ยามเหม่า (05.00–06.59 น.) หลี่จื่อหาน ไปบ้าน เฉียวเฟิง ผู้ใหญ่บ้านแต่เช้าเพื่อบอกกล่าวเรื่องราว เมื่อเขามาถึงในบ้านก็สว่างแล้ว คนด้านในตื่นแต่เช้า หลี่จื่อหานจึงเอ่ยเรียกเบาๆ เพราะเกรงใจบ้านข้างเคียง "ท่านผู้ใหญ่บ้าน ท่านอยู่หรือไม่ขอรับ ข้าเอง จื่อหาน""อ้อ... จื่อหานหรือ รอสักครู่ข้ากำลังจะออกไป"ประตูบ้านเปิดออก ชายชราเดินมาเปิดประตูรั้วอีกทีก่อนจะเอ่ยทักทาย "จื่อหาน...มาหาข้าแต่เช้าเชียวมีเรื่องอันใดหรือเข้ามาก่อนสิ"หลี่จื่อหานเดินตามชายชราเข้าไปในบ้าน บุตรสาวของเขา เฉียวฉู่ ยกน้ำชามาให้ทั้งคู่และเอ่ยทักทาย "ท่านอาจื่อหานสวัสดีเจ้าค่ะ""อรุณสวัสดิ์เช่นกันอาฉู่ บิดาเจ้าออกเรือหรือ""เจ้าค่ะ ท่านพ่อออกเรือเมื่อคืนวาน เช้านี้น่าจะกลับเข้าฝั่ง" ดรุณีน้อยเอ่ยกับเขา จากนั้นก็รินชาให้ท่านปู่ของตน เฉียวฉู่เด้กสาวคนนี้อายุเท่ากับเมียเขา หลี่จื่อหานจิบชาก่อนจะเอ่ยถึงเรื่องที่มาหาผู้ใหญ่บ้านแต่เช้า "ท่านปู่เฉียว... ท่านคงได้ยินเรื่องที่ร้านค้ามากมายในอำเภอและตำบลข้างเคียงถูกสั่งปิดเพื่อตรวจสอบกบฏใช่หรือไม่ขอรับ"ชายชราพยักหน้า ยกกล้องยาสูบขึ้นมาแล้วจุดไฟ ก่อนจะสูบยา เขาพ่นควันออกมา ถอน
สองวันต่อมาหลี่จื่อหานเข้าไปในอำเภอก็พบความเปลี่ยนแปลงมากมาย ร้านค้าปิดประตูจนเกือบเป็นเมืองร้าง ผู้คนที่เคยขวักไขว่บัดนี้ยางตาจนดูวังเวง ถังเปียวที่ปิด้านไปแล้วเขากำลังขนของโดยที่ไม่ให้คนรู้แม้แต่คนงานของเขา ร้านเขาถูกเพ่งเล็งเป็นร้านแรก อีกทั้งแม่ทัพคนนั้นยังรู้ถึงเรื่องปั๊มลมอีก ภรรยาหลี่จื่อหานพูดถูกจิตใจคนน่ากลัวกว่าสิ่งใด ยังมีบางอย่างที่ทางการยังไม่ได้รื้อค้นเขาจำเป็นต้องขนออกมาจากร้านเหล็ก หลี่จื่อหานมาช่วยและซูเว่ยหรานให้เขาแวะไปสกุลฟางเช่นกัน ร้านค้าเหล็กในอำเภอถูกยึดจนหมด รวมถึงร้านค้าหลายๆอย่างที่ขายดี ร้านเถ้าแก่เย่เองก็โดนปิดจนต้องมาแจ้งเรื่องงดรับลูกชิ้นด้วยตัวเอง มีเพียงร้านหนึ่งรสในใต้หล้าที่ไม่ถูกสิ่งปิดและยึดเงินทอง เพราะเจ้าของเป็นญาติกับคนใหญ่คนโตในเมืองหลวง หลายๆร้านเริ่มขนของทีละนิดแอบขนออกจากร้าน แม้แต่ร้านเถ้าแก่หรงเองก็ขนของมีค่าออกมา เรื่องนี้ซูเว่ยหรานรับรู้แล้วนางจึงไม่กล่าวอันใด น้ำมันทำเอาไว้ใช้เองก็ได้เพียงแค่ต้องกักตุนเสบียงเท่านั้นดีที่อยู่ติดเขาติดทะเลไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้อง หลี่จื่อหานกลับมาบ้านก็ปลายยามซวีแล้ว หลี่ต้
หลังจากที่หลี่จื่อหานพาซูเว่ยหรานกลับมาถึงบ้านก็พานางเข้ามาในห้อง เมื่อกี้เขาใจหายยิ่งนัก หากเขาไม่ไปที่นั่นป่านนี้เมียคงทรมานจากการถูกน้ำร้อนลวก หลินเซียงเวียงสตรีน่าตายนั่นเขาจะไม่เอาไว้แน่นอน นางพูดถูกหากเด็กๆอยู่ลำพังอาจมีอันตราย คู่แฝดเคยบอกว่าเมื่อก่อนนางมักแอบหยิกเสมอ"หรานหราน...หายตกใจหรือ""เจ้าค่ะ ข้าไม่คิดว่านางจะกล้าทำอะไรเช่นนี้ นางชอบท่านข้ารู้แต่ต่อให้ชอบอย่างไรก็ไม่ควรทำร้ายอีกฝ่าย แทนที่จะไปหาทางให้ท่านชอบนางกลับใช้วิธีโหดเหี้ยม""นางทำแล้ว""อะไรนะเจ้าคะ? นางทำแล้ว...นางทำอะไรกัน""นางพยายามที่จะทำให้พี่ชอบนางแล้ว แต่ทว่าพี่ไม่เคยชอบนาง พี่มีแค่เข้ากับลูกเท่านั้น"ซูเว่ยหรานหน้าแดง อี๋...ทำไม่พอเขาพูดหวานๆแล้วนางขนลุกนะ ชาติก่อนไม่มีคนมาจีบเพราะนางปากร้าย ด้วยความที่เป็นคนมีเงินแต่ละคนที่เข้ามาก้หวังเงินทองทั้งนั้น แต่นี่ไม่เหมือนกัน ได้ผัวจนแต่จนแบบหล่อน้ำเดิน สองมือประคองใบหน้าหล่อเหลาพึมพำเบาๆ"ใบหน้าหล่อเหลาก็มีปัญหา ข้าจะทำหน้ากากให้ท่านสวมดีไหม""หึๆๆเด็กซน จริงสิพี่มีเรื่องอยากจะบอกเจ้าและห้ามดื้อรั้น หรานหราน...หลังจากที่พี่ไม่อยู่
ยามนี้ห้องเสบียงเรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาเพียงเจ็ดวันเท่านั้น หลี่จื่อหานสั่งอิฐมาเพิ่มเขาต้องการปูพื้นห้องทั้งหมดเพื่อยามที่ฝนตกพื้นจะได้ไม่แฉะ ยามนี้มีสินค้าออกขายจึงไม่จำเป็นห่วงเรื่องที่มาขอเงิน ซูเว่ยหรานใช้เวลาไปขนปาล์มลงจากเขาวันละยี่สิบทลาย เนื่องจากต้นปาล์มไม่ห่างบ้านมากนัก ยามนี้ได้ข้อตกลงแล้วว่านายท่านฉางเป็นหัวหน้าสมาคมพ่อค้า ส่วนนายอำเภอหวังพลาดตำแหน่งเจ้าเมืองให้กับใต้เท้าคนหนึ่งที่ขอลาออกจากเมืองหลวงมาอยู่ชนบทเพราะบ้านเดิมอยู่เมืองตงไห่ ที่นี่เป็นทะเลตะวันออกและติดกับดินแดนของแคว้นจ้าว ชายแดนติดกับมีเพียงลำธารไม่กว้างนักกั้นขวาง แต่ทว่าชายแดนจ้าวฝั่งนี้กลับไม่มีบ้านเรือนและผู้คนอาศัย ได้ยินว่าหลายปีมานี้เริ่มมีราษฎรบางคนมาตั้งรกรากบ้างแล้ว เจ้าเมืองคนใหม่ของตงไห่มีคุณธรรมพอสมควร เห็นว่าเพราะเมืองหลวงวุ่นวายมีแต่การแก่งแย่งเขาจึงขอกลับมาทำงานที่บ้านเกิด อีกสิบวันเขาต้องเดินทางแล้วหลี่จื่อหานยังจำคำบิดาได้ดี เขาต้องการให้ถังเปียวมาร่วมกองทัพแต่ทว่าจะเอ่ยอย่างไรไม่ให้เขาสงสัยในเจตนากัน และวันนี้ถังเปียวก็มาหาภรรยาของเขาเพื่อสอบถามการหลอมเหล็กให้มีค
หลี่จื่อหานบังคับเกวียนมาเรื่อยๆ ผ่านทุ่งดอกผักบุ้งทะเลเขามองมันแล้วอมยิ้ม ฉินหว่านเอ๋อร์เห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มอยู่คนเดียวก็เอียงคอก่อนจะเอ่ยถาม"พี่จื่อหาน...ท่านมีเรื่องยืนดีหรือข้าเห็นท่านยิ้มไม่หุบเลยเชียว""อ้อ ข้านึกถึงหรานหราน่ะ นางชอบดอกผักบุ้งทะเล นางบอกว่ามันสวยและที่สำคัญมันเป็นพืชที่อดทน"ฉินหว่านเอ๋อร์กระเถิบมาใกล้เข้าก่อนจะกระซิบข้างหู"พี่รักอาซ้อมากเลยนะ ทั้งที่เมื่อก่อนนางร้ายกาจยิ่งนัก"เอ่ยจบก็กลับมานั่งที่เดิม หลี่จื่อหานนึกถึงความร้ายกาจของนางตามที่ฉินหว่านเอ๋อร์พูด ใช่นางร้ายกาจมาก แต่ทว่ายามนี้นางเปลี่ยนไปไม่ได้ร้ายกาจเช่นเมื่อก่อน แต่นางร้ายแบบมีเหตุผล ร้ายจนคนต้องจดจำหากมีเรื่องกับนางครึ่งชั่วยามเกวียนวัวก็เข้าปากทางหมู่บ้าน ฝนเริ่มตั้งเค้ามาอีกแล้ว แม่หม้ายหลินเห็นว่าหลี่จือหานมากับฉินหว่านเอ๋อร์แต่กลับไม่เห็นบุตรสาวตนเองก็ร้อนใจเดินมาหาเอ่ยถามเสียงดัง"ไอ้คนแซ่หลี่ บุตรสาวข้าล่ะอยู่ที่ใด"ร่างสูงส่งฉินหว่านเอ๋อร์เรียบร้อยก็ดึงสายจูงบังคับวัวไปทางบ้านตนเอง แม่หม้ายหลินไม่ยอมแพ้เดินมาขวางทางเอ่ยเสียงดังอีกรอบจนชาวบ้านหยุดมอง"ว่าอย่า
ยามอู่เกวียนวัวก็เคลื่อนมาถึงหน้าร้านหรงเป่าฉาง เจ้าของร้านนี้แซ่หรเห็นเดิมเป็นเพียงพ่อค้าเร่ เขาอาศัยตระเวนขายสินค้าไปทั่วใช้เวลากว่าห้าปีเก็บออมจนในที่สุดก็สามารถเปิดร้านเป็นของตนเองที่ใหญ่ถึงสามห้อง หลี่จื่อหานนำเกวียนไปฝากยังจุดรับฝากจ่ายเงินค่าดุและเรียบร้อยก็นำลังไม้ที่บรรจุสินค้าตัวอย่างออกมาร่างสูงเดินมาถึงหน้าร้าน มีคนงานกำลังปัดกวาดสินค้าอยู่หนึ่งคนเมื่อเขาเห็นว่ามีคนมาก็ทักทายอย่างนอบน้อม"ลูกค้าท่านนี้มิทราบว่ามีอะไรให้หรงเป่าฉางขอเรารับใช้ท่านหรือขอรับ สินค้าของเราราคาไม่แพงหากท่านอยากได้สิ่งใดและหากว่าทางร้านเราไม่มี ท่านสามารถบอกล่วงหน้าเราจะหาให้ท่านเองขอรับ"คำพูดฉะฉานผิดกับคนงานทั่วๆไปของร้านในตำบล หลี่จื่อก็ไม่เคยเห็นการต้อนรับเช่นนี้มาก่อน เขาคงนึกไม่ถึงว่านี่เป็นผลงานของเมียตัวเองที่สอนให้เสี่ยวจงพูด และเมื่อเสี่ยวจงเห็นว่าการต้อนรับแบบนี้ได้ผลจึงไปฝึกคนงานอื่นๆ หลี่จื่อหานถามหาเสี่ยวจงจากคนงานตรงหน้า"มิทราบว่าเสี่ยวจงอยู่หรือไม่"หนุ่มน้อยพยักหน้าก่อนจะเดินไปหลังหลาน แต่ก็พอดีกับเสี่ยวจงที่ได้ยินคนเอ่ยชื่อตนเองจึงเดินออกมา เขาทักทายทันทีที่เห็น