แม้ในจวนของอดีตแม่ทัพประจิมที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นจวนท่านราชเลขาฯ แล้วจะไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองเพราะยังมีท่านราชครูจางคอยเกื้อหนุน แต่คุณหนูของเขาก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาวาดภาพบุรุษขายเพื่อหาเงิน
เนิ่นนานเท่าใดไม่รู้ที่จางชิงหนี่ว์วาดภาพสลับกับลอบมองบุรุษในลานฝึกวรยุทธ์ผ่านพุ่มไม้
แปะ แปะ แรงสะกิดของใครบางคนดึงความสนใจของนาง แต่เพราะคิดว่าคนที่สะกิดคือผู้คุ้มกันของตน นางจึงตอบกลับไปสั้นๆ โดยไม่ได้หันไปมอง
“หากรูปนี้เสร็จข้าก็จะกลับแล้ว”
แปะ แปะ คนที่อยู่ด้านหลังก็ยังใช้ปลายนิ้วแตะลงบนไหล่นาง
“จื่อเป่า อย่าเร่งได้หรือไม่ ประเดี๋ยววาดเสร็จช้าเจ้าก็จะมาโทษข้าอีก” คุณหนูจางตอบในขณะที่มือกำลังลงสีภาพวาด
แปะ แปะ แรงที่ตบลงบนไหล่นางหนักขึ้นก่อนที่นางจะทนไม่ไหวแล้วหันไปเพื่อจะต่อว่า
“อย่าเร่งข้า...เอ่อ...” จางชิงหนี่ว์ชะงักในทันทีเมื่อเห็นว่าแท้จริงผู้ที่สะกิดเรียกนางอยู่หลายครั้งไม่ใช่ผู้คุ้มกันของตน แต่เป็นบุรุษผู้หนึ่งที่สวมหน้ากากหนังปิดบังใบหน้าตั้งแต่จมูกขึ้นไปทำให้นางเห็นเพียงริมฝีปากกับรูจมูกเพียงเท่านั้นที่ไม่ถูกปกปิดดวงตาที่จ้องมองนางผ่านหน้ากากหนังทำนางรู้สึกใจคอไม่ดี
“กำลังทำอันใดอยู่หรือแม่นาง”
“ขะ ข้า...กำลังฝึกวาดภาพเจ้าค่ะ” หลักฐานพร้อมเช่นนี้นางจะบอกว่ามานั่งเล่นก็คงจะมิได้
“หืม...วาดภาพ วาดภาพอันใดหรือ” เขาหรี่ตามองอย่างจับผิด
“วาดภาพคุณชายที่ข้าชื่นชอบเจ้าค่ะ”
“คุณชายที่เจ้าชื่นชอบคือใครหรือ”
“คุณชาย...คุณชายหลิวเจ้าค่ะ” เพราะคิดชื่อใครไม่ออกนางที่เพิ่งได้ยินจื่อรั่วกล่าวเรื่องงานจิบชาชมดอกไม้ที่จวนหลิวเมื่อสองวันก่อน จึงฉวยโอกาสยืมชื่อแซ่คนผู้นั้นมาใช้แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ในลานฝึกยุทธ์แห่งนี้หรือไม่ก็ตาม
จำได้ว่างานจิบชาชมดอกไม้ ฮูหยินเอกจวนหลิวก็จัดขึ้นเพื่อหาสตรีมาแต่งกับบุตรชาย
“คุณชายหลิว...หลิวเฟิงเหมียนน่ะหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ” จะชื่ออันใดก็ช่างตอบรับไปก่อนก็แล้วกัน
“เจ้าชื่นชอบเขา?”
“เจ้าค่ะ คุณชายหลิวทั้งรูปงามและเก่งกาจ”
“อืม...เจ้าเป็นคุณหนูจวนใด”
“ข้าเป็นคุณหนูจวนเจินเจ้าค่ะ” ต้องขอบคุณจื่อรั่วอีกครั้งที่มักจะเอาเรื่องราวที่ชาวบ้านเล่าลือมาพูดให้นางฟังอยู่บ่อยครั้ง
ล่าสุดเห็นจะเป็นเรื่องของคุณหนูเจิน ที่พึงใจบุรุษ ตามเฝ้าตามดูจนโดนบุรุษตวาดด่าทอกลางตลาด
“ที่แท้เป็นคุณหนูเจินนี่เอง เห็นแก่ท่านที่ชื่นชอบคุณชายหลิว ให้ข้าเชิญเขามาพบท่านดีหรือไม่”
“ไม่! ไม่ต้องเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากรบกวนเขา เพียงแค่ได้ลอบมองเช่นนี้ข้าก็ดีใจแล้วเจ้าค่ะ” ชิงหนี่ว์กล่าวพลางก้มหน้าลงเล็กน้อยราวกับเจียมเนื้อเจียมตัวพลางก่นด่าผู้ติดตามของตนที่หายหัวไปไหน เหตุใดถึงปล่อยให้นางตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้
“คุณหนูถ่อมตัวเกินไปแล้ว แต่หากท่านอยากให้ข้าช่วยสร้างวาสนา ข้าสามารถช่วยท่านได้”
“ช่วยหรือเจ้าคะ ท่านจะช่วยข้าอย่างไร”
“หลิวเฟิง...อุ๊บ” ชายสวมหน้ากากยังกล่าวไม่ทันจบนางเอากระดาษที่ขยำเป็นก้อนซึ่งนางโยนทิ้งอยู่ข้างๆ มายัดใส่ปากบุรุษสวมหน้ากาก
‘ตายห่าแล้ว นี่ข้าทำอันใดลงไป เขาจะคว้ากระบี่มาฟันคอข้าหรือไม่’ มือมันเร็วกว่าความคิด นางจึงห้ามไม่ทันรู้ตัวอีกทีกระดาษก็อยู่ในปากเขาแล้ว
“นี่เจ้ากล้าเอาของมายัดปากข้า” ดวงตาที่จ้องมองนางวาวโรจน์ด้วยโทสะ
“ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” แม่นางน้อยรีบคุกเข่าลงกับพื้นด้วยสีหน้าซีดเซียว
“ไม่ได้ตั้งใจ?”
“เจ้าค่ะข้าไม่ได้ตั้งใจ ได้โปรดให้อภัยข้าเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่สนใจหรอกว่าบุรุษผู้นี้เป็นใคร เพราะสิ่งที่นางสนใจตอนนี้คือรังสีฆ่าฟันที่แผ่ออกมาจากตัวบุรุษผู้นี้
‘ข้ายังไม่อยากตาย’ นางดิ้นรนออกจากบทบาทโง่เง่านั่นตั้งหลายปี แล้วจะต้องมาตายง่ายๆ เพราะเผลอไปล่วงเกินใครก็ไม่รู้แค่นี้จริงๆ หรือ
“งิ้วที่เจ้าเล่นมันไม่แนบเนียนเอาเสียเลยคุณหนูเจิน เจ้าบอกข้ามาตามตรงว่าเจ้าเข้ามาในเขตหวงห้ามนี่เพราะเหตุใด หรือมีใครส่งเจ้ามา” กล่าวจบกระบี่ที่เขาถืออยู่ก็ถูกถอดออกจากฝักแล้วพาดลงบนไหล่นาง จางชิงหนี่ว์ก้มมองกระบี่ที่พาดตรงคอด้วยแววตาหวาดกลัว
‘ดิ้นรนมาตั้งมากมาย ข้าจะต้องตายแล้วหรือ’ ดวงตาเมล็ดซิ่งเริ่มมีหยาดน้ำใสคลอก่อนจะไหลหยดออกมา
“ฮึก...ข้าเพียงแค่มาวาดรูปบุรุษจริงๆ เจ้าค่ะ ไม่ได้มีใครส่งข้ามาทั้งนั้น” ท่าทางกลั้นสะอื้นแต่น้ำตาไหลรินเป็นท่าทางของสตรีที่ปกปิดใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้ไม่ได้ทำให้เขาใจอ่อนลงเลยแม้แต่น้อย
“โกหก ตอบข้ามาตามตรงใครส่งเจ้ามาแล้วข้าจะไว้ชีวิต” ดวงตาคมปราบฉายแววอำมหิต หากขยับกระบี่เพียงเล็กน้อยสตรีตรงหน้าก็จะถูกปลิดชีพทันที
“ฮึก...ไม่มีใครส่งข้ามาจริงๆ เจ้าค่ะ ท่านอย่าฆ่าข้าเลยนะเจ้าคะ”
“ในเมื่อเจ้าไม่พูดความจริง อย่าได้กล่าวโทษข้าเลย...” บุรุษสวมหน้ากากยังกล่าวไม่ทันจบ แม่นางน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ปัดกระบี่ให้ออกห่างจากตัวก่อนจะโผเข้ามากอดเข่าเขา
“นี่เจ้า!” เขาก้มลงมองสตรีใจกล้าที่เข้ามาประชิดตัวด้วยความตกใจ
“ท่านอย่าฆ่าข้าเลยนะเจ้าคะ ข้าขอร้อง บิดามารดาข้าก็ตายหมดสิ้น หากข้าตายไปอีกคนพี่ชายข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
“ปล่อยข้า” บุรุษสวมหน้ากากกล่าวแล้วพยายามดึงขาออกจากการเกาะกุม มือใหญ่สองข้างดึงรั้งตัวสตรีแปลกหน้าให้ออกห่าง
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ