“นังหนูเอ้ย นังหนูจิน ลุกขึ้นมาคุยกันก่อน” เสียงชายชราดังขึ้นข้างเตียง จินได้แต่งัวเงียลืมตาขึ้นมองด้วยยังปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ยังไม่ได้ อันที่จริงเธอยังอยากนอนคิดอะไรต่อมิอะไรอีกสักพัก แต่ด้วยความอ่อนแอของร่างนี้นางจึงหลับไปอย่างไม่ทันรู้ตัว
“คุณตาเป็นใครคะ เข้ามาในห้องนอนหนูได้ยังไง ปี้หรู ปี้หรู” จินได้แต่คว้าผ้าห่มขึ้นมากอด หันซ้ายหันขวามองหาอาวุธอย่างลุกลี้ลุกลนพร้อมร้องเรียกปี้หรูที่นอนอยู่ห้องข้าง
“ใจเย็นๆ นังหนู เมื่อสักครู่เจ้ายังเรียกหาข้าอยู่หยก ๆ ส่วนสาวใช้ของเจ้าไม่ต้องเรียกหรอก ข้าทำให้นางได้หลับสบาย นางเหนื่อยเพราะเจ้ามาหลายวันแล้ว” ชายชราตรงหน้าอมยิ้มบ่งบอกความใจดีพร้อมมองมาที่นาง
“ท่านคือ ท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะหรือเจ้าคะ” จินถามออกไปหลังพิจารณาการแต่งกายของชายชราตรงหน้า
“ก็ข้าน่ะสิ เห็นเรียกหาข้าก็เลยแวะมาดูสักหน่อย” พูดพร้อมทั้งนั่งลงบนเก้าอี้ที่เพิ่งโผล่ออกมาจากอากาศทำเอาจินตาเหลือก
“จิน คารวะท่านเทพเจ้าค่ะ” จินพยายามจะคุกเข่าลงข้างเตียงแต่กลับทำไม่ได้ คล้ายมีมือที่มองไม่เห็นจับนางนั่งลงพิงหัวเตียงพร้อมผ้าห่มคลุมอกให้นางอย่างอบอุ่น จินได้แต่ก้มศีรษะทำความเคารพ
“เรียกข้าว่าท่านตาเถอะ ข้ามีเวลาไม่มากแต่ก็จะตอบในสิ่งที่เจ้ากำลังสงสัย ทว่าลิขิตฟ้าไม่อาจเปิดเผย ข้าตอบได้เพียงมันเป็นชะตาของเจ้า หากเจ้าเห็นสิ่งใดที่คิดว่าไม่ถูกไม่ควรก็จงแก้ไขให้มันเป็นไปตามที่ควร จะได้เป็นตามที่เจ้าเคยอธิฐานไว้ว่าอยากกลับไปแก้ไขในสิ่งที่เคยทำผิดพลาด ต่อไปนี้เจ้าจงใช้ชีวิตในฐานะตู้จินจินให้ดี” ท่านเทพตอบคำถามที่จินได้รำพึงไว้ก่อนหลับไป
“แต่ท่านตาเจ้าขา จินจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ อาหารการกินก็ไม่คุ้น อากาศก็ร้อน แอร์ก็ไม่มี รายได้ก็ไม่มี” เมื่อท่านเทพให้ความเอ็นดู ก็อดบ่นให้ฟังไม่ได้
“เอาเถอะนังหนู เห็นแก่ที่เจ้าขยันทำงานหาเงินในชาติที่แล้ว ข้าจะให้บ้านเก่าของเจ้าและอาหารแปรรูปทั้งหมดที่เจ้ามีในโรงงาน แค่นึกถึงเจ้าก็สามารถเข้าไปในนั้นหรือจะนำของจากในนั้นออกมาก็ได้” ท่านเทพกล่าวพร้อมยื่นมือมาวางเหนือศีรษะจนจินรู้สึกอุ่นทั่วร่างจึงได้เอามือออก
“เท่านี้หรือคะท่านตา” จินได้แต่มองไปรอบ ๆ กาย ไม่เห็นมีสิ่งใดเปลี่ยนไป
“ข้าช่วยเจ้าได้แค่นี้แหละ ส่วนเรื่องของโลกนี้ เดี๋ยวเจ้าก็ได้เจอผู้ชี้แนะ จำไว้นะ เจ้าน่ะมันคนแปลก ถ้าเมื่อใดได้เจอคนแปลกเช่นเจ้าก็คบหาเอาไว้เถอะ เอ้า ก่อนข้าจะไปเจ้าลองนึกถึงสิ่งที่เจ้าเคยมี รึจะนึกถึงห้องแอร์เย็นฉ่ำของเจ้าก็ได้ อ้อ ไม่ต้องกลัวจะเสียค่าไฟค่าน้ำ ตอนนี้สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงมิติในใจ เจ้าเพียงแต่อย่าให้บุคคลที่สามรับรู้เป็นพอ” กล่าวเสร็จท่านเทพฯก็ส่งยิ้มพร้อมมองออกไปนอกหน้าต่าง
“หลานจะลองดูเจ้าค่ะ ห้องนอนแสนสบาย อุ้ย เข้ามาได้จริงๆ ด้วย ตู้เซฟลองเปิดดูหน่อย ว้าวว ทองแท่งกับเครื่องประดับทั้งหมด โต๊ะเครื่องแป้ง เครื่องสำอาง ลองไปโรงงานดูดีกว่า ตุบ โอ้ย ทำไมเป็นอย่างงี้” จินหงายหลังลงบนเตียงนอนสี่เสาด้วยอาการงุนงง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าเด็กน้อย ข้ากล่าวว่าอาหารแปรรูปมิใช่โรงงานอาหารแปรรูป เจ้าเพียงแค่นึกถึงมันก็ออกมาแล้วจะต้องไปที่โรงงานทำไมกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ท่านเทพฯขำในความซุ่มซ่ามของจิน ทั้งยังส่ายหัวด้วยความเอ็นดู
จินลองยื่นมือออกมาแล้วนึกถึงติ่มซำหม้อร้อน สินค้าตัวล่าสุดที่เธอยังไม่ทันเปิดตัวก็ต้องมาตายเสียก่อน
“อุ้ย ได้แล้วๆ ชุดติ่มซำหม้อร้อนไม่ต้องใช้เตา มื้อเช้าเบาๆ ที่คุณคู่ควร” ด้วยความดีใจ จินจึงหลุดพูดสโลแกนสินค้าที่เธอคิดไว้ออกมาด้วย
“ในเมื่อเจ้าได้ในสิ่งที่พอใจแล้วข้าก็จะกลับละ” ท่านเทพฯกล่าวพร้อมตั้งท่าจะหายตัวจากไป
“เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะท่านตา ติ่มซำนี้หลานขอใช้สักการะท่านตาได้มั้ยเจ้าคะ” จินยื่นส่งติ่มซำหม้อร้อนในมือเธอไปทางท่านเทพฯ ด้วยสองมือ
“ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไรข้าขอเปลี่ยนเป็นข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวกับส้มตำสัก 2 ชุด แล้วก็ชานมไข่มุกสัก 2 กระป๋องละกัน ข้ามีนัดกับเจ้าเสินหนงพอดี แล้วก็เจ้าสามารถส่งอาหารให้ข้าด้วยการตั้งโต๊ะบูชาแล้วจุดธูปไหว้ ที่สำคัญข้าเบื่ออาหารจีนกับชาจีนเต็มทนแล้ว” กว่าท่านเทพจะกล่าวจบ จินก็นำอาหารตามออเดอร์ออกจากมิติมาวางตรงหน้าท่านเทพฯ ครบถ้วนพอดี
“เห็นแก่ของกินของเจ้า ข้าขอเตือนอีกอย่าง ในเรือนนี้มีผู้ไม่หวังดีต่อเจ้า จงระวังตัวให้ดี ข้าไปล่ะ” สิ้นเสียงร่างของท่านเทพฯก็หายไปทันที
จินได้แต่คุกเข่าลงโขกศีรษะสามครั้ง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพแด่ท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะที่กรุณามาไขข้อข้องใจและให้พรกับตน ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้งพร้อมทั้งนึกถึงห้องนอนของตน ดีจริง ๆ ไม่ต้องทนนอนร้อนตับแตกแล้ว แถมมีห้องน้ำชักโครกแสนสบายพร้อมอ่างจากุซซี่ที่ตั้งแต่ติดตั้งมาเธอเพิ่งใช้ไปแค่สองครั้ง ก็งานมันยุ่งนี่นา เวลานอนยังแทบไม่มี
“พระชายาเพคะ ตื่นเถิดเพคะ เดี๋ยวแดดแรงจะเดินออกกำลังมิได้นะเพคะ” เสียงเสี่ยวมี่ที่ปี้หรูให้มาปลุกพระชายาแทนเนื่องจากนางตื่นสาย เสี่ยวมี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน พี่ปี้หรูจอมเข้มงวดของนางเหตุใดวันนี้จึงตื่นสายนัก ปกติตื่นตั้งแต่ตีสี่แถมเป็นฝ่ายปลุกนางแทบทุกครั้ง
“พระชายา ท่านอยู่ไหนเพคะ” เสี่ยวมี่ตกใจมากเพราะพระชายาของนางไม่อยู่ในห้องบรรทมอย่างที่ควรจะเป็น
‘ตายละยังไม่ได้แต่งตัวเลยทำไงดี ให้โผล่ไปทั้งอย่างนี้เสี่ยวมี่หัวใจวายแน่ๆ ไปโผล่ที่ห้องน้ำเลยได้มั้ยนะ’ จินรีบใส่ชุดชั้นในแบบบิกินี่ที่เธอเคยชินพร้อมนึกถึงห้องน้ำในห้องบรรทมของเธอ ทันใดนั้นร่างบางก็ปรากฏขึ้นในห้องน้ำทันที
“ข้าอยู่ในห้องน้ำเจ้าหยิบเสื้อผ้าเข้ามาให้ที” พูดพร้อมทำเสียงกุกกักให้เสี่ยวมี่ได้ยินจะได้คิดว่านางอยู่ในนี้แต่แรก
“บ่าวกำลังคิดว่าจะเดินมาดูในนี้พอดีเลยเพคะ เหตุใดพระชายาสรงน้ำเงียบนักเพคะ” เสี่ยวมี่เดินมาให้ห้องน้ำพร้อมชุดฮั่นฝูสีน้ำเงินเข้ม
‘นั่นมันชุดพระชายาแน่รึ’ จินรับมาใส่โดยมีเสี่ยวมี่คอยช่วยพลางนึกกังขาในใจ เหตุใดชุดที่มีสีสันช่างไม่สดใสเอาเสียเลย ตู้จินจินเป็นสาวน้อยเยาว์วัยคงไม่มีใจชมชอบสีทึบทึมเช่นนี้ คงไม่พ้นอนุเจียวผู้มีอำนาจจัดการเรือนหลังจัดหามาให้อีกตามเคย
หลังจากรับมื้อเช้าที่ริมระเบียงหน้าเรือน โดยนางให้ป้าชุ่ยทั้งสองยกโต๊ะตัวเล็กพร้อมเก้าอี้มาวาง ที่เรียกว่าป้าชุ่ยทั้งสองเพราะทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน เป็นคนเก่าแก่ของจวน คนพี่ชื่อชุ่ยหลัน คนน้องชื่อชุ่ยหัวนางจึงขอเรียกว่าป้าต้าชุ่ยกับป้าเสี่ยวชุ่ยเพื่อลดการสับสน ซึ่งป้าทั้งสองก็ยินดีและดีใจมากที่พระชายาใส่ใจพวกตน
หลังจากเดินออกกำลังเสร็จและกำลังนั่งพัก อนุเจียวให้เสี่ยวอิงสาวใช้คนสนิทมารายงานว่า ‘เรือนริมบึงจัดเสร็จแล้ว’ คงเพราะเป็นเรือนลำลองที่ต้องเตรียมพร้อมไว้คอยรับแขก จึงมีการทำความสะอาดอยู่อย่างสม่ำเสมอ
“ไป พวกเราไปดูกัน ท่านป้าต้าชุ่ยรบกวนท่านไปตามหวังซีฉวนไปพบข้าที่เรือนริมบึงด้วย” หลังชวนปี้หรู เสี่ยวมี่และป้าเสี่ยวชุ่ยเสร็จ จึงสั่งให้ป้าต้าชุ่ยไปตามหวังซีฉวนให้นาง เนื่องจากองค์ชายรองได้รับสั่งให้เขา ไปอยู่ที่เรือนด้านนอกของเรือนริมบึงเพื่อขับรถให้นาง นางก็อยากจะทำความรู้จักกับเขา พร้อมทั้งให้เขาได้จัดการที่พักอาศัยไปพร้อมกัน เพราะหากนางย้ายเข้าไปอยู่ในเรือนริมบึงแล้ว จะไปจัดการเรือนพักของเขาอีกคงไม่สมควร ส่วนป้าเหอผู้มีหน้าที่เฝ้ายามหน้าประตูเรือนนั้นตอนนี้เป็นเวลานอนของนางตอนเย็นค่อยเรียกนางมาพูดคุย
เพื่อนร่วมรุ่นม.ต้นที่สนิทสนมและรักกันมาก จำนวน 4 คนพร้อมทั้งน้องสาวของเพื่อนอีกหนึ่งคนในกลุ่มที่อายุไล่เลี่ยกันทำให้พลอยสนิมสนมกับเพื่อนๆ ของพี่สาวไปด้วย ทั้ง 5 คนมีจุดร่วมกันอีกอย่างที่คนภายนอกไม่ทราบนั่นก็คือความความเคารพนับถือในท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะเทพเจ้าแห่งโชคลาภนั่นเองวันนี้ห้าสาวนัดรวมกันไปกินข้าวกลางวันที่ห้างดังแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง หนุงหนิงที่พาอุ๊งอิ๊งลูกสาวจินไปประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนประจำจังหวัดแทนจินที่ติดประชุมผู้ถือหุ้นก่อนจะมารวมตัวกับทุกคน เป็นเหตุให้ได้เห็นนายเจนภพสามีจอมเจ้าชู้ของจินที่อ้างว่าป่วยต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพากิ๊กและลูกติดไปประชุม บังเอิญว่าลูกติดของผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนห้องเดียวกับน้องอุ๊งอิ๊งลูกสาวของจิน เธอเลยให้อุ๊งอิ๊งทำทีถามทางไปบ้านของเด็กคนนั้นและเอามาบอกให้จินฟังหลังทานข้าวเสร็จ เพราะกลัวเพื่อนจะไม่ได้กินข้าวกินปลา แต่กระนั้นจินก็รีบร้อนออกไปหาเจนภพตามที่อยู่นั้นทันทีที่หนุงหนิงเล่าจบเนื่องจากเธออนุญาตให้เจนภพสามีจอมเจ้าชู้มีภรรยาน้อยได้ตลอดขอเพียงให้บอกเธอ เธอจะได้พาเจ้าหล่อนไปตรวจร่างกายเพื่อหลีกเลี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และได้จ
“ตั้งแต่วันที่ข้าฟื้นขึ้นมาก็พบว่ารอบๆ ตัวของข้าเปลี่ยนไป ข้าต้องใช้ชีวิตในร่างของใครอีกคนหนึ่ง ดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะที่ข้านับถือ และยังได้พบเจอสหายดีๆ ที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพกายและใจให้ข้าเช่นฮัวตั่วเอ๋อ และไป๋เหลียนฮวาที่ปรึกษาในการใช้ชีวิต รวมถึงหวงเฟิ่งและจินหลิงหลิง ทั้งสี่นางทำให้ข้าคิดถึงสหายสนิททั้งสี่ในภพเดิม และต้องไม่ลืมกล่าวถึงอาเม่ยที่ทำให้ข้าหายคิดถึงอุ๊งอิ๊งลูกสาวข้าที่มีวัยใกล้เคียงกับนาง ท่านตาบอกข้าว่าคำอธิฐานของข้าทำให้ข้าได้ย้อนกลับมาแก้ไขชะตาของตนเอง ข้าจึงมิได้เสียใจนักที่ตู้จินจินคนเดิมตายไปเพราะนางก็คือข้าและข้าก็คือนาง เพียงแต่นี่คงจะเรียกว่าว่า ‘อดีตชาติ’ คงมิได้ แต่มันน่าจะเรียกว่า มัลติเวิร์ส1 ที่มีตัวตนของเราอีกคนหนึ่ง ในโลกอีกใบหนึ่ง ซึ่งมีจุดกำเนิด แนวคิด วีถีชีวิต และจุดจบแต่งต่างกันไป และมิจำเป็นว่าต้องมีแค่หนึ่งหรือสองตัวตนเท่านั้น และแม้ว่าแต่ละตัวตนในแต่ละโลกจะต่างฝ่ายต่างดำรงชีวิตกันไปโดยไร้ซึ่งความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นในภพใดภพหนึ่งอาจส่งกระทบถึงภพอื่นๆ ไปด้วยได้เช่นกัน” หลังจากที่เล่าเรื่องราวโดยละเ
“นังหนู นังหนูจิน อย่ามัวแต่นอนอยู่เลย สงสารสวามีเจ้าบ้างเถิด เคราะห์ครั้งสุดท้ายของเจ้าผ่านไปแล้ว” เสียงอ่อนโยนของเทพชราปลุกให้จินมีสติขึ้นมาในความฝัน “ท่านตาเจ้าขา ท่านตาช่วยหลานไว้ใช่ไหมเจ้าคะ หลานกราบขอบคุณเจ้าค่ะ” พร้อมคำพูดร่างแน่งน้อยกุลีกุจอลุกขึ้นยอบกายลงกราบแทบเท้าท่านเทพที่นางเคารพยิ่ง “คราวนี้นับว่าเป็นกุศลที่เจ้าช่วยหลีกเลี่ยงสงครามครั้งใหญ่ทำให้ผู้คนมากมายรักษาชีวิตไว้ได้ เรียกว่าเป็น ‘บุญรักษา’ อย่างแท้จริงก็ว่าได้” “เป็นเช่นนี้เอง ว่าแต่นี่หลานเข้ามาในมิติได้แถมยังพาสวามีมาได้อีกด้วย เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เจ้าคะ ท่านตาเคยบอกหลานว่ามีเพียงหลานเองที่สามารถเข้าออกมิติแห่งนี้ได้” แม้ว่าจะดีใจที่พาสวามีหลบภัยเข้ามามิติได้แต่ก็ยังไม่วายสงสัยจนต้องตั้งคำถาม “ในภพเดิมของเจ้าก็มีคำกล่าวว่า ‘สามี-ภรรยา เหมือนดั่งคนคนเดียวกัน’ มิใช่รึ” เสียงตอบเรียบๆจากท่านเทพชราพาให้จินคิดตามและเมื่อคิดได้ว่า นางและเขาได้ผ่านการเข้าหอซึ่งถือว่าเป็นสามี-ภรรยากันแล้ว ใบหน้าเรียวพลันขึ้นสีแดงด้วยความขวยเขิน “ข้ามิได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่หมายถึงการที่
หลังสรุปผลการชิงธง และรับประทานมื้อเช้าอันอุดมสมบูรณ์ที่พระชายาตู้สั่งมาจากภัตตาคารชิมเมฆา แม้กับข้าวจะมีเพียงต้มจืดซี่โครงหมูกับผักกาดดองไว้ซดให้คล่องคอ และผัดกะเพราหมูสับไข่ดาวที่เติมได้ไม่อั้นครานี้การพรางตัวเป็นไปอย่างง่ายดายเพราะองครักษ์เงานั้นมีการฝึกแปลงโฉมกันอยู่ก่อนแล้ว ตู้จินจินให้ช่างแต่งหน้าจากคณะละครของไป๋เหลียนฮวามาสอนเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก็เรียกได้ว่าไร้ที่ติ เป้สัมภาระถูกซุกซ่อนในหีบเสื้อผ้า อาหารแห้งปะปนกันทั้งจริงและหลอก อาหารทะเลตากแห้งและเกลือในปริมาณตามที่ได้รับอนุญาตถูกบรรจุไว้ในถังไม้ หรือแม้กระทั่งห่อกระดาษน้ำมันที่ตีตราว่าเป็นใบชา ด้านในกลับเป็นเกาเฟยคั่วบดในซองผ้ากับน้ำตาลอ้อยชนิดผงกองกำลังถูกแบ่งกลุ่มและพรางตัวเพื่อออกเดินทางแล้วแยกย้ายกันไปในรูปลักษณ์ต่างๆ โดยแบ่งกำลังออกเป็น 5 กลุ่ม ทำทีเป็นพ่อค้าบ้าง เป็นคณะละครที่กลับจากแคว้นต้าจินบ้าง ทุกกลุ่มเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน เมื่อถึงเมืองชายแดนหลังออกเดินทาง 3 วัน จึงตั้งค่ายพักผ่อนให้เต็มที่ 2 วัน จากนั้นจึงเดินทางเข้าประชิดเป้าหมายคือค่ายโจรเผ่าปาสู่แผนการรบถูกวางและซักซ้อมกันไปแล้วในการฝึกพิเศษ ตู้จินจินถ
เมื่อทุกคนตื่นมารับประทานอาหารเย็นในยามโหย่ว เหตุการณ์ที่พวกเขารับรู้ได้ก็ยังไร้วี่แววการบุกหรือถูกบุกจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยสิ้นเชิง ดีที่มื้อเย็นวันนี้เป็นอาหารปิ้งย่างที่ตู้จินจินให้ทางภัตตาคารชิมเมฆาส่งเนื้อสัตว์เสียบไม้สลับกับผักและผลไม้และมีน้ำหมักที่เอาไว้ทาไปย่างไปมาอีก 2 แบบ คือแบบเผ็ดมากและเผ็ดน้อย ส่วนคนที่ไม่เผ็ดนั้นคือเนื้อสัตว์แต่ละชนิดก่อนจะนำมาเสียบสลับกับผักผลไม้ที่ถูกหมักกับน้ำมันงาและเหล้าอย่างดีมาก่อนแล้ว “เจ้าว่าพวกเขาจะเริ่มบุกกันเมื่อใดหรือ” ฮัวตั่วเอ๋อที่ไม่ได้พักผ่อนยามบ่ายเอ่ยถามขึ้น และอีกหลายคนก็ยังจัดการงานในมือมิแล้วเสร็จ “หลังกลางยามโฉ่วไปแล้วกระมัง หากให้คำนวณตามหลักการของคนปกติ ช่วงนี้จะเป็นเวลาที่กำลังหลับลึกที่สุด แต่ว่าข้าก็มิอาจยืนยันได้เพราะพวกเขาผ่านการฝึกให้ต่างจากคนทั่วไป หากใครต้องการพักผ่อนก็ตามสบาย หากมีความเคลื่อนไหวข้าจะให้คนไปปลุกพวกท่านเอง” ตู้จินจินเองก็เพิ่งพักสายตาไปไม่นานเพราะมัวแต่ถูกก่อกวนจากพระสวามีก็รู้สึกง่วงอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรเกินเลยเพราะต่างก็เกรงใจดวงตะวันที่ยังไม่ตกดิน ทั้งยังมิได้พักอยู่ในจวน
“กลุ่มเลขคี่ประชุมด่วน” เสียงเรียกประชุมดังขึ้นกลางสวนผลไม้ในชมเมฆา แต่กลับไร้วี่แววของกำลังพลกลุ่มเลขคี่ที่ควรจะมารวมตัวกันเพื่อรับฟังการประชุม องค์ชายรองและพระชายามองหน้ากัน ในสายตามีรอยยิ้มน้อยๆ จนเมื่อหยางต้าซานหยิบนกหวีดทองเหลืองออกมาเป่าเป็นจังหวะสั้นยาวสลับกันสามครั้งจึงเริ่มมีกำลังพลทยอยกันมารวมกลุ่มจนครบทุกนายภายในเวลาเพียงชั่วอึดใจ แสดงให้เห็นได้ชัดถึงระเบียบวินัยและความมั่นคงในจิตใจของกำลังพลที่มิเชื่อคำสั่งของผู้ใดโดยง่าย “ทุกคนพรางตัวได้ดีมาก เรื่องบทลงโทษจึงละเว้นให้ แต่อย่าลืมว่าในยามศึกการลงโทษคือชีวิต คืนนี้ฝ่ายเลขคี่เลือกเป็นฝ่ายบุก ดังนั้นภารกิจที่พวกเจ้าได้รับคือ บุกไปชิงธงสัญลักษณ์ของฝ่ายเลขคู่มาให้ได้ก่อนฟ้าสาง โดยที่ต้องรักษาธงสัญลักษณ์ของฝ่ายตนเองเอาไว้ให้ได้ด้วย โดยทั้งสองฝ่ายต้องสร้างหอธงขึ้นมาในส่วนใดก็ได้ของค่ายพัก และภารกิจจะเริ่มเมื่อตะวันตกดิน นี่คือพลุสีเหลือง พวกเจ้าติดตัวไว้คนละ 1 ดอก หากชิงธงมาได้แล้วให้จุดพลุขึ้นทันทีแล้วภารกิจจะเป็นอันเสร็จสิ้น ส่วนแผนการทั้งหมดให้พวกเจ้าหารือกันเอง ครูฝึกและพวกข้าจะคอยสังเกตการณ์ ห้ามมิให้ถึงแก่ชีวิตและห