เสี่ยวฮวามาถึงก็ส่งกระดาษให้หลายแผ่น เงินตำลึงที่เป็นเงินสินสอดห้าพันตำลึงถูกจ่ายไปเพื่อจ้างช่างตีเหล็กสร้างเครื่องมือแกะสลัก พรุ่งนี้นางจะขายทอดตลาดสินสอดทั้งหมดรวมถึงสมบัติในจวน เพื่อไปเริ่มต้นใหม่ที่อื่นกับครอบครัว
ร่างบางยืนร้องไห้อยู่ข้างๆเซียวอี้เซียน นางเงยหน้ามาก็เจอเจ้าของร่างเดิมที่เป็นเพียงวิญญาณอยู่ตอนนี้
"ไปเถอะอย่าเสียใจ เจ้าเลือกทางนี้แล้วจงรับผลกรรม ครอบครัวของเจ้า ความแค้นของเจ้าข้าจะช่วยแบกรับเอง"
เซียวอี้เซียนคนเก่าพยักหน้าให้ก่อนจะค่อยๆเลือนหายไป เซียวอี้เซียนสงสารชะตาร่างเดิมจริงๆ นางหัวอ่อนเชื่อใจคนถึงได้มีจุดจบเช่นนี้ อย่าบอกว่าสตรีโบราณอยู่ในจารีตต้องอ่อนแอ ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆหลิวเย่วสตรีอสรพิษจะทำเรื่องเลวทรามกับคนที่เรียกว่าสหายได้อย่างไร
"ได้เวลาเอาคืนแล้วสินะ เจ้าไปอย่างหมดห่วงเถอะ"
ตกค่ำขอทานที่เสี่ยวฮวาไปหามาก็รออยู่ประตูข้าง เซียวอี้เซียนที่สวมผ้าคลุมเดินออกมาก่อนจะเรียกเด็กๆเหล่านนั้นมาแล้วกระซิบบางอย่าง พร้อมกับเด็กอีกกลุ่มไปแจกใบปลิว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็เข้าบ้าน เซียวอี้เซียนมองไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ทอดกิ่งมาทางจวนของนาง ทำไมให้ความรู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองมา จากนั้นก็สลัดศีรษะเดินจากไปไม่สนใจ บุรุษสามคนที่อยู่บนต้นไม้มองตามร่างไปแล้วยิ้มหนึ่งในนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจ อีกสองคนก็พูดคุยวิจารณ์ต่างๆนาๆ
"หึ..คุณหนูเซียวคนนี้รับมือไม่ง่ายนัก จ้าวเฉิงคิดอันใดทำลายหักหน้าจวนเซียวเพียงนี้กัน"
"ได้ยินนางสั่งขอทานเหล่านั้นให้กระจายข่าว เรื่องที่คุณหนูหลิวแอบมีสัมพันธ์กับจ้าวเฉิงจนต้องแต่งงานกันเพราะในครรภ์ของนางมีสายเลือดสกุลจ้าวอยู่ พี่เทียนหลงพี่ว่าเรื่องนี้เป็นเช่นไร"
"อืม..นางฉลาดเมื่อวานนางเป็นเจ้าสาวที่ถูกจ้าวบ่าวทอดทิ้ง ชาวบ้านหัวเราะไปทั่วเมืองหลวง ประตูจวนเซียวปิดสนิทไม่เปิดต้อนรับคนที่จะมาแสดงความเสียใจหรือคนที่จะมาเยาะเย้ย แต่หากเรื่องที่หลิวเย่วกับจ้าวเฉิงทำผิดประเวณีจนต้องแต่งงานกัน สินสอดเหล่านั้นที่นางจะขายทอดตลาดยิ่งมีความชอบธรรม ต่อให้จ้าวอันป๋อผู้นำตระกูลมาเองก็ไม่สามารถตำหนินางได้ นับว่านางวางแผนได้แยบยลนัก นางเหมาะกับข้าที่สุด"
พูดจบเขาก็ดีดตัวไปจากที่นี่ทันที อีกสองคนเกาหัวเหมาะกับท่าน สตรีที่ถูกเจ้าบ่าวทอดทิ้งงานแต่งเนี่ยนะ ก่อนทั้งสองคนจะดีดตัวตามไป
ห้องอักษร
ฮ่องเต้กำลังอ่านฎีกาของวันนี้ที่เหล่าบัณฑิตถวายขึ้นมา ยังมีเรื่องภัยน้ำท่วมที่เมืองอี้ กับน้ำท่วมใหญ่ที่เมืองซ่างกู่ ลู่กงกงเห็นคนที่เดินเข้ามาก็ยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยทักทาย
"คารวะหนิงอ๋องพ่ะย่ะค่ะ"
"หยางเทียนหลง ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์จงทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆปีพ่ะย่ะค่ะ"
ฮ่องเต้วางหนังสือในมือเงยหน้ามองคนที่มาใหม่ก่อนจะโบกมือให้เขาลุกขึ้น
"อืม ลุกขึ้นเถอะเหตุใดมาเสียค่ำมืดเชียว"
"เสด็จลุงหลานมีเรื่องอยากขอพระเมตตาพ่ะย่ะค่ะ"
"ฮ่าๆๆ ขอร้องข้า ไอ้หยาเทียนหลง อย่างเจ้ายังมีเรื่องมาขอร้องตาแก่อย่างข้าด้วยหรือ อย่าบอกนะว่าจะผลัดผ่อนไม่ยอมดูตัวสตรีที่มารดาเจ้าหามาให้ เทียนหลงปีนี้เจ้าสามสิบแล้ว ไหว้พระจันทร์นี้ก็สามสิบเอ็ดคนอื่นเขาจนหมั้นบุตรชายแต่งบุตรสาวกันแล้ว แต่เจ้ายังหาเมียไม่ได้สักคน พระชายาหลินคงนอนไม่หลับสักคืนแน่ๆ"
"เสด็จลุง หลานมีสตรีที่พึงใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ อยากขอพระราชโองการสมรสพระราชทานจากเสด็จลุงได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ"
"หืม...สตรีบ้านไหนคุณหนูจวนใดกัน"
หยางเทียนหลงเอ่ยออกไปทำเอาฮ่องเต้กับลู่กงกงถึงกับนิ่วหน้า ก่อนจะเอ่ยตรัส
"เทียนหลงที่ผ่านมาลุงตามใจเจ้า แต่เรื่องนี้จะดีหรือสตรีผู้นั้นเพิ่งมีเรื่องฉาวโฉ่ จะเสื่อมเสียราชวงศ์หรือไม่"
พรุ่งนี้เสด็จลุงก็จะทรงทราบเองพ่ะย่ะค่ะว่าใครกันแน่ที่สร้างเรื่องฉาวโฉ่ หลานต้องการนางขอเสด็จลุงเมตตาด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
"ไปชอบพอกันตอนไหน"
"นิสัยนางน่าจะติดตามหลานได้ ปกติหลานมักท่องเที่ยวหลังจากสงครามสงบต้าฉินของเราพักรบมานานเลยอยากมีสตรีปรนนิบัติข้างกายสักคน อย่างไรเสียพรุ่งนี้ลองส่งคนไปดูก็ได้พ่ะย่ะค่ะ"
หยางเทียนฮั่วสบตากับคนสนิท ลู่กงกงรับทราบก่อนจะเดินตามหลังหลานชายตัวดีออกไป พรุ่งนี้เมืองหลวงจะมีหัวข้อสนทนาไหนอีก เรื่องที่สกุลจ้าวหักหน้าสกุลเซียวไปแต่งคุณหนูหลิวหลานสาวรองเจ้ากรมการคลังยังถูกถกเถียงตำหนิกันในท้องพระโรงวันนี้ว่าอำมาตย์ซ้ายรังแกคนอื่น แม้ว่าเซียวหานจะจากไปแล้วแต่อย่างไรก็เคยเป็นถึงเจ้ากรมโยธา ทำเช่นนี้กับหลานสาวของเขาช่างไร้ยางอาย
"ไร้ยางอายแล้วอย่างไร หงส์ควรคู่กับหงส์ สกุลเซียวเป็นแค่กาฝากในราชสำนักคุณหนูเซียวคนนั้นใฝ่ฝันหลานชายข้าเป็นนางต่างหากที่ไร้ยางอาย"
นี่เป็นคำพูดของจ้าวอันป่อผู้นำตระกูลจ้าวในท้องพระโรงเมื่อวานนี้
จ้าวอันป๋อออกจากคุกหลวงก็ตรงกลับจวนในทันที เขาต้องหาทางเร่งกระพือข่าวเรื่องที่เมืองหลวงกำลังจะจมน้ำ หากชาวบ้านแตกตื่นยิ่งเป็นผลดีต่อพวกเขา ใครจะรู้ว่าเมื่อมาถึงจวนกลับเจอเข้ากับภาพที่เขาไม่คาดฝัน คนในจวนถูกจับมารวมที่ลานหน้าบ้าน ทหารองครักษ์ใช้ดาบจ่อคอทุกคนเอาไว้ หนึ่งในนั้นสวมชุดเกราะสง่างาม เป็นจ้าวเหวินหลานชายคนรองของน้องชายเขานั่นเอง สายตาเหลือบไปมองก็เห็นจ้าวเฟิงหลายชายของเขากับจ้าวเฉิงที่นอนอยู่ไม้กระดาน ชายชรามองไปยังใบหน้าที่สวมชุดเกราะให้ความรู้สึกถึงใครบางคน หวงจิ้งไห่ หย่งอันโหวคนนั้น เหตุใดใบหน้าถึงได้ละม้ายคล้ายจ้าวเหวินยามสวมชุดทหารเช่นนี้ แต่ทว่านี่ไม่ใช่เวลามานึกถึงคนที่ตายไปแล้ว เขาอยากรู้ว่าทหารองครักษ์มาที่จวนสกุลจ้าวทำไมก่อนจะเอ่ยถามออกไป "เหวินเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนของฝ่าบาทหรือ แล้ววันนี้พาทหารมามากมายสกุลจ้าวทำสิ่งใดผิดกันบอกปู่ใหญ่ได้หรือไม่" จ้าวเฟิงพยายามที่จะลุกขึ้นแต่เขากลับถูกกระบี่ของทหารองครักษ์จ่อเอาไว้ ทหารผู้นั้นกดกระบี่ลึกลงมาจนมีเลือดซึมบริเวณปลายกระบี่ เยี่ยหรันเห็นดังนั้นจึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น "ไอ้เนรคุณ สกุลจ้าวเลี้ยงดูหมาป่าตา
คุกราชสำนักจ้าวอันถูกจองจำอยู่ในกรงเหล็กกล้าอย่างดี แสงสลัวของคบเพลิงเพียงไม่กี่ดวงสะท้อนบนพื้นหินสีดำมนิทที่เย็นเยียบ เสียงโซ่ตรวนหนักพันธนาการข้อมือข้อเท้าเขาไว้แน่น“ให้ตาย...มารดามันเถอะ” จ้าวอันสบถเสียงต่ำ ฟันขบแน่นด้วยความคั่งแค้นเหตุใดไทเฮาจึงเสด็จไปที่นั่นได้กัน ทุกอย่างราวกับว่ามีผู้วางแผนล่อลวงให้เขาติดกับ ไป๋จินหวน...อีกเพียงนิดเดียว...นางจะเป็นของเขาแล้วเชียวแต่นางเด็กเลว เซียวอี้เซียนนั่น ช่างขัดหูขัดตายิ่งนัก!เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินสะท้อนก้องในโถงคุกเงียบสงัด จ้าวอันป๋อ ก้าวเข้ามาทางเดินซึ่งมีเพียงแสงคบเพลิงส่องสว่างตามทาง เขากวาดตามองกรงเหล็กตรงหน้า น้องชายผู้โง่งมของตนถูกใส่ตรวนหนัก นั่งอยู่กลางเงามืด มีเพียงเงาลูกกรงที่สะท้อนแสงไฟยาวเป็นทาง จ้าอันป๋อเอ่ยเรียกน้องชายด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย“เจ้ารอง” จ้าวอันเงยหน้ามองพี่ชาย สีหน้าขุ่นเคืองแต่ก็เอ่ยรับ“พี่ใหญ่...ท่านมาแล้ว”จ้าวอันป๋อมองน้องชายอย่างผิดหวังไอ้น้องโง่...เมื่อไรเจ้าจะมีสมองกับเขาบ้างนะ เขาเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงความเย็นชา“เจ้าทำอะไรลงไป เหตุใดไม่รอบคอบ ไป๋จินหวนนางงดงามก็จริง...แต่สตรีงามกว่านางใช่ว
หลังจากการประชุมจ้าวอันถูกส่งไปอยู่ยังคุกของราชสำนักซึ่งมีไว้สำหรับขุนนางที่ประพฤติผิดโดยเฉพาะ จ้าวอันป๋อเดินออกมาพร้อมกับขุนนางของตน หวังคุณซึ่งเป็นบิดาของหวังกุ้ยเฟยแม้ว่าจะเกษียณไปแล้วแต่ยังคงมาร่วมประชุม เขาเดินออกมาพร้อมจ้าวอันป๋อ เมื่อมาถึงหน้าประตูทางออกหลิวหย่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับคำนับหยางเทียนหลง เอ่ยเสียงดังกังวาน"ท่านอ๋อง..กระหม่อมได้เสบียงเพียงพอตามที่แจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ"หยางเทียนหลงพยักหน้าก่อนจะเอ่ยกับหลิวหลางและหลิวเว่ย"ใต้เท้าหลิวต้องขอบคุณสกุลหลิวยิ่งนักที่บริจาคเสบียงครั้งนี้ทำให้แก้วิกฤตได้ทัน ชาวบ้านพอได้อยู่รอดมิต้องอดอยาก""ท่านอ๋องเกรงใจไปแล้ว ขุนางราชสำนักยามเมื่อบ้านเมืองประสบภัยย่อมต้องช่วยเหลือ อย่างที่พระชายาของพระองค์กล่าวเอาไว้""หืม...น้องหญิงของข้ากล่าวอันใดกับพวกท่านหรือ""พระนางบอกว่า กษัตริย์และขุนนางนั้นอยู่ได้มิใช่เพราะตระกูลใหญ่โตหรือมีเงินทองมากมาย แต่อยู่ได้เพราะราษฎร ยามใดที่ราษฎรอยู่ดีมีสุข บ้านเมืองก็สงบ ในเมื่อเก็บภาษีก็เท่ากับว่าราษฎรเป็นคนจ่ายเบี้ยหวัดให้พวกเรา เช่นนั้นยามที่ทำหน้าที่ก็ควรให้คุ้มค่ากับที่พวกเขาจ่ายภาษีมาพ่
หยางเทียนหลงมองหน้าจ้าวอันป๋อ ชายชรากำมือแน่นคนของเขาส่งข่าวมาว่าไอ้น้องโง่นั่นไปลวนลามไป๋จินหวนฮูหยินของเซียวหง ที่สำคัญยังทำต่องหน้าพระพักตร์ไทเฮาอีก เรื่องนี้ไม่ใช่ล้อเล่น กฎหมายเป่ยฉินนั้นระบุชัด ห้ามผู้มีอำนาจข่มเหงภรรยาผู้อื่น ความคิดของจ้าวอันป๋อต้องหยุดไปชั่วขนะเมื่อเซียวหงเดินออกมาด้านหน้าก่อนจะคุกเข่ากราบทูลฮ่องเต้"ฝ่าบาท กระหม่อมเซียวหงรักษาการเจ้ากรมโยธามีเรื่องกราบทูลให้พระองค์ช่วยคืนความเป็นธรรมแก่กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้มองหน้าเขาก่อนจะพยักหน้า "ใต้เท้าเซียว...ลุกขึ้นแล้วค่อยพูดเถิด""ขอบพระทัย ฝ่าบาทกระหม่อมขอร้องเรียนจ้าวอัน อำมาตย์ซ้ายข้อหาประพฤติตนมิชอบ ลวนลามภรรยาขุนนาง อีกทั้งยังบังคับจิตใจนางพ่ะย่ะค่ะ"ทันทีที่เซียวหงพูดจบขุนนางทั้งสองฝั่งก็เริ่มวิจารย์ จ้าวอันป๋อเดินมาหาเขาก่อนจะเอ่ย"เซียวหง เจ้าบอกว่าน้องชายข้าลวนลามภรรยาผู้อื่นหมายความว่าอย่างไร ใส่ร้ายขุนนางผู้ใหญ่ความผิดนี้เจ้ารับไหวหรือ"เซียวหงมองหน้าจ้าวอันป๋องก่อนจะหันกลับมายืนหลังตรงศรีษะค้อมไปด้านหน้า สองมือประสานมั่นคงเอ่ยวาจากราบทูลต่อ"ฝ่าบาท ฮูหยินกระหม่อมกับท่านแม่ติด
ท้องพระโรงท้องพระโรงอันโอ่อ่ากว้างขวางตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ม่านแพรปักดิ้นทองอร่ามสะท้อนแสงจากโคมไฟระย้าที่ห้อยลงมาจากเพดานสูงตระหง่าน แสงสีทองอบอุ่นสาดส่องลงมาต้องพื้นหินอ่อนขัดมันวับ จนปรากฏเงาสะท้อนของเสามังกรที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงเบื้องบนบัลลังก์ที่ประดับประดาด้วยหยกและทองคำ ฮ่องเต้ทรงประทับในชุดฉลองพระองค์สีทองที่ปักลวดลายมังกรห้ากรงเล็บอย่างวิจิตรบรรจง เปล่งประกายรัศมีแห่งอำนาจ ดวงพระเนตรคมกริบกวาดมองไปทั่วท้องพระโรงเบื้องล่างบัลลังก์ ขุนนางแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ด้านซ้ายคือกลุ่มของจ้าวอันป๋อ อำมาตย์ซ้ายผู้ พร้อมด้วยคนของสกุลหวังและกลุ่มขุนนางเก่าแก่ ทุกคนสวมชุดขุนนางสีเข้ม ใบหน้าของพวกเขาบ่งบอกถึงความเคร่งขรึมส่วนทางด้านขวา ยืนตระหง่านด้วยท่าทีสงบนิ่งคือ หยางเทียนหลง เสนาขวาฮั่วอ้าวป๋าย เซียวหงรักษาการเจ้ากรมโยธา หลิวหลางและหลิวเว่ยสองพี่น้องตระกูลหลิว จ้าวอันป๋อในชุดอำมาตย์สีม่วงเข้ม เขาก้าวมาหยุดอยู่กลางท้องพระโรง ท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ที่จับจ้องมา ก่อนจะคุกเข่าลงเบื้องหน้าบัลลังก์อย่างนอบน้อมพร้อมก้มศีรษะลงจรดพื้น"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมจ้าวอันป๋อมีเรื่องร้
จากนั้นหยางเทียนหลงก็เอ่ยถามความเห็นนางเกี่ยวกับเรื่องของจางลี่เฟยอีกครั้ง"น้องหญิง เจ้ารู้เรื่องของสนมจางแล้ว""เพคะ นางตั้งครรภ์ไม่ผิดแน่ เรื่องนี้ทางสำนักราชวงศ์ประกาศว่านางเป็นโรคติดต่อร้ายแรงจำต้องให้ออกจากวังมารักษาตัวเพคะ""เจ้าว่านางจะทำเช่นไรต่อไป""นางคงต้องหาทางเอาเด็กออกแน่นอนเพคะ หม่อมฉันไม่อยากให้อารามศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีมลทิน แต่หากนางอยู่ที่อื่นก็ไม่วางใจ""นางแอบมีใจให้กับรัชทายาท แต่เขากลับแต่งฉีฮุ่ยหมิ่นเข้ามา""นางชอบไท่จื่อแล้วอย่างไร นางแต่งให้ฝ่าบาทตั้งแต่อายุสิบสองแต่งเพราะจะได้ไม่ต้องถูกประหาร จะว่าหม่อมฉันใจร้ายก็ดีโหดเหี้ยมก็ช่าง นางอยู่ในวังเป็นสนมด้วยนิสัยของนางไม่รู้ว่าเอาชีวิตนางกำนัลกับขันทีไปเท่าไหร่แล้ว จางลี่เฟยคนนี้หาใช่คนดี"หยางเทียนหลงพยักหน้าก่อนจะถามเรื่องที่จูเหวินไปจัดการก่อนหน้าที่จะมาพบเขา"เรื่องที่ซื่อจื่อไปจัดการเป็นหลิวเย่วที่บอกเจ้าหรือ""เพคะ นางบอกว่าที่เรือนนั้น เป็นเรือนที่ทางสกุลจ้าวแนะนำให้คนพวกนั้นมาเช่าเอาไว้ เมื่อไปถึง คุณชายจู... เอ่อ... ซื่อจื่อ ก็พบว่าในเรือนนั้นมีอาวุธมากมายราวกับคลังแสงเลยเพคะ มีคนคอยเฝ้าอย่างแน่นหนา"หย