Share

บทที่ 4-2 หนุ่มน้อยหน้าหยก

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-10 13:55:21

เมิ่งอ้ายเยว่พลันหันขวับมามอง ก่อนจะต้องตกตะลึงไปทันที

เมื่อครู่นางมัวแต่ตั้งใจเล่นเพราะอยากได้เงินสักก้อนไปเป็นทุน จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีหนุ่มน้อยหน้าหยกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านข้างตน

ใบหน้าของเขาหล่อเหลาเป็นอย่างมาก ผิวพรรณของเขาขาวจัด ริมฝีปากแดงระเรื่อ ดวงตาก็ทรงเสน่ห์หาใดเปรียบ ทุกอย่างบนใบหน้าของเขาราวกับถูกเสริมสรรค์ปั้นแต่งมาเป็นอย่างดี

“เจ้าคือ?”

“ข้ามีนามว่าอาอี้”

อาอี้หรือ?

เหตุใดตอนนางอ่านนิยายจึงไม่เห็นเจอตัวละครชื่อนี้เลย เอาแล้วสิ ทุกอย่างในตอนนี้มันไม่เหมือนกับในนิยายเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงพิจารณามองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ

"เจ้าอายุเท่าไหร่หรือ หน้าตายังดูอ่อนวัยเหมือนหนุ่มน้อยอยู่เลย"

ชายหนุ่มตรงหน้าพลันชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มมุมปาก

"ปีนี้ข้าอายุสิบแปดแล้ว"

เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับร้องอุทานในใจ ที่แท้ก็เป็นหนุ่มน้อยเสเพลที่ผลาญเงินพ่อแม่มาเล่นการพนันนี่เอง หญิงสาวมีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อย นางนึกถึงประโยคที่ว่าเด็กๆ คือความหวังของชาติ จะให้อบายมุขมามอมเมาเขาไม่ได้ เงินน่ะนางอยากได้ แต่การได้เงินจากการทำลายอนาคตเด็กหนุ่มคนหนึ่ง นางคงไม่อาจเชิดหน้าได้อย่างภาคภูมิใจ

"อ้อ ข้าอายุสิบเก้าปี แก่กว่าเจ้าปีหนึ่งพอดี นี่ น้องชาย อย่าหาว่าพี่สาวสอนเจ้าเลยนะ การพนันเป็นสิ่งไม่ดีหรอก ที่พี่สาวมาเล่นเพราะรู้สึกเบื่อ แต่ครั้งหน้าคงไม่มาแล้ว เอาเป็นว่าเจ้ากลับบ้านไปเถอะ อย่ามาที่นี่อีกเลย เงินน่ะพี่สาวก็อยากได้ เพียงแต่."

“หนึ่งพันตำลึง”

เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับลอบซูดปาก น้องชายหน้าอ่อนผู้นี้เหมือนจะต้องการให้นางสอนให้ได้ มารดามันสิ เงินตั้งหนึ่งพันตำลึงนางจะเอาเช่นไรดี

สอนหรือไม่สอน?

หญิงสาวมีท่าทีครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยตอบ

“เช่นนั้นขอเวลาให้พี่สาวคิดสักสามวันได้หรือไม่น้องชายคนดี”

ชายหนุ่มที่ถูกเมิ่งอ้ายเยว่เรียกว่าน้องชายคนดีพลันยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนกำลังค้นพบสิ่งที่น่าสนใจ ซึ่งอาจจะทำให้ชีวิตที่แสนน่าเบื่อของเขาไม่จำเจอีกต่อไป

"หากพี่สาวยังตัดสินใจไม่ได้ เช่นนั้นน้องชายจะให้เวลาท่านสามวัน ช่วงบ่ายของวันที่สามข้าจะไปรอคำตอบจากพี่สาวที่โรงน้ำชาหงหลัว หวังว่าพี่สาวจะไม่ผิดนัด นี่คือเงินสามร้อยตำลึงเป็นค่านัดพบกันล่วงหน้า"

ว่าจบเด็กหนุ่มหน้าหยกก็ยัดเยียดเงินสามร้อยตำลึงใส่มือนาง เมิ่งอ้ายเยว่คิดจะปฏิเสธแต่เขากลับบอกว่าให้นางเก็บเอาไว้ นางจึงรับมาอย่างเสียไม่ได้

"ข้ามีนามว่า เมิ่งอ้ายเยว่ ยินดีที่ได้รู้จักนะ"

"อ่อ พี่เมิ่งนี่เอง"

อาอี้มองเมิ่งอ้ายเยว่ด้วยแววตาที่ล้ำลึกคราหนึ่ง

"อีกสามวันข้าจะมาให้คำตอบเจ้า ยามนี้ข้าคงต้องรีบกลับจวนก่อน เจ้าก็รีบกลับจวนด้วยเล่า"

เอ่ยจบนางก็เดินออกไปจากโรงพนันทันที ระหว่างทางมีเด็กๆ ขอทานมาขอเงิน เมิ่งอ้ายเยว่สงสารนัก จึงมอบเงินและซื้อขนมให้เด็กๆ อย่างไม่ตระหนี่ จากนั้นก็นำเงินที่เล่นพนันได้เป็นกอบเป็นกำไปฝากไว้กับร้านแลกเงินแห่งหนึ่งในเมืองหลวง ร้านแลกเงินแห่งนี้นอกจากจะรับแลกตั๋วเงินแล้ว ยังมีบริการเก็บรักษาตั๋วเงินให้กับลูกค้าอีกด้วย อีกทั้งลูกค้ายังสามารถถอนเงินจากต่างสาขาที่ตั้งอยู่ทั่วแคว้นได้อย่างสะดวกสบาย

ดีชะมัด การบริการถือว่าใช้ได้เลย อารมณ์เดียวกับเราไปฝากถอนเงินต่างสาขาในยุคปัจจุบันอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางก็รีบกลับจวนทันที ระหว่างทางยังแจกขนมให้เด็กๆ หลายคนและซื้อของอร่อยไปฝากอาหมี่อีกด้วย

อีกด้านหนึ่งบนชั้นสอง หนุ่มน้อยหน้าหยกยังคงไม่ได้จากไปไหน เขายกถ้วยชาขึ้นดื่ม พร้อมกับมองไปยังเมิ่งอ้ายเยว่ที่กำลังหยอกเล่นกับเด็กขอทานอย่างไม่ถือตัว ซ้ำยังแจกเงินให้อย่างไม่ตระหนี่อีกด้วย

แซ่เมิ่งอย่างนั้นหรือ?

ช่างบังเอิญนัก เขากำลังคิดไม่ตกกับแผนการในหัวอยู่พอดี แต่สวรรค์กลับส่งปลาตัวหนึ่งมาติดเบ็ดของเขาเสียได้

เยี่ยมยอดจริงๆ!

“ฝ่าบาท เล่นสนุกเกินงามเช่นนี้จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ ให้นางมาสอนพระองค์เล่นการพนันมันไม่เหมาะเลย ไหนบอกว่าเพียงอยากมาดูความเป็นไปของผู้คน เหตุใดจึงมาจบลงที่การนัดพบกับสตรีนางนั้นเล่า บ่าวได้ยินมาว่าชื่อเสียงของนางไม่ใคร่จะดีนัก นางเป็นบุตรสาวบุญธรรมของใต้เท้าเมิ่ง ผู้คนต่างไม่ชอบหน้านาง เพราะนางมีใจละโมบ ริษยา มักใหญ่ใฝ่สูง อีกทั้งบิดาของนางก็ไม่ได้มีใจภักดีต่อฝ่าบาท ฝ่าบาทต้องทรงระมัดระวังให้มากนะพ่ะย่ะค่ะ สตรดีดีที่ไหนกันจะมาเข้าโรงพนันเช่นนี้ ทางที่ดีอย่าได้เอาพระวรกายที่ล้ำค่าดั่งทองคำมาเกลือกกลั้วกับนางเลยพ่ะย่ะค่ะ คิดแผนการใหม่เถอะ"

ฟ่านกงกงที่ติดตามมาด้วยพูดเตือนจนปากเปียกปากแฉะ แต่ดูเหมือนคนที่นั่งอยู่จะฟังเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวาไปเสียอย่างนั้น

เขาคือฮ่องเต้แคว้นเยี่ย ฮ่องเต้น้อยที่ีมีอายุเพียงสิบแปดปีนามว่าซือหม่าอี้เฉิน หลังจากเสด็จพ่อทรงสิ้นพระชนม์จากไป เขาก็ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อายุสิบหก เหล่าขุนนางต่างบอกว่าเขามันเป็นฮ่องเต้ใจดำอำมหิต เป็นทรราช ผู้ใดทำให้ไม่พอใจก็สังหารทิ้งไม่เลือกหน้า อีกทั้งยังระแวงว่าเหล่าขุนนางจะแย่งชิงอำนาจไปจากตน แล้วยังไม่เห็นหัวผู้ใด ทำตามใจตนจนติดเป็นนิสัย ชื่อเสียงของเขาไม่ใคร่จะดีนัก

ซือหม่าอี้เฉินหยิบลูกเต๋าในมือขึ้นมาโยนเล่นอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจึงหันมาเอ่ยกับฟ่านกงกง

"เจ้าว่านางนิสัยไม่ดี แต่เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าก็นิสัยไม่ดีเช่นเดียวกัน ให้ตายเถอะ ข้ากับนางช่างเหมาะกับประโยคที่ว่าหญิงโฉดชายชั่วยิ่งนัก ฟ่านกงกงเจ้าว่าการที่ข้าและนางได้พบกันเช่นนี้ เป็นเพราะ นรกลิขิตใช่หรือไม่ ฮ่าๆ ไหนเจ้าลองเรียกข้าว่า ไอ้เจ้าคนชั่วที่มาจากนรกดูสิ เร็วๆ ข้ารอฟังอยู่ ตื่นเต้นเหลือเกิน!"

ฟ่านกงกง "......"

โปรดประหารกระหม่อมเถิด ตั้งแต่รับใช้ข้างกายพระองค์มา ผมกระหม่อมก็ขาวไปทั้งหัวแล้ว อีกไม่นานคงร่วงจนล้านแล้วพ่ะย่ะค่ะ!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 50 จบบริบูรณ์

    หลังจากพิธีฉลองการอภิเษกสมรสผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนก็กลับไปใช้ชีวิตเฉกเช่นปกติตามเดิม หลังจากที่ซือหม่าอี้เฉินแต่งงานกับอวี๋อ้ายเยว่ได้ไม่นาน ซือหม่าตงและอวี๋ลู่เหลียนก็เข้าพิธีแต่งงานกันทันที หลังจากผ่านงานแต่งงานมาแล้วคนทั้งสองก็เดินทางเข้าวังหลวงมาเพื่อสนทนาพูดคุยกับซือหม่าอี้เฉินและอวี๋อ้ายเยว่อวี๋อ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนนั้นนั่งสนทนากันกันอยู่อีกมุมหนึ่งของตำหนัก ส่วนซือหม่าอี้เฉินและซือหม่าตงก็นั่งสนทนากันอยู่ที่โต๊ะทรงอักษรไม่ไกลจากสตรีทั้งสองมากนัก"อาตงข้าจะมอบตำแหน่งชินอ๋องให้กับเจ้า"ซือหม่าตงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับพ่นชาร้อนออกจากปากทันที เขาวางถ้วยชาลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชายตนอย่างหมดอาลัยตายอยาก"เสด็จพี่ ข้าไม่อยากเป็นชินอ๋องท่านก็รู้นี่ ข้าไม่อยากทำงานในราชสำนัก ข้าไม่อยากร่วมประชุมยามเช้า ข้าอยากอยู่แต่กับเมียข้า""ค่าจ้างเป็นชินอ๋องเดือนละหนึ่งพันตำลึง ไม่ต้องประชุมยามเช้า อยากไสหัวไปทำอันใดก็ไป เพียงแค่เป็นชินอ๋องหุ่นเชิดให้ข้าก็พอ ไม่เช่นนั้นคนนอกจะหาว่าข้าตระหนี่แม้กระทั่งตำแหน่งชินอ๋องที่ควรจะเป็นของน้องชาย ข้าไม่อยากถูกคนเอาข้าไปนินทาว่าไม่รักพี่รักน้อง"ซือห

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 49 แต่งงาน

    เมื่อสงครามจบสิ้นลง บ้านเมืองก็กลับสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง คนชั่วถูกปราบปรามจนสิ้นซากไม่เหลือรอดแม้เพียงคนเดียว เหล่าช่าวบ้านต่างกู่ร้องยินดีกันถ้วนหน้าซือหม่าอี้เฉินทิ้งทหารเอาไว้ที่ชายแดนทางทิศเหนือหลายหมื่นนายเพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของชาวบ้าน ส่วนราษฎรแคว้นฉีนั้นต่างยอมสวามิภักดิ์ต่อเขาอย่างไม่มีข้อแม้ อีกทั้งยังบอกว่าซือหม่าอี้เฉินเปรียบเสมือนเทพเซียนมาโปรด ที่ช่วยสังหารฉีอ๋องจนตกตายไปได้ เพราะที่ผ่านมาฉีอ๋องเอาเปรียบราษฎรไม่หยุดหย่อน อีกทั้งยังทำชั่วเอาไว้มาก ที่ผ่านมาก็ปกครองบ้านเมืองด้วยความอำมหิต เมื่อฉีอ๋องตกตายไป พวกเขาก็ถือว่าได้หลุดพ้นจากนรกขุมนี้เสียทีเมิ่งอ้ายเยว่รู้สึกดีใจยิ่งนักที่สงครามครานี้จบลงด้วยการที่แคว้นเยี่ยเป็นฝ่ายกุมชัยชนะ เมฆหมอกดำได้ผ่านพ้นไปจนหมดสิ้นแล้ว ยามนี้ได้เวลาเริ่มต้นใหม่เสียทีเมื่อสะสางเรื่องที่ชายแดนจบสิ้น ซือหม่าอี้เฉินและเมิ่งอ้ายเยว่ก็เดินทางกลับเมืองหลวงในทันที เมื่อกลับมาถึงเขาก็ปูนบำเหน็จให้กับเหล่าขุนนางที่มีความดีความชอบอย่างสมเกียรติ ส่วนขุนนางที่ได้รับผลกระทบก็ได้รับการปลอบประโลมเช่นเดียวกัน ไป๋จิ่งหยวนและหลี่หรงได้รับการปูนบำเหน

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 48 -2 สงครามใหญ่

    กลางดึกเขาสั่งให้คนลอบไปเผาคลังเสบียงในค่ายทหารของฉีอ๋อง ทั้งค่ายพลันวุ่นวายขึ้นมาทันที ซือหม่าอี้เฉินจึงใช้โอกาศนี้ไปแย่งชิงตัวซือหม่าตงกลับมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ง่ายนัก กว่าจะแย่งตัวคนมาได้ ฉีอ๋องก็รู้ตัวเสียแล้ว และได้ส่งทหารจำนวนหนึ่งออกมาจัดการกับซือหม่าอี้เฉิน ซือหม่าอี้เฉินรีบสั่งให้คนพาซือหม่าตงกลับเข้าชายแดนแคว้นเยี่ยโดยเร็วส่วนเขาและหลี่หรงก็รับมือกับทหารของฉีอ๋องเพื่อถ่วงเวลาให้น้องชายกลับเข้าเมืองไปได้อย่างปลอดภัยเมิ่งอ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนที่รออยู่ก่อนแล้วเมื่อเห็นว่าซือหม่าตงถูกช่วยกลับมาได้แล้วจึงสั่งให้คนตามท่านหมอมารักษาเขาทันที ด้านซือหม่าตงและหลี่หรงก็อาศัยโอกาสนี้โจมตีฉีอ๋องไม่หยุด ยามนี้ทหารของฉีอ๋องถูกสังหารไปไม่น้อย อีกทั้งคลังเสบียงก็มาถูกไฟเผา ฉีอ๋องจึงโกธรแค้นมาก และประกาศก้องว่าจะออกรบสังหารซือหม่าอี้เฉินและหลี่หรงด้วยตนเอง!ซือหม่าตงถูกพาตัวมารักษาโดยมีอวี๋ลู่เหลียนคอยจับมือเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ซือหม่าตงแม้จะเจ็บหนักแต่ยังพอมีสติอยู่บ้าง เขาหันมามองอวี๋ลู่เหลียนและยิ้มให้นางอย่างอ่อนล้า"ลู่เหลียน""ข้าอยู่นี่แล้ว ฮึก เจ้าอย่าเพิ่งพูดอันใดให้มากความเลย

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 48 -1สงครามใหญ่

    เมื่อมีเรื่องดี ย่อมต้องมีเรื่องร้ายตามมายามนี้ชายแดนทางเหนือกำลังเกิดสงครามประทุขึ้นอย่างหนัก ส่วนชายแดนทางใต้ก็มีคนของอู่อ๋องที่รอดชีวิตจากสงครามหลายปีก่อนกำลังก่อความไม่สงบหมายจะช่วงชิงชายแดนคืน ซือหม่าอี้เฉินที่แต่ไหนแต่ไรมักทำตัวตามสบายมาโดยตลอด กลับมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาเรียกให้ขุนนางฝ่ายบุ๋นเข้าร่วมประชุมอย่างเร่งด่วนมาหลายวันติดแล้ว แม่ทัพใหญ่หลี่และไป๋จิ่งหยวนแทบจะกินนอนอยู่ในวังหลวง หลังจากปรึกษาหารือกันอย่างดุเดือดในที่สุดก็ได้ข้อสรุปเสียทีซือหม่าอี้เฉินเห็นชอบให้ไป๋จิ่งหยวนนำกำลังทหารหลายแสนนายไปทำสงครามที่ชายแดนทางทิศใต้ และปราบปรามสุนัขรับใช้ที่เหลืออยู่ของอู่อ๋องให้สิ้นซาก ไป๋จิ่งหยวนรับคำและเร่งระดมพลออกค้นหาทันทีว่ามีคนของอู่อ๋องหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ หากมีก็ให้สังหารทิ้งให้สิ้นซาก จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังชายแดนทางใต้อย่างรวดเร็วส่วนซือหม่าอี้เฉินและหลี่หรงเดินทางไปยังชายแดนทิเหนือเพื่อต่อสู่กับกองทัพของฉีอ๋อง วันที่พวกเขาออกเดินทางมีชาวบ้านมายืนส่งตลอดทางและอวยพรให้พวกเขากลับมาพร้อมชัยชนะส่วนเมิ่งอ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนก็ติดตามซือหม่าอี้เฉินไปด

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 47-2 กลับสู่ฐานะเดิม

    "ฝ่าบาท บุญคุณครานี้กระหม่อมจะไม่มีวันลืมเลย"ซือหม่าอี้เฉินเข้ามาประคองราชครูอวี๋ให้ลุกขึ้น ก่อนจะเอ่ย“สำนึกบุญคุณก็ดี ตาแก่อวี๋ หากอยากตอบแทนบุญคุณข้า ก็ยกบุตรสาวเจ้าให้แต่งกับข้า เป็นอย่างไร ได้ข้าเป็นลูกเขย เจ้านี่ทำบุญมาดีจริงๆ”ราชครูอวี๋ลอบเบ้ปากคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย"ฝ่าบาท เช่นนั้นกระหม่อมขอพาตัวบุตรสาวกลับจวนได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยากพานางไปทำความคุ้นเคยกับบ้านของนาง และกลับไปดูเรือนของแม่นาง แล้วกระหม่อมจะพานางกลับมาส่งให้ฝ่าบาท""ได้ ไปเถอะ คิดซะว่าชดเชยช่วงเวลาที่ไม่ได้พบเจอหน้ากันมานาน""ขอบพระทัยฝ่าบาท"เมื่อซือหม่าอี้เฉินอนุญาต เมิ่งอ้ายเยว่จึงติดตามราชครูอวี๋กลับจวน ซือหม่าอี้เฉินเพียงยิ้มเล็กน้อย เดิมทีเขาอยากตามนางไปด้วย แต่คิดอีกทีเขาไม่ไปดีกว่า อย่างไรควรจะให้สองพ่อลูกได้ใช้เวลาร่วมกันจะดีกว่าราชครูอวี๋พาเมิ่งอ้ายเยว่มาที่จวนของตนทันที เมื่อเข้าจวนมาแล้วเมิ่งอ้ายเยว่ก็พบว่าการตกแต่งของจวนราชครูอวี๋ช่างงดงามมากนัก แต่เพราะนางอยู่ในวังจนเคยชิน เห็นความงดงามมามากนัก จึงไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นจนเกินงาม"เรือนนี้เป็นเรือนของแม่เจ้า พ่อปิดตายเอาไว้ไม่ให้คน

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 47-1 กลับสู่ฐานะเดิม

    ท้ายที่สุดคนตระกูลเมิ่งก็ถูกประหารตกตายไปตามกัน ของมีค่าทั้งหมดถูกยึดเข้าท้องพระคลังหลวง ข้ารับใช้ถูกขายไปที่โรงขายทาส ความชั่วที่พวกเขาเคยกระทำถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชน สร้างความเกลียดชังให้แก่เหล่าชาวบ้านไม่น้อยเลยวันที่พวกเขาถูกประหารเมิ่งอ้ายเยว่ไม่ได้ไปร่วมดูด้วย นางเพียงนอนหลับพักผ่อนอยู่ในตำหนักมังกรสวรรค์ โดยมีซือหม่าอี้เฉินนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆหลังจากจบสิ้นเรื่องของตระกูลเมิ่ง ก็มีเรื่องใหม่อีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนไปทั่วทั้งเมืองหลวงก่อนเดินทางไปชายแดนองค์รักษ์ลับที่ซือหม่าอี้เฉินส่งไปสืบเรื่องราวภูมิหลังของเมิ่งอ้ายเยว่เมื่อหลายเดือนก่อนก็กลับมารายงานงานผลลัพธ์ที่ได้แท้จริงแล้วเมิ่งอ้ายเยว่คือบุตรสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกของราชครูอวี๋ที่ถูกโจรป่าลักพาตัวไป คนของซือหม่าอี้เฉินสืบลึกลงไปอีกจนหาตัวสาวใช้ของอดีตฮูหยินนามว่าอาหลวนพบ ยามนี้นางเริ่มอายุมากแล้ว และยังแต่งงานกับชาวนาผู้หนึ่งและใช้ชีวิตอยู่ในชนบท นางบอกว่าตนเองและฮูหยินหนีตายไปด้วยกัน และยังเล่าความจริงทั้งหมดว่าย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ภรรยาเอกของราชครูอวี๋ถูกโจรป่าลักพาตัวไป ยามนั้นฮูหยินกำล

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status