LOGIN"ฝนจะตกจริงใช้มั้ยอาอี่"แม่เฒ่าถามด้วยความตื่นเต้น ถ้าฝนตกชาวบ้านก็จะได้คลายร้อนได้บ้างและยังมีน้ำไว้ใช้ แถมแหล่งน้ำธรรมชาติได้มีน้ำไว้ให้สัตว์อีกด้วย
"ข้าไม่แนใจเจ้าค่ะ เจ้านี้มันบอกแค่ว่าอาจมีปริมาณน้ำฝนหนาแน่น" "ดีๆ อย่างน้อยยังมีความหวัง ถือเป็นข่าวดี" "ฝนตก"เสี่ยวเปา "ฝนตก"หลิงหลง "จ้าฝนจะตกแล้ว"ไห่เม้ยรับคำเด็กทั้งสอง เธอเหมือนมีลูกแฝดเพราะอายุของเด็กใกล้เคียงกัน "ข้าว่าอย่าเพิ่งบอกใครเผื่อมันอาจไม่ตกคนจะผิดหวังเสียเปล่าๆ "หลีฟูกลัวว่าคนจะคาดหวังว่าฝนจะต้องตก ถ้ามันไม่ตกอาจทำให้ชาวบ้านผิดหวังก็ได้ การเดินทางเป็นไปด้วยความเงียบเพราะทุกคนเริ่มสิ้นหวังว่าเดินหนีภัยแล้งครั้งนี้อาจไม่ใช้ความคิดที่ดีก็ได้ ตอนตั้งกระโจมพักค้างแรมจากที่เคยมีเสียงพูดคุยก็เริ่มเงียบไม่มีการพูดคุยกันแบบในอดีตเพราะทุกคนท้อแท้เกินกว่าจะมีอารมณ์เสวนา ชิงอี่เป็นห่วงสัตว์เลี้ยงของเธอที่เฝ้าบำรุงมาอย่างดีกลัวจะโดนคนคิดเอาไปเป็นของตัวเองหรือคนใจบาปเอาไปทำอาหารเพราะพวกมันอ้วนดูน่ากินมากเธอเลยอยู่เฝ้าสี่สหายไม่ห่าง เธอถือว่านี้คือของรักของข้าเชียวแหละ และเช้ามืดของเช้าวันหนึ่งก็มีลมแรงจนกระโจมปลิว ชิงอี่คิดว่าฝนอาจจะมาเลยให้ทุกคนเก็บของขึ้นเกวียนแล้วขยับเกวียนหาที่กำบังเตรียมหลบฝน ผ่านไปแค่เพียงจิบชาเมฆฝนก็เริ่มตั้งเค้า ชาวบ้านพากันดีใจเพราะพวกเขาไม่มีน้ำใช้มาหลายวันแล้วเหลือแต่น้ำดื่มที่ต้องดื่มกันอย่างประหยัด ทุกครอบครัวเตรียมรองน้ำฝน ส่วนบ้านหลีและบ้านหวองไม่เดือดร้อนเรื่องน้ำก็เตรียมทำที่หลบฝน เอาสัตว์ทั้งสี่มาผูกรวมกันแล้วทำที่กันฝนให้พวกมันตามที่ชิงอี่ขอร้อง และฝนก็ตกแถมตกหนักจนไม่ลืมหูลืมตาจนไม่สามารสเดินทางได้ ขบวนลี่ภัยต้องปักหลักสร้างที่หลบฝนในป่าชั่วคราว "ตอนไม่ตกก็แล้งสะไม่มี พอตกก็ตกแบบไม่ลืมหูลืมตาแล้วแบบนี้เมื่อไรเราจะเดินทางได้"แม่เฒ่าหวองบ่นอย่างอ่อนใจ ทุกคนตอนนี้อยู่ในเกวียนเพราะข้างนอกเปียกจนไม่สามารถลงไปเดินได้ ชิงอี่กลัวทุกคนจะป่วยเลยให้ทุกคนกินยาบำรุงไม่เว้นแม่แต่สัตว์เลี้ยง พอว่างๆไม่มีอะไรทำก็เข้าไปในห้องวิจัย ด้วยฝนตกไม่ยอมหยุดเป็นอาทิตย์ทำให้ชาวบ้านเริ่มป่วยแล้วก็ติดต่อกันจนเป็นโรคระบาด แรกๆก็ยังปกติแต่พอผ่านไปเกือบเดือนชาวบ้านบางครอบครัวที่ยังไม่ติดก็เริ่มกลัวจะติดโรคเลยขอแยกจากขบวนไป แม่อู๋ก็คือหนึ่งในนั้น ส่วนครอบครัวที่มีผู้ติดเชื้อก็เร่งเดินทางไปเมืองเฉียงที่ใกล้ที่สุดเพื่อรักษา ตอนนี้ขบวนอพยพเหลือไม่ถึง5ครัวเรือนร่วมครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านที่เหลือสองคนผัวเมียและลูกสาวคนเล็กตู่อันผิงอายุ15หนาว ส่วนลูกชายเชื่อคำเมียพาครอบครัวหนีไปอยู่บ้านแม่ยายโดยปล่อยทิ้งให้บิดามารดาและน้องสาวไม่พาไปด้วย หัวหน้าหมู่บ้านโกรธถึงกับตัดขาดพ่อลูกและไม่ยอมให้ลูกชายเอาเกวียนวัวไป แล้วมีครอบครัวหลีและครอบครัวแม่เฒ่าหวอง ส่วนอีกสองครอบครัวมีพ่อเฒ่าแม่เฒ่าฉีกับหลานสาวฉีเย่วหงอายุ17หนาว ส่วนอีกครอบครัวคือเฉินเปียวอายุ25กับภรรยาเฉินอิงอิงอายุ24ที่มีบุตรชายเฉินคุณอายุ8หนาวนอนติดเชื้อหวัด ที่ยังอยู่เพราะไม่มีตำลึงจะไปรักษาผัวเมียเฉินพอรู้วิชาแพทย์เลยหาสมุนไพรมาต้มให้ลูกชายพอประคองไม่ให้อาการหนักไปมากกว่านี้ "อาเปียวทำไมไม่พาลูกชายเจ้าไปหาหมอละ อย่าทิ้งไว้นาน"หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ "ข้าไปสอบถามมาแล้วขอรับ หมอในเมืองเขาคิดค่ารักษาครั้งละ1ตำลึงเงิน ข้าไม่มีขนาดนั้นขอรับ เลยเก็บสมุนไพรมารักษาให้พอบันเทาโรคไปก่อน ข้าเข้าป่าไปหาสมุนไพรทุกวันเพื่อจะมีโชคเจอสมุนไพรหายากได้เอาไปขายมีค้ารักษานะขอรับจะขายลาของที่บ้านลูกชายก็ไม่ยอมเขารักของเขามากยอมไม่รักษาขอแค่ไม่ขายมันไป" ชิงอี่ที่เห็นครอบครัวเฉินพยามรักษาบุตรชายเท่าที่กำลังมีแถมเธอยังใจบางกับคนรักสัตว์อีกด้วย เลยแวะไปดู และแบ่งยาลดไข้ให้ไป "ยาเม็ดนี้เป็นยาช่วยลดไข้ เอาให้อาคุณกินนะเจ้าค่ะ มันเป็นยาดีมากสามารสช่วยลดอาการไข้ได้ แล้วนี้ยาบำรุงป้อนให้เขากินให้หมดรับรองพรุ่งนี้เช้าเขาหายแนนอนเจ้าค่ะ ขอแค่อย่าบอกใครว่าได้ยารักษามาจากข้าเท่านั้นพอ" เช้ามาเฉินคุณก็หายจากอาการป่วยเฉินเปียวถึงขนาดมาก้มหัวขอบคุณ "ขอแค่พวกท่านไม่บอกใครและดูแลเจ้าลาเพื่อนคู่ยากของลูกชายท่านเท่านั้นพอเจ้าค่ะ"บอกแล้วเธอใจบางกับคนรักสัตว์ ด้วยชิงอี่กลัวสมาชิกในขบวนจะล้มป่วยเพราะมีแต่ผู้ชราและผู้หญิงเลยให้ท่านแม่ต้มน้ำซูปแล้วใส่ยาบำรุงไปหลายขวดเพื่อเอาไปบำรุงคนในขบวนได้กิน "แยแล้วท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าเอาสมุนไพรไปขายในเมือง ตอนนี้ในเมืองโรคระบาดได้ขยายพื้นที่ทั้วทั่งเมืองแล้วขอรับ"เฉินเปียวที่เก็บสมุนไพรไปขายก็ได้เห็นว่าตอนนี้ทั้วทั้งเมืองเป็นไปด้วยคนป่วยจากโรคระบาด "แบบนี้เราก็ผ่านเมืองนี้ไม่ได้แล้วสิ แล้วเราจะข้ามไปได้ยังไงละ"ฮวาหลิวตกใจเธอหนีภัยแล้งแล้วยังต้องมาเจอโรคระบาดอีกเหรอ "มันก็พอมีทางขอรับแต่ต้องอ้อมไปใช้เวลา10วันก็ข้ามไปได้แล้วแต่ทางอาจลำบากหน่อยเพราะมีสัตว์ป่าดุร้าย"เฉินเปียวเดินทางเก็บสมุนไพรบ่อยเลยพอจะรู้เส้นทางอยู่บ้าง "สัตว์ดุข้าไม่กลัวขอแค่มีทางให้ไป"คนอย่างชิงอี่ฆ่าคนไม่กระพริบตากะอิแค่สัตว์ดุร้ายนับว่าอะไร เมื่อตกลงกันได้เป็นอันว่าจะเดินทางอ้อมเมือง ทุกครอบครัวมีเกวียนวัวกันทุกคนทำให้การเดินทางไม่มีใครถ่วงใคร และด้วยในขบวนจะมีคนเฒ่าสะเป็นส่วนใหญ่ ครอบครัวหลีเลยเป็นผู้นำขบวนแล้วให้ล่อของเฟยเทียนปิดท้าย พอพักตั้งกระโจมหลีฟูก็จะออกไปล่าสัตว์เอามาแบ่งให้ทุกคนโดยมีเฉินเปียวไปเป็นลูกมือช่วยล่า แล้วอยู่ๆจากที่แยกครัวก็กรายมาเป็นมานั้งกินร่วมกลุ่มกัน ส่วนกลางคืนก็สลับเฝ้ายาม ในเมืองโรคระบาดหนักเกินกว่าจะคุมสถานการณ์ได้ ชาวบ้านที่แยกขบวนไปแต่แรกก็คิดหนีโรคระบาดกลับมาอยู่ในขบวนแต่กลับไม่เห็นขบวนสะแล้ว ลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านก็เป็นหนึ่งในผู้จะกลับมา "ท่านพี่ ทำไมไม่เห็นเกวียนท่านพ่อละเจ้าค่ะ"ลูกสะใภ้ร้องอยากตกใจ "หรือท่านหัวหน้าหมู่บ้านออกจากเมืองไปแล้ว"ชาวบ้านคนหนึ่งตั้งข้อสังเกต "เป็นไปไม่ได้ถ้าจะออกจากเมืองพวกเราต้องเจอสิแถมเขายังไม่ให้ผ่านด้วยเพราะกลัวโรคระบาด"ตู่คุณเฉียวบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านเฝ้าประตูเมืองอยู่ถ้าบิดาผ่านเขาต้องเห็นแนนอน "แล้วพวกเขาไปไหนกันหมด..พวกเราต้องตามพวกเขาให้เจอนะคนบ้านหลีต้องอยู่ในขบวนด้วยแนๆ "ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้นเขาหวังว่าจะกลับมาร่วมขบวนกับครอบครัวหลีเพราะคนบ้านหลีมีฝีมือสามารถคุ้มครองบ้านเขาได้แนนอน "แล้วพวกเขาไปไหนแล้วพวกเราจะอยู่กันยังไง..ข้าไม่น่าคิดน้อยแยกตัวจากขบวนเลย"แม่เฒ่าฟางได้แต่บ่นอย่างเจ็บใจ ตอนนี้เหมือนพวกเขาโดนลอยแพ จะกลับที่เมืองก็มีแต่โรค คุณเฉียวคิดอะไรไม่ออกเลยจะไปบ้านภรรยาก่อน ส่วนครอบครัวอื่นก็กะจัดกะจายแยกกันไป หลายครอบครัวไม่สามารถไปไหนได้ไกลเพราะติดโรคทำให้ล้มป่วย หนึ่งในนั้นคือตู่คุณเฉียวที่ติดเชื้อแล้วจากไปอยู่หน้าประตูเมืองนั้นเอง แต่เรื่องนี้หัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาไม่ได้รับรู้เพราะคิดว่าบุตรชายไปอยู่บ้านลูกสะใภ้ "วันนี้ได้หมูป่ามาด้วย เดี๋ยวเย็นนี้ทำน้ำน้ำแกงกระดูกหมูไว้บำรุงร่างกายกันดีกว่าเจ้าค่ะ"ไห่เม้ยกับสองสาวน้อยเย่วหงกับอันผิงชวนกันไปล้างคำความสะอาดเครื่องในอยู่ข้างลำธารเตรียมทำใส้กรอกเลือดเอาไว้เป็นเสบียงต่อไป สามสาวรีบล้างรีบทำเพราะกลิ่นคาวจะเรียกสัตว์ใหญ่ "พี่ไห่เม้ยเก่งจังเลยเจ้าค่ะทำอาหารได้ตั้งหลายอย่าง พวกเราทั้งสองต้องฝึกกับพี่ให้เยอะแล้ว" "ข้าก็เรียนมาจากท่านแม่อีกทีละจ้ะ "ตอนเธอมาเป็นสะใภ้ใหม่ๆก็ไม่เก่งเท่าไรก็ได้แม่สามีค่อยบอกค่อยสอน และสามสาวก็คุยกันไปด้วยความสุขจนทำอาหารเสร็จก็เดินกลับ มาถึงที่พักอิงอิงก็เตรียม เอาใบสนมาทำที่รมควันใส้กรอกเลือดให้เรียบร้อย หนุ่มๆเตรียมฟืนเหมือนเป็นการฝึกฝีมือไปในตัวขนาดเฉินเปียวตอนนี้ยังมีพละกำลังเพิ่มขึ้นเขายังหาสมุนไพรมาให้ต้มเป็นยาบำรุงให้ท่านผู้เฒ่าทั้งหลายเขากำพร้าแต่เด็กแม่ป่วยเสียชีวิตส่วนบิดาก็ตกเขาจากการล่าสัตว์เขาเลยอยู่ตัวคนเดียวมาแต่เด็กจนมาเจอภรรยาที่ตอนนั้นนางขายตัวเองเพื่อนำเงินไปทำศพบิดาเขาเลยเข้าช่วยโดยไม่ได้คิดอะไรมากแต่อิงอิงก็ตามมาดูแลเขาจนได้กราบไหว้ฟ้าดินกันแบบง่ายๆจนมาเจอขบวนอพยพแรกๆก็ไม่ได้สนิทอะไรกันแต่พอกลุ่มเหลือเล็กลงทำให้ได้รู้จักกันมากขึ้นเขาถือว่าโชคดีที่เจอคนที่จริงใจ ทุกคนเหมือนรู้หน้าที่ตัวว่าต้องทำอะไร ชิงอี่คิดว่ากลุ่มนางขนาดเท่านี้กำลังพอไม่เยอะเกินไป ดูแลพอทั้วถึง ในขนาดที่เธอกำลังชื่นชมกลุ่มตัวเองก็รู้สึกการเคลื่อนไหวบางอย่างเลยตามไปดู พอชิงอี่ตามไปถึงก็เจอกับสัตว์ตาแดงขนาดเล็กกำลังมองเธอกลับมาทางด้านสามพี่น้องก็ขายผักอย่างอารมณ์ดีเพราะพอตั้งแผงปุบก็ขายหมดภายในไม่เกินหนึ่งหนึ่งก้านธูป(30นาที) ขากลับนางแวะซื้อไก่ไป5ตัวเพื่อเอาไปทำไก่รมควันตากแห้งไว้เป็นเสบียงหน้าหนาว และไม่ลืมซื้อรำข้าวเอาไว้ให้ผสมใส่ในผักให้หมูป่ากินตามที่มารดาสั่ง เพราะรอบที่แล้วนางไม่ได้ซื้อ ก็นางไม่รู้ว่ามันกินอะไรนอกจากผัก.กลับมาถึงบ้านก็เอาของไปเก็บปล่อยให้น้องๆได้นั้งพัก มารดาก็อุ้มน้องชายออกมารอตอนรับ . "วันนี้บ้านใหญ่มาอีกแล้ว..แต่แม่ก็เก็บของเข้ามิติจนหมด เหลือแต่พวกสัตว์เพราะแม่ลืม"ตอนนั้นนางลืมจริงๆเพราะมัวแต่สนใจข้าวของภายในบ้านและห้องเก็บของ มารู้ตัวตอนที่พี่สะใภ้โดนฝูงไก่ทำร้ายถึงนึกออกว่าตัวเองไม่ได้เก็บสัตว์เลี้ยง "แล้วบ้านใหญ่ได้อะไรไปมั้ยเจ้าค่ะ?"หญิงสาวก็เห็นสัตว์ของนางอยู่ในคอดสัตว์นอนกันเงียบทุกตัวไม่มีหายไป แต่ก็เห็นแปลงผักดูเละเทะเหมือนมีคนเข้าไปเหยียบย่ำ!"ไม่ได้อะไรไปเลยแถมยังโดนทั้งแม่ไก่จิกและเสี่ยวมาวกัดจนได้แผลเต็มตัวกลับไปกันทั้งสองคน ดีว่าท่านย่าไม่โดนทำร้ายด้วยไม่งั้นบ้านเราต้องเดือดร้อนแนๆ"ตอนนั้นนางตกใจคิดอะไรไม่ออก แต่ลองมาคิดดูแล้ว ดีว่าแม่สามีไม่บาดเจ็บไม่งั้นเรื่องต้
เมื่อกลับมาถึงที่พักท่านผู้เฒ่าทั้งหลายมานั้งล้อมวงดื่มน้ำแกงที่ไห่เม้ยต้มให้ "อาอี่มาดื่มน้ำแกงบำรุงรางกายเร็ว ในป่านี้อากาศชื้นเดี๋ยวจะล้มป่วยเอา"แม่เฒ่าฉีเอยเรียกชินอี่ให้มาร่วมวง"เจ้าค่ะ"หญิงสาวรับคำจึงนั้งลงรับน้ำแกงจากซูซู "เหมือนฝนทำท่าจะตกอีกแล้วแบบนี้เราจะได้ออกจากป่ามั้ยนะ"หัวหน้าหมู่บ้านกลัวสัตว์จะย้อนกลับมา"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านลุงตู่ สัตว์ป่าไม่น่ากลัวเท่าคน ถ้าพวกมันมาข้ามีวิธีไล่มันไปเจ้าค่ะอยู่กับพวกข้าพวกท่านปลอดภัยแนนอน"เธอมีรั้วไฟฟ้าพวกสัตว์ไม่กล้าเข้าใกล้แต่คนนี้สิ เธอคิดว่าอาจยังไม่จบเท่านี้ ตอนออกจากป่าเธออาจต้องแวะไปจวนท่านเจ้าเมืองเสียหน่อยแล้ว ถ้ายังไม่ยอมจบเธอจะเป็นคนจบเรื่องให้เอง แล้วพวกเขาก็เร่งเดินทางจนออกมาใกล้ถึงป่าชั้นนอกถึงจะยังไม่ออกจากป่าแต่ก็นับว่าปลอดภัยกว่าป่าชั้นในเธอตรวจดูแล้วสามวันนี้ฝนจะตกตลอดเธอเลยให้ผู้ชายช่วยกันทำเพิงชั่วคราวทั้งคนและสัตว์ทั้ง7ซึ้งพวกมันก็ฉลาดอยู่กันเงียบๆไม่ส่งเสียง บ่ายวันหนึ่งฝนก็ตกจริงดีว่าเตรียมตัวกันแล้วเลยรับมือได้ เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้เธอเลยเข้าไปในห้องวิจัยสร้างอาวุธชนิดใหม่ขึ้นมาเผื่อจะมีชิ้นไหนเอาไปฝากเจ
เมื่อสองผัวเมียรู้ว่าโสมที่ได้มาจากชิงอี่ทั้งสองเลยยิ่งนับถือเด็กสาวแล้วตั้งมั่นว่าจะติดตามครอบครัวนางเพื่อรับใช้ไปตลอด ระหว่างเดินทางเสียวไป๋กับเสียวหงชอบให้ซูซูแปรงขนให้ เจ้าสองเผือกคิดว่าพวกมันคิดถูกที่มาขออาศัยกับฝูงนี้สมาชิกในฝูงไม่มีใครรังแกพวกมันเลยแถมยังคอยกอดพวกมันด้วยความรัก หาผลไม้ให้ ตอนนอนก็มีที่อุ่นๆให้นอนไม่ต้องกลัวใครจะมารังแก พวกมันชอบกระโดดเล่นไปมาระหว่างเกวียนวัว มันสองตัวรู้แหล่งสมบัติหลายที่เพื่อเป็นการตอบแทนที่ให้มันสองตัวอยู่ในฝูงมันจะพาเจ้ามนุษย์นี้ไปล่าสมบัติเองณ เมืองเฉียงเจ้าเมืองฟ้านอ่านรายงานจากลูกน้อง "ผ่านไปเป็นเดือนทำไมยังหาไม่เจอ""ที่ค้ายโจรไม่มีใครรอดเลยขอรับ และไม่ทิ้งร่องรอยให้ตามสืบได้เลย"ลูกน้องเขาที่ไปถึงเจอแต่ศพเกลื่อนไปหมดแถมทรัพย์สินที่เขาเอาไปซ้อนเก็บไว้จากการปล้นและการโกงงบเสบียงภัยแล้งมาจากชาวบ้านก็ยังมาหายแบบไม่มีรองรอย สมบัติมากมายมันจะหายแบบไม่มีรองรอยได้ไงผ่านไปเป็นเดือนเขาก็ตามหาเบาะแสไม่เจอ"แล้วช่วงนี้มีครอบครัวไหนดูมีฐานะบ้างหรือแม้แต่ขบวนอพยพก็ด้วยตรวจให้หมด ข้าต้องเอาสมบัติกลับคืนมาให้ได้"เขาสั่งปิดด้านเพราะจะได้คอยสังเกตุว่า
ดวงตาแดงเหมือนเลือดกับตัวสีขาวเหมือนหิมะ 'กระรอกเผือก'น่ารักจังชิงอี่มองเจ้าลูกกระรอกน้อยด้วยความเอ็นดู แต่เธอไม่รู้กระรอกกินอะไรเลยนั้งมองมันเฉยๆ เจ้ากระรอกเผือกทำท่าทางเหมือนจะข้ามาหาแต่อยู่ๆก็ตกใจแล้วหนีไป ชิงอี่ก็หันซ้ายหันขวาว่าเจ้าจิ๋วมันตกใจอะไร ก็เจอพี่ชายตัวเองกำลังปีนไปเด็ดดอกไม้ที่เลือยขึ้นมาบนยอด พี่ชายเธอเด็ดดอกไม้ไปให้ใคร เรื่องนี้มันต้องตามไปส่อง เสียวหมิงเด็ดดอกไม้ลงมาให้...ซานซา!! ดูๆแล้วพี่ชายเธอคงอีกหลายปีถึงจะได้แต่งงาน ซานซาเพิ่งจะ10ขวบเองพอหมดความสนใจเรื่องพี่ชายหญิงสาวก็ไปสำรวจรอบๆป่า เผื่อเธอจะเจอสัตว์น่ารักน่ารักอีก ภพที่แล้วเธอไม่มีญาติไม่มีเพื่อนแม้แต่สัตว์เลี้ยงยังไม่มีเพราะไม่่ต้องการมีภาระตอนไปทำภารกิจ แต่มาภพนี้ถึงเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนรักสัตว์เอามากๆดูได้จากเจ้าสี่สหายที่เธอเลี้ยงดูพวกมันอย่างดี ต้องป้อนยาบำรุงให้กินทุกวัน เพื่อให้พวกมันสุขภาพแข็งแรงขนจะได้สวยๆ ว่าไปป่านี้ก็อุดมสมบูรณ์ดีนะสัตว์ป่ามีมากด้วย พอสำรวจจนพอใจก็กลับไปที่กระโจม พอมาถึงกระโจมก็เดินไปหาแก๊งสี่สหายก่อนเลย "เหนื่อยกันมากมั้ยพวกแก ข้าอยากเห็นลูกวัวตัวน้อยๆแล้วพวกแกเมื่อไรจะมี
"ฝนจะตกจริงใช้มั้ยอาอี่"แม่เฒ่าถามด้วยความตื่นเต้น ถ้าฝนตกชาวบ้านก็จะได้คลายร้อนได้บ้างและยังมีน้ำไว้ใช้ แถมแหล่งน้ำธรรมชาติได้มีน้ำไว้ให้สัตว์อีกด้วย "ข้าไม่แนใจเจ้าค่ะ เจ้านี้มันบอกแค่ว่าอาจมีปริมาณน้ำฝนหนาแน่น""ดีๆ อย่างน้อยยังมีความหวัง ถือเป็นข่าวดี""ฝนตก"เสี่ยวเปา"ฝนตก"หลิงหลง"จ้าฝนจะตกแล้ว"ไห่เม้ยรับคำเด็กทั้งสอง เธอเหมือนมีลูกแฝดเพราะอายุของเด็กใกล้เคียงกัน "ข้าว่าอย่าเพิ่งบอกใครเผื่อมันอาจไม่ตกคนจะผิดหวังเสียเปล่าๆ "หลีฟูกลัวว่าคนจะคาดหวังว่าฝนจะต้องตก ถ้ามันไม่ตกอาจทำให้ชาวบ้านผิดหวังก็ได้ การเดินทางเป็นไปด้วยความเงียบเพราะทุกคนเริ่มสิ้นหวังว่าเดินหนีภัยแล้งครั้งนี้อาจไม่ใช้ความคิดที่ดีก็ได้ตอนตั้งกระโจมพักค้างแรมจากที่เคยมีเสียงพูดคุยก็เริ่มเงียบไม่มีการพูดคุยกันแบบในอดีตเพราะทุกคนท้อแท้เกินกว่าจะมีอารมณ์เสวนา ชิงอี่เป็นห่วงสัตว์เลี้ยงของเธอที่เฝ้าบำรุงมาอย่างดีกลัวจะโดนคนคิดเอาไปเป็นของตัวเองหรือคนใจบาปเอาไปทำอาหารเพราะพวกมันอ้วนดูน่ากินมากเธอเลยอยู่เฝ้าสี่สหายไม่ห่าง เธอถือว่านี้คือของรักของข้าเชียวแหละและเช้ามืดของเช้าวันหนึ่งก็มีลมแรงจนกระโจมปลิวชิงอี่คิดว่าฝ
ขบวนหนีภัยแล้งเดินทางต่อโดยมีหัวหน้าหมู่บ้านนำขบวนและครอบครัวหลีปิดท้ายขบวน ชิงอี่ค่อยใช้กล้องส่องทางไกลดูรอบๆว่าปลอดภัยมั้ย "ชิงอี่เห็นอะไรบ้าง"พ่อหลีถามบุตรสาวด้วยกลัวพวกโจรจะตามมา "ไม่มีอะไรเจ้าค่ะท่านพ่อ ไม่มีใครตามขบวนเรามา "ที่เธอกังวลไม่ใช้โจร แต่เป็นพวกเจ้าหน้าที่ต่างหากละ จากที่เธออ่านในสมุดบัญชี มีเจ้าเมืองเฉียงมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแล้วพวกเธอกำลังเดินทางผ่านเมืองนี้พอดี พวกเธอจะเจออะไรบ้างยากที่จะเดาจริงๆ ช่วงหยุดพักกลางวันหลายๆครอบครัวเลือกที่จะนอนพักเอาแรงเพราะเมื่อคืนทุกคนเกือบจะไม่ได้นอนกันเลย หัวหน้าหมู่บ้านก็เหมือนจะเข้าใจเลยพักให้นานอีกหน่อย เฟยหลงไปดูรอบๆพอรู้มีแหล่งน้ำ ไห่เม้ยกับฮวาหลิวเลยพาเสี่ยวซากับเสี่ยวหลิงไปอาบน้ำสระผมให้สะอาดตาขึ้น เพราะเมื่อคืนแค่เช็ดตัวแต่ยังไม่สะอาดหมดและผมที่เกาะกันเป็นก้อนๆต้องค่อยๆสางกว่าจะอาบน้ำสระผมเสร็จก็หมดเวลาพักพอดี "พออาบน้ำแล้วค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย"ชิงอี่พูดด้วยความเอ็นดู "ข้าว่าแหล่งน้ำเริ่มลดลงแล้วนะ"เฟยหลงเห็นปริมาณน้ำที่ลดลงมากจากรอยเดิม"หมายความว่าภัยแล้งเริ่มขยายพื้นที่แล้วเหรอ"แม่เฒ่าหวองเป็นกังกล กว่าพวกนางจะเดินไป







