บทที่ 4 ชายในดวงใจ
เจียงเสิ่นเย่วกำลังต้อนรับขุนนางทั้งหลายด้วยท่าทีสุขุมและเปี่ยมด้วยบารมี ในขณะที่เจียงอันเล่อยืนอยู่ข้างกายผู้เป็นบิดาอย่างสำรวม แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย นางก้มลงมองปลายรองเท้าของตัวเองอย่างไร้ความสนใจ
“เล่อเอ๋อร์ เจ้าไปทักทายคุณหนูหลิวที่มุมโน้นก่อนดีหรือไม่” เจียงเสิ่นเย่วกล่าวแผ่วเบา พร้อมพยักพเยิดไปยังบุตรสาวของใต้เท้าหลิวฟู่เว่ยที่ยืนอยู่ไกลออกไป
เจียงอันเล่อถอนหายใจเงียบๆ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าค่ะ ท่านพ่อ” แต่ก่อนที่นางจะก้าวออกไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
“คารวะท่านโหว”
น้ำเสียงนั้นชัดเจนทุ้มนุ่มราวกับสายน้ำที่รินไหลแฝงไปด้วยความอ่อนโยนเจืออยู่ในที เสียงนั้นทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นหันมามองต้นเสียง รวมถึงเจียงอันเล่อที่กำลังจะก้าวเท้าเดินไป
เจียงอันเล่อชะงักเท้าหันหน้ากลับมามองยังต้นเสียงดังกล่าว แล้วสายตาของนางก็ประสานเข้ากับชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีกรมท่าปักลวดลายขลิบทอง ชายหนุ่มผู้นี้มีคิ้วเข้มดั่งกระบี่ที่โค้งรับกับดวงตาคมกริบราวอัญมณี จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเป็นรูปกระจับเผยรอยยิ้มเพียงน้อยนิดที่กลับทำให้ใจเต้นแรง
“ใต้เท้าหานอย่าได้มากพิธี พวกเราคนกันเองทั้งนั้น อย่าได้เกรงใจเลย” เจียงเสิ่นเย่วกล่าวพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทางดีอกดีใจ
“ขอบคุณท่านโหว” หานอี้หลงยิ้มตอบ ก่อนจะหันไปหาเจียงอันเล่อที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ยินดีกับคุณหนูเจียงด้วย” หานอี้หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เจียงอันเล่อถึงกับยืนตะลึงตาค้าง นางจ้องมองหานอี้หลง ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่กะพริบตา ใบหน้าขาวรับกับคิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน กับริมฝีปากเป็นรูปกระจับ ส่งให้ใบหน้าดูหล่อละมุน อีกทั้งรูปร่างของเขาสูงโปร่ง ให้ความรู้สึกราวกับไอดอลในโทรทัศน์ทีเดียว ไม่สิหล่อยิ่งกว่าไอดอลทั้งหลายเสียด้วยซ้ำ
เจียงอันเล่อถึงกับก้มหน้าพร้อมกับใบหน้าแดงเรื่อขึ้นมาเมื่อได้พบกับหานอี้หลง ชายในดวงใจของนาง ยิ่งได้มาพบตัวเป็นๆ ตรงหน้าก็ยิ่งทำให้เจียงอันเล่อถึงกับหัวใจเต้นรัวแรงขึ้นมา
หานอี้หลงยิ้มบางๆ พร้อมกล่าวคำทักทายตอบกลับอย่างสุภาพ แต่ก่อนที่เจียงอันเล่อจะรู้ตัว หญิงสาวในชุดผ้าไหมสีชมพูอ่อนเดินตามหลังหานอี้หลงเข้ามา หญิงสาวผู้นั้นมีใบหน้าหมดจดประหนึ่งภาพวาด คิ้วเรียวงาม จมูกเล็กได้รูป ริมฝีปากแต้มสีแดงระเรื่อ “หยางชิวเหยา” หญิงสาวที่คว้าหัวใจของเขา แต่กลับผลักเขาลงสู่ห้วงเหวอย่างน่าสงสาร
เจียงอันเล่อยืนตัวแข็ง ขณะที่หัวใจของนางกระตุกวูบ มือเล็กกำชายกระโปรงแน่น นางก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าแดงระเรื่อที่พลันเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิด
“เล่อเอ๋อร์ คารวะใต้เท้าหานและฮูหยินเสียสิ” เจียงเสิ่นเย่วกระซิบเตือน
“คารวะใต้เท้าหาน...คารวะฮูหยินหาน” เจียงอันเล่อย่อตัวคารวะตามมารยาท แต่นางไม่สามารถปิดบังความไม่พอใจได้อย่างสิ้นเชิง สายตาของนางเผลอเหลือบมองหยางชิวเหยา พลางค้อนขวับอย่างไม่อาจห้ามใจ
หานอี้หลงเหลือบมองเจียงอันเล่อพร้อมคิ้วที่ขมวดขึ้นเล็กน้อย เขารับรู้ถึงความรู้สึกไม่เป็นมิตรที่แผ่ออกมาจากเจียงอันเล่อในขณะที่จ้องมองหยางชิวเหยา หานอี้หลงเหลือบมองหยางชิวเหยาอย่างรู้สึกห่วงใยนางกับท่าทีที่เจียงอันเล่อมีต่อฮูหยินของตน
หยางชิวเหยาเพียงยกยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับปรบที่หลังมือให้หานอี้หลงอย่างให้คลายกังวล หานอี้หลงยิ้มกว้างให้หยางชิวเหยาอีกครั้งด้วยความรู้สึกรักใคร่ยิ่งนัก
ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้เจียงอันเล่อรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันที ท่านจะมอดม้วยเพราะนางอยู่แล้ว ยังไม่สำนึกอีก เจียงอันเล่อทำท่าทางฮึดฮัดขึ้นมาจนเจียงเสิ่นเย่วหน้าเสียขึ้นมากับท่าทีเสียมารยาทของบุตรสาว
“เล่อเอ๋อร์คงเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้ว เชิญใต้เท้าหานและฮูหยินด้านในก่อนเถิด” เจียงเสิ่นเย่วกล่าวพลางหันไปหาสาวใช้ในทันที
สาวใช้รีบเข้ามาต้อนรับและพาหานอี้หลงและหยางชิวเหยาเข้าไปนั่งด้านใน
เจียงอันเล่อยังคงยืนหน้าหงิกงอมองตามร่างสูงของหานอี้หลงและหยางชิวเหยาที่เดินตามสาวใช้ไปพร้อมกัน พร้อมกับส่งสายตาหม่นแสงลงอย่างรู้สึกอึดอัดคับข้องใจเป็นยิ่งนัก
“ข้าจะทำเช่นใดให้ท่านตาสว่างเสียที” เจียงอันเล่อถึงกับบ่นพึมพำออกมาอย่างหงุดหงิด
ในขณะที่หานอี้หลงและหยางชิวเหยานั่งลงที่โต๊ะด้านใน หานอี้หลงก็หันมาหาหยางชิวเหยาอย่างห่วงใยอีกครั้ง
“เหยาเอ๋อร์...เจ้ารู้สึกไม่สบายใจหรือไม่ เมื่อครู่ข้าเห็นคุณหนูเจียงมองเจ้าแล้วรู้สึกขัดใจยิ่งนัก” หานอี้หลงพูดพร้อมยกมือขึ้นกอบกุมมือบางอย่างห่วงใย
หยางชิวเหยาเพียงยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างรู้สึกขบขัน “ท่านพี่อย่าคิดมากเลย สายตาเช่นนั้น ข้าเห็นจนชินชาแล้ว ใครใช้ให้ท่านพี่เนื้อหอมเช่นนี้เล่า ต่อให้ท่านแต่งงานแล้ว แต่หญิงสาวในเมืองหลวงมากมายต่างเฝ้าฝันถึงท่านไม่หยุดหย่อน พวกนางเห็นข้าแล้วรู้สึกขัดเคืองเช่นนี้ก็เป็นธรรมดามิใช่หรือ” หยางชิวเหยาพูดพลางส่งสายตาหยอกล้อให้กับหานอี้หลง สามีของตน นางรู้ดีว่าชายหนุ่มเช่นหานอี้หลงที่ทั้งมีตำแหน่ง อำนาจและแสนดีเช่นนี้ ย่อมเป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั้งหลายเป็นธรรมดา
“เหยาเอ๋อร์...แล้วเจ้าเล่า...ข้าเนื้อหอมกับเจ้าด้วยหรือไม่” หานอี้หลงรีบหยอดคำหวานให้หยางชิวเหยาในทันทีที่มีโอกาส
“ข้าเหนื่อยจะพูดกับท่านแล้ว” หยางชิวเหยาปรายตามองค้อนขวับใส่หานอี้หลงในทันที เขามักเป็นเช่นนี้อยู่เสมอจนนางเริ่มรู้สึกชินชาเสียแล้ว แต่ที่น่าแปลกใจคือนางกลับมิเคยรู้สึกใจเต้นแรงแม้สักครั้งหนึ่ง นั่นเป็นสิ่งที่หยางชิวเหยาได้แต่รู้สึกผิดต่อหานอี้หลงอยู่ลึกๆ ภายในใจ
หานอี้หลงหัวเราะร่าออกมากับท่าทีปั้นปึ่งของหยางชิวเหยาอย่างรู้สึกชอบใจ ก่อนจะกอบกุมมือของหยางชิวเหยาเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าสิ่งมีค่าตรงหน้าจะหลุดลอยออกไปจากชีวิตของเขาก็ไม่ปาน
ตอนที่ 53 บทสรุปของนิยายค่ำคืนในเมืองหลวงสงบเงียบลงหลังจากความวุ่นวายภายในวังหลวงได้จบสิ้นลง เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลาเหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้เจียงเสิ่นเย่วถูกริบทรัพย์สินจนหมดสิ้นเหลือเพียงเงินทองบางส่วนเพื่อประทังชีวิตอย่างไม่ยากลำบากนัก เขาถูกกักบริเวณอยู่ภายในจวนสกุลเจียงโดยมีทหารควบคุมเพื่อมิให้ติดต่อผู้ใดซึ่งอาจเป็นการกบฏขึ้นอีกในภายหลัง ส่วนเหล่าขุนนางที่เกี่ยวข้อง บ้างก็ถูกประหาร บ้างก็ถูกเนรเทศจนมิเหลือสิ้นในขณะที่องค์หญิงห้าหงอวิ๋นชิว เจียงอันเล่อรู้ดีว่านางมีความทะเยอทะยานอยากมีอำนาจเพื่อปกป้องตนเองจากความโหดร้ายของวังหลวงมากเพียงใด การร่วมมือกันในครั้งนี้จึงทำให้นางได้รับความโปรดปรานจากหงจูเหลียง รวมถึงได้รับพระราชทานตรายศสำหรับละเว้นโทษให้กับนางอีกด้วยในขณะที่หงฟางซินแม้จะเป็นบุตรชายคนเล็ก แต่เพราะความเฉลียวฉลาดและผลงานชิ้นดังกล่าว เดิมทีหงจูเหลียงตั้งใจจะมอบตำแหน่งรัชทายาทให้แก่เขา แต่หงฟางซินกลับปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำให้ตำแหน่งรัชทายาทจึงยังคงเป็นของพี่ชายของตนสืบต่อไป ส่วนฮองเฮาเม่งฉีเต๋อนั้นไม่ว่าจะเป็นบุตรคนใดของนางเป็นรัชทาย
ตอนที่ 52 ล้อมจับท้องฟ้ายามราตรีถูกแต่งแต้มด้วยแสงพลุที่แตกกระจายเป็นประกายระยิบระยับ งานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะของจางลู่เหวินถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในพระราชวัง หงจูเหลียงประทับบนบัลลังก์สูงสุด ล้อมรอบไปด้วยเหล่าขุนนางที่มาร่วมงานเลี้ยง เสียงเครื่องดนตรีบรรเลงขับกล่อม ผสมกับเสียงหัวเราะของเหล่าขุนนางและแขกที่มาร่วมงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้นเจียงเสิ่นเย่วได้รับเทียบเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย เขาสวมอาภรณ์หรูหราตามฐานะ ใบหน้าคงความสง่างามและเยือกเย็นเฉกเช่นทุกครั้ง แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แผนการใหญ่ของเขากำลังใกล้จะเริ่มต้นขึ้น การที่หงจูเหลียงเชิญเขามาร่วมงานในค่ำคืนนี้มิรู้ว่าจะมีแผนการร้ายอันใดหรือไม่ แต่คนอย่างเขาเมื่อขึ้นหลังเสือแล้วก็มิอาจลงได้โดยง่าย เจียงเสิ่นเย่วจึงข่มใจปั้นหน้านิ่งขรึมและวางท่าอย่างสง่างามเพียงเท่านั้น“ท่านพ่อ...” เจียงอันเล่อมองบิดาของตนจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาแห่งความรู้สึกผิดและวิตกกังวล นางรับรู้ได้ถึงพายุแห่งความเปลี่ยนแปลงที่กำลังใกล้เข้ามา ดวงตาของหานอี้หลงที่ยืนอยู่ด้านข้างของนางฉายแววความห่วงใยในตัวหญิงสาวข้างก
ตอนที่ 51 เดินแผนการสายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาที่บานหน้าต่างกระทบกับผิวบางที่เปลือยเปล่าของเจียงอันเล่อ นางขยับกายซุกไซ้เข้ากระชับกับแผงอกหนาอุ่นนุ่ม ก่อนจะเหลือบมองหานอี้หลงที่นอนอยู่เคียงข้าง ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง ดวงตาปิดสนิทกับลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เจียงอันเล่อยกยิ้มขึ้นมาอย่างรู้สึกตื้นตันใจ นางมิกล้าคิดหวังว่านางจะสมหวังเช่นนี้ เจียงอันเล่อหลับตาลงอีกครั้ง ดวงตาปิดสนิทพร้อมกับหลับใหลไปในที่สุดช่วงสายของวันใหม่หงฟางซินมายืนรออยู่ที่ด้านหน้าจวน เมื่อเขาเห็นเจียงอันเล่อและหานอี้หลงเดินออกมาพร้อมกัน คิ้วทั้งสองข้างของหงฟางซินก็กระตุกขึ้นมาในทันที สายตาของเขาฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน “เล่อเอ๋อร์...ดูท่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าจะดีขึ้นมากกว่าที่ข้าคิดไว้” หงฟางซินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงประชดประชัน พลางพ่นลมหายใจออกมาเบาๆหานอี้หลงปรายตามองหงฟางซินอย่างไม่สบอารมณ์ เขายิ้มเยาะก่อนเอ่ยกลับออกมา “ข้ากับฮูหยินรักใคร่กันดี แล้วท่านเกี่ยวอันใดด้วยเล่า”“เจ้า” หงฟางซินกัดฟันแน่น นัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยความขุ่นเคือง มือที่กำหมัดแน่นสั่นเล็กน้อยราวกับต้องการระงับอารมณ์ของตนเอง“พอได้แล้ว ทั้งสองคนน
ตอนที่ 50 ยอมทิ้งศักดิ์ศรีเจียงอันเล่อยิ้มเจื่อนขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหานอี้หลงยังคงนิ่งเฉย นางกะพริบตาเพื่อไล่หยาดน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ดวงตาคู่งามฉายแววแน่วแน่ พยายามรักษาศักดิ์ศรีของตนไว้ให้คงอยู่ แม้ว่าในใจจะแหลกสลายไปแล้วก็ตาม“พรุ่งนี้ข้าจะส่งหนังสือหย่าให้ท่าน หวังว่าท่านจะมิทำให้ข้าลำบากใจอีก” เจียงอันเล่อกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับสั่นเครือแม้ว่าจะพยายามรักษาท่าทีมากเพียงใดก็ตาม นางตัดสินใจหมุนกายเตรียมก้าวเดินออกจากห้องไปเสียหานอี้หลงยืนนิ่งราวกับถูกตรึงเอาไว้ ความรู้สึกต่างๆ ประเดประดังเข้าใส่ราวกับคลื่นมหาสมุทร ดวงตาคมกริบที่เคยแน่วแน่ฉายแววเจ็บปวดอย่างที่สุด เมื่อเจียงอันเล่อหันหลังให้กับเขา ความรู้สึกหวาดกลัวพลันแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจจนหานอี้หลงแทบหายใจไม่ออก“เล่อเอ๋อร์” หานอี้หลงร้องเรียกออกมา ก่อนจะโถมตัวเข้าสวมกอดร่างบางจากทางด้านหลังเอาไว้แน่น อ้อมแขนแกร่งรัดแน่นราวกับกลัวว่านางจะสลายหายไปในพริบตา“เล่อเอ๋อร์...ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไปเลย ข้ามีเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น” น้ำเสียงของหานอี้หลงสั่นไหวอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน ศีรษะก้มต่ำซบลงที่ลาดไหล่ของเจี
ตอนที่ 49 เหนี่ยวรั้งครั้งสุดท้ายหานอี้หลงกระชากแขนเจียงอันเล่อเข้าปะทะกับแผงอกเข้าอย่างจัง ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วห้องมีเพียงเสียงลมหายใจที่ติดขัดของทั้งสองคน พร้อมสายตาที่จ้องมองกันอย่างมิมีใครยอมใคร“เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่” หานอี้หลงตะคอกออกมาอย่างหมดความอดทน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยโทสะ ความหึงหวงแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับเพลิงที่ไม่มีวันดับ ดวงตาดุดันจ้องมองร่างบางที่เบื้องหน้า“ใต้เท้า...ท่านต่างหากที่คิดจะทำอันใดกันแน่” เจียงอันเล่อโต้กลับในทันที“เฮอะ...ฮูหยินของข้าออกตะลอนไปทั่วเมืองกับชายอื่น เจ้าจะให้ข้านั่งรออยู่ที่จวนเฉยๆ เช่นนั้นหรือ”“เพี๊ยะ...” เจียงอันเล่อยกมือขึ้นสะบัดไปที่ใบหน้าของหานอี้หลงจนเต็มแรง “ใต้เท้า...ท่านอย่าได้คิดว่าดูถูกข้าเช่นนี้”หานอี้หลงยกมือขึ้นลูบใบหน้า พร้อมกับแสยะยิ้มขึ้นมาจนดูน่าหวาดกลัว เขากระชากแขนของเจียงอันเล่อเข้าหาตัวอีกครั้ง “งั้นข้าควรคิดเช่นใด...เจ้าลองตอบข้ามาสักหน่อย”เจียงอันเล่อสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา นางเชิดหน้าขึ้นอย่างทระนง ทว่าดวงตาของนางกลับมีร่องรอยของความผิดหวังลึกซึ้ง นางกวาดตามองหานอี้หลงอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินตรงไปยั
ตอนที่ 48 ร้อนใจในยามสายของวันหนึ่ง เจียงอันเล่อที่นั่งพลิกอ่านสารลับที่หลีอันเพิ่งนำมามอบให้ ดวงตางดงามแต่นิ่งลึกฉายแวววิตกกังวลใจขึ้นมาในทันที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน นางเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะกำสารลับไว้ในมือแน่นขึ้น “ถึงเวลาแล้วสินะ”“หลีอันรีบเตรียมรถม้าให้ข้าที” เจียงอันเล่อรีบสั่งหลีอันอย่างเร่งร้อน พลางเงยหน้ามองออกไปภายนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสีครามที่ดูงดงามราวกับภาพวาดกลับมิอาจกลบเกลื่อนความรู้สึกอึดอัดภายในใจที่มี เจียงอันเล่อมิรอช้าอีกต่อไป นางรีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดเรียบง่าย คลุมทับด้วยผ้าคลุมสีเข้มแล้วรีบออกจากจวนไปอย่างเงียบๆในขณะเดียวกันภายในห้องอักษรของจวนสกุลหาน หานอี้หลงนั่งอยู่หลังโต๊ะใหญ่ ม้วนเอกสารกระจัดกระจายอยู่เบื้องหน้า จ้าวกงยืนรายงานความเคลื่อนไหวของกองกำลังลับที่เตรียมซุ่มโจมตีจางลู่เหวินตามแผนการที่วางเอาไว้เป็นอย่างดี แต่หานอี้หลงกลับเพียงพยักหน้ารับอย่างเหม่อลอยราวกับจิตใจมิได้อยู่กับตัว“ใต้เท้า...ทหารลับรอเพียงคำสั่งจากท่าน...ชีวิตของแม่ทัพจางย่อมอยู่ในเงื้อมมือของเราขอรับ”ทันใดนั้นพ่อบ้านก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีลังเลใจ เขาเดินเข้ามาวางของว่างตรงหน