“ปล่อยข้า” บุรุษสวมหน้ากากกล่าวแล้วพยายามดึงขาออกจากการเกาะกุม มือใหญ่สองข้างดึงรั้งตัวสตรีแปลกหน้าให้ออกห่าง
“ข้าเพียงแค่เข้ามาวาดรูปบุรุษเพื่อเอาไปขายหาเงินเลี้ยงชีพเพียงเท่านั้น ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายอันใดเลยนะเจ้าคะ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถิดเจ้าค่ะ ท่านจะให้ข้าทำอันใดก็ได้ทั้งนั้นขอแค่อย่าได้เอาชีวิตข้าเลย”
“ข้าบอกให้ปล่อยขาข้าอย่างไรเล่า” น้ำเสียงของบุรุษสวมหน้ากากเริ่มแสดงออกถึงโทสะ ก่อนที่เขาจะกระชากอย่างแรงทำให้สตรีผู้นั้นกระเด็นไปอีกทาง
“โอ๊ย!” เจ็บชะมัด ใช่สิ! ข้ามันไม่ใช่โฉมสะคราญเหมือนนางเอกที่จะมีบุรุษมาพึงใจตั้งแต่แรกเห็น
“เจ้า!” เมื่อได้เห็นดวงหน้าหวานที่ไร้ผ้าบดบัง เขาจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วนางไม่ใช่คุณหนูเจินเช่นที่กล่าวอ้าง
“เจ้าทำอันใดคุณหนูข้า” จื่อเป่าที่เพิ่งกลับมาจากการสำรวจรอบๆ รีบเข้ามายืนตรงหน้าคุณหนูด้วยท่าทีปกป้อง
“ข้ามิเป็นอันใดมาก” นางกล่าวพลางปัดเศษดินเศษหญ้าที่เปื้อนมือก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมากำไว้เพื่อห้ามเลือด ที่แท้เมื่อครู่นางเอามือปัดกระบี่นั่น
ช่างใจกล้าบ้าบิ่นจริงๆ ข้าผู้นี้
“เจ้าทำอันใดคุณหนูข้า” จื่อเป่ามองบุรุษสวมหน้ากากด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“จื่อเป่าประคองข้า”
“...”
“จื่อเป่า ประคองข้าลุก” คราวนี้นางออกคำสั่งพร้อมกับดึงรั้งชายอาภรณ์ของผู้คุ้มกันหนุ่ม
“ขอรับคุณหนู” แม้จะตอบรับคำสั่งแต่สายตายังคงจับจ้องไปที่บุรุษสวมหน้ากากอย่างระวังภัย
“ใช้วิชาตัวเบาพาข้าหนี” นางยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างๆ หูจื่อเป่าในระหว่างที่ช่วยประคองนางลุกก่อนจะสะกิดเท้าแล้วพาผู้เป็นนายหนีตามคำสั่ง
“ไม่ต้องตาม” ชายที่สวมอาภรณ์สีดำเอ่ยห้ามองครักษ์เงาที่อยู่รอบตัว
เมื่อเงาร่างทั้งสองคนหายลับไป ร่างสูงจึงเดินเข้าไปใกล้หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดขึ้นมา มือใหญ่พลิกซ้ายขวาเพื่อยืนยันความมั่นใจของตน เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตนคาดเดาถูกต้องมุมปากหยักจึงยกขึ้นยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
“นี่คือสิ่งที่แม่นางผู้นั้นลืมไว้ขอรับ” องครักษ์เงามอบกระดาษที่วาดภาพบุรุษและชุดพู่กันราคาแพงให้กับผู้เป็นนาย รวมถึงผ้าคลุมหน้าลวดลายงดงามที่องครักษ์เงาอีกคนเพิ่งไปเก็บมา
“นำไปส่งที่จวนราชเลขาธิการจาง เจาะจงต้องส่งให้ถึงมือคุณหนูเล็กจาง”
“ขอรับ”
“อ้อ...อย่าให้ท่านราชเลขาธิการจางเห็นของพวกนี้เล่า” มิเช่นนั้นสตรีนางนั้นคงจะเดือดร้อน
“ขอรับ” สิ้นเสียงองครักษ์เงาที่ได้รับมอบหมายก็ไปทำตามคำสั่ง
มือใหญ่คลายผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดที่กำอยู่ นิ้วแกร่งลูบไล้ที่อักษรที่ปักอยู่บนผ้า
“เกือบไปแล้ว”
ดวงหน้าหวานซีดเผือดไร้สีเลือด แม้นางกลับถึงจวนอย่างปลอดภัยแล้ว แต่ชายชุดดำคนของบุรุษสวมหน้ากากยังคงตามเอาของมาคืนนางได้ถูก
‘นี่เขากำลังข่มขู่ข้า’ การที่ให้คนนำภาพวาดที่นางวาดเสร็จพร้อมกับพู่กันและผ้าคลุมหน้ามาส่งให้ถึงจวน คือการข่มขู่ข้าหรือไม่ ว่าเขารู้ว่าแท้จริงนางคือใครรวมถึงเป็นการเตือนว่า ‘อย่าได้คิดแพร่งพรายเรื่องวันนี้’ ใช่หรือไม่
“ข้าน่าจะเชื่อฟังคำเตือนของจื่อรั่ว” มาคิดได้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว
มือเรียวสั่นเล็กน้อยยามหยิบภาพวาดขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่ามันยังคงอยู่ในสภาพดี นางจึงม้วนเก็บไว้ดังเดิมเพื่อจะนำไปขายให้กับเถ้าแก่เนี้ยในวันรุ่งขึ้น
ดวงตาเมล็ดซิ่งมองมือที่ถูกพันด้วยผ้าจนพองขึ้นด้วยความลังเล หรือวันมะรืนนางควรล้มเลิกไม่ไปร่วมงานจิบชาชมดอกไม้ที่จวนหลิวดี แต่หากนางไม่ไป นางก็จะไม่ได้เห็นฉากตกหลุมรักกันระหว่างพระเอกนางเอก
เอาเป็นว่าค่อยๆ คิดไปก็แล้วกัน วันนี้นางเพิ่งเจอเรื่องอกสั่นขวัญแขวนมา ขอเวลาสงบใจก่อน
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ