิจารณามองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ

"เจ้าอายุเท่าไหร่หรือ หน้าตายังดูอ่อนวัยเหมือนหนุ่มน้อยอยู่เลย"

ชายหนุ่มตรงหน้าพลันชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มมุมปาก

"ปีนี้ข้าอายุสิบแปดแล้ว"

เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับร้องอุทานในใจ ที่แท้ก็เป็นหนุ่มน้อยเสเพลที่ผลาญเงินพ่อแม่มาเล่นการพนันนี่เอง หญิงสาวมีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อย นางนึกถึงประโยคที่ว่าเด็กๆ คือความหวังของชาติ จะให้อบายมุขมามอมเมาเขาไม่ได้ เงินน่ะนางอยากได้ แต่การได้เงินจากการทำลายอนาคตเด็กหนุ่มคนหนึ่ง นางคงไม่อาจเชิดหน้าได้อย่างภาคภูมิใจ

"อ้อ ข้าอายุสิบเก้าปี แก่กว่าเจ้าปีหนึ่งพอดี นี่ น้องชาย อย่าหาว่าพี่สาวสอนเจ้าเลยนะ การพนันเป็นสิ่งไม่ดีหรอก ที่พี่สาวมาเล่นเพราะรู้สึกเบื่อ แต่ครั้งหน้าคงไม่มาแล้ว เอาเป็นว่าเจ้ากลับบ้านไปเถอะ อย่ามาที่นี่อีกเลย เงินน่ะพี่สาวก็อยากได้ เพียงแต่."

“หนึ่งพันตำลึง”

เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับลอบซูดปาก น้องชายหน้าอ่อนผู้นี้เหมือนจะต้องการให้นางสอนให้ได้ มารดามันสิ เงินตั้งหนึ่งพันตำลึงนางจะเอาเช่นไรดี

สอนหรือไม่สอน?

หญิงสาวมีท่าทีครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยตอบ

“เช่นนั้นขอเวลาให้พี่สาวคิดสักสามวันได้หรือไม่น้องชายคนดี”

ชายหนุ่มที่ถูกเมิ่งอ้ายเยว่เรียกว่าน้องชายคนดีพลันยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนกำลังค้นพบสิ่งที่น่าสนใจ ซึ่งอาจจะทำให้ชีวิตที่แสนน่าเบื่อของเขาไม่จำเจอีกต่อไป

"หากพี่สาวยังตัดสินใจไม่ได้ เช่นนั้นน้องชายจะให้เวลาท่านสามวัน ช่วงบ่ายของวันที่สามข้าจะไปรอคำตอบจากพี่สาวที่โรงน้ำชาหงหลัว หวังว่าพี่สาวจะไม่ผิดนัด นี่คือเงินสามร้อยตำลึงเป็นค่านัดพบกันล่วงหน้า"

ว่าจบเด็กหนุ่มหน้าหยกก็ยัดเยียดเงินสามร้อยตำลึงใส่มือนาง เมิ่งอ้ายเยว่คิดจะปฏิเสธแต่เขากลับบอกว่าให้นางเก็บเอาไว้ นางจึงรับมาอย่างเสียไม่ได้

"ข้ามีนามว่า เมิ่งอ้ายเยว่ ยินดีที่ได้รู้จักนะ"

"อ่อ พี่เมิ่งนี่เอง"

อาอี้มองเมิ่งอ้ายเยว่ด้วยแววตาที่ล้ำลึกคราหนึ่ง

"อีกสามวันข้าจะมาให้คำตอบเจ้า ยามนี้ข้าคงต้องรีบกลับจวนก่อน เจ้าก็รีบกลับจวนด้วยเล่า"

เอ่ยจบนางก็เดินออกไปจากโรงพนันทันที ระหว่างทางมีเด็กๆ ขอทานมาขอเงิน เมิ่งอ้ายเยว่สงสารนัก จึงมอบเงินและซื้อขนมให้เด็กๆ อย่างไม่ตระหนี่ จากนั้นก็นำเงินที่เล่นพนันได้เป็นกอบเป็นกำไปฝากไว้กับร้านแลกเงินแห่งหนึ่งในเมืองหลวง ร้านแลกเงินแห่งนี้นอกจากจะรับแลกตั๋วเงินแล้ว ยังมีบริการเก็บรักษาตั๋วเงินให้กับลูกค้าอีกด้วย อีกทั้งลูกค้ายังสามารถถอนเงินจากต่างสาขาที่ตั้งอยู่ทั่วแคว้นได้อย่างสะดวกสบาย

ดีชะมัด การบริการถือว่าใช้ได้เลย อารมณ์เดียวกับเราไปฝากถอนเงินต่างสาขาในยุคปัจจุบันอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางก็รีบกลับจวนทันที ระหว่างทางยังแจกขนมให้เด็กๆ หลายคนและซื้อของอร่อยไปฝากอาหมี่อีกด้วย

อีกด้านหนึ่งบนชั้นสอง หนุ่มน้อยหน้าหยกยังคงไม่ได้จากไปไหน เขายกถ้วยชาขึ้นดื่ม พร้อมกับมองไปยังเมิ่งอ้ายเยว่ที่กำลังหยอกเล่นกับเด็กขอทานอย่างไม่ถือตัว ซ้ำยังแจกเงินให้อย่างไม่ตระหนี่อีกด้วย

แซ่เมิ่งอย่างนั้นหรือ?

ช่างบังเอิญนัก เขากำลังคิดไม่ตกกับแผนการในหัวอยู่พอดี แต่สวรรค์กลับส่งปลาตัวหนึ่งมาติดเบ็ดของเขาเสียได้

เยี่ยมยอดจริงๆ!

“ฝ่าบาท เล่นสนุกเกินงามเช่นนี้จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ ให้นางมาสอนพระองค์เล่นการพนันมันไม่เหมาะเลย ไหนบอกว่าเพียงอยากมาดูความเป็นไปของผู้คน เหตุใดจึงมาจบลงที่การนัดพบกับสตรีนางนั้นเล่า บ่าวได้ยินมาว่าชื่อเสียงของนางไม่ใคร่จะดีนัก นางเป็นบุตรสาวบุญธรรมของใต้เท้าเมิ่ง ผู้คนต่างไม่ชอบหน้านาง เพราะนางมีใจละโมบ ริษยา มักใหญ่ใฝ่สูง อีกทั้งบิดาของนางก็ไม่ได้มีใจภักดีต่อฝ่าบาท ฝ่าบาทต้องทรงระมัดระวังพระองค์ให้มากนะพ่ะย่ะค่ะ สตรดีดีที่ไหนกันจะมาเข้าโรงพนันเช่นนี้ ทางที่ดีอย่าได้เอาพระวรกายที่ล้ำค่าดั่งทองคำมาเกลือกกลั้วกับนางเลยพ่ะย่ะค่ะ คิดแผนการใหม่เถอะ"

ฟ่านกงกงที่ติดตามมาด้วยพูดเตือนจนปากเปียกปากแฉะ แต่ดูเหมือนคนที่นั่งอยู่จะฟังเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวาไปเสียอย่างนั้น

เขาคือฮ่องเต้แคว้นเยี่ย ฮ่องเต้น้อยที่ีมีอายุเพียงสิบแปดปีนามว่าซื่อหม่าอี้เฉิน หลังจากเสด็จพ่อทรงสิ้นพระชนม์จากไป เขาก็ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อายุสิบหก เหล่าขุนนางต่างบอกว่าเขามันเป็นฮ่องเต้ใจดำอำมหิต เป็นทรราช ผู้ใดทำให้ไม่พอใจก็สังหารทิ้งไม่เลือกหน้า อีกทั้งยังระแวงว่าเหล่าขุนนางจะแย่งชิงอำนาจไปจากตน แล้วยังไม่เห็นหัวผู้ใด ทำตามใจตนจนติดเป็นนิสัย ชื่อเสียงของเขาไม่ใคร่จะดีนัก

ซือหม่าอี้เฉินหยิบลูกเต๋าในมือขึ้นมาโยนเล่นอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจึงหันมาเอ่ยกับฟ่านกงกง

"เจ้าว่านางนิสัยไม่ดี แต่เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าก็นิสัยไม่ดีเช่นเดียวกัน ให้ตายเถอะ ข้ากับนางช่างเหมาะกับประโยคที่ว่าหญิงโฉดชายชั่วยิ่งนัก ฟ่านกงกงเจ้าว่าการที่ข้าและนางได้พบกันเช่นนี้ เป็นเพราะ นรกลิขิตใช่หรือไม่ ฮ่าๆ ไหนเจ้าลองเรียกข้าว่า ไอ้เจ้าคนชั่วที่มาจากนรกดูสิ เร็วๆ ข้ารอฟังอยู่ ตื่นเต้นเหลือเกิน!"

ฟ่านกงกง "......"

โปรดประหารกระหม่อมเถิด ตั้งแต่รับใช้ข้างกายพระองค์มา ผมกระหม่อมก็ขาวไปทั้งหัวแล้ว อีกไม่นานคงร่วงจนล้านแล้วพ่ะย่ะค่ะ!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 5 นัดพบ

    ด้านเมิ่งอ้ายเยว่นั้นหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้ากลับจวนตระกูลเมิ่งในทันที เดิมทีนางไม่อยากจะกลับไปเหยียบสถานที่แห่งนั้นอีก แต่ทว่านางเพิ่งทะลุมิติมาที่นี่เป็นครั้งแรก และยังไม่มีหนทางไป อย่างไรย่อมต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน แล้วค่อยหาหนทางอีกครั้งนางมุดลอดช่องสุนัขเข้ามาอย่างยากลำบาก เมื่อเข้ามาแล้วก็รีบหันมองซ้ายขวาเมื่อพบว่าไม่มีคนมาเห็นจึงโล่งใจไปเปราะหนึ่งอยู่ๆ นางก็คิดถึงเด็กหนุ่มนามว่าอาอี้ขึ้นมา และยังเสียดายเงินหนึ่งพันตำลึงที่เขาเสนอให้ไม่น้อยเลย แต่ทว่าคุณธรรมในจิตใจของนางมันแรงกล้ามากกว่าตัวเงิน นางจึงไม่อยากตกปากรับคำเขาสายเลือดคนดีของนางนี่มันช่างเข้มข้นดีจริงๆหญิงสาวส่ายหน้าไปมาพลางยิ้มเล็กน้อยแล้วรีบกลับเรือนพักทันที ระหว่างทางทางนางแวะซื้อของกินหลายอย่างมาฝากอาหมี่สาวใช้ด้วย อย่างไรเสียคนที่นางพอจะพึ่งพาและไว้ใจได้เห็นทีก็จะมีแต่อาหมี่เสียแล้ว ผูกมิตรกับอาหมี่เอาไว้เสียหน่อย เพียงเท่านี้ก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขแล้วเมิ่งอ้ายเยว่กลับมาถึงจวนในตอนบ่ายแก่ๆ เมื่อมาถึงก็พบว่าอาหมี่กำลังรอนางอย่างร้อนใจ เมื่อเห็นว่านางกลับมาแล้วก็รีบวิ่ง

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 4-2 หนุ่มน้อยหน้าหยก

    เมิ่งอ้ายเยว่พลันหันขวับมามอง ก่อนจะต้องตกตะลึงไปทันทีเมื่อครู่นางมัวแต่ตั้งใจเล่นเพราะอยากได้เงินสักก้อนไปเป็นทุน จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีหนุ่มน้อยหน้าหยกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านข้างตนใบหน้าของเขาหล่อเหลาเป็นอย่างมาก ผิวพรรณของเขาขาวจัด ริมฝีปากแดงระเรื่อ ดวงตาก็ทรงเสน่ห์หาใดเปรียบ ทุกอย่างบนใบหน้าของเขาราวกับถูกเสริมสรรค์ปั้นแต่งเป็นอย่างดี“เจ้าคือ?”“ข้ามีนามว่าอาอี้”อาอี้หรือ?เหตุใดตอนนางอ่านนิยายจึงไม่เห็นเจอตัวละครชื่อนี้เลย เอาแล้วสิ ทุกอย่างในตอนนี้มันไม่เหมือนกับในนิยายเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงพิจารณามองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ"เจ้าอายุเท่าไหร่หรือ หน้าตายังดูอ่อนวัยเหมือนหนุ่มน้อยอยู่เลย"ชายหนุ่มตรงหน้าพลันชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มมุมปาก"ปีนี้ข้าอายุสิบแปดแล้ว"เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับร้องอุทานในใจ ที่แท้ก็เป็นหนุ่มน้อยเสเพลที่ผลาญเงินพ่อแม่มาเล่นการพนันนี่เอง หญิงสาวมีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อย นางนึกถึงประโยคที่ว่าเด็กๆ คือความหวังของชาติ จะให้อบายมุขมามอมเมาเขาไม่ได้ เงินน่ะนางอยากได้ แต่การได้เงินจากการทำลายอนาคตเด็กหนุ่มคนหนึ่ง นางคงไม่อาจเชิดหน้าได้

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 4-1 หนุ่มน้อยหน้าหยก

    เมิ่งอ้ายเยว่เก็บตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนั้นซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี นางเก็บเงินไปพลางก็ก่นด่าไป๋จิ่งหยวนไปพลาง นางไม่คิดเลยว่าเขาจะปากเสียมากถึขนาดนี้หญิงสาวจัดการแบ่งเงินเป็นสัดส่วน ส่วนหนึ่งเอาไว้ติดตัวยามต้องการใช้สอย ส่วนหนึ่งเก็บเอาไว้ยามจำเป็น จะให้คนในจวนรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่านางไปขูดรีดเงินมาจากไป๋จิ่งหยวนท่านโหวหน้าโง่ผู้นั้นยามเช้าของวันต่อมา นางก็รีบตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปทำความเคารพพ่อแม่บุญธรรมเหมือนเช่นเคย แต่ทว่าวันนี้กลับต่างออกไปจากทุกวัน เถียนฮูหยินให้สาวใช้มาปรนนิบัตินางแต่งกายตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อนางสอบถามก็ได้ความว่าวันนี้จะมีแขกมาที่จวน เถียนฮูหยินจึงให้นางแต่งกายให้ดีเสียหน่อย เมิ่งอ้ายเยว่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดอีก เพียงยืนนิ่งๆ ให้เหล่าสาวใช้ช่วยแต่งตัวให้ เมื่อเรียบรอยดีแล้ว นางจึงรีบมาที่เรือนหลัก เมื่อมาถึงเถียนฮูหยินก็ให้นางมานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะอาหารด้วย อาหารบนโต๊ะล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น นางถึงกับนึกสงสัยในใจว่าแขกคนนั้นจะต้องเป็นคนสำคัญมากเป็นแน่อ้อ เพราะมีคนมาที่จวนสินะ จึงให้นางแต่งตัวสวยๆ กินอาหารดีดี เถียนฮูหยินคงกลัวจะถูกคนเอาไปนินทาลับหลังว่า

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 3 ค่าตัดใจ

    เมิ่งอ้ายเยว่หลับตาลงเพื่อระงับโทสะ พวกเขาจะด่านางกี่ครั้งนางไม่โกธร แต่ถึงขนาดไม่ให้กินอิ่มสักมื้อมันก็ออกจะเกินไปเสียหน่อยนางทิ้งกายนั่งลงบนเก้าอี้ พลางครุ่นคิดอย่างหนัก เหตุใดทุกอย่างในยามนี้ไม่ดำเนินไปตามนิยายเล่า ทั้งที่นางก็ทะลุมิติมาตั้งแต่ตอนที่เมิ่งอ้ายเยว่ยังไม่ตายแท้ๆ แต่เรื่องราวกลับดูพิลึกชอบกล ในนิยายทุกคนในจวนแม้จะไม่ชอบนางแต่กลับไม่ได้โหดร้ายกับนางถึงขนาดนี้ ยิ่งคิดนางก็ยิ่งว้าวุ่นใจ ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตไปในทิศทางไหน เพราะทุกอย่างดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไม่เดินไปตามเส้นเรื่องที่มันควรจะเป็นเดิมทีคิดว่าจะรอให้ร่างนี้ตายเร็วๆ จะได้กลับไปที่โลกปัจจุบันแต่เหมือนทุกอย่างจะสับสนอลหม่านไปหมด“อาหมี่ มานี่”เมิ่งอ้ายเยว่กวักมือเรียกอาหมี่ที่ยืนอยู่หน้าประตูให้เข้ามาหานาง อาหมี่เดินเข้ามาหาเจ้านายตนอย่างกล้าๆ กลัวๆ“มีอันใดหรือเจ้าคะคุณหนู”“เหตุใดจึงมีแต่ผัก เนื้อเล่า?”เมิ่งอ้ายเยว่เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ อาหมี่เม้มริมฝีปากแน่นแล้วจึงตัดสินใจเอ่ยตอบเจ้านายไปตามตรง“คุณหนูลืมแล้วหรือเจ้าคะ ท่านมีดวงชะตาพิเศษ ในทุกๆ หนึ่งเดือนจะสามารถกินเนื้อได้หนึ่งครั้งเท่านั้น ที่เหลือต้องกินเ

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 2 ชะตาอาภัพของนางร้าย

    เมิ่งอ้ายเยว่อยากจะดึงทึ้งหัวตนเพื่อระบายอารมณ์ แต่เพราะรู้ว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์นางจึงเลือกจะสงบสติอารมณ์ตนเอง ในเมื่อทะลุมิติมาแล้ว สิ่งที่จะสามารถทำได้ก็คือต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี นี่ไม่ใช่เวลามาคร่ำครวญร้องไห้ แต่ต้องเตรียมการตั้งรับให้ดีต่างหากนางพยายามคิดถึงนิยายที่ตนเองเพิ่งอ่านจบ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะนิยายนั้นเป็นเรื่องสั้นสิบบทจบ จึงไม่ได้ปูเรื่องราวพื้นฐานของเมิ่งอ้ายเยว่คนเก่าเอาไว้มากนัก คนเขียนบอกเพียงว่านางถูกรับมาเลี้ยง ส่วนเรื่องที่ว่าเถียนฮูหยินไปเจอนางได้เช่นไรนั้นกลับไม่ได้ลงรายละเอียดชัดเจนเช่นที่อาหมี่เล่าให้นางฟังแต่ช่างเถอะ ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่าเมื่อคิดได้เช่นนั้นเมิ่งอ้ายเยว่จึงหันไปมองอาหมี่แล้วจึงพบว่าตอนนี้สาวใช้น้อยของนางกำลังนั่งก้มหน้าตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว อยู่ๆ ในใจของเมิ่งอ้ายเยว่ก็บังเกิดความสงสารสายหนึ่งขึ้นมา เมิ่งอ้ายเยว่คนเก่ามีนิสัยทะเยอะทะยานและชอบทำร้ายบ่าวไพร่อย่างทารุณ เมื่อถูกคนเรือนหลักรังแกมา นางก็จะเอาโทสะทั้งหมดมาลงกับบ่าวไพร่ ไม่เพียงเท่นั้น ทุกคราที่ออกไปร่วมงานเลี้ยงหรือไปสถานที่ต่างๆ พร้อมกับคนในจวน นางก็จะพยายามทำต

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 1 ทะลุมิติมาเป็นนางร้าย

    "ให้ตายเถอะ นางร้ายเรื่องนี้จะมีชะตาชีวิตที่น่าอดสูเกินไปแล้ว ถูกเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะเพื่อเป็นลูกชังยังไม่พอ ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยการดูสีหน้าของคนในจวนอยู่ตลอดเวลา ที่แย่ไปกว่านั้นนางยังมีจิตใจทะเยอะทะยานอยากจะเทียบเคียงกับบุตรสาวแท้ๆ ของตระกูลเมิ่งอีกด้วย ช่างไม่เจียมตัวเลยจริงๆฉันอ่านจนจบเล่มแล้ว รู้สึกสงสารตัวละครนี้ได้ไม่สุดจริงๆ มันทั้งสงสารและหมั่นไส้ในคราวเดียวกัน ช่างเป็นนางร้ายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวเลยสักอย่าง สุดท้ายแล้วนางก็ตายเพราะความทะเยอะทะยานของตนเอง ส่วนพระเอกที่เป็นท่านโหวก็ปากจัดด่านางร้ายสาดเสียเทเสีย นางเอกที่ชื่อเมิ่งลี่หรูผู้นั้นก็ทำตัวเหมือนแม่ดอกบัวขาวอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายแล้วพระเอกก็เลือกแต่งงานกับนางเอกได้ครองคู่กันไปชั่วชีวิต ตัวร้ายต่างพ่ายแพ้หมด ช่างเป็นนิยายเรื่องสั้นเพ้อฝันที่บอกเล่าเรื่องราวความรักลึกซึ้งของท่านโหวผู้เก่งกาจกับแม่ดอกบัวขาวคนงามโดยเฉพาะ ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็กลายเป็นตัวประกอบเสริมบทให้พระนางรักกันหวานซึ้ง ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยแม้แต่น้อยเห้อ หากฉันทะลุมิติไปอยู่ในร่างนางร้ายได้นะ ฉันจะทำให้หล่อนเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้ ไม่ต้องมาปักใจรัก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status