Home / โรแมนติก / ข้างห้องคือคนข้างใจ / บทที่ 7 วันหยุดของชั้น 18 (1)

Share

บทที่ 7 วันหยุดของชั้น 18 (1)

last update Last Updated: 2025-10-27 10:13:14

วันเสาร์ต้นเดือนเป็นวันที่ลมดีผิดปกติ ฟ้าใสจนเงาเมฆบาง ๆ ดูเหมือนกระดาษสีน้ำที่ใครสาดไปบนผืนฟ้า ฉันตื่นสายกว่าในวันทำงานนิดเดียว แต่ไม่ถึงกับขี้เกียจ อาจเพราะเมื่อคืนก่อนนอนฉันตั้งใจไว้แล้วว่าเช้านี้จะลงไปที่ร้าน “ที่เดิม” กับมิ้นท์ เขาบอกว่าจะมีเวิร์กช็อปเล็ก ๆ ให้เด็ก ๆ ลองบดกาแฟด้วยมือ ฟังแล้วใจฉันนึกภาพโตโตะใส่ผ้าพันคอลายตลกยืนเฝ้าประตู กับภีมยืนยิ้มน้อย ๆ อธิบายอย่างใจเย็น และเสียงหัวเราะของเด็กปนกลิ่นกาแฟคั่วอ่อน จินตนาการนั้นทำให้การลุกจากเตียงง่ายกว่าทุกวันหยุดที่ผ่านมา

โมจิกลิ้งตัวเป็นซินนามอนโรลบนพรม พอฉันขยับผ้าห่มมันก็หรี่ตามองด้วยท่าทาง “ไม่ไปร้านกาแฟนะ บอกก่อน” ฉันหัวเราะเบา ๆ “จ้ะ วันนี้อยู่เฝ้าห้อง ช่วงบ่ายแม่จะกลับมาลูบพุงชดเชย” มันตอบด้วยการยืดหาวยาว ๆ เหมือนเซ็นรับทราบ

ฉันแชทหามิ้นท์ “สิบโมงครึ่งหน้าลิฟต์นะ” เธอตอบทันที “โอเคจ้ะคุณผู้หญิง ฉันพร้อมให้คะแนนเพื่อนบ้านเธอในหัวข้อ ‘พ่อบ้านใจกล้า’ แล้วจ้ะ” ต่อด้วยอีโมจิไหว้สามครั้งเหมือนจะบอกว่า—ขอกราบความดีงามล่วงหน้า

ฉันแต่งตัวง่าย ๆ เสื้อเชิ้ตคอจีนสีขาวกับกางเกงยีนส์เข้ารูป มัดผมหางม้าด้วยยางเส้นเดิม (ยังอยู่กับฉันดีแบบไม่ได้คืนเสียที) ทาลิปสีพีชบาง ๆ แล้วหยิบกล้องฟิล์มที่นอนนิ่งอยู่บนชั้นมาด้วย วันนี้อยากเก็บภาพไว้ในแบบที่ช้าลงเหมือนเวลาของร้านกาแฟเล็ก ๆ

สิบโมงครึ่งตรงเป๊ะ เรากับมิ้นท์เจอกันที่หน้าลิฟต์ เธอสวมเดรสลายทางสีฟ้า ถือถุงผ้าขนาดใหญ่ที่น่าจะใส่ทุกอย่างตั้งแต่ทิชชู่จนถึงแผนที่กรุงเทพ “ไปพิสูจน์ร้านคุณชาย 18B กัน!” เธอบอก ฉันส่ายหัวขำ ๆ กับพลังงานของเพื่อน ก่อนเดินคู่กันไปทางหน้าร้าน

“ที่เดิม” เปิดประตูไว้ครึ่งหนึ่งอยู่แล้ว กลิ่นกาแฟคั่วใหม่ลอยมาก่อนถึงป้ายไม้ ฉันชอบกลิ่นนี้ มันไม่ใช่กลิ่นเข้มครึ้มที่ตีจมูก แต่เป็นความหอมแบบมีที่ว่าง ให้ลมหายใจได้เดินเล่น ในร้านมีป้ายกระดานดำเขียนด้วยชอล์กสีสวย ๆ ว่า “Workshop เล็ก ๆ : มือหมุนหอม ๆ 11:00–12:00 น. เด็ก ๆ ทดลองบดกาแฟ + ชิมโกโก้อุ่น (ฟรี)” ใต้ป้ายมีรูปหมาวาดลายเส้นเหมือนโตโตะกำลังยิ้ม

“คะแนนแรก: งานกราฟิกป้าย ผ่าน” มิ้นท์ฟันธง เธอหยิบมือถือขึ้นมาแชะ “ส่งแผนพิกัดให้เพื่อนละ”

ภายในร้าน คนยังไม่เยอะ โต๊ะไม้เล็ก ๆ วางเรียงพอดี ๆ เก้าอี้เหล็กดัดหลังโค้งนั่งสบายกว่าที่คิด มุมหนึ่งมีเครื่องบดไฟฟั่งสแตนเลสเงาวับ แต่กลางร้านกลับวางโม่มือหมุนแบบคลาสสิกไว้สองตัวบนผ้าปูโต๊ะลินินสีครีม ข้าง ๆ มีถ้วยคัปปิ้งเล็ก ๆ กับช้อนสแตนเลสวางเรียงเหมือนกำลังรอให้ใครสักคนมานั่งล้อมวง ภีมยืนหลังเคาน์เตอร์ สวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเทา ผูกด้านหลังอย่างเรียบ เขาหันมาเห็นเราแล้วพยักหน้าทักทาย รอยยิ้มอ่อน ๆ ตรงมุมปากยังคงเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา

“สวัสดีค่ะ” ฉันยิ้มตอบ ส่วนมิ้นท์…ทำตาเป็นประกายเกินเหตุ “สวัสดีค่าาาาา” เธอลากเสียงยาวจนฉันต้องสะกิดแขนเบา ๆ

“เชิญนั่งได้เลยครับ เดี๋ยวจะเริ่มตอนสิบเอ็ดโมง เด็ก ๆ อยู่ตรงโน้น” ภีมชี้ไปทางมุมใกล้หน้าต่าง ที่นั่นมีกลุ่มครอบครัวเล็ก ๆ นั่งรอ เด็กสามสี่คนกำลังจ้องถังเมล็ดกาแฟเหมือนพบสมบัติล้ำค่า โตโตะสวมผ้าพันคอลายเมล็ดกาแฟ เดินตรวจจุดต่าง ๆ ในร้านอย่างขยันขันแข็ง ก่อนหยุดที่ประตูแล้วนั่งรอแขกใหม่ด้วยท่าที “พนักงานต้อนรับ”

เสียงประตูดัง กริ๊ง คู่แม่ลูกอีกชุดเดินเข้ามา ภีมยิ้มต้อนรับ “ยินดีต้อนรับครับ ที่นั่งตรงนี้ว่างเลย” เขาก้มหัวทักเด็กน้อย “ชื่ออะไรครับ”

“ภูมิครับ” เด็กชายตอบเสียงดังฟังชัด

“ดีมากน้องภูมิ วันนี้เราจะเป็นนักบดกาแฟฝึกหัดนะ” ภีมพูดด้วยน้ำเสียงน่าฟังและกระดูกสันหลังอ่อนโยนอย่างคนคุ้นเคยกับเด็ก “จบคาบแล้วจะได้ประกาศนียบัตร…เป็นสติ๊กเกอร์คอร์กี้หนึ่งดวง”

“เย้!” เด็ก ๆ รอบโต๊ะร้องประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียง โตโตะยกหางส่ายเหมือนรับผิดชอบหน้าที่หัวหน้าพิธี

ฉันกับมิ้นท์เลือกนั่งโต๊ะติดผนัง ไม่ไกลจากวงกิจกรรม เธอวางคางบนหลังมือ กระซิบ “ฉันพร้อมจะร้องไห้ให้ความน่ารักแล้วนะ” ฉันหัวเราะ “ยังไม่เริ่มเลยเพื่อน” “เริ่มในใจฉันแล้ว” เธอว่า แล้วก็ชี้ไปที่ผ้ากันเปื้อนภีม “คะแนนสอง: ใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วดูเป็นพ่อบ้านใจกล้าในพริบตา”

สิบเอ็ดโมง ภีมปรับไฟในร้านให้สว่างนวลขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเคาะขอบแก้วช้อน “เริ่มคลาสครับน้อง ๆ” เขาเริ่มด้วยการให้เด็ก ๆ ดมเมล็ดกาแฟจากสองกระปุก กระปุกหนึ่งเขียนว่า “เริ่มใหม่” อีกกระปุกเขียน “น่าน” เขาถามทีละคน “ได้กลิ่นอะไรบ้างครับ”

เด็กผู้หญิงผมสั้นตอบ “เหมือนช็อกโกแลตค่ะ”

อีกคนบอก “เหมือนขนมปังปิ้ง”

ส่วนภูมิว่า “เหมือน…น้ำผึ้ง!”

ภีมยิ้ม “เก่งมาก ทุกคำตอบถูกได้ครับ เพราะจมูกของแต่ละคนเล่าเรื่องไม่เหมือนกัน แล้วเวลาบดเมล็ด กลิ่นจะชัดขึ้นอีก เดี๋ยวลองกัน”

เขาเทเมล็ดลงโม่มือหมุน สอนวิธีจับ “มือขวาจับที่จับ มือซ้ายจับตัวโม่ไว้ อย่าบีบแรง ถ้าบีบเกินไปจะหมุนยาก ให้นึกเหมือนจับดินสอตอนวาดรูปนะครับ” เด็ก ๆ ทำตามอย่างตั้งใจ เสียง “กรอก กรอก” ของเมล็ดโดนบดดังเป็นจังหวะ ฝุ่นกาแฟหอมฟุ้งขึ้นมานิด ๆ จนฉันที่นั่งห่างยังได้กลิ่น มิ้นท์ยกมือถือขึ้นถ่ายวิดีโอแบบมืออาชีพ โฟกัสที่มือเด็กเล็ก ๆ กับเครื่องบดไม้เก่า—ภาพมันน่ารักเกินต้าน

“คุณครูคะ ถ้าปั่นเร็ว ๆ จะหอมกว่ามั้ยคะ” เด็กหญิงอีกคนถาม

“ถ้าเร็วไปเมล็ดจะร้อน กลิ่นบางอย่างจะหายครับ ลองหาจังหวะที่มือไม่เมื่อยและเสียงไม่ดังเกินไปนะ” ภีมตอบอย่างใจเย็น เขาให้ทุกคนผลัดกันหมุน ทีละรอบสองรอบ พอเห็นมือใครเริ่มเมื่อยก็สลับทันที ไม่มีใครถูกทิ้งให้รู้สึกช้าหรือพลาด

จังหวะนั้นเอง ภูมิที่ตื่นเต้นสุด ๆ เผลอเอียงโม่แรงไปหน่อย ขอบถ้วยรองผงกาแฟสะบัด—ผงกาแฟที่บดได้เกือบครึ่งถ้วยกระเด็นหกลงบนโต๊ะเป็นกองเล็ก “โอ๊ะ!” เสียงเด็กชายดังลั่น เขานิ่งไปทันที ใบหน้าตกใจจนฉันเผลอใจหายตาม

ภีมก้าวเข้ามาทันที แต่ไม่ได้ทำหน้าเครียด เขากลับย่อตัวให้ระดับสายตาเท่ากันแล้วพูดขำ ๆ “โอ้โห ภูเขาไฟกาแฟระเบิด! นักข่าวภาคสนามรายงานด้วยครับว่าเกิดขึ้นเมื่อวินาทีใด” เด็ก ๆ หัวเราะกันพรึ่บ ภูมิช้อนตาขึ้นอย่างโล่งใจนิด ๆ

“ไม่เป็นไรครับ กาแฟไม่ชอบให้เรากังวล” ภีมหยิบแปรงขนอ่อนกับแผ่นปัดเล็ก ๆ จากถาด “นี่คือหน่วยกู้ภัยกาแฟ เดี๋ยวเราตักกลับบ้าน หมายถึงกลับถ้วยกัน” เขาพูดไปปัดไปช้า ๆ แล้วเชิญภูมิช่วยเก็บ “ลองใช้แปรงเหมือนปัดฝุ่นรูปวาดนะครับ” ภูมิทำตาม หน้ากลับมายิ้มได้ในเวลาไม่ถึงสิบวินาที ฉันมองภาพนั้นแล้วรู้สึกเหมือนหัวใจถูกใครค่อย ๆ วางลงกับพื้นอย่างปลอดภัย

“เพื่อนบ้านเธอนี่พ่อบ้านใจกล้า!” มิ้นท์กระซิบอีกรอบ คราวนี้เสียงเบาจริงใจมากกว่าแซว “เขาสงบชนิดที่ทำให้ความพลาดกลายเป็นเรื่องเรียนรู้ได้อะ โคตรดี”

ฉันพยักหน้าโดยไม่ละสายตาจากภาพตรงหน้า “ใช่…เขาไม่ได้แค่ใจเย็น เขาทำให้เด็กไม่อายตัวเองด้วย” ประโยคที่ออกจากปากทำให้ฉันเงียบไปชั่วครู่ เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเราเพิ่งใช้คำว่า “ดี” กับเขาคนนี้หลายครั้งเกินนับตั้งแต่ย้ายมา

ภีมให้เด็ก ๆ ดมผงกาแฟที่เพิ่งบดเสร็จ “ตอนยังเป็นเมล็ด กลิ่นเหมือนนอนหลับ พอตื่น คือบด กลิ่นก็ลุกขึ้นมาเดิน พยายามฟังมันด้วยจมูกนะครับ” จากนั้นเขาเทน้ำร้อนลงถ้วย “สูดลมหายใจเข้าเบา ๆ ระวังร้อน” เด็ก ๆ ทำตามเสียงหัวเราะคิกคัก บางคนพูดว่า “เหมือนกล้วยปิ้ง!” อีกคนว่า “เหมือนคาราเมล” ภีมยิ้ม ไม่เคยบอกว่าใครผิด เขาจำคำตอบของแต่ละคนได้ แล้วเอามาโยงเป็นเรื่องเล่า “เพราะกาแฟปลูกบนเขา ดอกไม้แถวนั้นเลยชอบมาทักทาย กล้วยก็มา ขนมปังก็มา แล้วแต่เราเดินไปเจอกับใครก่อน”

ฉันกับมิ้นท์สั่งเครื่องดื่ม ฉันขอลาเต้อุ่นอย่างเคย ส่วนเธอสั่งโกโก้เย็น “เพราะฉันยังเป็นเด็กในเวิร์กช็อปนี้” เธอว่า ภีมพยักหน้ารับ แล้วไม่นานแก้วเครื่องดื่มก็มาอยู่ตรงหน้า รสชาติยังเป็นแบบที่ทำให้มือไม่สั่นและหัวใจสั่นนิด ๆ เหมือนเดิม

หลังเด็ก ๆ ดมและชิม (ในที่นี้หมายถึงชิมโกโก้อุ่นที่ร้านเตรียมไว้สำหรับเด็ก) ภีมให้ลองสลับคนหมุนโม่อีกครั้ง “คราวนี้เราลองหมุนให้คนข้าง ๆ ฟังเสียงด้วยว่าเบาไปหรือดังไป ถ้าดังไปให้ลดแรงลงนิดหนึ่ง” เขาเอ่ยคำว่า “ฟังเสียง” ซ้ำ ๆ จนฉันสะดุด เขาไม่ได้สอนแค่บดกาแฟ แต่สอนให้ฟังกันและกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้างห้องคือคนข้างใจ   บทที่ 16 พื้นที่ที่ไม่เหมือนเดิม

    “บางความเงียบอบอุ่นกว่าคำขอโอกาส” เสียงกาน้ำเดือดดังแผ่วในห้องครัวเล็ก ๆ ของคอนโด มะปรางเทกาแฟลงแก้ว กลิ่นหอมลอยปะทะจมูกพร้อมความรู้สึกที่ทั้งคุ้นและสั่นเบา ๆ ที่หน้าอก โมจิเดินมาคลอเคลียขา ส่งเสียง “เมี้ยว—” เหมือนรู้ว่าเจ้าของกำลังมีเรื่องกังวล “วันนี้แม่ต้องเจอคนเก่านะ” เธอก้มลงลูบหัวมันเบา ๆ “อย่าให้แม่ใจสั่นมากเลยนะโมจิ” เจ้าแมวตัวกลมตอบกลับด้วยเสียงเบา ๆ แล้วเดินไปนอนบนกระเป๋าผ้า เหมือนจะกันไม่ให้เธอออกจากห้อง โทรศัพท์สั่นเตือนบนโต๊ะภีม: วันนี้ทีมคุณมากี่คนครับ จะได้เตรียมโต๊ะ โตโตะจะได้ไม่เห่าใส่มะปรางเผลอยิ้ม ก่อนพิมพ์ตอบมะปราง: ห้าคนค่ะ รวมลูกค้าด้วย ขอบคุณมากนะคะ ยังไม่ทันวางโทรศัพท์ เสียงโทรเข้าดังขึ้น “มิ้นท์” โผล่มาเต็มจอ “ตื่นยัง ยัยโมจิใหญ่” น้ำเสียงคุ้นเคยดังสดใสแต่แฝงความห่วง “ตื่นแล้วสิ แต่ใจยังไม่พร้อมเจออดีตเท่าไร” “อย่าบอกนะว่ายังใจเต้นอยู่” “เต้นค่ะ...แต่เต้นเพราะกลัวจะทำหน้าตาไม่ถูก” “ดีแล้ว อย่างน้อยเธอก็ยังมีความรู้สึก แปลว่ายังไม่ด้าน” มะ

  • ข้างห้องคือคนข้างใจ   บทที่ 15 คุยงาน…หรือคุยเรา

    เสียงพิมพ์คีย์บอร์ดดังสลับกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่เป่าลมเบา ๆ ทั่วออฟฟิศ มะปรางนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเดิม ข้าง ๆ มีกองแฟ้มเอกสารและถ้วยกาแฟเย็นที่ละลายไปครึ่งแก้ว เธอจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ แต่สายตากลับพร่าเพราะใจลอยไปถึงวันปิดกอง ภาพคนที่ยื่นแก้วกาแฟให้เธอด้วยรอยยิ้มเรียบง่ายยังคงวนเวียนในหัวไม่จาง เสียงแจ้งเตือนเมลเด้งขึ้นมาในจังหวะเดียวกับที่เธอถอนหายใจFrom: Natee S.Subject: Debrief Meeting – ขอเวลาคุยงานเพิ่มเติมครับ เธอมองชื่อผู้ส่งอยู่นาน มือที่จับเมาส์นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะกดเปิดอย่างระมัดระวัง “ปรางครับ มีไอเดียอยากต่อยอดจากแคมเปญนี้นิดหน่อย พอมีเวลาคุยไหมครับ?” ถ้อยคำดูสุภาพ แต่ในใจของเธอกลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยในแบบเดียวกับเมื่อสองปีก่อน ตอนที่เขาใช้เสียงเดียวกันพูดว่า “ไว้ค่อยคุยกันนะ” ก่อนหายไปจากชีวิตเธอ มะปรางพิมพ์ตอบในโทนที่เป็นทางการที่สุด “ได้ค่ะ ถ้าเป็นเรื่องงาน รบกวนแจ้งเวลาล่วงหน้า จะได้จัดตารางประชุมให้ค่ะ” ส่งเสร็จเธอรีบปิดเมล แล้วพยายามฝืนทำงานต่อ แต่สมาธิกลับหล่นหายไป

  • ข้างห้องคือคนข้างใจ   บทที่ 14 ทำงานด้วยกัน (2)

    เมื่อทุกอย่างดูเข้าที่ เหตุการณ์ทดสอบเล็ก ๆ ก็โผล่มาอีกครั้ง ขณะตั้งไฟสองดวงไขว้กันเพื่อให้เงาแก้วดูมีมิติ อยู่ ๆ ไฟในโซนบาร์ก็กะพริบ “แป๊ะ” แล้วดับเงียบทั้งแถบ “อ่าว เบรกเกอร์ไปแล้วเหรอ” พีทร้อง ฉันหันขวับมองนาฬิกา เวลาเริ่มบีบ เพราะเรายังต้องเก็บช็อตสุดท้ายช่วงแสงเย็น ภีมถือไฟฉายเล็กออกมาทันทีเหมือนเตรียมไว้สำหรับเหตุการณ์นี้อยู่แล้ว “ตรงนี้คงรับกำลังไฟของเครื่องชงกับไฟชุดหนึ่งตัวไม่ไหวครับ เดี๋ยวผมย้ายปลั๊กชุดไฟไปที่อื่นแทน แล้วใช้รีเฟล็กซ์แทนไฟหนึ่งดวง จะได้ไม่ดึงกระแสเกิน” เขาพูดจบก็ลงมือทันที จัดปลั๊กพ่วง เสียบ–ดึง–ลองสวิตช์อย่างใจเย็น ทีมงานที่เหลือช่วยจับรีเฟล็กซ์ขนาดกลาง ภายในห้านาทีไฟกลับมาสว่างแต่ไม่จ้าเกิน ได้ภาพในจออย่างที่อยากได้ “โห…เจ้าของร้านนี่แหละแก้ปัญหาเก่งกว่าช่างไฟอีก” พีทยกนิ้วให้ ฉันยืนมองภาพในจอแล้วหันไปมองเจ้าของร้านตัวจริง คนนั้นยืนเช็ดมือกับผ้าเช็ดบาร์เหมือนเดิม สีหน้าสงบเหมือนตอนชงกาแฟ นาทีนั้นหัวใจฉันนิ่งแบบที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในกองถ่าย เร่งแค่ไหนก็มักจะมีความลนอยู่ในอากาศ แต่เขากลับทำให้ห้องนี้ห

  • ข้างห้องคือคนข้างใจ   บทที่ 14 ทำงานด้วยกัน (1)

    เช้าวันถัดจากทริปเล็ก ๆ ฉันตื่นก่อนนาฬิกาอีกครั้ง เหมือนร่างกายจำสัญญาเงียบ ๆ ระหว่างฉันกับเช้าว่าเราจะเริ่มวันด้วยความอุ่น ไม่ใช่ความรีบ ฉันชงดริปด้วยเมล็ด “ทุ่งหญ้ารุ่นพิเศษ ทริปเล็ก ๆ” ที่ภีมยื่นให้เมื่อคืนก่อน กลิ่นดอกไม้จาง ๆ ลอยขึ้น ปลายรสหวานเหมือนเสียงหัวเราะที่ยังค้างอยู่ในคอจากเมื่อวาน ฉันยกแก้วไปยืนที่ระเบียง เห็นประตูฝั่งตรงข้ามเลื่อนเปิดในเวลาแทบจะตรงกัน ภีมยกแก้วของเขาขึ้นนิด ๆ เราสองคนยิ้มให้กันอย่างไม่ต้องพูดอะไรมาก “วันนี้สู้ ๆ นะครับ” เขาพูดเบา ๆ แต่ได้ยินชัด “คุณด้วยค่ะ” ฉันตอบ ทั้งที่ในหัวเริ่มเรียงงานแบบผู้จัดการกองถ่ายฉบับเร่งด่วน เพราะวันนี้คือวันสำคัญ ทีมฉันต้องถ่ายทำคอนเทนต์ชุด “Warm is a Place” สำหรับลูกค้า และโลเกชันที่เลือกคือร้านของภีม…ที่เดิม หลังอาบน้ำแต่งตัว ฉันเปิดงานในโทรศัพท์ ไลน์กรุ๊ป “กองอุ่นจริง” (ตั้งชื่อตามคีย์เวิร์ด) เด้งข้อความจากพี่นนท์: “คอนเฟิร์ม 10:00 เริ่มเซ็ต ซีนแรกเปิดหน้าร้าน ซีนสองบาร์ ซีนสามโต๊ะไม้ ใครถึงก่อนช่วยแจ้ง” ฉันพิมพ์ตอบ “ฉันถึงก่อน 9:30 ไปเช็กลิสต์พร็อพกับเจ้าของร้านค่ะ” แล้

  • ข้างห้องคือคนข้างใจ   บทที่ 13 ทริปเล็ก ๆ (2)

    เขาเงียบไปเล็กน้อยเหมือนเช็กหัวใจตัวเองก่อนพูด “เคยครับ แต่ภาพนั้นไม่ชัดเจนเท่าไหร่ รู้แค่ว่าถ้ามีมันคงเหมือนโต๊ะหนึ่งตัวที่คนในบ้านชอบกลับไปนั่งด้วยกัน มีเสียงหัวเราะของสัตว์เลี้ยง มีแก้วน้ำสองใบวางอยู่เสมอ” ฉันยิ้มกว้างกว่าคำถามที่ตั้งใจ “แก้วสองใบ…บนที่รองแก้วสองแผ่น” เขายิ้มกลับ “ครับ” เราลุกขึ้นไปเดินรอบบึงช้า ๆ หลังทานของว่าง ดอกหญ้าสีน้ำนมไหวตามลมเหมือนคนโบกมือทักทายจากสองฟากทาง ฉันเดินถือสายจูงโตโตะ ภีมสะพายตะกร้า ส่วนโมจิอย่างที่คาดขึ้นคานอนบนไหล่ภีมเหมือนราชินีบนราชรถ คนเดินสวนมาหลายคนอดทักไม่ได้ “น้องแมวเก่งจังเลยค่ะ” ภีมยิ้ม “จริง ๆ แล้วเก่งที่ยอมให้ผมแบกมากกว่าครับ” ฉันหัวเราะจนลืมว่าครู่หนึ่งก่อนหน้านี้ฉันเคยล้มกลิ้ง ความเขินจากเหตุการณ์เช้าแปรสภาพเป็นความจำที่น่ารักอย่างรวดเร็ว เมื่อเดินครบรอบ เรากลับมาที่ผ้าปิกนิก ฉันวางโมจิลง มันเดินตรงไปตรวจคุณภาพอาหารบนจานภีมแล้วนั่งทับรายการกินเหมือนจะปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง โตโตะหมดแรงนิด ๆ นอนแผ่พุงเหยียดขาตรง ทำหน้าฟินราวกับเพิ่งชนะ

  • ข้างห้องคือคนข้างใจ   บทที่ 13 ทริปเล็ก ๆ (1)

    เช้าวันหยุดหลังคืนดาดฟ้าที่ใจเราเหมือนตกลงสัญญาเงียบ ๆ ฉันตื่นเร็วกว่าปกติทั้งที่ไม่มีนาฬิกาปลุก ลมเช้าจากระเบียงพัดกลิ่นกาแฟที่บดไว้เมื่อคืนโชยเข้ามา โมจิเดินมาวนรอบขาเหมือนนาฬิกาปลุกมีขน ฉันลูบหัวมันแล้วพูดกับตัวเองว่า วันนี้อยากทำอะไรช้า ๆ แบบไม่ต้องชนะเวลา พอเปิดประตูระเบียงก็เจอภีมยืนพาโตโตะออกมารับแดดจาง ๆ เขาส่งยิ้มแบบที่เคยทำ ยิ้มที่ไม่รีบให้คำตอบ แต่บอกว่าอยู่ข้าง ๆ “อรุณสวัสดิ์ครับ” “อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ฉันตอบพร้อมยกแก้วน้ำให้โมจิดมเล่น แดดเช้าตีกับราวระเบียงเป็นริ้ว ๆ จนฉันเผลอหยุดมอง ภีมเอ่ยขึ้นเหมือนคิดไปพร้อมกับลม “วันนี้อากาศดี อยากลองพาโตโตะไปสวนสาธารณะนอกเมือง…คุณกับโมจิสนใจไปด้วยไหมครับ” คำชวนฟังดูง่าย แต่หัวใจฉันกลับทำงานซับซ้อนขึ้นมาทันที มันไม่ใช่แค่ไปสวน มันคือการออกนอกพื้นที่ปลอดภัยที่เราเคยอยู่ร่วมกัน จากโถงชั้น 18 ระเบียง โต๊ะโอ๊ค ไปสู่โลกกว้างที่เราไม่เคยใช้เวลาเป็น “พวกเรา” จริง ๆ มาก่อน ฉันลังเลเพียงเสี้ยววินาที ก่อนพยักหน้า “ไปค่ะ” โมจิตอบแทนด้วยการตดเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status