เฟยห้าวเทียนย่อตัวลงก่อนจะจับหัวไหล่ทั้งสองของหญิงสาวที่กำลังนั่งก้มหน้าร่างกายสั่นเทาด้วยความกลัว ในใจยิ่งรู้สึกสงสาร รู้สึกผิดต่อหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้า และรู้สึกโกรธ เกลียด รังเกียจหญิงสาวที่ทำร้ายนางมากขึ้นกว่าเดิม แต่กลับไม่รู้เลยว่าร่างกายที่สั่นเทานั้น มิได้มาจากความหวาดกลัวแต่มาจากความคับแค้นใจ
“ตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้” เฟยห้าวเทียนตะโกนบอกเหล่าบริพารที่อยู่ด้านนอก
“เจ้าเจ็บมากหรือไม่ สนมรักของข้า”
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจากสนมที่ตนรักเฟยห้าวเทียนใช้มือจับปลายคางของสนมรักให้เงยหน้าขึ้น แต่นางกลับเบือนหน้าหนีไปแล้วหลับตาลง เพื่อไม่อยากให้เฟยห้าวเทียนได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พึงพอใจ
“เจ้าโกรธข้ามากใช่หรือไม่ที่ไม่สามารถปกป้องเจ้าและให้ความเป็นธรรมกับเจ้าได้”
หญิงสาวได้แต่ก้มหน้านิ่ง ไม่ตอบสิ่งใด ปล่อยให้น้ำตาแห่งความคับแค้นไหลลงมาจนอาบแก้ม
โอรสสวรรค์เช่นเขาเมื่อเห็นหญิงที่ตนมีใจรักหลั่งน้ำตาก็ยิ่งนึกโมโหสตรีชั่วช้า แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ หากนางอาละวาดมากกว่านี้อีกสักหน่อย เขาก็คิดจะลงโทษนางให้อับอายคนในวังหลังอยู่บ้าง รวมไปถึงลงโทษพ่อของนางด้วยที่ไม่สั่งสอนบุตรสาวให้ดี
ตอนนี้จะลงโทษนางก็ได้อยู่ แต่อย่างไรไทเฮาก็จะเข้ามาช่วยนางอยู่ดี และเขาเองก็ต้องยอมทำตามผู้เป็นแม่โดยไม่กล้าขัดขืน จากที่จะลดอำนาจนางกลับทำให้คนยิ่งต้องกลัวเกรงนางมากขึ้นเพราะแม้แต่เขาที่เป็นโอรสสวรรค์ก็ยังไม่สามารถลงโทษนางได้
เขาอุ้มสตรีที่นั่งเงียบอยู่ตรงหน้าขึ้นไปวางไว้บนเตียงรอหมอหลวงมาตรวจดูร่างกาย เมื่อหมอหลวงมาตรวจก็พบว่าไม่เป็นไรมาก ให้เพียงยาทาและยาสงบจิตเพื่อให้นางหลับสบายไม่ต้องผวาเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้
ก่อนจะไล่หมอหลวงขันทีและเหล่านางกำนัลออกไปเฟยห้าวเทียนทรงสั่งกำชับให้ทุกคนห้ามแพร่งพรายเรื่องวันนี้ออกไปโดยเด็ดขาด
เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้วเฟยห้าวเทียนก็ขึ้นเตียงไปนอนข้างสนมรักก่อนจะโอบเอวบางเข้ามากอดไว้ เวลาผ่านไปครู่หนึ่งเขาเห็นว่าตั้งแต่เกิดเรื่องนางยังไม่ยอมเอ่ยสิ่งใดออกมาเลยจึงรู้สึกว้าวุ่นใจไม่น้อย เขาจับคางน้อยให้เงยหน้าขึ้นมามองเขา
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม”
หญิงสาวนิ่งเงียบ ได้แต่น้ำตาคลอ ใบหน้าและแววตาของนางในตอนนี้ไม่ว่าใครเห็นก็สงสารจับใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุรุษที่อยู่ตรงหน้า
“กุ้ยเฟย สนมรักของข้า เจ้ารอข้าอีกหน่อย ข้าจะทำให้เจ้าอยู่เหนือนางให้จงได้”
หลังจากพูดจบเขาก็จุมพิตเบาๆ บนเปลือกตาของหญิงสาวที่รักอย่างอ่อนโยนราวกับกลัวว่าจะแตกสลายก่อนจะใช้มือแตะตรงแก้มที่มีรอยมือนูนแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อหลี่ฟางซินได้ยินก็รู้สึกว่าการถูกตบครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียเปรียบเสียทีเดียว อย่างน้อยยังเรียกความรักความเมตตาและเพิ่มความเกลียดชังในใจของเฟยห้าวเทียนที่มีต่อเย่วลี่อิงได้อีกด้วย
“เจ้าคงจะเจ็บมากเลยสินะ ข้าจะประทานขอขวัญชิ้นใหญ่ให้เจ้าเพื่อปลอบใจดีหรือไม่”
หลี่ฟางซินนิ่งเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด แต่ตากลับมองนันย์ตาของบุรุษที่อยู่ด้านหน้าอย่างอ่อนโยน เมื่อบุรุษเห็นว่าสนมรักมีการตอบสนองเขาแล้ว จึงเอ่ยอย่างแผ่วเบาที่ข้างใบหูของนาง
หญิงสาวตาเป็นประกายเมื่อได้ยินของขวัญอันล้ำค่า แต่นางยังไม่สามารถยกยิ้มได้เพราะความปวดระบมที่แก้ม แต่ในใจกลับชอบอกชอบใจเป็นอย่างมาก ‘เย่วลี่อิงตบนี้ของเจ้าช่างมีราคาตอบแทนสูงจริงๆ’ เมื่อนางคิดได้แบบนี้ใจของนางก็ค่อยๆ เย็นลง
“เจ้าไม่ต้องการของขวัญที่ข้าจะประทานให้หรอกหรือ” เฟยห้าวเทียนเห็นว่าสนมรักของตนไม่ตอบสนองจึงเอ่ยถาม
“ต้องการเพคะ” หลี่ฟางซินพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พร้อมพยักหน้าตอบรับ
เสียงหวานแผ่วเบาที่ดังออกมาทำให้เฟยห้าวเทียนใจชื้นขึ้นมา เขารับรู้ได้ว่านางยังคงเจ็บอยู่ไม่น้อยจึงไม่ได้คิดจะเอ่ยถามต่อ เพียงแค่เห็นแววตาและสีหน้าที่พอใจของนาง เขาเองก็ดีใจมากแล้ว
“อย่างนั้นวันนี้เจ้าพักผ่อนเถอะนะ ข้าจะนอนอยู่ข้างๆ เจ้าไม่ไปไหน”
เหล่านางกำนัลที่อยู่ด้านนอกพยายามห้ามเฟยห้าวซุนแล้วแต่ก็ห้ามไม่ได้ เพราะทุกคนต่างรู้ว่าหากเฟยห้าวซุนได้ร้องไห้แล้วจะไม่หยุดง่ายๆ พวกเขาจึงไม่กล้าขัดใจมากนัก เฟยห้าวซุนเมื่อเห็นบิดาเปิดประตูให้ก็รีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที เยว่ลี่อิงเห็นบุตรชายวิ่งมาด้วยน้ำตาก็รีบเข้าโอบกอดบุตรชายไว้แน่น แต่นางกลับต้องแปลกใจเพราะครั้งนี้บุตรชายของนางกลับไม่ร้องไห้โวยวายนานเท่ากับครั้งที่ผ่านๆมาเฟยห้าวซุนลูบท้องมารดาเบาๆอยู่หลายครั้ง พร้อมทั้งทำหน้าทำตาราวกับมีความสงสัยอยากถามแต่ไม่ยอมเอ่ย นางจึงเป็นคนเอ่ยถามบุตรชายก่อน“เจ้าลูบท้องแม่เพราะอะไรอย่างนั้นหรือ”“ท่านอาฟางซินให้ลูกลูบท้องตอนน้องดิ้น ลูกเลยมาลองลูบท้องเสด็จแม่บ้าง เพื่อน้องจะดิ้น”เยว่ลี่อิงอดเอ็นดูในความใสซื่อของบุตรชายไม่ได้ จึงส่งยิ้มหวานให้เขา“ในท้องของแม่ไม่มีน้องอยู่ แล้วน้องจะดิ้นได้อย่างไร” นางเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แต่บุตรชายกลับร้องไห้เสียงดังขึ้นมา ทำเอานางถึงกับตกใจเฟยห้าวเทียนรีบเข้ามาหาบุตรชายของตนเมื่อได้ยินคำสนทนาของแม่ลูก เขาใช้มือลูบหัวลูกชายเบาๆ แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดร้อง“เจ้าอยากมีน้องอย่างนั้นหรือ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ค
4 ปีต่อมาเขานั่งมองบุตรชายที่วิ่งเล่นไปมากับเฟยห้าวเทียนก่อนที่จะหันมาหาภรรยาเพื่อจะชวนนางให้ออกไปจากอุทยานด้วยกันสองคน เพราะตั้งแต่เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยลืมตาดูโลกเขากับนางก็แทบจะไม่ได้ร่วมหอกันเลยช่วงแรกๆเป็นเพราะนางอยากให้นมบุตรด้วยตนเองจึงเอาลูกเข้านอนด้วย ช่วงนั้นเขาก็มัวแต่ยุ่งกับการจัดการตระกูลฉินจึงไม่มีเวลามาคอยดูแลนางมากนัก เมื่อกลับมาเห็นนางอ่อนเพลียเขาจึงไม่กล้ารบกวนนาง ต่อมาเมื่อลูกชายโตขึ้นก็เริ่มติดแม่จนไม่ยอมออกห่างแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพอมีเวลาที่บุตรชายหลับในการออดอ้อนนางบ้าง แต่ปีกว่าๆมานี้ลูกชายของเขาไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้นางเลย แม้แต่เขาจะโดนเนื้อต้องตัวนางก็ยังยากต้องรอให้บุตรชายของเขาไม่เห็นเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้ไม่ว่าเขาจะปะเหลาะบุตรชายอย่างไร เขาก็ไม่สามารถแตะต้องตัวภรรยาของเขาได้เสียที หากบุตรของเขาเห็นว่าเขาโดนเนื้อตัวมารดาก็มักจะร้องไห้ไม่หยุดไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ต้องหาวิธีปลอบใจอยู่นานถึงจะยอมเงียบได้“เสด็จแม่ ท่านจะไปไหน” เสียงเด็กน้อยดังขึ้น เมื่อเห็นเยว่ลี่อิงกำลังจะลุกจากตั่งนั่งเฟยห้าวเทียนได้แต่ถอนหายใจยาว เมื่อได้ยินเสียงบุตรชายเอ่ยเรียกภรรย
เฟยห้าวเทียนได้ยินคำพูดของนางก็แทบจะอดกลั้นอารมณ์ของตนเองไว้ไม่ไหว เขาพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เพื่อระงับความตื่นตัวของแก่นกายที่ตอนนี้ไม่รับฟังคำสั่งของเขาเสียเลยแต่เขากลับต้องสะดุ้งจนขนตามตัวลุกชันเมื่อมีมือน้อยๆสัมผัสโดนสิ่งที่พองโตอยู่ด้านล่าง เขารีบคว้ามือน้อยนั้นไว้ทันทีเพราะหากลูบคลำไปมากกว่านี้เขาเองคงต้านความปรารถนาไว้ไม่ไหว“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการเจ้า แต่เพราะข้ากลัวจะทำรุนแรงเกินไปจนเป็นอันตรายต่อเจ้าและลูกได้”เยว่ลี่อิงกลับไม่สนใจฟังคำที่เขาเอ่ย เพราะนางรู้ดีว่าที่ผ่านมาเขาอดกลั้นมาตลอดเวลาที่นอนอยู่เคียงข้างนาง และวันนี้นางก็ได้ศึกษาและได้คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์บวกกับนางได้ตรวจร่างกายมาเป็นอย่างดีแล้ว จึงไม่ได้คิดเป็นกังวลเรื่องอันใดอีก“พระองค์รู้หรือไม่เพคะ ว่าสตรีที่ตั้งครรภ์ในบางช่วงจะมีความต้องการในเรื่องแบบนี้สูง และหากไม่ได้ปลดปล่อยจะทำให้หงุดหงิดซึ่งไม่เป็นผลดีนัก”เฟยห้าวเทียนถึงกับอึ้งนิ่งไป และปล่อยมือออกจากมือของนางเมื่อได้ยินในสิ่งที่นางเอ่ย“เจ้าแน่ใจแน่แล้วใช่หรือไม่”“เพคะ หม่อมฉันแน่ใจ พระองค์เพียงปล่อยให้หม่อมฉันเป็นคนจัดการเองก็พอ”“เช่นนั้
“พวกท่านนี้ก็แปลกเสียจริง หากพระชายาของเราไม่ตั้งครรภ์พวกท่านก็จะให้เราแต่งชายารอง ตอนนี้นางตั้งครรภ์พวกท่านก็ยังจะให้เราแต่งชายารองอีก ตกลงพวกท่านต้องการอย่างไรกันแน่ หรือเพราะพวกท่านเพียงอยากส่งบุตรสาวของพวกท่านมาแต่งกับข้าจึงได้หาข้ออ้างให้ข้าแต่งชายารองใช่หรือไม่”ทุกคนต่างนิ่งเงียบไปชั่วหนึ่งจนอัครเสนาบดีฉินกระแอมดังขึ้นมา ขุนนางชราที่ยืนอยู่ข้างอัครเสนาบดีฉินก็รีบเอ่ยขึ้น“ทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมหาได้คิดดังเช่นองค์รัชทายาทตรัสไม่ เพียงแต่ข่าวลือหนาหูยิ่งนักว่าองค์รัชทายาททรงยอมปิดหน้าปิดตาสวมใส่หน้ากากเพื่อจะได้อยู่ใกล้กับพระชายา พวกกระหม่อมเลยคิดจะหาคนมาปรนนิบัติองค์รัชทายาท เพื่อไม่ให้องค์รัชทายาททรงต้องลำบากเพื่อไปหาพระชายาให้คอยปรนนิบัติ”“ขอบคุณเหล่าขุนนางทุกท่านที่เป็นห่วงเราจากใจ แต่เราไม่ได้มีความลำบากอย่างที่พวกท่านคิด เราไม่รู้ว่าภรรยาของพวกท่านไร้ความสามารถที่จะคอยดูแลปรนนิบัติพวกท่าน หรือเป็นที่พวกท่านมักมากกันแน่ แต่เพราะพระชายาเราดูแลเราดีมากพอ และเราก็หาใช่บุรุษที่มักมากแค่เพียงภรรยาตั้งครรภ์ก็ต้องหาสตรีอื่นมาปรนนิบัติ เช่นนั้นเราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีชายาเพิ่มเช่น
ตำหนักบูรพาเมื่อกลับมาถึงตำหนักเฟยห้าวเทียนก็ให้หมอหลวงตรวจร่างกายของเยว่ลี่อิง เพราะระหว่างทางกลับมานางมีอาการแพ้ท้องมาตลอดทาง ไม่รู้ว่าเหตุใดยิ่งเขาเข้าใกล้นาง นางก็ยิ่งอาการหนักขึ้นจนนางต้องไล่เขาออกไปไกลๆ แต่พอให้คนอื่นมาพยุงนางกลับไม่เป็นอันใดเสียอย่างนั้น ทำให้เขารู้สึกลังเลใจเป็นอย่างมาก ว่าที่นางเป็นอยู่นี้นางเป็นจริงหรืออยากกลั่นแกล้งเอาคืนที่เขาเคยเฉยเมยต่อนาง“กราบทูลองค์รัชทายาทพระชายามีพระวรกายแข็งแรงดีไม่มีอันใดน่าเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ ส่วนอาการคลื่นไส้ อาเจียนก็เป็นเรื่องธรรมดาของสตรีมีครรภ์เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นทำไมถึงมีอาการแพ้เพียงตอนเราเข้าใกล้ แต่ทีกับคนอื่นกลับไม่เป็นอันใด” เฟยห้าวเทียนเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลและสงสัยหมอหลวงอึ้งไปพักหนึ่งเพราะเขารู้ดีว่าองค์รัชทายาทย่อมรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถเขาใกล้พระชายาของตนได้ แต่ยังโชคดีที่เขาเคยเห็นสตรีที่มีอาการแพ้ท้องสามีของตนเองมาก่อนจึงพอรู้วิธีแก้อยู่บ้าง แต่จะให้บอกสาเหตุเขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้“กระหม่อมไม่ทราบสาเหตุพ่ะย่ะค่ะ เพราะสตรีที่ตั้งครรภ์แต่ละคนจะแพ้ท้องไม่เหมือนกัน แต่กระหม่อมเคยพบเจอคนแพ้ท้องที่มีอาการแ
เมื่อได้ยินข้อแม้ของบิดาเฟยห้าวหลานหันมามองพี่ชายของตนด้วยสายตาไม่พอใจก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงดังฟังชัด“รอให้เสด็จพี่มีบุตร ลูกว่าเสด็จพ่อให้ลูกแต่งเข้าสกุลกงแล้วให้ลูกมีหลานให้เสด็จพ่อยังจะเร็วเสียกว่า ลูกจะไปถามหรงเอ๋อร์ว่าลูกคนแรกของเรายกให้ตระกูลเฟยได้หรือไม่”เฟยห้าวเทียนถึงกับตบโต๊ะเสียงดัง และชี้นิ้วไปยังน้องชายของเขา เฟยห้าวเทียนเองก็ไม่คาดคิดว่าจะถูกบิดาเล่นงานด้วยเช่นกัน แต่นั่นก็ไม่น่าโมโหเท่ากับคำพูดของน้องชาย“เจ้าช่างกล้าดูถูกข้ายิ่งนัก”สองสามีภรรยาที่นั่งดูบุตรชายทั้งสองอยู่กลับหัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะเขารู้ดีว่าที่บุตรชายคนเล็กเอ่ยนั้นไม่ได้คิดจะดูถูกพี่ชายเพียงแต่จะกระตุ้นพี่ชายให้มีบุตรไวๆเท่านั้นเยว่ลี่อิงเห็นสามีกำลังโกรธน้องชายก็เอื้อมมือมาจับมือเขาและลูบหลังมือของเขาเบาๆเพื่อให้เขาใจเย็นลง ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เขา เฟยห้าวเทียนเมื่อหันมามองหน้าภรรยาก็ยิ่งนึกโกรธเพราะหลายวันมานี้นางไม่ยินยอมให้เขาค้างที่เรือนนอนด้วยยังไม่พอ ยังคอยหลบหน้าหลบตาเขาอีกด้วย แถมวันนี้น้องชายยังมาดูถูกเขาอีก และที่สำคัญตอนนี้นางทำเหมือนราวกับจะอาเจียนเมื่อมองหน้าเขา เขาจึงทำหน้าไม่พอใจใส่น