เฉินหลี่เจินนางเก็บทุกอย่างล้างจนเสร็จเรียบร้อยก็เดินสำรวจทุกอย่างในครัว ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ข้าวสารนั้นมีอยู่เต็มถังไม้ใบใหญ่ ซึ่งยังไม่มีการตักใช้เลย ในตะกร้าก็มีไข่อยู่เต็ม แป้ง เกลือ น้ำตาลกรวด น้ำปรุงรส น้ำมัน ถั่วและพวกธัญพืชต่างๆ ล้วนถูกเติมเอาไว้เต็มโถ ผักดอง กุ้งแห้ง เนื้อปลาตากแห้งและยังมีเนื้อหมูตากแห้งอีกด้วย ทุกอย่างล้วนยังไม่ถูกนำมาใช้ คงเป็นบิดาของเด็กน้อยที่จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้ ช่างเป็นสามีและบิดาที่แสนดีจริงๆ และนางยังจำได้ว่าอีกฝ่ายได้มอบเงินเก็บทั้งหมดให้กับเจ้าของร่างก่อนไปด้วย แต่เจ้าของร่างนี้กลับไม่สนใจสิ่งใดเลยช่างน่าเศร้านัก แต่ไหนๆ อีกฝ่ายก็ตายไปแล้ว ตอนนี้นางคือเฉินหลี่เจิน จะไปต่อว่าคนตายก็กระไรอยู่ ต่อไปตนแค่ทำหน้าที่แทนนางให้ดีที่สุดก็พอ
คิดได้เช่นนั้นก็ลงมือจุดไฟ ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องไม้ฟืนและถ่านที่ใช้สำหรับหุงหาอาหาร นางเห็นว่าตรงด้านหลังเรือนนั้นมีทั้งไม้ฟืนและถ่านอยู่เต็มโรงเก็บ ก็เจ้าของเรือนมีอาชีพเผาถานจะขาดแคลนได้อย่างไร อาหารมื้อแรกในวันนี้ นางจะทำข้าวต้มธรรมดาใส่พุทราจีนสักเล็กน้อย มีเครื่องเคียงเป็นเนื้อปลาตากแห้งทอดกรอบและผักดอง การที่เด็กอดอาหารมาเป็นเวลานานก็ควรจะทานอาหารอ่อนๆ ก่อน ไม่เช่นนั้นจะปวดท้องได้ เพิ่มไข่ต้มอีกสักสองฟองก็ถือว่าได้รับสารอาหารที่ดี
เมื่อคิดเมนูได้จึงลงมือต้มข้าวต้มเป็นสิ่งแรก ในขณะที่รอให้ข้าวต้มเดือด ก็เก็บกวาดเช็ดถูจนในห้องครัวสะอาดเอี่ยม ข้าวของทุกอย่างล้วนถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ หยิบใช้ได้ง่าย แม้ห้องครัวจะเล็กและแคบไปบ้างแต่ก็ดูสบายตาน่าใช้สอยขึ้นเป็นกอง คอยเดินมาคนข้าวต้มในหม้อเป็นระยะเพื่อไม่ให้ข้าวจับตัวเป็นก้อน เมื่อข้าวต้มได้ที่ ก็ทอดเนื้อปลาตากแห้งต่อ ในระหว่างที่ทอดปลาก็หั่นผักดองไปด้วยเลย นางแบ่งผักดองออกเป็นสองถ้วย ถ้วยใบเล็กนั้นสำหรับเด็กน้อย ส่วนอีกถ้วยนางปรุงรสให้มีรสจัดขึ้นเติมพริกและเครื่องปรุงนิดหน่อย และแน่นอนมันเป็นของนาง หลี่เจินนางทำทุกอย่างอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่า ฝีมือในการทำอาหารของนางก็ถือว่าดีมาก เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เหลือเพียงต้มไข่ นางต้มไข่ทิ้งไว้บนเตาที่เหลือเพียงไฟอ่อนๆ เมื่อไข่สุกไฟคงมอดพอดี
นางอยากจะเก็บกวาดห้องนอนห้องนั้นของนางให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันนี้ หากให้นอนในสภาพเช่นตอนที่ฟื้นขึ้นมา นางคงไม่อาจรับไหว นางคงต้องตายอีกรอบเพราะกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่อวลอยู่ในห้อง ส่วนบริเวณห้องโถงนี้ไว้ค่อยเก็บเป็นลำดับต่อไป เรือนหลังนี้แบ่งออกเป็นสามห้อง มีเพียงห้องครัว ห้องนอนของนางและห้องโถงที่เป็นห้องสารพัดประโยชน์ทั้งใช้ทานข้าวและเป็นที่หลับนอนของสองพ่อลูก ตรงมุมหนึ่งของห้องโถงนั้นเป็นที่เด็กน้อยใช้อาศัยนอนในทุกคืน มีเพียงฟูกบางๆ ใช้รองนอน หมอนหนึ่งใบและผ้าห่มที่ถูกพับเอาไว้อย่างเรียบร้อยวางอยู่บนหีบขนาดกลาง คงจะเอาไว้สำหรับเก็บเสื้อผ้า และคงมีเพียงมุมนี้กระมังที่ดูเป็นระเบียบที่สุดในเรือน
เมื่อเข้ามาภายในห้องนอนอีกครั้งปรากฏว่าบุตรชายตัวน้อยนั้นยังไม่ตื่น นางไม่อยากจะปลุกเขา เพราะดูท่าว่าเขาจะอ่อนเพลียมาก เขาคงจะดูแลผู้เป็นมารดาตลอดทั้งคืน หลี่เจินนางเดินตรงไปเปิดหน้าต่างภายในห้องเป็นอย่างแรก สายตากวาดมองรอบห้องอย่างหวาดระแวง นางกลัวว่าจะมีหนูตัวโตโผล่ออกมาอีก นางไม่ชอบหนูเลยให้ตายเถอะ ห้องรกและสกปรกขนาดนี้คงไม่ต้องพูดถึงแมลงสาบ เพียงแค่นึกถึงขนอ่อนของนางก็ลุกพรึบ นางไม่ชอบสถานการณ์เช่นนี้เลยจริงๆ
หลี่เจินนางเริ่มจากเก็บผ้าสกปรกคล้ายดังผ้าขี้ริ้วที่กองอยู่ตามพื้นออกไปทิ้งอย่างระมัดระวัง เมื่อเก็บหมดก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจที่ไม่มีตัวอะไรโผล่ออกมาให้เห็น จากนั้นจึงรื้อฟูกนอนและเครื่องนอนทุกชิ้นออกไปผึ่งเอาไว้ด้านนอกให้แสงแดดช่วยขจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ แต่ดูจากสภาพแล้วคงจะมีเพียงฟูกนอนเท่านั้นที่ยังพอจะใช้งานได้ ผ้าห่มและหมอนนั้นเปื่อยยุ่ยจนแทบจะเป็นผ้าเน่า ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเจ้าของร่างเดิมจะเคยได้ชื่อว่าเป็นโฉมสะคราญผู้งดงามเป็นหนึ่ง
เมื่อเดินกลับเข้าไปในเรือนจึงลงมือปัดกวาดเช็ดถูจนแทบจะไม่เหลือเค้าโครงของห้องที่สกปรกเลอะเทอะ กว่าห้องนี้จะสะอาดเล่นเอานางแทบจะหมดแรง แต่ผลที่ออกมาก็ถือเป็นที่น่าพอใจ มือบอบบางยกขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลซึมหน้าผาก ก่อนจะยกหีบทั้งหมดของเจ้าของเดิมออกมาสำรวจ แต่ยังไม่ทันได้เปิดออกดูสายตาก็เหลือบไปเห็นดวงตากลมโตของเจ้าลูกแมวน้อยกำลังจ้องมองนางอยู่ สายตาคู่นั้นมองนางอย่างตื่นตะลึงอยู่ไม่น้อย อาจจะเป็นเพราะนางดูสะอาดสะอ้านขึ้นกระมัง
"ตื่นแล้วหรือ เปาเป่า"
เสียงหวานที่เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เอ่ยถามเขาอย่างอ่อนโยน ท่านแม่ยิ้มให้เขา รอยยิ้มที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ดวงตาใสแจ๋วคู่นั้นดูเคลิบเคลิ้ม ท่านแม่ยิ้มแล้วงามมาก เขาคงกำลังอยู่ในห้วงแห่งฝันเป็นแน่ ช่างเป็นความฝันที่ดีที่สุด จนเขาไม่อยากที่จะตื่น
"เปาเป่า"
หลี่เจินเอ่ยเรียกเจ้าลูกแมวน้อยที่กำลังจ้องมองนางตาไม่กะพริบ จนทำให้นางรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย แต่ดวงตาที่ทอประกายแห่งความสุขในดวงตาแวววาวคู่นั้นช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก
เสียงอันอ่อนหวานนั้นทำให้เด็กน้อยพลันได้สติ เขาเกร็งกายขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่ามันมิใช่ความฝัน จ้องมองผู้เป็นมารดาอยู่เช่นนั้น เขาไม่กล้าขยับ แม้แต่หายใจแรงๆ ก็ไม่กล้า แม้จะสงสัยว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับผู้เป็นมารดา เขาไม่กล้ากะพริบตาด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าภาพตรงหน้าจะหายไป
เสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ก่อนร่างสูงของบุรุษเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้มีหนวดเคราบางเบาส่งให้เขายิ่งดูหล่อคมมีเสน่ห์น่าหลงใหลซานตงก้าวเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบาแล้วหยุดอยู่ตรงด้านหน้าเตียงนอนหลังใหญ่ที่มีร่างอวบอิ่มของภรรยาที่กำลังนอนตะแคงด้านข้างขดกายอย่างน่าเอ็นดู ตอนนี้อายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่เจ็ดแล้วอีกเพียงไม่นานบุตรของเขาก็จะออกมาลืมตาดูโลกเขาจ้องมองใบหน้างดงามของภรรยาที่หลับตาพริ้ม ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อยดูมีความสุขราวกับตอนนี้นางกำลังหลับฝันดี แม้นางจะกำลังตั้งครรภ์แต่ก็ยังงดงามเย้ายวนอย่างที่สุด จนคนแอบมองใจกระตุกสั่นไหว เขาอยากจะทักทายเจ้าก้อนแป้งอีกแล้วมือหนาจึงค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากเรือนกายแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามจนเหลือเพียงกางเกงตัวในบางเบา เคลื่อนกายหนาเข้าไปนอนซ้อนแผ่นหลังเล็กแผ่วเบาหลี่เจินที่รับรู้ถึงสัมผัสแผ่วเบาของมือใหญ่ที่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของนาง ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมดกดำเงางามกับกลิ่นหอมอันคุ้นเคยกำลังซุกไซ้ดอมดมไปทั่วซอกคอและลาดไหล่ขาวนวลที่ไม่รู้ว่าเปล่าเปลือยไปตั้งแต่เมื่อไหร่"ท่านพี่ อ่า"มือเล็กที่ตั้งใจจะยกขึ้นดันศ
แล้วในที่สุดวันมงคลของคุณหนูฉีหลานเฟิ่งและท่านแม่ทัพต้วนฝูชิงก็มาถึง เจ้าสาวในวันนี้นั้นงดงามเป็นอย่างมาก จนผู้ที่มีส่วนในความสำเร็จครั้งนี้นั้นยิ้มแก้มปริ หลี่เจินรู้สึกยินดีกับเด็กสาวผู้นั้นเป็นอย่างมากที่นางจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเสียที เรื่องราวของคุณหนูฉีหลานเฟิ่งและคนรัก ดูเหมือนว่าจะลงเอยกันได้ด้วยดี ดูได้จากสีหน้าของเจ้าบ่าวที่อิ่มเอิบแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข แต่ได้ยินมาว่ากว่าจะปรับความเข้าใจกันได้แม่ทัพต้วนฝูชิงผู้ยิ่งใหญ่แทบจะหลั่งน้ำตากันเลยทีเดียว ต่อจากนี้ไปนางได้แต่อวยพรให้ชีวิตคู่ของทั้งสองมีแต่ความสุข ครองรักกันไปจนแก่เฒ่าวันเวลาผันผ่าน ผู้คนต่างใช้ชีวิตดำเนินไปตามวิถีทางของตัวเอง มีเรื่องราวผ่านมามากมาย รวมไปถึงข่าวคราวจากชายแดนที่ร่ำลือกันอย่างหนาหู ผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาใช้บริการในหอเหม่ยฮวาต่างก็กล่าวถึงเรื่องนี้ ข่าวที่ได้รับฟังมานั้นทำให้หลี่เจินตกตะลึงอยู่ไม่น้อย ว่ากันว่าในค่ายทหารรักษาชายแดนมีหญิงงามผู้เป็นนางคณิกาที่ลือเลื่องถึงความร้อนแรง สามารถสร้างความเกษมสำราญให้บรรดาเหล่าทหารกลัดมันจนเลี่ยงชื่อไปทั้งค่าย ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ปีนป่ายเป็นนางคณ
เช้าวันรุ่งขึ้นผู้คนต่างโจษจันเกี่ยวกับเรื่องราวในตระกูลเฉินที่ในตอนนี้จวนนายอำเภอถูกปิดเงียบ ไร้เงาของคนภายในจวนไม่เว้นแม้แต่บ่าวไพร่ เฉินอวี่จูถูกสามีหย่าขาดในข้อหาคบชู้สู่ชาย สร้างความอับอายให้แก่ตระกูลเป็นอย่างมาก เดิมทีโทษของนางคือห้าม้าแยกร่าง แต่ด้วยความเมตตาของท่านเจ้าเมืองและเห็นแก่หน้าบิดาของลูกสะใภ้ จึงเพียงเนรเทศนางออกจากเมืองซีโจวไปยังชายแดนทุรกันดาร หลังจากเฉินอวี่จูถูกเนรเทศออกไป ต่อมาก็มีข่าวการแต่งเข้าไปเป็นอนุภรรยาจวนตระกูลฮวนของเฉินอี้ซินผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาของเฉินอวี่จู และนั่นก็เป็นที่กล่าวถึงของผู้คนอีกครั้งจนไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้เกี่ยวกับถึงเรื่องนี้แม้แต่แม่ทัพตระกูลต้วน ต้วนฝูชิง บุรุษที่ผู้คนต่างรับรู้ว่าเขาคือคนรักของเฉินอี้ซิน ที่มีข่าวคราวรักสามเส้าออกมาให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง คนผู้นั้นคงโศกเศร้าอยู่เป็นแน่แต่เปล่าเลย ตอนนี้ผู้ที่ทุกคนต่างคิดว่าเขาคงกำลังเศร้าโศกเสียใจที่สตรีคนรักกลายเป็นภรรยาของผู้อื่นกลับกำลังนั่งดื่มด่ำกับสุรารสเลิศบนชั้นสามของโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งอย่างสบายอกสบายใจ ข่าวนี้ช่างเป็นข่าวที่น่ายินดีที่สุดในรอบปี เขารู้สึกโล่งใจและยินดีเป็น
จบสิ้นกันเสียทีหลี่เจินมองบ่าวไพร่ที่ลากเอาคนทั้งสองไปคุมขังเอาไว้ก่อนตามคำสั่งของเจ้าของจวนเพื่อรอคำตัดสินในวันรุ่งขึ้น กลิ่นอายและคราบความใคร่ที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้ทำให้หลี่เจินรู้สึกพะอืดพะอมใบหน้าของนางประเดี๋ยวซีดขาวประเดี๋ยวแดงก่ำ จนต้องรีบหันกายเร่งฝีเท้าตามทุกคนออกไประหว่างที่ทุกคนกำลังพากันออกไปยังห้องโถงกลางเพื่อหารือเรื่องการตัดสินโทษของเฉินอวี่จูที่ได้กระทำการทุกอย่าง หยางซานตงที่เห็นว่าใบหน้างามของภรรยานั้นแดงก่ำจึงคิดขึ้นได้ว่านางนั้นก็อาจจะโดนพิษยาปลุกกำหนัดด้วยเช่นกัน จึงโน้มใบหน้าลงมากระซิบชิดใบหูเล็ก"เจินเอ๋อ ให้พี่ขับพิษกำหนัดให้ก่อนดีหรือไม่ ยังพอจะมีเวลานะ"คำของผู้เป็นสามีทำให้หลี่เจินตัวแข็ง มองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ สายตาพราวระยับที่สื่อความนัยนั้นทำให้นางสะบัดร้อนสะบัดหนาว สถานการณ์เช่นนี้เขายังมีอารมณ์คิดเรื่องอย่างว่า"นี่ท่าน...ข้ามิได้ถูกพิษกำหนัดเสียหน่อย"หลี่เจินฟาดฝ่ามือลงบนบ่าแกร่งของบุรุษบ้าตัณหาเต็มแรง ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินตามทุกคนไปยังห้องโถงไม่อาจที่จะทนมองหน้าอีกฝ่ายที่หื่นไม่ดูเวล่ำเวลาหยางซานตงยิ้มให้กับท่าทางเขินอายของภรรยาตัวน้อย ก่อนคิ้
หลี่เจินเดินตามหญิงรับใช้นางนั้นมาจนถึงห้องห้องหนึ่ง เมื่อส่งนางถึงที่หมายหญิงรับใช้ผู้นั้นก็ปลีกตัวออกไปในทันที นางยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผลักบานประตูเข้าไป หลังประตูบานนั้นสตรีที่นางต้องการเจอตัวกำลังนั่งด้วยท่าทางเกียจคร้านละเลียดจิบสุราในมือด้วยใบหน้ามีความสุขยิ่ง สายตาที่ใช้จ้องมองนางวาววับดูไม่น่าไว้ใจแม้แต่น้อย"เจ้าต้องการอะไร มีสิ่งใดก็พูดมา"หลี่เจินเอ่ยถามอีกฝ่าย สายตานั้นจ้องมองสตรีจิตวิปลาสตรงหน้าอย่างระมัดระวัง"ใจร้อนเหมือนเดิมเลยนะเจ้าคะ พี่สาว"เสียงอ่อนหวานของเฉินอวี่จูนั้นฟังดูช่างเยือกเย็น ริมฝีปากที่แต้มชาดสีสดนั้นแสยะยิ้มที่ทำให้คนมองนึกถึงฆาตกรโรคจิต สตรีนางนี้เกินเยียวยาแล้วจริงๆ"เจ้ามิต้องกล่าวให้มากความ ถุงหอมใบนี้ไปอยู่กับเจ้าได้เช่นไร"หลี่เจินกดข่มความหวาดผวาที่ชวนให้หนาวเยือกเอ่ยถามอีกฝ่ายราวกับกำลังควบคุมโทสะ ท่าทางของนางทำให้สตรีตรงหน้าหัวเราะขึ้นมาราวกับกำลังเจอเรื่องตลกขบขัน"เอ...ข้าเอาถุงหอมใบนี้มาได้เช่นไรนะ เจ้าอยากรู้จริงๆ น่ะหรือ พี่สาว"เฉินอวี่จูเอ่ยกับสตรีหน้าโง่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มยั่วเย้า นางรู้สึกสมเพชเวทนาอีกฝ่ายยิ่งนัก เพียงนางให้บ่า
แล้วงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันเกิดของท่านนายอำเภอเฉินก็มาถึง ผู้คนในอาภรณ์งดงามหรูหราต่างหลั่งไหลเข้ามาร่วมอวยพรให้กับเจ้าของงานเลี้ยงผู้เป็นใหญ่ในอำเภอซีซาแห่งนี้ ผู้ที่มาร่วมงานต่างเป็นคนใหญ่คนโตและมีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูงทั้งสิ้น และในครั้งนี้ดูท่าว่าจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กว่าในทุกปี คาดว่าคงมีสิ่งพิเศษเป็นแน่เฉินอวี่จูในอาภรณ์งดงามหรูหรา ใบหน้าหวานนั้นถูกแต่งแต้มจนงามล้ำต่างได้รับคำชื่นชมและความสนใจจากผู้คนที่มาร่วมงาน นางหยัดยิ้มกว้างเคียงคู่มากับบุรุษรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาคล้ายดังบัณฑิตผู้ทรงภูมิที่เหล่าสตรียังไม่ออกเรือนต่างชม้ายชายตามอง แม้ข้างกายของเขานั้นจะมีฮูหยินเช่นนางเคียงกายอนิจจาสายตาชื่นชมระคนอิจฉาเหล่านั้นหาได้ทำให้นางรู้สึกพอใจไม่ อันว่ามนุษย์นั้นมิรู้จักพอย่อมจะเป็นคำกล่าวที่มิได้เกินจริงแม้แต่น้อย รัก โลภ โกรธ หลง หากมันจะมีอย่างพอดีก็คงมิมีอันใดผิด แต่หากทะเยอทะยาน อยากได้ อยากมีมากจนเกินไปก็สามารถสร้างหายนะให้แก่ชีวิต แต่ดูเหมือนจิตใจของนางจะมืดบอดเกินกว่าจะมองเห็นเสียแล้ว ภายในจิตใจยังครุ่นคิดถึงแต่ชายอื่น ผู้ซึ่งมีฐานะเป็นสามีของพี่สาวต่างมารดา สายตาหวานน