FAZER LOGINจ้าวเฟยเฟยยังต้องพึ่งพาผู้ใหญ่บ้านจึงไว้หน้าเขา นางปล่อยมือเหวี่ยงแม่เฒ่าเฉินไปอีกทางก่อนจะหันไปหาผู้ใหญ่บ้านอ่อนน้อมถ่อมตน อีกทั้งบีบน้ำตาอย่างน่าสงสาร
"ฮือๆๆ ท่านปู้หลี่เจิ้ง ข้ามิอยากทำร้ายใคร แต่ท่านดูเอาเถอะแค่สินเดิมสะใภ้ก็ยังจะยึด ชาวบ้านทุกท่านคนบ้านเฉินบอกว่าข้าชั่วร้ายเลวทราม พวกท่านที่มีปัญญาจงตรองดูเถิด หากข้าไม่ลุกขึ้นต่อต้านมิต้องเหลือแต่กระดูกแล้วหรือ"
เมื่อนางเอ่ยจบ สตรีคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางผู้คนที่ยืนเงียบ
"ข้าว่านะจ้าวเฟยเฟย เจ้าแต่งมาแล้วก็เป็นคนสกุลเฉิน แค่สินเดิมเพียงนิดกับทุบตีผู้อาวุโสเจ้าช่างอกตัญญูเสียจริงๆ เลยนะ"
"ใช่ สะใภ้ข้าพูดถูกแต่งมาแล้วก็เป็นคนของบ้านสามี"
เฉินมู่หยางเดินไปหานางก่อนจะจับแขนเรียวแล้วเอ่ย
"กลับบ้านเถอะ"
"ไม่ ข้ามาทวงสินเดิมของข้าและข้าต้องการเอาคืน ในเมื่อแยกบ้านกันแล้วตัวความสัมพันธ์แล้วก็คืนข้ามา อ้อ พี่สะใภ้จูท่านนั้นในเมื่อเจ้าบอกว่าแต่งงานแล้วก็เป็นคนของบ้านสามี งั้นที่เจ้าแอบเอาข้าวสารกับธัญพืชให้พี่ชายเจ้าที่มาหา บ่อยๆ นั่นคืออะไรหรือ มิใช่เอาของบ้านสามีไปเลี้ยงดูบ้านเดิมหรอกหรือ"
ทันทีที่จ้าวเฟยเฟยเอ่ยจบ แม่เฒ่าจูก็หันไปหาลูกสะใภ้ทันทีก่อนจะทุบตีนาง ปากก็ด่าทอ
"นางตัวดี กล้าเอาของที่สามีกับบุตรชายข้าลงมือไถหว่านอย่างลำบากไปให้บ้านแม่เจ้าหรือ ข้าก็ว่าทำไม่พักนี้ข้าวสารหมดไว สั่งให้เจ้าทำครัวแต่กลับขโมย จากนี้ไปไม่ต้องแตะต้องเสบียงบ้านจูอีกแล้ว"
แม่สามีกวดตีสะใภ้กลับบ้าน ส่วนจ้าวเฟยเฟยถูกเฉินมู่หยางลากกลับนางสะบัดออกไม่ยอมกลับเอ่ยกับเขาเสียงดัง
"เฉินมู่หยางเจ้ากตัญญูจนเสียสติหรือ ดูบุตรชายกับบุตรสาวเจ้าสิ ตัวเองเป็นนายพรานแต่ลูกกลับได้กินแค่น้ำข้าวกับผักดอง ดูหลานจ้าวสิ ดูป้าสะใภ้ใหญ่ลุงใหญ่อาเล็กกับอาสามของท่านสิ พวกเขายังกับหมูรอถูกเชือดขายตอนตรุษจีน แต่บุตรของเจ้าผอมแห้งราวกับซากศพเดินได้ วันนี้ของๆข้าๆ ต้องได้คืน ท่านปู่หลี่เจิ้งขอความเป็นธรรมข้าด้วยเจ้าค่ะ"
พูดจบก็เดินไปกระชากผมเฉินเหม่ยลี่ดึงปิ่นเงินและรูดกำไลออกจากข้อมือของนาง แม่เฒ่าเฉินลุกมาจะช่วยหลานสาวแต่เฉินมูหยางยืนขวางไว้ก่อนจะเอ่ย
"ท่านย่า ของนี่เป็นของนาง หากท่านอยากได้ไปซื้อให้อาเล็กใหม่เถอะขอรับ เมื่อวันก่อนข้าขายหมูป่าได้สิบตำลึงท่านก็เอาไปหมดน่าจะพอซื้อ"
"อะไรนะ สิบตำลึง บ้านเฉินรวยขนาดไหนกัน"
จ้าวเฟยเฟยเห็นชาวบ้านซุบซิบจึงเอ่ยขึ้น
"ท่านลุงหม่า ท่านย่าสามีข้านางมีเงินแล้ว เช่นนั้นงั้นเงินที่ยืมท่านมาสามตำลึงคงได้เวลาคืนแล้ว แม้ข้าจะแยกบ้านมาแล้วแต่ก็ไม่อาจแสร้งลืม ท่านย่าท่านก็คืนค่าหมอที่เอามารักษาลุงใหญ่แก่ท่านลุงหม่าเถอะเจ้าค่ะ ท่านพี่ให้ท่านทุกเดือนรวมๆ แล้วหลายปีมานี่น่าจะมากถึงสามร้อยตำลึง"
แม่เฒ่าเฉินจะยอมให้ได้อย่างไรกัน นางเก็บมานานเลยนะ อีกอย่างถึงสามร้อยตำลึงเสียที่ไหน อย่างมาก็แค่ร้อยกว่าตำลึงเท่านั้นเอง จ้าวเฟยเฟยนางแพศยานี่กล้าดีอย่างไรมาเอาของนาง ไม่มีทางนางไม่ให้แน่ๆ แต่ใครจะรู้ว่านอกจากหม่าซุนยังมีชาวบ้านอีกหลายคนทวงเงินเช่นกัน
"ยายเฒ่า เจ้าบอกว่าหลานชายขายสัตว์ไม่ได้ ขึ้นเขาไม่ได้ยังไม่มีใช้หนี้ หากวันนี้หลายสะใภ้เจ้าไม่พูดออกมาเจ้าจะรอข้าตายค่อยเผาเงินกระดาษคืนข้าหรือ"
"ใช่ๆ วันก่อนเจ้ามายืมข้าวสารบ้านข้า หนอยตัวเองมีเงินแต่กลับไม่ยอมใช้หนี้ วันนี้อย่างไรข้าต้องได้"
ในขณะที่ชาวบ้านมะรุมมะตุ้มคนบ้านเฉินอยู่นั้นจ้าวเฟยเฟยก็เข้าไปขนที่นอนผ้าห่มและเครื่องครัวออกมาจนหมด นางไม่ลืมไปหยิบเครื่องมือช่างของพ่อสามีนางออกมาด้วย พ่อของเฉินมูหยางเป็นช่างไม้ เครื่องมือเหล่านี้หากมีชาวบ้านต้องการใช้จะมาขอเช่ากับตาเฒ่าเฉินนี่ เรื่องอะไรจะให้ประโยชน์ เหอะไอ้พวกปลิงสูบเลือดคนอื่น
คนบ้านเฉินเห็นนางขนข้าวของขึ้นรถเข็นก็ตรงรี่เข้ามา จ้าวเฟยเฟยเห็นสตรีแต่งตัวด้วยผ้าเนื้อดี กับหญิงสาวหน้าตาดีอีกคนยืนอยู่ด้วยข้างๆมีหยิงวัยกลางคนยืนคู่กัน พร้อมกับรถม้าหนึ่งคันก็เอ่ยขึ้น
"พวกท่านจะมาแย่งของๆข้าได้อย่างไร นี่อาเล็กของสามี ท่านเองกำลังจะแต่งไปสกุลหลิวแล้วนี่ จะไปเป็นฮูหยินนายท่านหลิวมิใช่หรือ ว่าแต่ได้ยินว่าท่านหลิวมีบุตรีสองคน เรื่องที่ท่านบอกกับท่านย่าว่ารอท่านมีบุตรของตนเมื่อไหร่จะเอาสมบัติของเมียเก่าเขามาให้บุตรท่านให้หมดนั้นท่านแค่พูดเล่นใช่หรือไม่"
"ปกติท่านชอบทุบตีผิงผิงกับโม่หวายของข้าบ่อยๆ แต่ก็มักจะโยนความผิดให้ข้าเสมอ ยามที่ท่านแต่งไปสกุลหลิวแล้วท่านจะหาใครมาเป็นแพะรับบาปเล่าหากท่านพลั้งมือ"
"เจ้าๆ ข้าเคยพูดอย่างนั้นเมื่อไหร่กัน อีกอย่างเด็กสองคนนั้นเป็นผู้หญิง หากข้าสามารถมีบุตรชายได้ท่านหลิวก็ต้องยกย่องข้า สมบัติของเขาก็เป็นของบุตรชายข้าเหตุใดต้องแย่งชิงอีกนางโง่"
"ใช่แล้ว นี่มู่หยางภรรยาของเจ้าน้ำเข้าสมองหรือ หากเหม่ยลี่มีบุตรชายตำแหน่งในสกุลหลิวก็ยิ่งสูง นางคงอิจฉาที่ได้แต่งงานกับนายพรานจนๆอย่างเจ้ามากกว่า คู่หมั้นก็ยังถอนหมั้น นางยังมิวายหน้าด้านไปหาเขาอีกไร้ยางอายจริง"
หมู่บ้านอวี๋หยางจ้าวเฟยเฟยหยิบจดหมายของสามีมาอ่านอีกรอบเขาส่งมาเดือนก่อน("เสี่ยวเฟย..พี่คิดถึงเจ้ากับลูกๆ ยิ่งนัก เดือนหน้าจะครบรอบวันจากไปของท่านพ่อและท่านแม่ เจ้าบอกว่าจะไปเซ่นไหว้พวกท่านแทนพี่เรื่องนี้ต้องขอบใจเจ้ามากนัก เจ้ากำลังตั้งครรภ์จงดูแลตัวเองดีๆ เงินทองพี่มีมากพอที่จะเลี้ยงดูเจ้ากับลูกให้อดอยากยากจน จงอย่าหักโหมทำงานมากเกินไปนัก ขาดเหลือสิ่งใด กลับไปพี่จะชดเชยให้เจ้าทุกอย่าง พี่อยากกลับไปอยู่เคียงข้างเจ้ายามที่คลอดลูกของเรา แต่ชายแดนยังต้องจัดการกับกลุ่มก้อนที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ ให้สัญญากับเจ้าเมื่อสงครามจบจะรีบกลับไปหาเจ้ากับลูกของเราโดยไว รักเจ้าเสมอคนดี เฉินมู่หยาง")นางจะเป็นตัวแทนของเขาไปไหว้สุสานของบิดามารดาของเขาแทน ซึ่งนางกำลังเตรียมข้าวของอยู่ จ้าวเฟยเฟยเปิดร้านใบชาเพิ่มอีกหนึ่งร้าน นางกำลังได้คู่ค้ารายใหม่เฉินโม่หวายเขียนใบรายการสินค้าให้มารดา ส่วนเฉินเหว่ยออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้พี่สะใภ้ ทั้งสองคนมีค่าแรงเป็นเงินเดือนๆละสองตำลึง เฉินผิงผิงเองก็มีหน้าที่ต้อนรับลูกค้าที่มาซื้อของ เพราะท่านแม่เปิดร้านขนมอบเจ้าตัวน้อยชอบกินขนมและไป้เหฟยียนเองก้มักจะทำบ่อยๆ จ้าวเฟยเฟยเลย
หุบเขาไป๋ฮวาเฉินมู่หยางกำลังเดินทางกลับหมู่บ้านกับไป่เซิง ทั้งสองคนแยกตัวจากกลุ่มของสำนักคุ้มภัย พวกเขาหยุดงานแต่ว่าเฉินมู่หยางได้ยินว่าท่านพ่อป่วยจำต้องใช้เงินตำลึง เขาแค่แปลกใจเงินทองที่ให้บิดามารดาก็ไม่น้อยเหตุใดกลับไม่มีรักษาตัวสักอีแปะ หรือว่าท่านย่ากับท่านปู่นจะรีดไถไปจนหมดอีกแล้วทั้งสองคนเดินมาเรื่อยๆ ค่ำก็นอนบนคบไม้เพื่อกันถูกสัตว์ป่าที่ออกหากินกลางคืนทำร้ายเอาได้ ขณะกำลังเดินมาเพื่อจะผ่านทางหุบเขาก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน เป็นเสียงกระบี่กระทบกันมีคนกำลังสู้รบ ทั้งสองคนไม่อยากจะเอาปัญหามาให้ตัวเองจึงจะเดินเลี่ยงไปทางอื่น แต่เฉินมู่หยางต้องหยุดเพราะมีมือยื่นออกมาจากพงหญ้าคว้าเท้าเขาเอาไว้ เมื่อเขามองลงมาก็เห็นเป็นมือขาวซีดของสตรี นางเอ่ยอย่างอ่อนแรง"ได้โปรด...ช่วยข้าด้วยเถอะ"เสียงสู้รบเงียบไปแล้วได้ยินแต่เสียงตะโกนดังมา"พี่ใหญ่ นายจ้างต้องการหัวของสตรีคนนั้นพร้อมกับร่างที่มีเด็กอยู่ในท้อง""ไปตามหานางให้เจอ ต้องเอาตัวมาให้ได้ แค่หญิงท้องแก่คนหนึ่งไปไหนได้ไม่ไกลหรอก ฆ่านางแล้วเอาศพไปรับเงิน""เฮๆๆๆๆ ฆ่านาง ฆ่านาง ฆ่านาง"เสียงกลุ่มนักฆ่าร้องโห่เรียกกำลังใจก่อนจะพากันออกตามห
ค่ายทหารในแคว้นเหลียวไป่เซิ'มาหาเฉินมู่หยางเพราะท่านแม่ทัพใหญ่มีเรื่องจะคุยกับเขา"ท่านแม่ทัพ แม่ทัพใหญ่ต้องการคุยบางอย่างกับท่านน่ะขอรับ""น่าจะเป็นเรื่องเหยื่อตัวโตที่ถูกขังเอาไว้ ป่านนี้คงผอมแล้วกระมัง รองแม่ทัพไป๋ท่านช่วยส่งจดหมายให้ข้าสักหน่อย ส่งไปจวนเจ้าเมืองหาใต้เท้าจิน""ขอรับ"ไป๋เซิงรับคำสั่ง ยามนี้เขาเป็นรองแม่ทัพตะวันออกติดตามแม่ทัพเฉินและเฝ้ารักษาปกครองเมืองเหลียว พรุ่งนี้จะเข้าไปอยู่ในวังหลวง องค์หญิงและเชื้อพระวงศ์แคว้นเหลียวต่างเสนอตนเองเป็นบรรณาการให้กับเขาและแม่ทัพใหญ่ แต่ทว่าเฉินมู่หยางมิได้สนใจร่างสูงเดินออกมาจากเรือนพัก ทหารที่ยึดเมืองเข้าพักยังอาคารและตำหนักต่างๆ เกณฑ์เชื้อพระวงศ์ไปอยู่ที่ตำหนักเย็นทั้งหมด เฉินมู่หยางเดินมากำลังจะถึงก็มีสตรีนางหนึ่งพรวดพราดออกมา เพื่อต้องการล้มในอ้อมกอดของเขา แต่กลับถูกซ่งเทียนอี้สะบัดมือใส่จนนางล้มลง"ไม่เจียมตัว ข้าเกลียดที่สุดก็คือสตรีที่เสแสร้งทำตัวอ่อนแอให้บุรุษปกป้อง""ไอ้เด็กบ้า...อย่างไรข้าก็เป็นถึงองค์หญิงนะเจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้าหรือ""องค์หญิง เหอะจะถูกส่งไปขุดเหมืองอีกไม่กี่วันยังจะปากดี จะบอกให้นะ แม่ทัพของพวกเราม
ยามนี้จ้าวเฟยเฟยนั่งพิงเก้าอี้ไม้เพื่อรอฟังคนตรงหน้าอธิบาย มู่หยวนเดินมาหาจับมือบางขึ้นมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น"เฟยเอ๋อร์ หลานคือหลานของตา มีบางอย่างที่ทำให้พวกเราต้องพัดพรากจากกัน""เถ้าแก่มู่ ท่านช่วยบอกข้าสักหน่อยว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่"นางชักมือออกก่อนจะเสียงแข็งใส่ชายสูงวัยตรงหน้า มู่หยวนนั่งลงและเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด เมื่อเอ่ยจบเขาก็รอฟังว่าหลานสาวจะเอ่ยอะไร ส่วนจ้าวเฟยเฟยนั้นได้แต่สงสารร่างเดิม หากพวกเขาตามหานางเร็วกว่านี้ร่างเดิมคงไม่ต้องตายอย่างน่าสงสาร จ้าวเฟยเฟยพยักหน้าให้ก่อนจะเอ่ยกับพวกเขา"พวกท่านรอจนเกือบสี่สิบปีถึงมาตามหา ช่างเถอะข้าไม่อยากถือสาเรื่องที่ผ่านไปแล้ว แต่ว่าที่ข้าอยากรู้คนเหล่านั้นเป็นใครทำไมพุ่งเป้ามาที่ข้ากัน"มู่หย่งอันถอนหายใจเอ่ยกับเหลนสาวของตัวเอง"สี่สิบปีก่อนยังมีอีกคนที่หายสาบสูญ""มีอีกคนหรือ...ใคร?"จ้าวเฟยเฟยเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ คนโบราณนี่พลัดพรากเก่งจริงๆ เหมือนนางกำลังอยู่ในซีรีส์สักเรื่องที่พล็อตละครน้ำเน่า มูหย่งอันสบตาหลานสาวก่อนจะเอ่ยปากเล่า"ครั้งนั้นไหวอ๋องปราบปรามกบฏ ที่แย่งชิงบัลลังก์จากอดีตฮ่องเต้ เมื่อเสร็จสิ้นยังไม่ทันได้
นางกำลังทำงานคนงานก็มาบอกว่ามีคนงานมาหานางบอกว่ามีคนมาจากต่างเมืองพูดคุยเรื่องใบชา จึงลุกออกไปคนงานจากร้านมาหานางบอกว่ามีลูกค้าต้องการติดต่อค้าขายใบชา จ้าวเฟยเฟยพยักหน้าก่อนจะบอกหลินเซียงเหมยดูแลทางนี้ นางค่อยๆลุกขึ้นเพื่อจะไปหาคู่ค้าใหม่ที่จะมาติดต่อ ก่อนจะนึกได้ว่าหากมาติดต่อนาง ต้องนัดหมายมาทางด้านหลินอ้าวก่อน อยู่ๆมาหานางโดยตรงนั้นมันผิดปกตินึกถึงคำของมู่หยวนเมื่อก่อนเดินทางไปนางยิ่งวิเคราะห์ความไม่สมเหตุสมผล นางจึงหยุดเดิน ก่อนที่คนงานจะหันกลับมาแล้วเอ่ยถามนางว่าเหตุใดถึงหยุดเดิน"เถ้าแก่ ...ท่านหยุดเดินทำไมลูกค้าคนนั้นรอท่านอยู่ ที่สำคัญเงินมากขนาดนั้นท่านไม่ต้องการหรือ""วาจาก้าวร้าว ท่าทางข่มขู่คุกคาม สายตาล่อกแล่ก รีบร้อนจนดูผิดปกติ ที่ง่ามมือมีรอยด้านหากเป็นกรรมกรจะไม่ด้านแค่ตรงนั้นเป็นพิเศษ มือนี้ปกติจับอาวุธ ไม่ใช่คนงานที่จ้างมาทำงานแน่นอน ทุกคนข้ารู้จักหมด เจ้าเป็นใครมาจากไหนกันแน่ เอาเถอะข้าเองก็อยากรู้"จ้าวเฟยเฟยคิดในใจจากนั้นก็เอ่ยกับคนงานชายที่เดินนำหน้า"พอดีข้าลืมหนังสือสัญญาน่ะ ข้ากลับไปเอาก่อนเจ้ารอที่นี่""ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวข้าไปเอาให้ท่านเองท่านวางไว้ที่ใด"จ้
ยามนี้จ้าวเฟยเฟยตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้วนางได้ยินว่าชายแดนยึดต้าเหลียวได้ถึงเจ็ดเมือง อีกไม่นานก็จะเข้ายึดเมืองหลวงข่าวดีกว่านั้นคือเฉินมู่หยางสังหารแม่ทัพศัตรูไปสามคนยามนี้เขาได้ตำแหน่งแม่ทัพตะวันออกเรียบร้อยแล้ว ส่วนฮั่วป๋ายจะกลับเมืองหลวงเป็นรองเจ้ากรมกลาโหมคนต่อไปทางด้านจ้าวเฟยเฟยอยู่ทางนี้นางสร้างอาชีพใหม่ให้กับชาวบ้านโดยการให้พวกเขาปรับปรุงบ้านเป็นที่พัก ถนนจากท่าเรือมายังท้ายหมู่บ้านนั้นยาวเพียงสองลี้ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง อีกทั้งนางยังให้ทำที่จอดรถม้าอีกด้วยยามนี้ร่างอุ้ยอ้ายกำลังนั่งคิดเงินค่าแรงคนงานอยู่ แม้ว่าร้านปิ้งย่างของนางจะมีลูกค้ามากมายมาจากทุกทิศแต่ว่าสิ่งที่ทำเงินให้นางมากที่สุดก็ยังเป็นชาอยู่ดี นางได้ชาอู่หลงมาจากในมิติครั้งละหนึ่งร้อยห่อ ห่อละหนึ่งร้อยกรัม จ้าวเฟยเฟยขายมันห่อละสามสิบตำลึง คนในยุคนี้อวดรวยกันที่ว่าใครมีใบชาชั้นดีไว้ในครอบครองชาดอกกุหลาบและชาดอกเก๊กฮวยนางขายห่อละสามตำลึงแต่ทว่าหากร้านรับซื้อในราคาส่งนางขายพ่อค้าคนกลางห่อละสองตำลึง นางให้กำไรพวกเขามากหน่อยเพราะการขนส่งในยุคนี้แม้ว่าไม่มีต้นทุนน้ำมันแต่กลับเสียเวลาและใช้กำลังคนเฉินโม่หวายถือถาดไม







