แชร์

ตอนที่ 10 ความลับของคุณสามี

ผู้เขียน: จินเหมยเทียน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-23 13:47:58

ตอนที่ 10 ความลับของคุณสามี

"หากอยากรู้ก็นอนลงมา... ผมจะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน"

เมื่อได้ยินประโยคนั้นของสามี หนิงหนิงก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่นอน วันแรกของการเผชิญหน้าก็คุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะเธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่เลย หากวันนี้ยังคุยกันหรือตกลงกันไม่ได้ มันจะทำให้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันลำบาก

"เขยิบนิดหนึ่ง อย่าเบียดมาก" ยังไงก็ต้องนอนรวมเตียง จะได้นอนคุยกันให้รู้เรื่อง

หนิงหนิงไม่ใช่คนหวงเนื้อหวงตัว สังคมและโลกที่จากมาไม่ใช่แบบนั้น และการทำงานของเธอต้องมีการแตะเนื้อต้องตัวเป็นธรรมดา ถึงแม้ยุคนี้จะตรงกันข้ามกับโลกที่เธอจากมา แต่คนที่นอนร่วมเตียงได้ชื่อว่าเป็นสามี เธอไม่คิดมากเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว จะให้เธอเป็นนางเอกที่แสนดี แยกห้องนอน เธอไม่ทำแน่นอน อากาศหนาวแบบนี้ ไม่มีทางทรมานตัวเองเป็นอันขาด ที่สำคัญเธอไม่ใช่นางเอก เธอคือนางร้ายอันดับหนึ่ง...

"หากขยับมากกว่านี้ ผมคงต้องลงไปนอนพื้น" ฉิงหมิงมองคนตัวเล็กที่ใช้สายตากดดันเขา มีอย่างที่ไหนที่ภรรยาคิดข่มสามีแบบนี้ เพิ่งเคยเห็นเนี่ยแหละ

เมื่อล้มตัวนอนก็พอดี เบียดกันให้อุ่นขึ้น ไม่ถึงกับทำให้อึดอัด และจากที่ดูแล้วสามีของเธอก็นอนสบาย ไม่ได้คับแคบเกินไป 

เพียะ! มือของหนิงหนิงฟาดเข้าไปที่แขนของคนตัวโตทันทีที่เขามาโดนนมน้อยของเธอ

"โอ๊ยคุณ โดนนิดโดนหน่อยนี่ไม่ได้เลย ลืมแล้วหรือยังไงว่าผมคือสามี ที่สำคัญแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นหน้าอกหรือว่าแผ่นหลัง ยังจะหวงอีก" เมื่อโดนตีฉิงหมิงก็รีบพูดทันที

"ปากหรือนั่น อย่าพูดมาก เป็นผู้ชายหัดพูดน้อย ๆ รักษาท่าทางไม่ได้หรือยังไง วันแรกยังวางตัวเป็นผู้ใหญ่ นิ่งกว่าตอนนี้ คนคนนั้นหายไปไหนแล้ว" หนิงหนิงตอบสวนกลับไป พร้อมทั้งต่อว่าอีกหลายประโยค มีอย่างที่ไหนมาว่านมน้อยของเธอเหมือนกับแผ่นหลัง มันไม่ได้แบนขนาดนั้นไหม! ไอ้บ้านี่... เดี๋ยวแม่จับยัดปาก จะได้ไม่ต้องพูดมาก

"แล้วคิดยังไงตัดผมสั้นแบบนี้" ฉิงหมิงไม่สนใจตอบคำถามคนตัวเล็ก เขาพลิกตัวนอนตะแคง พร้อมเอามือมาจับผมอีกคนเล่นอย่างไม่สนใจว่าเธอพยายามปัดมือเขาออก

"เฮ้ออ... อยากตัด จะพูดได้หรือยังคะ" เมื่อปัดมือของเขาออกไปไม่พ้น ก็เอาเถอะตามสบาย อยากจับอยากดึงก็ตามใจ อย่ากระชากหัวก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นเธอสัญญาว่าจะถีบแบบเน้น ๆ ให้ตกเตียงไปเลย

"จริง ๆ แล้วผมไม่ได้เป็นเหมือนวันแรกหรอก ผมคิดแบบไหนก็พูดแบบนั้น แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อผมมีภรรยาที่เด็กกว่าตั้งหลายปี ก็ต้องวางตัวเป็นผู้ใหญ่เข้าไว้ จะได้เป็นที่พึ่งให้ภรรยาตัวน้อย" ฉิงหมิงเริ่มพูด ซึ่งสิ่งที่เขาพูดนั้นคือเรื่องจริง แต่พอได้ยินว่าภรรยาอายุมากกว่าเขาหลายปี จะเป็นอย่างที่บอกไหมเขาก็ไม่รู้ แต่ดูจากการแสดงออกของภรรยาในบางครั้งก็ดูเป็นผู้ใหญ่ และยังโวยวายเก่ง บ่นเก่ง เรื่องไม่ยอมคนนี่ที่สุดเลย มันเลยเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่แบบวันแรก

"แล้วทำไมไม่ทำแบบเดิม" ผู้ชายในฝัน พูดน้อย ๆ แสดงออกให้มาก ร้ายกับคนทั้งโลก คลานเข่าเข้าหาเมีย แบบในนิยายหรือละครแบบนั้นไม่มีเลยเหรอ ร้อยทั้งร้อยของผู้หญิงชอบผู้ชายแบบนั้นทั้งนั้น และหนิงหนิงก็ชอบผู้ชายแบบนั้นมาตั้งตอนเป็นชะนีน้อยจนตอนนี้จะกลายเป็นแม่ชะนีอยู่แล้วยังชอบอยู่เลย

"ไม่ทำแล้ว คุณแก่กว่าผมตั้งหลายปี คงเป็นผมที่ต้องพึ่งพาคุณแล้วแหละครับคุณภรรยา" ฉิงหมิงแกล้งอีกคนด้วยคำพูดและการกระทำ โดยขยับเข้าหาคนตัวเล็ก เพื่อยั่วให้ภรรยาโมโหและโวยวาย

"จะพูดได้หรือยังคะ" เมื่อเจอคนยั่วโมโหและยังมีท่าทางกะล่อนอีกด้วย ก็ทำให้หนิงหนิงถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะตัดสินใจพลิกตัวขึ้นทับคนตัวโต

จากตอนแรกจะแกล้งสาวน้อยให้กลัว กลายเป็นว่าเขากลับตัวแข็งค้างเมื่อสาวน้อยดันพลิกตัวขึ้นมานอนบนตัวของเขา พร้อมทั้งใช้มือเท้าค้างจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา ถึงแม้ว่าจะเป็นตอนกลางคืน แต่ยังมีแสงจันทร์ที่สามารถสาดส่องเข้ามาให้มองเห็นดวงตากลมโตของคนตัวเล็ก ยิ่งมองยิ่งทำให้ใจสั่น สิ่งที่หลับใหลด้านล่างก็เริ่มบิดตัวเตรียมตื่น... 

"ละ... ลงก่อน" เพราะรู้ว่าตัวตนเริ่มตื่นขึ้น ต้องรีบเตือนสาวน้อย ก่อนที่สาวน้อยจะเดือดร้อน กลายมาเป็นคนกล่อมน้องชายเขาให้หลับ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางนอนแน่ ๆ 

"ทีหลังอย่าหือ... กับภรรยาเข้าใจไหม!! " หนิงหนิงยกนิ้วชี้ไปที่กลางหน้าผากของสามี เพื่อเตือนเขาให้จำไว้

"ครับ จะก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งเลยครับ" ฉิงหมิงตอบรับแต่ก็ยังคงพูดยียวนอยู่ดี

"พูดได้แล้ว หากดึกกว่านี้ ฉันอาจหลับก่อนที่จะได้ฟัง" เธอมั่นใจว่าตัวเองหลับเป็นตายแน่นอน เพราะเธอทำงานทั้งวัน ก่อนหน้านี้เธอก็หลับไม่รู้เรื่อง ตื่นอีกทีคือตอนเช้าเลย หากเขายังลีลารับรองได้ว่าไม่มีทางคุยกันรู้เรื่องอีกแน่นอน

"หากคุณง่วงแล้ว ผมจะเล่าแบบสั้น ๆ ให้เข้าใจได้ง่าย ๆ แล้วกัน หากอยากรู้อะไรก็ถามได้ หากตอบได้ ผมจะตอบอย่างแน่นอน" เนื่องด้วยเวลาที่รู้จักกันและคุยกันเพียงไม่นาน ยากที่ทั้งสองคนจะเข้าใจในทีเดียว ได้แต่บอกเรื่องสำคัญและค่อย ๆ เรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ หากไม่รู้แค่ถามเท่านั้นเอง

"เข้าใจแล้วค่ะ เรื่องเกี่ยวกับฉันเหมือนกัน ถามได้ แต่ดูคุณไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ รู้ไหมว่าฉันเป็นนักแสดงที่รับบทนางร้าย และแสดงดีมาก ๆ ดีมากจนฉันได้กลายเป็นนางร้ายอันดับหนึ่งเลยแหละ" ขอโม้สักหน่อย ถึงแม้ว่าตำแหน่งที่ว่าจะตั้งเอาเอง แต่บอกเลยว่ามันคือเรื่องจริง ภูมิใจในตัวเองมาก...

"ได้เลย ตามคำสั่งนางร้ายอันดับหนึ่ง หากสงสัยผมจะถาม ตอนนี้มาฟังเรื่องของผมก่อนแล้วกัน... คุณรู้อยู่แล้วว่าผมบาดเจ็บก่อนจะลาออก ผมออกไปทำภารกิจแล้วเกิดอุบัติเหตุ อาการของผมไม่น่ารอด แต่ผมกลับรอด หมอและเพื่อนของผมบอกว่าผมหยุดหายใจไปแล้ว แต่เพียงไม่นานชีพจรและลมหายใจก็กลับมาเป็นเหมือนคนปกติ เหมือนก่อนหน้านั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองนอนหลับหรือว่าอะไร เหมือนผมหลุดไปสถานที่แห่งหนึ่งที่มีแสงสีมากมาย มีรถยนต์วิ่งเต็มท้องถนน ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ไปมา ผมอยู่ที่นั่นนานมากจนเห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง ทุกอย่างแปลกใหม่และแปลกตา และอยู่ ๆ ก็มีคนบอกผมว่าที่ผมอยู่คือโลกอนาคตของอีกมิติหนึ่ง ให้ผมรีบกลับมาแต่งงานและสร้างครอบครัว ซึ่งผมยังจับต้นสายปลายเหตุไม่ได้เลย เด็กน้อยคนนั้นบอกว่าภรรยาของผมจะเป็นคนที่พิเศษมาก ๆ ในตอนนั้นผมคิดว่าอย่างผมนี่นะเหรอจะมีภรรยา เพราะในหัวไม่มีเรื่องนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว... หลับหรือยัง" เมื่อเล่าแล้วเห็นอีกคนเงียบผิดปกติเลยต้องหยุดถามก่อน

"ยังค่ะ เด็กที่ว่ามีลักษณะแบบไหน" หนิงหนิงเดาว่าจะต้องเป็นภูตน้อยถิงถิงแน่นอน ไม่อย่างนั้นตอนที่เธอมีเพนต์เฮาส์เป็นมิติ ถิงถิงคงไม่รบเร้าให้เธอพาสามีเข้าไปหรอก ทุกอย่างน่าจะถูกกำหนดไว้แล้ว

"กลม ๆ ขาว ๆ แต่มองหน้าไม่ชัด ว่าแต่... เมียจ๋า อยากรู้ไปทำไม" ฉิงหมิงไม่อยากให้บรรยากาศที่เขากำลังเล่ามันเคร่งเครียดเกินไป จึงหันมาเย้าแหย่ภรรยา และคำที่เขาใช้ก็จำมาจากสถานที่ที่เขาไปเยือนมาแล้วนั่นเอง

"อย่าบอกนะว่าจำมาจากที่นั่น และฉันไม่ใช่เมีย... " หนิงหนิงรีบเถียงกลับ แต่พอนึกขึ้นได้ว่า ถึงอย่างไรเธอสองคนก็เป็นสามีภรรยากันจริง ๆ ถึงไม่มีงานแต่งแต่เดินเรื่องไว้แล้ว ก็ต้องมีสามีแบบนิตินัยไปโดยปริยาย

"ก็จำได้เป็นบางคำ จะฟังต่อหรือจะนอน" ฉิงหมิงถามก่อนจะขยับเข้าหาคนตัวเล็กทีละนิด 

"เล่าต่อเลยค่ะ" ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนกะล่อนแบบเขาแล้ว ก่อนหน้านี้ยังมองว่าเป็นผู้ใหญ่ ห่างไปไม่กี่วันกลับเหมือนเด็ก

"ถึงไหนแล้ว... อืมม... อย่างที่บอกครับ มีเด็กมาบอกแต่ผมไม่เชื่อ และผมคิดว่าตัวเองกำลังฝัน พอตื่นมาแล้วเพื่อนและหมอเล่าให้ฟัง ถึงได้รู้ว่าตัวเองหยุดหายใจไป แล้วกลับมาหายใจใหม่อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ฟื้น หลับยาวเป็นอาทิตย์กว่าจะตื่น ผมไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความฝันนั้นอีกเลยจนผมถูกคุณกระโดดเข้าหา แต่ก็ยังคิดว่าอาจเป็นเรื่องบังเอิญที่ตรงกับความฝัน แต่ก็ยังจับตามอง เพราะผมว่ามันแปลก ๆ แต่พอคุณเล่าเรื่องอีกโลกให้ฟังซึ่งมันเหมือนที่ผมเคยเห็น เลยคิดว่าอาจเป็นเรื่องจริง อีกอย่างคุณแตกต่างจากคนที่นี่มาก คุณรู้ตัวไหม สำเนียงการพูดของคุณไม่เหมือนคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ พอผมได้ยิน มันเลยทำให้คิดถึงคำพูดของเด็กน้อย ผมเลยเชื่อที่คุณบอก แต่หากผมไม่เคยเห็นสถานที่แห่งนั้น ผมก็ไม่เชื่อหรอก ใครจะไปเชื่อ หลักฐานอะไรก็ไม่แสดงให้เห็น" ฉิงหมิงพูดยาวเหยียดเพื่อให้อีกคนได้รับรู้ โดยไม่คิดจะปิดบังอะไร

"ถูกจับได้ด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อยหรือนี่... " หนิงหนิงพึมพำเบา ๆ เธอมัวแต่ห่วงเรื่องใหญ่ กลับตกม้าตายด้วยเรื่องเล็กน้อย

"ตอนแรกผมยังไม่มั่นใจ แค่สงสัยเท่านั้นเอง แต่การพูดคุยของคุณมันแตกต่างมาก ที่นี่ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากหย่า เพราะหย่าแล้วจะใช้ชีวิตยาก ไม่มีคนต้อนรับ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสังคม การทำงาน แต่คุณกลับไม่สนใจ สาวน้อยที่พยายามจับผมให้รับผิดชอบด้วยการแต่งงาน กลับพูดเรื่องหย่าตั้งแต่ครั้งแรกที่พูดคุยกัน" ไม่ใช่แค่เรื่องเดียว แต่มันหลายเรื่องรวมกัน และนึกถึงคำของเด็กน้อยที่บอกว่าเขาต้องกลับมาแต่งงาน สร้างครอบครัวให้มีความสุข ต้องบอกว่าหลายอย่างมันบ่งชี้ให้คิดแบบนั้น

"นี่คือฉัน ในโลกใบนั้น" หนิงหนิงตัดสินใจเอาภาพต่าง ๆ ของตัวเองให้อีกคนดู ในเมื่อคิดจะลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ต้องช่วยกันพาเรือลำน้อยไปให้ถึงฝั่งฝัน ไม่ใช่ตีกันกลางทางแล้วเรือล่ม อาจตายทั้งคู่ แบบนี้ไม่ดีแน่ ๆ ดีกันได้ก็ต้องดีกัน ช่วยเหลือกันเพื่อความอยู่รอดของทั้งสองคน

"สิ่งนี้ในกองทัพมีเยอะ แต่หาซื้อข้างนอกไม่ค่อยมี" ฉิงหมิงหยิบไฟฉายที่คนตัวเล็กยื่นให้มาถือไว้ พร้อมกับมองไปที่รูปภาพที่วางอยู่บนเตียงจำนวนหลายใบ

"ไฟฉายค่ะ ไม่คิดว่าจะได้ใช้" สิ่งนี้เธอจับฉลากในวันปิดกล้องละคร คนอื่นได้สิ่งของดี ๆ แต่เธอกลับได้ไฟฉายพลังงานแสงอาทิตย์ ตอนที่ถิงถิงบอกว่าสิ่งของถูกยึดคืน เธอนึกว่าหายไปหมด แต่ไฟฉายและของที่จำเป็นกลับไม่หายไป มีแต่ของแบรนด์เนม เสื้อผ้า รองเท้า และกระเป๋าที่หายไป รองเท้าผ้าใบบางคู่ยังอยู่ เธอเลยเดาว่าน่าจะเหลือแต่สิ่งของที่จำเป็นในยุคนี้เท่านั้น สิ่งไหนไม่จำเป็นจะหายไปจนหมด

"หน้าคล้ายกัน แต่ตอนนี้ดูโตกว่าจริง ๆ ไม่ใช่แค่หน้าตาที่โตกว่า ทุกอย่างโตหมด ทำไมตอนนี้แตกต่างกันล่ะ" ฉิงหมิงมองที่ภาพก่อนจะหันมามองบริเวณหน้าอกของคนตัวเล็กที่มันไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่ ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังสงสัย

"ตอนนั้นฉันอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ ตอนนี้ฉันยังเด็กอยู่ มีเมื่อไหร่จะจับฟาดหน้าเลยคอยดู ชอบพูด ชอบย้ำอยู่นั่นแหละ" หนิงหนิงหงุดหงิดคนตัวโตที่ชอบเปรียบเทียบหน้าอกกับแผ่นหลังของเธอ จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ขนาดนั้น

"อย่าโมโห โมโหมาก ๆ ระวังมันจะไม่โตขึ้น ตอนนี้ดึกแล้วนอนดีกว่าเนอะ พรุ่งนี้ค่อยวางแผนว่าจะเอายังไงต่อ ภรรยาตัวน้อยครับ พร้อมจะจับมือสามีลงเรือไปด้วยกันหรือยังครับ" ฉิงหมิงวางไฟฉายและภาพไว้บนหัวนอน ก่อนจะยื่นมือมาหาภรรยาเป็นการถามความสมัครใจของอีกคน

"พร้อมค่ะ แต่การที่จะล่องเรือไปด้วยกัน เราต้องตกลงกันก่อน" หากไม่ได้ตกลงกัน กลัวว่าเธออาจจะถีบเขาลงจากเรือ เพราะเขานั้นกะล่อนจนไม่น่าไว้ใจ

"ตกลง พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ นอนได้แล้วครับคนเก่ง" ฉิงหมิงเอื้อมมือมากอดคนตัวเล็ก พร้อมทั้งกดจมูกหอมหน้าผากมนอย่างรวดเร็ว หากช้ารับรองว่าอีกคนต่อต้านแน่นอน

"อย่าเสียงดังและอย่าบ่น อย่าด่านะครับ ปล้ำนะครับ แต่หากเป็นเด็กดีนอนให้กอดนิ่ง ๆ จะไม่ทำอะไร" ฉิงหมิงได้ทีรีบพูดรีบกอดอีกคน แล้วค่อยหลับตาลง ผ่อนคลายในหลาย ๆ เรื่อง หวังว่าสาวน้อยพลัดถิ่นคนนี้จะหมดกังวลเช่นเดียวกัน ถึงจะบอกว่าอายุมากกว่า แต่เขาก็ยังมองว่าเป็นสาวน้อยอยู่ดี

หนิงหนิงที่โดนคนตัวโตกอดและซุกใบหน้าไว้ที่ซอกคอ ได้แต่นอนตัวเกร็ง ไม่ให้เกร็งได้อย่างไร มีบางสิ่งที่กำลังตื่นตัวถูไถทิ่มตามร่างกายเวลาที่เขาขยับตัว เธออายุตั้งเท่าไหร่ รับรู้ได้ทันทีว่าคืออะไร จึงทำได้แค่นอนนิ่ง ๆ เพราะเธอไม่สามารถสู้รบตบมือกับเจ้าตัวนั้นได้แน่นอน ทางที่ดีนอนนิ่ง ๆ ตามที่เขาบอกดีที่สุด นิ่งจนแทบไม่กล้าหายใจแรง ๆ ไม่รู้ว่าคืนนี้เธอจะรอดจากเจ้าตัวที่ทิ่มตามร่างกายเธอไหม ได้แต่ภาวนาอย่าเข้าใกล้น้องสาวเธอเป็นพอ

ผู้เป็นสามีเร่งจัดการธุระเพื่อรีบกลับบ้าน ทำให้สองวันก่อนแทบไม่ได้นอน พอมาเจอคนตัวนุ่มนิ่มหอม ๆ ทำให้หลับง่ายกว่าที่ตัวเองคิดไว้เสียอีก...

ภรรยาผู้ที่นอนเกร็งไม่กล้าขยับในตอนแรกก็ผล็อยหลับไปง่าย ๆ ไม่ต่างจากสามี...

คืนแรกของสองสามีภรรยา ต่างพากันนอนกอดรัดหลับไปในอ้อมกอดของกันและกันจนถึงเช้า โดยที่ทั้งสองนอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้ามกาลเวลามาเป็นภรรยาในยุค 70   ตอนที่ 48 บทส่งท้าย

    ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย

  • ข้ามกาลเวลามาเป็นภรรยาในยุค 70   ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มาก

    ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว

  • ข้ามกาลเวลามาเป็นภรรยาในยุค 70   ตอนที่ 46 กลับบ้าน

    ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็

  • ข้ามกาลเวลามาเป็นภรรยาในยุค 70   ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...

    ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา

  • ข้ามกาลเวลามาเป็นภรรยาในยุค 70   ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++

    ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็

  • ข้ามกาลเวลามาเป็นภรรยาในยุค 70   ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทาง

    ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status