Share

ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง
ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง
Penulis: ไป๋เหลียนฮวา

พระชายาตู้จินจิน

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-01 13:56:01

“พระชายาเพคะ เสวยน้ำแกงโสมสักหน่อยเถิดเพคะ” เสียงอ่อนใจของนางกำนัลคนสนิทที่ติดตามตู้จินจิน ต้ากงจู่1แห่งแคว้นสู่ผู้ถูกส่งมาบรรณาการแด่แคว้นต้าจินหลังแพ้สงคราม แต่ฮ่องเต้แคว้นต้าจินกลับพระราชทานนางให้กับองค์ชายรองผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน แม้ว่าเขาจะรูปงามและจิตใจดี ทว่าเขามีอนุอยู่ในเรือนมากมาย นางผู้เกิดมาในราชวงศ์ที่ยึดถือธรรมเนียมคู่สามีภรรยาเดียวมีหรือจะยอมรับได้ เป็นเหตุให้ตู้จินจินตรอมใจจนร่างกายทรุดโทรม

“วางไว้ก่อนเถิดปี้หรู ขอข้านอนสักงีบ เดี๋ยวตื่นแล้วข้าจะกินเอง” เสียงอ่อนแรงตอบมาจากในม่านมุ้ง

“ถ้าอย่างนั้นบ่าวจะไปเอากำยานสงบใจมาจุดถวายนะเพคะ” ปี้หรูทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วรีบเดินออกไปที่เรือนท่านหมอเฉียน ผู้เป็นหมอประจำจวนเพื่อเบิกกำยานสงบใจ

อึดใจต่อมามีเสียงกุกๆ กักๆ คล้ายคนจุดกำยานแว่วมาจากโต๊ะริมหน้าต่าง ตู้จินจินที่หนังตาหนักอึ้งมิได้ลืมตาดูเพราะเข้าใจว่าเป็นปี้หรู เธอสูดหายใจลึกๆ สองสามครั้งแล้วหลับไป

ผ่านไปครู่ใหญ่ ปี้หรูเดินกลับจากเรือนท่านหมอ นางรีบเข้าไปดูอาการพระชายาด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นร่างบางนอนนิ่ง กระบังลมที่เคยขยับขึ้นลงเบาบางผะแผ่วตามจังหวะกลับไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวในตอนนี้ ปี้หรูถลาเข้าไปคว้าข้อมือของพระชายาขึ้นมาควานหาชีพจรตามที่ท่านหมอเคยสอนตน

เนื่องจากพักหลังมานี้พระชายามักเอาแต่นอน ไม่กิน ไม่ดื่ม จนไร้เรี่ยวแรง แม้ท่านหมอจะจัดยาบำรุงตำรับใดให้ นางก็ได้แต่อาเจียนออกมาหมด  ปี้หรูจับชีพจรอยู่ครู่หนึ่งจนมั่นใจได้ว่าตนไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง

ร่างเย็นเฉียบของพระชายาตู้ไร้ชีพจรและสัญญาณชีพใดๆ นางจึงร้องเรียกเสี่ยวมี่ นางกำนัลชั้นรองที่มีหน้าที่ดูแลภายในจวนให้มาคอยบีบนวดฝ่ามือฝ่าเท้าของพระชายาตู้ด้วยหวังว่าเลือดลมจะเดินสะดวกขึ้นมาบ้าง แล้วจึงให้บ่าวหญิงร่างใหญ่รีบไปแจ้งท่านหมอเฉียนที่เรือน จากนั้นปี้หรูรีบไปที่เรือนหน้าเพื่อแจ้งองค์ชายรองผู้เป็นพระสวามีของพระชายาตู้และเจ้าของจวน

“องค์ชายรองเพคะ แย่แล้วเพคะ” ตัวยังไม่ทันถึงห้องหนังสือ แต่ด้วยความร้อนใจปี้หรูส่งเสียงนำไปก่อน พร้อมทั้งวิ่งมาชะงักหน้าห้องหนังสือขององค์ชายรอง

“เสียงดังอะไร องค์ชายทรงเจรจาการค้าสำคัญกับท่านคหบดีมู่อยู่” พ่อบ้านเฉินหันตัวเข้ากันมิให้ปี้หรูเข้าห้องหนังสือ

“ท่านหลีกไปเถิดพ่อบ้านเฉิน ข้ามีเรื่องด่วนต้องทูลองค์ชาย” ปี้หรูไม่ยอมแพ้ พยายามจะแทรกตัวผ่านไปให้ แต่พ่อบ้านเฉินจอมกันท่าผู้นี้มิได้ยอมให้นางผ่านไปง่ายๆ ในเวลาปกติจะบ่ายเบี่ยงไม่ให้นางพบองค์ชายรองเพื่อรายงานเรื่องพระชายาตู้ก็แล้วไป แต่ตอนนี้พระชายาของนางอาการหนัก จะไม่มารายงานได้เยี่ยงไร

“มีอะไรกันอาเฉิน” เสียงนุ่มดังมาจากในห้อง

“มิมีสิ่งใด เดี๋ยวบ่าวจัดการเอง องค์ชายมิต้องกังวลพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเฉินรายงานในขณะที่มือใหญ่ปิดปากปี้หรูจนเธอพูดไม่ได้

ด้วยความร้อนรน นางกลั้นใจยกเท้าขวาขึ้นจนสุดแล้วดันไปด้านหลัง พ่อบ้านเฉินที่จุกจนพูดไม่ออกลงไปนั่งกองอยู่ด้านข้างประตู นางจึงอาศัยจังหวะนี้พุ่งเข้าไปคุกเข่าหน้าโต๊ะน้ำชาที่องค์ชายรองกับคหบดีมู่ผู้เป็นท่านตาและยังเป็นที่ปรึกษาด้านการค้ากำลังสนทนากันอยู่

ชายต่างวัยทั้งคู่ต่างตกอยู่ในอาการงงงัน ยังมิทันได้เอ่ยปากถาม ปี้หรูรีบคุกเข่าลงโขกศีรษะพร้อมร่ำไห้สะอึกสะอื้น “องค์ชายเพคะ ช่วยพระชายาของบ่าวด้วยเพคะ ฮึก ฮึก” 

“เกิดอะไรขึ้นค่อย ๆ เล่าให้ข้าฟัง ข้าจะได้ช่วยพระชายาของเจ้าได้” ในเสียงนุ่มนวลนั้นเจือไปด้วยความสงสัย

“พระชายา เอ่อ พระชายา ไม่รู้องค์เลยเพคะองค์ชาย บ่าวทั้งเรียกทั้งเขย่า ทั้งจับชีพจร เอ่อ จับชีพจรแทบไม่ได้เลยเพคะ” ปี้หรูละล่ำละลักตอบรวดเดียว พร้อมเอามือลูบอก ไม่ใช่อะไรหรอกนางเกือบบอกไปแล้วว่านางจับชีพจรไม่ได้เลยต่างหาก แต่ก็เกรงว่าองค์ชายจะไม่ให้ไปตามหมอแต่จะให้พาพระชายาของนางไปสุสานราชวงศ์แทนนี่สิ

“เอ้า นี่ป้ายหยกของข้า เจ้ารีบไปที่โรงรถ ให้รถม้าพาไปรับท่านหมอฮัวมา” องค์ชายรองรีบปลดป้ายหยกประจำกายส่งให้ปี้หรู แม้ว่าเขาจะมิได้สนใจชายาเอกที่เสด็จพ่อพระราชทานให้ ก็มิใช่เพราะตัวนางนั้นเป็นบรรณการจากแคว้นสู่ที่ถวายมาเป็นส่วนหนึ่งของสินสงคราม2 แต่เป็นเพราะเขาไม่เคยสนใจหญิงนางใดเลยต่างหาก ถึงจะมีคนถวายบุตรสาวหรือสตรีในบ้านแด่เขามากมาย เขาก็เพียงรับไว้ด้วยความสงสาร แม้แต่อนุเจียว สตรีเพียงคนเดียวที่เขายอมให้ใกล้ชิดและยกหน้าที่จัดการเรื่องในจวนก็เป็นนางกำนัลที่เสด็จย่าประทานให้

ตั้งแต่เขาเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น และตั้งแต่วันที่เขาถูกพิษสุราทำร้ายในครั้งนั้นจนทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก เขาก็ไม่เคยแตะต้องนางอีกเลย มัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย มองอีกทีก็ไม่เห็นคนแล้ว คงไปตามหมอแล้วสินะ

“นี่ป้ายขององค์ชายรองเลยนะ พวกเจ้าใครก็ได้พาข้าไปตามท่านหมอฮัวทีเถอะ” เสียงอ้อนวอนของปี้หรูแทบจะขาดใจ แต่ไม่มีใครเหลียวแลนางสักคน

“นี่ไม่ใช่เวรของพวกข้า ขืนพวกข้าเอารถออกไปเกิดอะไรขึ้นข้ารับไม่ไหวหรอก” เสียงตอบจากหัวหน้าสารถีอายุน้อยที่อยู่ตรงหน้าปี้หรู แถมยังกอดอกเดินส่ายไปมาด้วยท่าทียียวน ส่วนสารถีอวุโสหลายคนได้แต่มองด้วยความสงสาร จะออกตัวพานางไปก็ใช่ที่ เพราะพ่อบ้านเฉินได้ส่งคนมาสำทับไว้ก่อนหน้าที่ปี้หรูจะมาเพียงไม่ถึงสิบนาที ว่าให้ทุกคนฟังคำของเสี่ยวเฉินหลานชายของพ่อบ้านเฉินเท่านั้น ถึงแม้เฉินเสี่ยวเฉินจะเพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน แต่ก็มีตำแหน่งหัวหน้าโรงรถม้าส่วนหัวหน้าคนเก่าที่สั่งงดข้าวเย็นเสี่ยวเฉินเพราะรถม้าที่รับผิดชอบนั้นไม่สะอาด จู่ๆ ก็โดนนักเลงในตลาดซ้อมจนขาหักทำงานไม่ได้

“แล้วเป็นเวรของผู้ใดกัน เหตุใดไม่อยู่ที่โรงรถ” ปี้หรูถามด้วยความสงสัย ปกติทุกแผนกงานของจวนต้องมีคนอยู่เข้าเวรประจำการ

“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายงานของข้า” เสี่ยวเฉินนั่งลงกระดิกเท้าพร้อมจิบน้ำชาที่โต๊ะหน้าโรงรถม้าวางท่าทางดั่งคุณชายน้อย

ตุบ โป๊ก เสียงคุกเข่าลงบนพื้นหน้าโรงรถที่โรยด้วยกรวดเม็ดเล็กตามมาด้วยเสียงโขกศีรษะอย่างแรง “ได้โปรดเถอะพี่ชาย ช่วยส่งคนพาข้าไปตามท่านหมอฮัวทีเถอะ โป๊ก โป๊ก” ตามมาด้วยเสียงโขกศีรษะติดกันอีกสองเสียงจนเหล่าบุรุษที่อยู่ในที่นั้นอดน้ำตารื้นไม่ได้

เสี่ยวเฉินมองออกไป ณ มุมหนึ่งของลานหน้าโรงรถม้ามีชายคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นดอกกุ้ย คนผู้นั้นพยักหน้ามาทางเขา เสี่ยวเฉินหันไปมองปี้หรูด้วยแววตาหาได้ทุกข์ร้อนต่อการโขกศีรษะของนางไม่

“เอาเถอะ เห็นแก่เจ้า ถ้าใครอยากจะพาเจ้าไปก็แล้วแต่ เจ้าไปหาคนสมัครใจเอาเองเถอะ” เมื่อพูดเสร็จเสี่ยวเฉินหันไปมองสารถีที่อยู่เบื้องหน้าทีละคนจนทุกคนไม่กล้าสบตา

“ข้าไปเอง” เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลังของโรงรถม้า ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว อ้อ หวังซีฉวน คนที่องค์ชายรองพามาอยู่ใหม่นั่นเอง แม้แต่เสี่ยวเฉินก็มิกล้าขวาง

“ขอบคุณพี่ชาย” ปี้หรูทำท่าจะโขกศีรษะให้เขาแต่ชายหนุ่มดึงแขนเสื้อนางไว้

“รีบไปกันเถอะ ป่านนี้พระชายาของเจ้าจะเป็นเช่นไรแล้วก็ไม่รู้” หวังซีฉวนปล่อยแขนเสื้อนางแล้วเดินไปจูงม้าที่เทียมรถเสร็จแล้วออกมาจากโรงรถ เอาตั่งรองเท้าลงมาให้ปี้หรูเหยียบก้าวขึ้นรถ รอจนนางนั่งลงเรียบร้อยแล้วจึงออกรถทันที โดยไม่เสียเวลาแม้แต่จะกล่าวสิ่งใดหรือมองใครๆ ในที่นั้นเลย

1 ต้ากงจู่      องค์หญิงใหญ่

2 สินสงคราม         การชดใช้ค่าเสียหายที่ฝ่ายชนะสงครามเรียกร้องเอาจากฝ่ายพ่ายแพ้

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง   ตอนพิเศษ

    เพื่อนร่วมรุ่นม.ต้นที่สนิทสนมและรักกันมาก จำนวน 4 คนพร้อมทั้งน้องสาวของเพื่อนอีกหนึ่งคนในกลุ่มที่อายุไล่เลี่ยกันทำให้พลอยสนิมสนมกับเพื่อนๆ ของพี่สาวไปด้วย ทั้ง 5 คนมีจุดร่วมกันอีกอย่างที่คนภายนอกไม่ทราบนั่นก็คือความความเคารพนับถือในท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะเทพเจ้าแห่งโชคลาภนั่นเองวันนี้ห้าสาวนัดรวมกันไปกินข้าวกลางวันที่ห้างดังแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง หนุงหนิงที่พาอุ๊งอิ๊งลูกสาวจินไปประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนประจำจังหวัดแทนจินที่ติดประชุมผู้ถือหุ้นก่อนจะมารวมตัวกับทุกคน เป็นเหตุให้ได้เห็นนายเจนภพสามีจอมเจ้าชู้ของจินที่อ้างว่าป่วยต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพากิ๊กและลูกติดไปประชุม บังเอิญว่าลูกติดของผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนห้องเดียวกับน้องอุ๊งอิ๊งลูกสาวของจิน เธอเลยให้อุ๊งอิ๊งทำทีถามทางไปบ้านของเด็กคนนั้นและเอามาบอกให้จินฟังหลังทานข้าวเสร็จ เพราะกลัวเพื่อนจะไม่ได้กินข้าวกินปลา แต่กระนั้นจินก็รีบร้อนออกไปหาเจนภพตามที่อยู่นั้นทันทีที่หนุงหนิงเล่าจบเนื่องจากเธออนุญาตให้เจนภพสามีจอมเจ้าชู้มีภรรยาน้อยได้ตลอดขอเพียงให้บอกเธอ เธอจะได้พาเจ้าหล่อนไปตรวจร่างกายเพื่อหลีกเลี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และได้จ

  • ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง   มัลติเวิร์ส (Multiverse) ของอาจิน

    “ตั้งแต่วันที่ข้าฟื้นขึ้นมาก็พบว่ารอบๆ ตัวของข้าเปลี่ยนไป ข้าต้องใช้ชีวิตในร่างของใครอีกคนหนึ่ง ดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะที่ข้านับถือ และยังได้พบเจอสหายดีๆ ที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพกายและใจให้ข้าเช่นฮัวตั่วเอ๋อ และไป๋เหลียนฮวาที่ปรึกษาในการใช้ชีวิต รวมถึงหวงเฟิ่งและจินหลิงหลิง ทั้งสี่นางทำให้ข้าคิดถึงสหายสนิททั้งสี่ในภพเดิม และต้องไม่ลืมกล่าวถึงอาเม่ยที่ทำให้ข้าหายคิดถึงอุ๊งอิ๊งลูกสาวข้าที่มีวัยใกล้เคียงกับนาง ท่านตาบอกข้าว่าคำอธิฐานของข้าทำให้ข้าได้ย้อนกลับมาแก้ไขชะตาของตนเอง ข้าจึงมิได้เสียใจนักที่ตู้จินจินคนเดิมตายไปเพราะนางก็คือข้าและข้าก็คือนาง เพียงแต่นี่คงจะเรียกว่าว่า ‘อดีตชาติ’ คงมิได้ แต่มันน่าจะเรียกว่า มัลติเวิร์ส1 ที่มีตัวตนของเราอีกคนหนึ่ง ในโลกอีกใบหนึ่ง ซึ่งมีจุดกำเนิด แนวคิด วีถีชีวิต และจุดจบแต่งต่างกันไป และมิจำเป็นว่าต้องมีแค่หนึ่งหรือสองตัวตนเท่านั้น และแม้ว่าแต่ละตัวตนในแต่ละโลกจะต่างฝ่ายต่างดำรงชีวิตกันไปโดยไร้ซึ่งความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นในภพใดภพหนึ่งอาจส่งกระทบถึงภพอื่นๆ ไปด้วยได้เช่นกัน” หลังจากที่เล่าเรื่องราวโดยละเ

  • ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง   ความลับของตู้จินจิน (2)

    “นังหนู นังหนูจิน อย่ามัวแต่นอนอยู่เลย สงสารสวามีเจ้าบ้างเถิด เคราะห์ครั้งสุดท้ายของเจ้าผ่านไปแล้ว” เสียงอ่อนโยนของเทพชราปลุกให้จินมีสติขึ้นมาในความฝัน “ท่านตาเจ้าขา ท่านตาช่วยหลานไว้ใช่ไหมเจ้าคะ หลานกราบขอบคุณเจ้าค่ะ” พร้อมคำพูดร่างแน่งน้อยกุลีกุจอลุกขึ้นยอบกายลงกราบแทบเท้าท่านเทพที่นางเคารพยิ่ง “คราวนี้นับว่าเป็นกุศลที่เจ้าช่วยหลีกเลี่ยงสงครามครั้งใหญ่ทำให้ผู้คนมากมายรักษาชีวิตไว้ได้ เรียกว่าเป็น ‘บุญรักษา’ อย่างแท้จริงก็ว่าได้” “เป็นเช่นนี้เอง ว่าแต่นี่หลานเข้ามาในมิติได้แถมยังพาสวามีมาได้อีกด้วย เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เจ้าคะ ท่านตาเคยบอกหลานว่ามีเพียงหลานเองที่สามารถเข้าออกมิติแห่งนี้ได้” แม้ว่าจะดีใจที่พาสวามีหลบภัยเข้ามามิติได้แต่ก็ยังไม่วายสงสัยจนต้องตั้งคำถาม “ในภพเดิมของเจ้าก็มีคำกล่าวว่า ‘สามี-ภรรยา เหมือนดั่งคนคนเดียวกัน’ มิใช่รึ” เสียงตอบเรียบๆจากท่านเทพชราพาให้จินคิดตามและเมื่อคิดได้ว่า นางและเขาได้ผ่านการเข้าหอซึ่งถือว่าเป็นสามี-ภรรยากันแล้ว ใบหน้าเรียวพลันขึ้นสีแดงด้วยความขวยเขิน “ข้ามิได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่หมายถึงการที่

  • ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง   ความลับของตู้จินจิน (1)

    หลังสรุปผลการชิงธง และรับประทานมื้อเช้าอันอุดมสมบูรณ์ที่พระชายาตู้สั่งมาจากภัตตาคารชิมเมฆา แม้กับข้าวจะมีเพียงต้มจืดซี่โครงหมูกับผักกาดดองไว้ซดให้คล่องคอ และผัดกะเพราหมูสับไข่ดาวที่เติมได้ไม่อั้นครานี้การพรางตัวเป็นไปอย่างง่ายดายเพราะองครักษ์เงานั้นมีการฝึกแปลงโฉมกันอยู่ก่อนแล้ว ตู้จินจินให้ช่างแต่งหน้าจากคณะละครของไป๋เหลียนฮวามาสอนเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก็เรียกได้ว่าไร้ที่ติ เป้สัมภาระถูกซุกซ่อนในหีบเสื้อผ้า อาหารแห้งปะปนกันทั้งจริงและหลอก อาหารทะเลตากแห้งและเกลือในปริมาณตามที่ได้รับอนุญาตถูกบรรจุไว้ในถังไม้ หรือแม้กระทั่งห่อกระดาษน้ำมันที่ตีตราว่าเป็นใบชา ด้านในกลับเป็นเกาเฟยคั่วบดในซองผ้ากับน้ำตาลอ้อยชนิดผงกองกำลังถูกแบ่งกลุ่มและพรางตัวเพื่อออกเดินทางแล้วแยกย้ายกันไปในรูปลักษณ์ต่างๆ โดยแบ่งกำลังออกเป็น 5 กลุ่ม ทำทีเป็นพ่อค้าบ้าง เป็นคณะละครที่กลับจากแคว้นต้าจินบ้าง ทุกกลุ่มเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน เมื่อถึงเมืองชายแดนหลังออกเดินทาง 3 วัน จึงตั้งค่ายพักผ่อนให้เต็มที่ 2 วัน จากนั้นจึงเดินทางเข้าประชิดเป้าหมายคือค่ายโจรเผ่าปาสู่แผนการรบถูกวางและซักซ้อมกันไปแล้วในการฝึกพิเศษ ตู้จินจินถ

  • ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง   ชิงธง (2)

    เมื่อทุกคนตื่นมารับประทานอาหารเย็นในยามโหย่ว เหตุการณ์ที่พวกเขารับรู้ได้ก็ยังไร้วี่แววการบุกหรือถูกบุกจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยสิ้นเชิง ดีที่มื้อเย็นวันนี้เป็นอาหารปิ้งย่างที่ตู้จินจินให้ทางภัตตาคารชิมเมฆาส่งเนื้อสัตว์เสียบไม้สลับกับผักและผลไม้และมีน้ำหมักที่เอาไว้ทาไปย่างไปมาอีก 2 แบบ คือแบบเผ็ดมากและเผ็ดน้อย ส่วนคนที่ไม่เผ็ดนั้นคือเนื้อสัตว์แต่ละชนิดก่อนจะนำมาเสียบสลับกับผักผลไม้ที่ถูกหมักกับน้ำมันงาและเหล้าอย่างดีมาก่อนแล้ว “เจ้าว่าพวกเขาจะเริ่มบุกกันเมื่อใดหรือ” ฮัวตั่วเอ๋อที่ไม่ได้พักผ่อนยามบ่ายเอ่ยถามขึ้น และอีกหลายคนก็ยังจัดการงานในมือมิแล้วเสร็จ “หลังกลางยามโฉ่วไปแล้วกระมัง หากให้คำนวณตามหลักการของคนปกติ ช่วงนี้จะเป็นเวลาที่กำลังหลับลึกที่สุด แต่ว่าข้าก็มิอาจยืนยันได้เพราะพวกเขาผ่านการฝึกให้ต่างจากคนทั่วไป หากใครต้องการพักผ่อนก็ตามสบาย หากมีความเคลื่อนไหวข้าจะให้คนไปปลุกพวกท่านเอง” ตู้จินจินเองก็เพิ่งพักสายตาไปไม่นานเพราะมัวแต่ถูกก่อกวนจากพระสวามีก็รู้สึกง่วงอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรเกินเลยเพราะต่างก็เกรงใจดวงตะวันที่ยังไม่ตกดิน ทั้งยังมิได้พักอยู่ในจวน

  • ข้ามภพมาเป็นเมียหลวงยืนหนึ่ง   ชิงธง (1)

    “กลุ่มเลขคี่ประชุมด่วน” เสียงเรียกประชุมดังขึ้นกลางสวนผลไม้ในชมเมฆา แต่กลับไร้วี่แววของกำลังพลกลุ่มเลขคี่ที่ควรจะมารวมตัวกันเพื่อรับฟังการประชุม องค์ชายรองและพระชายามองหน้ากัน ในสายตามีรอยยิ้มน้อยๆ จนเมื่อหยางต้าซานหยิบนกหวีดทองเหลืองออกมาเป่าเป็นจังหวะสั้นยาวสลับกันสามครั้งจึงเริ่มมีกำลังพลทยอยกันมารวมกลุ่มจนครบทุกนายภายในเวลาเพียงชั่วอึดใจ แสดงให้เห็นได้ชัดถึงระเบียบวินัยและความมั่นคงในจิตใจของกำลังพลที่มิเชื่อคำสั่งของผู้ใดโดยง่าย “ทุกคนพรางตัวได้ดีมาก เรื่องบทลงโทษจึงละเว้นให้ แต่อย่าลืมว่าในยามศึกการลงโทษคือชีวิต คืนนี้ฝ่ายเลขคี่เลือกเป็นฝ่ายบุก ดังนั้นภารกิจที่พวกเจ้าได้รับคือ บุกไปชิงธงสัญลักษณ์ของฝ่ายเลขคู่มาให้ได้ก่อนฟ้าสาง โดยที่ต้องรักษาธงสัญลักษณ์ของฝ่ายตนเองเอาไว้ให้ได้ด้วย โดยทั้งสองฝ่ายต้องสร้างหอธงขึ้นมาในส่วนใดก็ได้ของค่ายพัก และภารกิจจะเริ่มเมื่อตะวันตกดิน นี่คือพลุสีเหลือง พวกเจ้าติดตัวไว้คนละ 1 ดอก หากชิงธงมาได้แล้วให้จุดพลุขึ้นทันทีแล้วภารกิจจะเป็นอันเสร็จสิ้น ส่วนแผนการทั้งหมดให้พวกเจ้าหารือกันเอง ครูฝึกและพวกข้าจะคอยสังเกตการณ์ ห้ามมิให้ถึงแก่ชีวิตและห

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status