Share

บทที่ 4-1 หนุ่มน้อยหน้าหยก

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-10 13:55:04

เมิ่งอ้ายเยว่เก็บตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนั้นซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี นางเก็บเงินไปพลางก็ก่นด่าไป๋จิ่งหยวนไปพลาง นางไม่คิดเลยว่าเขาจะปากเสียมากถึงขนาดนี้

หญิงสาวจัดการแบ่งเงินเป็นสัดส่วน ส่วนหนึ่งเอาไว้ติดตัวยามต้องการใช้สอย ส่วนหนึ่งเก็บเอาไว้ใช้ยามจำเป็น จะให้คนในจวนรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่านางไปขูดรีดเงินมาจากไป๋จิ่งหยวนท่านโหวหน้าโง่ผู้นั้น

ยามเช้าของวันต่อมา นางก็รีบตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปทำความเคารพพ่อแม่บุญธรรมเหมือนเช่นเคย แต่ทว่าวันนี้กลับต่างออกไปจากทุกวัน เถียนฮูหยินให้สาวใช้มาปรนนิบัตินางแต่งกายตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อนางสอบถามก็ได้ความว่าวันนี้จะมีแขกมาที่จวน เถียนฮูหยินจึงให้นางแต่งกายให้ดีดีเสียหน่อย เมิ่งอ้ายเยว่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดอีก เพียงยืนนิ่งๆ ให้เหล่าสาวใช้ช่วยแต่งตัวให้ เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว นางจึงรีบมาที่เรือนหลัก เมื่อมาถึงเถียนฮูหยินก็ให้นางมานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะอาหารด้วย อาหารบนโต๊ะล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น นางถึงกับนึกสงสัยในใจว่าแขกคนนั้นจะต้องเป็นคนสำคัญมากเป็นแน่

อ้อ เพราะมีคนมาที่จวนสินะ จึงให้นางแต่งตัวสวยๆ กินอาหารดีดี เถียนฮูหยินคงกลัวจะถูกคนเอาไปนินทาลับหลังว่าตนเองเสแสร้งแกล้งทำดีกับบุตรบุญธรรมมาโดยตลอด จึงลงทุนลงแรงปานนี้ แต่ช่างเถอะ อย่างน้อยนางก็ยังได้กินอาหารดีดีสักมื้อ

ไม่นานแขกคนสำคัญที่ว่าก็มาถึง แขกที่ว่าคือไป๋จิ่งหยวนและมารดาของเขานั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้นสองแม่ลูกยังพาแม่สื่อติดตามมาด้วย เถียนฮูหยินนั้นทำตัวเหมือนมารดาผู้แสนดีที่รักบุตรเท่าเทียมกัน อีกทั้งยังทำดีกับเมิ่งอ้ายเยว่ราวกับบุตรในอุทร มารดาของไป๋จิ่งหยวนที่เห็นอย่างนั้นก็เอ่ยชมไม่ขาดปาก

“เถียนฮูหยินช่างใจกว้างนัก ทั้งที่มิใช่บุตรตนแท้ๆ แต่กลับรักใคร่ เห้อ หวังว่าท่านจะไม่ถูกทำให้โมโหจนล้มป่วยเช่นคราวก่อน อย่างว่าแหละนะคนเขาไม่ได้เกิดในครอบครัวสูงศักดิ์มาก่อน พาออกไปที่ใดก็ล้วนก่อแต่เรื่อง”

เถียนฮูหยินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ออกรับว่าเป็นความผิดของตนเอง เมื่อเรื่องราวเป็นไปในทิศทางเช่นนี้ นั่นยิ่งทำให้ไป๋จิ่งหยวนมองเมิ่งลี่หรูสูงค่าคู่ควรกับเขามากกว่าเดิม แต่กลับมองเมิ่งอ้ายเยว่เหมือนพวกแมลงกาฝากมากยิ่งขึ้น

แต่ช่างเถอะ ใครสนใจกันเล่า ผู้ใดอยากจะมอบสินสอดให้ใคร หรือว่าผู้ใดจะแต่งงานกันนางล้วนไม่เก็บเอามาใส่ใจหรอก ยามนี้นางสนใจเพียงแค่ขนมดอกกุ้ยฮวาที่วางอยู่ตรงหน้าเท่านั้น

ให้ตายเถอะ แป้งขนมนุ่มๆ เอาเข้าปากแล้วละลายทันที มันช่างฟินจนเกินคำบรรยาย

นางจัดการหยิบขนมดอกกุ้ยฮวาเข้าปากอย่างสำราญใจโดยไม่สนใครหน้าไหนทั้งสิ้น ยามนี้เถียนฮูหยินและมารดาของไป๋จิ่งหยวนกำลังพูดคุยกันเรื่องงานหมั้นหมายและฤกษ์งานแต่ง เมิ่งอ้ายเยว่ได้ยินผ่านๆ หูว่าฤกษ์งามยามดีที่จะจัดงานแต่งงานนั้น เป็นต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า นับว่านานพอดู แต่เพราะหนุ่มสาวมีความรักใคร่ลึกซึ้งต่อกัน ต่อให้เวลานานเพียงใดก็ยังจะจับมือกันไปจนถึงวันแต่งงาน

จะว่าไปนางก็แอบอิจฉาเมิ่งลี่หรูอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่อิจฉาที่นางได้แต่งกับไป๋จิ่งหยวน แต่อิจฉาที่เมิ่งลี่หรูมีบุรุษที่พร้อมจะรักนางจากใจจริง และยอมนางทุกอย่าง

เห้อ นี่สินะที่เขาเรียกวาสนาของนางเอกนิยาย

ส่วนนางที่เป็นนางร้ายก็ใช้เวรใช้กรรมไปก่อน

เมิ่งอ้ายเยว่กินขนมดอกกุ้ยจนหมดจาน เมื่อกินอิ่มแล้วหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน รู้สึกง่วงจนเผลอสัปปะหงกไปหลายรอบ อาหมี่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทำได้เพียงสะกิดเรียกเจ้านายตนเป็นระยะ มารดาของไป๋จิ่งหยวนเหลือบมาเห็นเข้าพอดีก็มองเมิ่งอ้ายเยว่ด้วยสายตาดูแคลนสายหนึ่ง ทุกคนต่างมองนางเป็นส่วนเกินทั้งสิ้น นางจึงขอตัวกลับเรือนและบอกว่าตนรู้สึกไม่ค่อยสบาย

"คุณหนูใหญ่ ท่านไม่รักษากิริยาต่อหน้าคนนอกเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่จะตำหนิท่านเอาได้นะเจ้าคะ"

อาหมี่เอ่ยกับเมิ่งอ้ายเยว่ด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก ระยะหลังนางเริ่มตักเตือนเจ้านายมากขึ้น ที่นางทำไปล้วนหวังดีทั้งสิ้น เมิ่งอ้ายเยว่เองก็ไม่โกธร และนางก็ไม่สนใจคนพวกนั้นด้วย ช่างสิ อยากจะด่านางก็เชิญ หรืออยากจะไล่นางออกจากจวนก็ย่อมได้ นางมันสายเลือดสาวออฟฟิศอยู่แล้ว นางออกไปหางานทำเลี้ยงตนเองได้สบายมาก

เมิ่งอ้ายเยว่นั่งอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกเบื่อหน่ายจึงอยากจะออกไปเดินเล่นนอกจวนเสียหน่อย แต่อาหมี่กลับบอกว่านางจะออกจากจวนไม่ได้หากเถียนฮูหยินไม่อนุญาต เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับส่งเสียงเหอะออกมา นางไม่ใช่นักโทษเสียหน่อย จะมากักขังนางเช่นนี้มันถูกต้องแล้วหรือ นางไม่สนใจหรอก!

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงบอกให้อาหมี่เฝ้าประตูห้องนอนเอาไว้ หากมีคนของเรือนหลักมาก็บอกว่านางไม่สบายต้องการนอนหลับ และไม่อยากให้ใครรบกวน อาหมี่คิดจะห้ามปรามแต่กลับไม่ทันการณ์เสียแล้ว

เมิ่งอ้ายเยว่เดินลัดเลาะมายังด้านหลังเรือนตนเพื่อหาทางออกจากจวน เพราะนางออกทางประตูใหญ่ไม่ได้จึงจำต้องหาทางลัด หญิงสาวมองไปโดยรอบก่อนจะพบเข้ากับช่องลอดสุนัขที่อยู่ด้านหลังจวน เมิ่งอ้ายเยว่ยกยิ้มมุมปากก่อนจะจัดการมุดออกมาจากช่องลอดสุนัขนั่นอย่างรวดเร็ว

เมิ่งอ้ายเยว่เดินไปตามถนนอย่างไม่รีบไม่ร้อน ระหว่างทางมีผู้คนมองนางด้วยแววตาที่ดูแคลนอย่างไม่ปิดบัง แต่นางไม่ได้สนใจเท่าใดนัก นางรู้ดีว่าที่พวกเขามองนางเช่นนี้เพราะเจ้าของร่างเดิมไปก่อเรื่องเอาไว้ ยามที่เถียนฮูหยินพามาเดินเล่นที่ตลาดหรือไปที่ร้านเครื่องประดับและร้านผ้า นางก็มักจะก่อเรื่องทำร้ายคนอยู่เสมอ นานวันเข้าเถียนฮูหยินจึงไม่ให้นางออกจากจวนอีก เพราะเรื่องพวกนั้นทำให้ชาวบ้านเหล่านี้ยังจำความเลวร้ายที่นางก่อขึ้นได้ไม่ลืม

จะว่าไปตัวนางเองก็มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง นางเป็นคนที่ไม่มีความคิดซับซ้อนในหัวเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว อีกทั้งยังไม่สนใจคำพูดที่ไม่รื่นหู นางสนใจเพียงความสุขในใจของตนเองเท่านั้น ผู้ใดดีมานางก็ดีตอบ ผู้ใดร้ายมานางก็ร้ายกลับ แต่ถ้าให้นางเลือก นางก็อยากอยู่อย่างสงบมากกว่า

เมิ่งอ้ายเยว่รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้ออกมาจากจวน นางในตอนนี้เหมือนกับนกตัวน้อยที่ถูกปล่อยออกมาจากกรงทอง เมื่อได้เห็นสิ่งต่างๆ แปลกใหม่ก็สนใจยิ่ง

แต่ทว่านางเดินเล่นอยู่ไม่นานก็เริ่มรู้สึกหมดสนุก เมืองหลวงแห่งนี้กว้างใหญ่แต่กลับไม่มีที่ไหนน่าดึงดูดสักเท่าไหร่ เดิมทีนางเพียงอยากออกมาเดินดูลู่ทาง เผื่อวันไหนตั้งตัวได้จะได้ออกมาหาที่อยู่ด้วยตนเอง

โรงพนันซือหยวน

อยู่ๆ สายตาของเมิ่งอ้ายเยว่ก็เหลือบไปเห็นโรงพนันแห่งหนึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกาย นางเบื่อๆ อยู่พอดี ไม่สู้เข้าไปสำรวจดูที่นั่นเสียหน่อย

นางมีความสามารถในการเล่นสิ่งพวกนี้อยู่พอตัว แต่เพราะรู้ว่าเจ้าสิ่งพวกนี้มันไม่ดีเท่าไหร่จึงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวมากนัก แต่ในเมื่อมาถึงแล้ว เข้าไปดูด้านในเสียหน่อยก็ไม่เสียหาย นางเองก็อยากรู้ว่าโรงพนันในยุคโบราณนี้จะเป็นแบบไหน

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเดินเข้ามายังโรงพนันซือหยวนอย่างรวดเร็ว ด้านหน้าประตูทางเข้ามีชายร่างใหญ่สองคนยืนเฝ้าอยู่ หน้าตาของเขาดูโหดเหมือนคนเก็บเงินกู้เลย แต่เพราะนางจ่ายเงินให้เขาไปพอสมควร ชายสองคนจึงยอมปล่อยให้นางเข้าไปด้านใน

ภายในโรงพนันซือหยวนค่อนข้างอึกทึกไม่น้อยและยังมีผู้คนเข้ามาไม่ขาดสาย เมื่อพวกเขาเห็นว่านางที่เป็นสตรีเดินเข้ามาด้านในก็มองหน้าตาไม่กระพริบ มีบางคนที่เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้า

"นั่นใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลเมิ่งหรือไม่ นี่นางไม่รักดีถึงขนาดหนีออกจากจวนมาเข้าโรงพนันเชียวหรือ"

"นั่นสิ ลมอะไรหอบนางมากัน ได้ยินว่านางถูกกักบริเวณไม่ให้ออกมาด้านนอกเพราะสันดานไม่ดีนี่นา คราก่อนข้าเห็นนางมาเดินตลาดกับน้องสาว นางแต่งกายจืดชืดนัก รสนิยมการแต่งกายช่างทุเรศสิ้นดี ซ้ำยังวางท่าใหญ่โตดูแคลนผู้คนไปเรื่อย อย่างว่าละนะ สายเลือดไพร่ อย่างไรก็คือไพร่อยู่วันยังค่ำ"

"คอยดูเถอะ นางแพ้แน่ หากนางเสียพนันจะต้องเอาเครื่องประดับบนตัวไปขายเพื่อแลกเงินเป็นแน่ บางคราอาจจะขายตัวด้วยซ้ำ ข้าจะรอซื้อเป็นคนแรก ฮ่าๆ ได้ภรรยาเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่คงดีไม่น้อย แม้จะเป็นเพียงบุตรบุธรรม อย่างไรคงมีสมบัติติดตัวอยู่ไม่น้อย!"

วาจาแทะโลมและเหยียดหยามเช่นนี้เมื่อลอยมาเข้าหูแน่นอนว่าย่อมทำให้คนรู้สึกไม่อภิรมย์ เมิ่งอ้ายเยว่ยิ้มเยาะ บุรุษพวกนี้เลี้ยงหมาเอาไว้ในปากเหมือนกับไป๋จิ่งหยวนไม่มีผิดเลย ถึงขนาดนินทาคนในระยะเผาขนโดยไม่สนว่าสตรีน้อยจะอับอายขายหน้าหรือไม่

"แม่นาง ที่นั่งชั้นล่างล้วนเต็มหมดแล้ว แต่ที่นั่งด้านบนยังว่าง แม่นางสนใจหรือไม่?"

เถ้าแก่วัยกลางคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนดูแลโรงพนันแห่งนี้เดินเข้ามาหานางและเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร เขาไม่สนใจว่าลูกค้าจะเป็นใคร หรือมีชื่อเสียงฉาวโฉ่เพียงใด ขอเพียงมีเงินเขาล้วนต้อนรับทั้งสิ้น เมิ่งอ้ายเยว่ละสายตาจากพวกปากมากและหันมายิ้มให้เถ้าแก่ แล้วจึงเอ่ยตอบ

“ขอบคุณมาก ข้าไปเล่นชั้นบนก็ได้เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นแม่นางเชิญตามข้ามา”

เมิ่งอ้ายเยว่พยักหน้ารับแล้วจึงเดินตามเถ้าแก่ผู้นั้นขึ้นไปด้านบน บนชั้นสองแตกต่างจากชั้นล่างราวฟ้ากับเหว ดูเหมือนว่าลูกค้าบนชั้นสองจะมีแต่คนที่มีฐานะร่ำรวย ที่นั่งถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ได้วุ่นวายเท่าชั้นล่างเลย

"แม่นางเชิญนั่งตรงนี้"

เถ้าแก่ผู้นั้นผายมือเป็นการเชื้อเชิญ และให้ลูกน้องในร้านนำชาชั้นดีและขนมมาบริการนางด้วย เมิ่งอ้ายเยว่เอ่ยขอบคุณแล้วจึงทิ้งกายนั่งลงตรงที่ว่าง

วงพนันยามนี้มีเพียงนางที่เป็นสตรี บุรุษคนอื่นต่างมองนางราวกับมองตัวประหลาด แต่นางหาได้สนใจไม่

เวลาผ่านไปไม่นาน กองเงินทั้งหมดก็มารวมกันอยู่เบื้องหน้านางแต่เพียงผู้เดียว พวกบุรุษที่เคยมองนางด้วยสายตาดูแคลนถึงกับปากอ้าตาค้าง มีคนผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นคุณชายจอมเอาแต่ใจ กำลังจ้องมองนางอย่างไม่พอใจ

"นี่เจ้า! ข้าจำได้แล้ว เจ้าก็คือเมิ่งอ้ายเยว่ บุตรสาวบุญธรรมของตระกูลเมิ่ง เจ้ามาเข้าโรงพนันเช่นนี้บิดาเจ้ารู้หรือไม่ อ้อ เจ้าหนีออกจากจวนมาสินะ?"

ไม่นานคนอื่นๆ บนโต๊ะก็รวมหัวกันมาเอ่ยวาจาเสียดสีนาง

"นั่นสิ เจ้าทำตัวไม่สมกับเป็นสตรีเลย เช่นนี้แล้วผู้ใดจะกล้าแต่งเจ้าเข้าจวนกัน สตรีดีดีที่ใดกันมาเข้าโรงพนัน"

เมิ่งอ้ายเยว่ที่กำลังนั่งนับตั๋วเงินตรงหน้าอย่างสบายอารมณ์พลันเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้บุรุษเหล่านั้นคราหนึ่ง

"ข้าเป็นบุตรสาวบ้านไหน จะทำอะไร พ่อแม่จะรู้หรือไม่ จะได้แต่งงานหรือไม่ได้แต่ง แล้วมัันใช่ธุระกงการอะไรของพวกเจ้าไม่ทราบ จะสอดปากมายุ่งทำไมกัน พวกเจ้าเอาแต่ว่าข้า แล้วพวกเจ้าเล่าดีนักหรือ บิดามารดารู้หรือไม่ว่าเอาเงินมาถลุงการพนัน อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว ที่พวกเจ้ามารุมว่าข้า คงเป็นเพราะพ่ายแพ้ให้ข้าจนหมดตัวแล้วสินะ อ่อนชะมัด!"

เหล่าคุณชายหน้าหยกเมื่อถูกเมิ่งอ้ายเยว่พูดตอกหน้ากลับไปก็ถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก เพราะความอับอายพวกเขาจึงลุกหนีจากไปทันที เมิ่งอ้ายเยว่เบ้ปากคราหนึ่ง แล้วอย่างไรผู้ใดแคร์?

"เจ้าน่าสนใจดีนี่ เป็นสตรีแต่กลับเล่นพนันชนะบุรุษได้ ซ้ำยังเล่นเก่งเสียด้วย เจ้าสนใจรับจ้างสอนเล่นพนันหรือไม่ ข้ากำลังหาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่พอดี วันนี้ข้าเสียไปหลายตำลึงแล้ว"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 50 จบบริบูรณ์

    หลังจากพิธีฉลองการอภิเษกสมรสผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนก็กลับไปใช้ชีวิตเฉกเช่นปกติตามเดิม หลังจากที่ซือหม่าอี้เฉินแต่งงานกับอวี๋อ้ายเยว่ได้ไม่นาน ซือหม่าตงและอวี๋ลู่เหลียนก็เข้าพิธีแต่งงานกันทันที หลังจากผ่านงานแต่งงานมาแล้วคนทั้งสองก็เดินทางเข้าวังหลวงมาเพื่อสนทนาพูดคุยกับซือหม่าอี้เฉินและอวี๋อ้ายเยว่อวี๋อ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนนั้นนั่งสนทนากันกันอยู่อีกมุมหนึ่งของตำหนัก ส่วนซือหม่าอี้เฉินและซือหม่าตงก็นั่งสนทนากันอยู่ที่โต๊ะทรงอักษรไม่ไกลจากสตรีทั้งสองมากนัก"อาตงข้าจะมอบตำแหน่งชินอ๋องให้กับเจ้า"ซือหม่าตงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับพ่นชาร้อนออกจากปากทันที เขาวางถ้วยชาลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชายตนอย่างหมดอาลัยตายอยาก"เสด็จพี่ ข้าไม่อยากเป็นชินอ๋องท่านก็รู้นี่ ข้าไม่อยากทำงานในราชสำนัก ข้าไม่อยากร่วมประชุมยามเช้า ข้าอยากอยู่แต่กับเมียข้า""ค่าจ้างเป็นชินอ๋องเดือนละหนึ่งพันตำลึง ไม่ต้องประชุมยามเช้า อยากไสหัวไปทำอันใดก็ไป เพียงแค่เป็นชินอ๋องหุ่นเชิดให้ข้าก็พอ ไม่เช่นนั้นคนนอกจะหาว่าข้าตระหนี่แม้กระทั่งตำแหน่งชินอ๋องที่ควรจะเป็นของน้องชาย ข้าไม่อยากถูกคนเอาข้าไปนินทาว่าไม่รักพี่รักน้อง"ซือห

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 49 แต่งงาน

    เมื่อสงครามจบสิ้นลง บ้านเมืองก็กลับสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง คนชั่วถูกปราบปรามจนสิ้นซากไม่เหลือรอดแม้เพียงคนเดียว เหล่าช่าวบ้านต่างกู่ร้องยินดีกันถ้วนหน้าซือหม่าอี้เฉินทิ้งทหารเอาไว้ที่ชายแดนทางทิศเหนือหลายหมื่นนายเพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของชาวบ้าน ส่วนราษฎรแคว้นฉีนั้นต่างยอมสวามิภักดิ์ต่อเขาอย่างไม่มีข้อแม้ อีกทั้งยังบอกว่าซือหม่าอี้เฉินเปรียบเสมือนเทพเซียนมาโปรด ที่ช่วยสังหารฉีอ๋องจนตกตายไปได้ เพราะที่ผ่านมาฉีอ๋องเอาเปรียบราษฎรไม่หยุดหย่อน อีกทั้งยังทำชั่วเอาไว้มาก ที่ผ่านมาก็ปกครองบ้านเมืองด้วยความอำมหิต เมื่อฉีอ๋องตกตายไป พวกเขาก็ถือว่าได้หลุดพ้นจากนรกขุมนี้เสียทีเมิ่งอ้ายเยว่รู้สึกดีใจยิ่งนักที่สงครามครานี้จบลงด้วยการที่แคว้นเยี่ยเป็นฝ่ายกุมชัยชนะ เมฆหมอกดำได้ผ่านพ้นไปจนหมดสิ้นแล้ว ยามนี้ได้เวลาเริ่มต้นใหม่เสียทีเมื่อสะสางเรื่องที่ชายแดนจบสิ้น ซือหม่าอี้เฉินและเมิ่งอ้ายเยว่ก็เดินทางกลับเมืองหลวงในทันที เมื่อกลับมาถึงเขาก็ปูนบำเหน็จให้กับเหล่าขุนนางที่มีความดีความชอบอย่างสมเกียรติ ส่วนขุนนางที่ได้รับผลกระทบก็ได้รับการปลอบประโลมเช่นเดียวกัน ไป๋จิ่งหยวนและหลี่หรงได้รับการปูนบำเหน

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 48 -2 สงครามใหญ่

    กลางดึกเขาสั่งให้คนลอบไปเผาคลังเสบียงในค่ายทหารของฉีอ๋อง ทั้งค่ายพลันวุ่นวายขึ้นมาทันที ซือหม่าอี้เฉินจึงใช้โอกาศนี้ไปแย่งชิงตัวซือหม่าตงกลับมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ง่ายนัก กว่าจะแย่งตัวคนมาได้ ฉีอ๋องก็รู้ตัวเสียแล้ว และได้ส่งทหารจำนวนหนึ่งออกมาจัดการกับซือหม่าอี้เฉิน ซือหม่าอี้เฉินรีบสั่งให้คนพาซือหม่าตงกลับเข้าชายแดนแคว้นเยี่ยโดยเร็วส่วนเขาและหลี่หรงก็รับมือกับทหารของฉีอ๋องเพื่อถ่วงเวลาให้น้องชายกลับเข้าเมืองไปได้อย่างปลอดภัยเมิ่งอ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนที่รออยู่ก่อนแล้วเมื่อเห็นว่าซือหม่าตงถูกช่วยกลับมาได้แล้วจึงสั่งให้คนตามท่านหมอมารักษาเขาทันที ด้านซือหม่าตงและหลี่หรงก็อาศัยโอกาสนี้โจมตีฉีอ๋องไม่หยุด ยามนี้ทหารของฉีอ๋องถูกสังหารไปไม่น้อย อีกทั้งคลังเสบียงก็มาถูกไฟเผา ฉีอ๋องจึงโกธรแค้นมาก และประกาศก้องว่าจะออกรบสังหารซือหม่าอี้เฉินและหลี่หรงด้วยตนเอง!ซือหม่าตงถูกพาตัวมารักษาโดยมีอวี๋ลู่เหลียนคอยจับมือเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ซือหม่าตงแม้จะเจ็บหนักแต่ยังพอมีสติอยู่บ้าง เขาหันมามองอวี๋ลู่เหลียนและยิ้มให้นางอย่างอ่อนล้า"ลู่เหลียน""ข้าอยู่นี่แล้ว ฮึก เจ้าอย่าเพิ่งพูดอันใดให้มากความเลย

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 48 -1สงครามใหญ่

    เมื่อมีเรื่องดี ย่อมต้องมีเรื่องร้ายตามมายามนี้ชายแดนทางเหนือกำลังเกิดสงครามประทุขึ้นอย่างหนัก ส่วนชายแดนทางใต้ก็มีคนของอู่อ๋องที่รอดชีวิตจากสงครามหลายปีก่อนกำลังก่อความไม่สงบหมายจะช่วงชิงชายแดนคืน ซือหม่าอี้เฉินที่แต่ไหนแต่ไรมักทำตัวตามสบายมาโดยตลอด กลับมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาเรียกให้ขุนนางฝ่ายบุ๋นเข้าร่วมประชุมอย่างเร่งด่วนมาหลายวันติดแล้ว แม่ทัพใหญ่หลี่และไป๋จิ่งหยวนแทบจะกินนอนอยู่ในวังหลวง หลังจากปรึกษาหารือกันอย่างดุเดือดในที่สุดก็ได้ข้อสรุปเสียทีซือหม่าอี้เฉินเห็นชอบให้ไป๋จิ่งหยวนนำกำลังทหารหลายแสนนายไปทำสงครามที่ชายแดนทางทิศใต้ และปราบปรามสุนัขรับใช้ที่เหลืออยู่ของอู่อ๋องให้สิ้นซาก ไป๋จิ่งหยวนรับคำและเร่งระดมพลออกค้นหาทันทีว่ามีคนของอู่อ๋องหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ หากมีก็ให้สังหารทิ้งให้สิ้นซาก จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังชายแดนทางใต้อย่างรวดเร็วส่วนซือหม่าอี้เฉินและหลี่หรงเดินทางไปยังชายแดนทิเหนือเพื่อต่อสู่กับกองทัพของฉีอ๋อง วันที่พวกเขาออกเดินทางมีชาวบ้านมายืนส่งตลอดทางและอวยพรให้พวกเขากลับมาพร้อมชัยชนะส่วนเมิ่งอ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนก็ติดตามซือหม่าอี้เฉินไปด

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 47-2 กลับสู่ฐานะเดิม

    "ฝ่าบาท บุญคุณครานี้กระหม่อมจะไม่มีวันลืมเลย"ซือหม่าอี้เฉินเข้ามาประคองราชครูอวี๋ให้ลุกขึ้น ก่อนจะเอ่ย“สำนึกบุญคุณก็ดี ตาแก่อวี๋ หากอยากตอบแทนบุญคุณข้า ก็ยกบุตรสาวเจ้าให้แต่งกับข้า เป็นอย่างไร ได้ข้าเป็นลูกเขย เจ้านี่ทำบุญมาดีจริงๆ”ราชครูอวี๋ลอบเบ้ปากคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย"ฝ่าบาท เช่นนั้นกระหม่อมขอพาตัวบุตรสาวกลับจวนได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยากพานางไปทำความคุ้นเคยกับบ้านของนาง และกลับไปดูเรือนของแม่นาง แล้วกระหม่อมจะพานางกลับมาส่งให้ฝ่าบาท""ได้ ไปเถอะ คิดซะว่าชดเชยช่วงเวลาที่ไม่ได้พบเจอหน้ากันมานาน""ขอบพระทัยฝ่าบาท"เมื่อซือหม่าอี้เฉินอนุญาต เมิ่งอ้ายเยว่จึงติดตามราชครูอวี๋กลับจวน ซือหม่าอี้เฉินเพียงยิ้มเล็กน้อย เดิมทีเขาอยากตามนางไปด้วย แต่คิดอีกทีเขาไม่ไปดีกว่า อย่างไรควรจะให้สองพ่อลูกได้ใช้เวลาร่วมกันจะดีกว่าราชครูอวี๋พาเมิ่งอ้ายเยว่มาที่จวนของตนทันที เมื่อเข้าจวนมาแล้วเมิ่งอ้ายเยว่ก็พบว่าการตกแต่งของจวนราชครูอวี๋ช่างงดงามมากนัก แต่เพราะนางอยู่ในวังจนเคยชิน เห็นความงดงามมามากนัก จึงไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นจนเกินงาม"เรือนนี้เป็นเรือนของแม่เจ้า พ่อปิดตายเอาไว้ไม่ให้คน

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 47-1 กลับสู่ฐานะเดิม

    ท้ายที่สุดคนตระกูลเมิ่งก็ถูกประหารตกตายไปตามกัน ของมีค่าทั้งหมดถูกยึดเข้าท้องพระคลังหลวง ข้ารับใช้ถูกขายไปที่โรงขายทาส ความชั่วที่พวกเขาเคยกระทำถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชน สร้างความเกลียดชังให้แก่เหล่าชาวบ้านไม่น้อยเลยวันที่พวกเขาถูกประหารเมิ่งอ้ายเยว่ไม่ได้ไปร่วมดูด้วย นางเพียงนอนหลับพักผ่อนอยู่ในตำหนักมังกรสวรรค์ โดยมีซือหม่าอี้เฉินนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆหลังจากจบสิ้นเรื่องของตระกูลเมิ่ง ก็มีเรื่องใหม่อีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนไปทั่วทั้งเมืองหลวงก่อนเดินทางไปชายแดนองค์รักษ์ลับที่ซือหม่าอี้เฉินส่งไปสืบเรื่องราวภูมิหลังของเมิ่งอ้ายเยว่เมื่อหลายเดือนก่อนก็กลับมารายงานงานผลลัพธ์ที่ได้แท้จริงแล้วเมิ่งอ้ายเยว่คือบุตรสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกของราชครูอวี๋ที่ถูกโจรป่าลักพาตัวไป คนของซือหม่าอี้เฉินสืบลึกลงไปอีกจนหาตัวสาวใช้ของอดีตฮูหยินนามว่าอาหลวนพบ ยามนี้นางเริ่มอายุมากแล้ว และยังแต่งงานกับชาวนาผู้หนึ่งและใช้ชีวิตอยู่ในชนบท นางบอกว่าตนเองและฮูหยินหนีตายไปด้วยกัน และยังเล่าความจริงทั้งหมดว่าย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ภรรยาเอกของราชครูอวี๋ถูกโจรป่าลักพาตัวไป ยามนั้นฮูหยินกำล

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status