เข้าสู่ระบบเมื่อเห็นว่าเฟยเถาไม่อยากพูดเรื่องในร้านผ้า เจียวเหอจึงเอ่ยถามเรื่องที่นางไปโรงหมอกับหูเจี้ยนขึ้นมา
“เจ้าไปที่โรงหมอเพื่ออันใด หรือว่าเจ้าท้องจริงเช่นที่ป้าเถียนว่า...ผู้ใดเป็นบิดาของเด็กในท้องเจ้า”
“เหอะ...ท่านเสียสติหรือ” นางถลึงตามองเขา ตอนนี้ชาวบ้านเริ่มจะหันมามองนางแล้ว
งานถนัดของเขาจริงๆ ที่ทำให้นางต้องขายหน้าต่อหน้าผู้อื่น
“ตอบข้ามา”
“จางเจียวเหอ ในท้องข้าจะมีเด็กหรือไม่ หรือผู้ใดเป็นบิดาของเขา มันไม่เกี่ยวกับท่าน” นางเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา
เสียงของหูเจี้ยนดังขึ้นมาเสียก่อน ที่เจียวเหอจะพูดอะไรออกมา
“เถาเถา ข้ามาแล้ว”
เฟยเถาหันไปจ่ายเงินค่าของว่าง นางเดินไปหาหูเจี้ยนเพื่อช่วยเขายกของขึ้นรถม้า ยังมีอีกหลายร้านที่จ้องแวะไปเอาของ แต่ไม่คิดว่าเจียวเหอจะเดินขึ้นรถม้ามาด้วย
“เจ้าไปเอาเงินมากมายมาซื้อของพวกนี้ได้อย่างไร”
“พี่เจี้ยนซื้อให้” นางตอบแบบไม่ใส่ใจ
“เอ่อ...” หูเจี้ยนคิดจะโต้แย้งแต่ถูกสายตาของเฟยเถาห้ามเอาไว้
“อาเจี้ยนต่อไปเจ้าไม่ต้องวุ่นวายเรื่องของภรรยาข้าแล้ว”
“ห๊ะ!!!/ห๊ะ!!!” เฟยเถาและหูเจี้ยนร้องออกมาพร้อมกัน
“ท่านมันบ้าไปแล้วหรือไง” นางจำได้ว่าเขาเองที่เป็นคนรังเกียจนาง แต่กลับมาพูดต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้เพื่ออะไร
“ข้าพูดเรื่องจริง”
“เถาเถา หมายความเช่นใด อาเหอเจ้าพูดอันใดออกมา” หูเจี้ยนใบหน้าซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าไปฟังเขา”
“หรือว่าเจ้าก็เป็นสามีนางอีก...” ฝ่ามือของเฟยเถาตบไปที่ใบหน้าของเจียวเหอเต็มแรง
“ท่านดูถูกข้าเกินไปแล้ว ที่ผ่านมาข้าอาจจะเป็นฝ่ายไร้ยางอายที่วิ่งตามท่านไปทั่ว แต่ตอนนี้ข้าไม่ต้องการแล้ว ท่านเองก็ดูจะต้องการเช่นนี้ เหตุใดยังพูดจาดูแคลนข้าออกมาอีก” ดวงตาของเฟยเถาแดงก่ำไปด้วยความโกรธ
“ขะ ข้า” เจียวเหอนิ่งเงียบไปทันที เขาพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นแววตาเย็นชาของนาง เฟยเถาเดินออกไปนั่งด้านหน้าคู่กับคนบังคับรถม้า หากนางนั่งอยู่ต่อคงได้ทุบตีเจียวเหอแน่
“อาเหอ ถึงแม้ข้าจะชอบเถาเถาเพียงใด แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำให้นางเสื่อมเสีย ข้ามิได้มีความรู้เช่นเจ้า แต่ข้าก็ยังรู้วาจาที่เจ้าพูดออกมาไม่เหมาะสมนัก”
“แล้วพวกเจ้าไปโรงหมอเพื่ออันใด”
“เถาเถานางไม่อยากให้ข้าพูด แต่ในเมื่อเจ้าสงสัยเรื่องนางกับข้า ข้าเองก็จะพูดเพื่อไม่ให้เจ้าเข้าใจผิด”
หูเจี้ยนบอกเรื่องที่เฟยเถานางพบเจอสมุนไพรบนเขาแล้วนำมาขาย แต่ไม่ได้บอกว่านางขายได้มากน้อยเพียงใด
“แล้วเจ้าเป็นสามีของเถาเถาจริงหรือ” หูเจี้ยนเอ่ยถามเสียงสั่น
“อืม ข้าเป็นสามีนาง”
“เมื่อไหร่กัน ได้อย่างไร เหตุใดข้าไม่รู้ หากเจ้าเป็นสามีเถาเถา เหตุใดเถาเถาถึงได้ดูเหมือนรังเกียจเจ้านักเล่า” เขาไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของเจียวเหอ
“เพราะข้าไม่ดีกระมัง” แม้ยามที่รังแกนางบนเตียง เขายังด่าทอนางเสียๆ หายๆ แล้วนางจะไม่นึกรังเกียจเขาได้อย่างไร
ตลอดทางที่กลับหมู่บ้าน เจียวเหอและหูเจี้ยนไม่พูดสิ่งใดกันอีกเลย รถม้าเข้ามาในหมู่บ้านชาวบ้านย่อมแตกตื่น ยิ่งมาหยุดที่เรือนของเฟยเถายิ่งสงสัยไปกันใหญ่ว่านางมากับผู้ใด
พอเห็นว่าเป็นหูเจี้ยนและเจียวเหอที่ลงมาช่วยนางขนของเขาเรือน เสียงนินทาของชาวบ้านก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย เฟยเถานางจะสนใจเพื่ออันใด เมื่อขนของเสร็จนางก็ปิดประตูเรือน ทิ้งให้หูเจี้ยนและเจียวเหอยืนนิ่งอยู่ที่หน้าเรือนของนางทันที
หูเจี้ยนยังต้องนำทางรถม้าไปลงของที่เรือน จึงไม่ได้รั้งอยู่ต่อ มีเพียงเจียวเหอที่รอจนชาวบ้านสลายตัวไปแล้ว เขาก็เริ่มเคาะประตูเรียกเฟยเถาอีกครั้ง
“มีอันใด” นางมองเขาอย่างเย็นชา
“ข้าขอเข้าไปหน่อย”
“พูดตรงนี้เลย”
นางยืนขวางเอาไว้ไม่ให้เจียวหัวเข้าเรือน แต่ถูกเขาดึงแขนแล้วพาเดินเข้าไปด้านใน ก่อนจะปิดประตูลงเพื่อปิดบังสายตาของชาวบ้าน
“จางเจียวเหอ มันจะมากไปแล้วนะ”
“ข้าจะต้องย้ายไปเรียนที่เมืองหลวงในอีกสองเดือนข้างหน้า ก่อนหน้าที่จะไปข้าจะส่งแม่สื่อมาสู่ขอเจ้าให้เรียบร้อย”
“อะ อะไรของท่านกัน ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้อง”
“ต่อให้เรื่องคืนนั้น เป็นแผนการที่เจ้าวางไว้ อย่างไรข้าก็ต้องรับผิดชอบ”
“ข้าพูดกับท่านจากใจจริงของข้าเลยนะ ข้าไม่ต้องการให้ท่านรับผิดชอบ ไม่ว่าตอนนี้หรือภายหน้า ต่อให้ท่านได้เป็นขุนนางตำแหน่งใหญ่โต ก็ไม่ต้องห่วงว่าข้าจะไปเรียกร้องสิ่งใด หากท่านพึงใจในตัวคุณหนูถัง ท่านแต่งกับนางได้อย่างสบายใจ ข้าไม่ขัดขวางแน่นอน”
“ผู้ใดบอกเจ้าว่าข้าพึงใจในตัวคุณหนูถัง” เขาขมวดคิ้วอย่างมึนงง
“เอ่อ...ก็เจ้าออกหน้าปกป้องนาง” เฟยเถาคิดแก้ตัวได้เพียงแค่เรื่องในวันนี้
“ข้าไม่ได้ปกป้องนาง ที่ผ่านมาสตรีทุกคนที่เจ้าใกล้ก็ล้วนแต่เป็นเจ้าที่เป็นฝ่ายเริ่มทำร้ายพวกนางก่อน ครั้งนี้ข้ายอมรับว่าตัดสินเจ้าโดยไม่เอ่ยถามความก่อน เป็นข้าที่ผิดเอง และข้าก็บอกนางแล้วว่าเจ้าคือภรรยาของข้า”
“ห๊ะ!!! เจ้าไม่กลัวนางเสียใจหรือไง เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ” นั่นนางเอกเลยนะ
“อันใดของเจ้า ก็ข้าบอกแล้วไงว่าข้ากับคุณหนูถังมิได้เป็นอันใดกัน”
“จางเจียวเหอ การตัดสินใจของท่านในวันนี้จะทำให้ท่านนึกเสียใจในภายหลัง เอาเช่นนี้...ท่านเดินทางไปเมืองหลวงเสียก่อน เมื่อท่านได้ตำแหน่งขุนนางอย่างที่หวัง วันนั้นท่านยังนึกถึงข้าอยู่ค่อยหารือกันอีกครั้ง”
ตามเนื้อเรื่องในนิยาย ฟางเฟยเถาถูกทิ้งไว้อยู่ที่หมู่บ้าน หลังจากเจียวเหอได้เป็นขุนนางสมใจ เขาแต่งจินเซียนเป็นภรรยาเอก และส่งคนมารับเฟยเถาไปเป็นอนุ หากจะไม่รับนางไปเป็นอนุก็ไม่ได้ ด้วยเฟยเถาโวยวายให้เจียวเหอเขียนหนังสือสัญญาทิ้งไว้ให้นางก่อนจะเดินทางไปเมืองหลวง
“ไม่ต้อง เจ้าแต่งให้ข้าเลย แล้วย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงกับข้า”
“ใจเย็นๆ ท่านต้องค่อยๆ ไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดีๆ ในเมืองหลวงมีสาวงามล่มเมืองไม่น้อย ท่านอาจจะต้องตาสักคน ถึงวันนั้นท่านจะจัดการข้าเช่นใด สังหารข้าทิ้งให้พ้นทาง หรือโยนให้ข้าไปเป็นอนุ” ทั้งหมดคือสิ่งที่เจียวเหอทำกับฟางเฟยเถาในนิยาย
“เจ้าคิดว่าข้าลุ่มหลงสาวงามเช่นนั้นหรือ”
“ข้าพูดเผื่อเอาไว้ มันเป็นเรื่องดีสำหรับท่านด้วยเห็นหรือไม่ คิดตามข้า...หากมีวันนั้นที่ท่านพบเจอคนที่ท่านชอบจากใจจริง ข้าจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด ท่านเองก็จะได้ไม่มีเชือกมารั้งคอเอาไว้” นางพยายามยกเหตุใดที่ฟังขึ้นมาเอ่ยอ้างกับเขา
แต่เสียงร้องเรียกโวยวายอยู่หน้าเรือน ทำให้การเจรจาของทั้งสองหยุดลงเสียก่อน
“ท่านแอบให้ดีเล่า อย่าได้โผล่ออกมา” นางไม่อยากให้ผู้ใดมาเห็นว่านางอยู่กับเจียวเหอตามลำพังในเรือนของนาง
“อืม” เขาพอจะเข้าใจเรื่องชื่อเสียงของสตรี แต่เฟยเถานางไม่มีชื่อเสียงดีๆ ให้เสียอีกแล้ว
เฟยเถาไปเปิดประตูเรือน ก็เห็นคนตระกูลหูพากันมาที่เรือนของนางกันหมด แม้แต่ผู้นำหมู่บ้านลุงหู บิดาของหูเจี้ยนก็มาด้วยเช่นกัน
“เอ่อ...มากันทำไมเจ้าคะ” นางหันไปมองหูเจี้ยนเพื่อขอคำตอบ
“เข้าไปคุยด้านในก่อนเถิด”
ป้าหูคล่องแขนเฟยเถาอย่างสนิทสนม จนนางเองก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ แต่ก็ยอมพาคนทั้งหมดเข้ามาในเรือน
“อาเจี้ยนบอกเรื่องเงินกับข้าแล้ว เหตุใดเจ้าถึงต้องมอบเงินให้เขามากเพียงนี้” ลุงหูเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย
หรูหลิงไม่คิดว่าเพียงแช่น้ำในบ่อมรกตจะทรมานเช่นนี้ นางเคยแช่ตัวในลำธารวิเศษของเฟยเถา แต่ไม่เห็นจะทรมานเช่นที่เป็นอยู่ นางกรีดร้องอยู่สองชั่วยามจึงได้สิ้นความเจ็บปวด“ชอบหรือไม่” ทั้งสองออกมาจากมิติแล้ว หรูหลิงกำลังนั่งอยู่ที่หน้ากระจกมองรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของนาง“ผู้อื่นจะไม่สงสัยหรือ”“ยังมองออกว่าเป็นเจ้าเช่นเดิม เพียงแค่งามขึ้นมากกว่าเดิมก็เท่านั้น”“ขอบใจเจ้ามากเถาเถา”“ข้าต้องกลับแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่ เข้ามาอยู่กับเจ้าตามลำพังนานเพียงนี้ ผู้อื่นที่มาเติมสินเดิมให้เจ้าจะตำหนิข้าได้”“ได้ ข้าไปส่ง”ยามที่หรูหลิงเดินออกมาจากเรือนพร้อมกับเฟยเถา บ่าวไพร่ในจวนก็มองนางอย่างตกตะลึง แม้แต่ราชครูสุ่ยและฮูหยินสุ่ยเองก็อดจะสงสัยไม่ได้ เมื่อเฟยเถากลับไปจึงได้เรียกบุตรสาวเข้ามาถาม“เถาเถา นางช่วยให้ข้ากลายเป็นผู้ฝึกตนเจ้าค่ะ”ทั้งสองเข้าใจได้ทันทีว่าผู้ฝึกตนคือสิ่งใด ด้วยซิงเหยี่ยน เจียวเหอและอาซือ คือผู้ฝึกตนที่รบกับแคว้นต้าซ่ง โดยที่ทหารแคว้นต้าฉีไม่ได้ล้มตายเลยสักคนเดียว ผู้คนจึงเริ่มหวั่นเกรงในความสามารถของทั้งสองวันงานมงคล เจียวเหอไปที่ตำหนักขององค์ชายสาม เพื่อมารับเจ้าสาวพร้อมเขา ส
จินเซียน ราวกับว่าวิญญาณของนางกำลังจะถูกดึงออกจากร่างของเฟยเถา นางดิ้นรนอย่างทรมาน เพื่อยื้อให้ตนเองได้ใช้ชีวิตอีกครั้ง“ขะ ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ ท่านเทพชะตา ท่านต้องให้โอกาสข้า ข้ายังไม่ได้ทำอันใดเลย”“เจ้าทำผิดต่อคำสาบานของเจ้า ข้ายอมให้เจ้าได้แก้ตัว ด้วยเห็นว่าวิญญาณของเจ้าไม่สงบ ในเมื่อนางเข้ามาทำให้โชคชะตาของเจ้าเปลี่ยน ข้าจึงให้เจ้าได้ลองเป็นนาง ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่เจ้าคิดหรือไม่ แต่เจ้ากล้าทำให้เด็กบาดเจ็บ...”“ยัง เด็กยังไม่ได้รับบาดเจ็บ ท่านต้องจะพาข้าไปไม่ได้”บุรุษทั้งสามหรี่ตามองนาง เหมือนว่านางกำลังพูดกับสิ่งใดอยู่ แต่พวกเขามองไม่เห็น“จินเซียน ครั้งนี้เด็กไม่บาดเจ็บ แต่ความแค้นในใจเจ้ารุนแรงเกินไป เจ้าคิดจะกำจัดเด็กทั้งสองตั้งแต่แรก ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเด็กทั้งสองเจ้าแตะต้องไม่ได้”“ข้าอยากแตะต้องเสียที่ไหน หากมิใช่ฮูหยินสุ่ยสงสัยในตัวข้า”“เป็นเจ้าที่ทำพลาดไป อย่างไรเจียวเหอก็ไม่มีทางสนใจเจ้า ยอมรับเสีย หมดเวลาของเจ้าแล้ว”“หากข้าอยู่ต่อ เชื่อว่าเขาต้องรักข้ามากกว่านางเป็นแน่”“ไม่ ข้าไม่มีทางรักเจ้า ถังอี้เหนียงไม่ว่าเมื่อก่อนหรือเจ้าในร่างนาง ข้าก็ไม่เคยนึกสนใจเ
ไป๋ไป๋ นำม้าในมิติออกมาเปลี่ยนให้ทั้งสามใช้แทน สัตว์เทพทั้งสามตัว วิ่งได้เร็วราวกับลม ทั้งยังไม่ต้องหยุดพักเพื่อกินอาหาร เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน พวกเขาก็เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงเจียวเหอมุ่งหน้ากลับไปที่จวนทันที ซิงเหยี่ยนไปหาหรูหลิงที่จวนสุ่ยเพื่อสอบถามเรื่องราวจากนางเสียก่อน ซิงเหยี่ยนยังต้องเข้าวังหลวงเพื่อไปรายงานเรื่องที่ชายแดนให้เสด็จพ่อฟัง จึงไม่ได้พาหรูหลิงไปที่จวนตระกูลจางในทันที“ท่านพี่ กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” จินเซียนในร่างของเฟยเถายิ้มหวานมองเจียวเหอ ที่เข้ามาหานางในห้องอยู่ไฟเจียวเหอ ดินเข้าไปหานางอย่างใจเย็น แม้ใบหน้าจะเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกบอกเขาว่าวิญญาณของนางไม่ใช่เฟยเถา“เป็นเช่นใดบ้าง ดีขึ้นแล้วหรือไม่” เขาเอ่ยถามอย่างเย็นชา“ดีแล้วเจ้าค่ะ ร่างกายข้าฟื้นตัวได้เร็วนัก บ่าวไพร่ก็ไม่ยอมให้ข้าเลี้ยงบุตรชายทั้งสองเลย ท่านพี่ ท่านพาลูกมาหาข้าได้หรือไม่”“ยังไม่ต้อง เจ้าควรจะพักต่อ ข้าจะไปดูลูกเสียก่อน”“แต่ว่า...ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก” นางเดินเข้ามาจะสวมกอดเขา“ร่างกายข้าเปื้อนไปทั้งตัว อย่าเพิ่งเข้าใกล้ข้า”“เจ้าค่ะ เช่นนั้น ข้าจะสั่งให้บ่าวเตรียมน้ำให้ท่านนะเจ้าคะ” นางยิ
เฟยเถาราวกับตัวนางล่องลอยหลุดออกมาจากร่าง นางมองทุกสิ่งในห้องด้วยความตกใจ แม้จะเอ่ยเรียกหรือพูดสิ่งใดก็ไม่มีคนได้ยิน เด็กทารกทั้งสองราวกับรับรู้ความเป็นตายของผู้เป็นมารดา ต่างก็ส่งเสียงร้องแข่งกันราวกับจะขาดใจเจียวเหอก็กอดร่างของเฟยเถาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เขาพร่ำเอ่ยเรียกชื่อของนางหวังให้นางลืมตาขึ้นมามองเขาสักครั้ง“ฟางซื่อ เจ้าแย่งโชคชะตาของข้าไป จะเป็นเช่นใดหากเจ้าได้มองข้าใช้ชีวิตในร่างของเจ้า”“จินเซียน!!!”เฟยเถาหันไปมองด้านข้างของนางอย่างรวดเร็ว ก็เห็นวิญญาณของจินเซียนจ้องมองมาที่นางอย่างโกรธแค้น“อย่าได้คิด” นางเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา“อืม...เจ้าทนดูเถิดว่าข้า...จะจัดการกับบุตรเจ้าและสามีของเจ้าเช่นใด”“อย่า!!!” เฟยเถากรีดร้องออกมาสุดเสียงดวงตาของนางเบิกกว้างไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นวิญญาณของจินเซียนค่อยๆ ลอยเข้าไปแทนที่อยู่ในร่างของนาง“นายท่าน!!! ปล่อยมือเร็วเข้า ท่านต้องกลับไปแล้ว” ไป๋ไป๋เองก็เห็นเช่นกัน มันใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดดึงร่างของเจียวเหอให้หลุดออกมาจากร่างของเฟยเถาที่นอนอยู่“แม่นางสุ่ย ฝากท่านดูคุณชายน้อยทั้งสองด้วย ในร่างของนายหญิงตอนนี้ไม่ใช่วิญญาณของนาง แต่เป็นจ
ซิงเหยี่ยนฟังเรื่องราวทั้งหมดจากหรูหลิง เขาก็ทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง“หลิงหลิง ข้าไม่คิดจะขึ้นนั่งบัลลังก์ ข้าจะช่วยพี่ใหญ่ให้เขารอดจากเคราะห์ครั้งนี้ เจ้ารอข้าได้หรือไม่ เมื่อกลับมาเมืองหลวง ค่อยเข้าพิธีแต่งงาน” เขากุมมือของนางเอาไว้“ได้ ข้าจะรอท่าน” นางยิ้มออกมาอย่างยินดี นางเองก็ไม่อยากถูกขังอยู่ภายในตำหนักทองคำเช่นกันซิงเหยี่ยนและเจียวเหอ หารือเรื่องที่จะเดินทางไปชายแดนเหนือร่วมกัน พวกขาที่ยังไม่ทันจะคิดว่าจะออกเดินทางเมื่อใด ชายแดนเหนือก็ส่งข่าวมาแล้วว่า แคว้นต้าซ่งเริ่มมีการเคลื่อนไหว คาดว่าอีกไม่นานจะเกิดสงครามทั้งสองรีบเข้าวังหลวงไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ทันที ซิงเหยี่ยนบอกฮ่องเต้เรื่องที่เขาและเจียวเหอกลายเป็นผู้ฝึกตน ในตอนแรกฮ่องเต้ก็ยังไม่เชื่อ จนเมื่อเห็นพลังปราณที่ซิงเหยี่ยนปล่อยออกมา“เจ้าจะเดินทางไปชายแดนเหนือเช่นนั้นหรือ”“เสด็จพ่อ ลูกเป็นห่วงพี่ใหญ่ ให้ลูกไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากมีลูกและจางจอหงวน แคว้นต้าฉีจะไม่มีทางแพ้ให้แคว้นต้าซ่งอย่างแน่นอน”“แล้วงานมงคลของเจ้า” อีกเพียงเดือนเดียวก็จะถึงงานมงคลของซิงเหยี่ยนแล้ว“ลูกเชื่อว่าคุณหนูสุ่ยนางจะเข้าใจ”“ได้ จางจอหงวนถือว่าเป็นงานแรก
จินเซียนที่กำลังเลือกเครื่องประดับ ที่ร้านในอันดับหนึ่งในเมืองส่งมาให้นางเลือกอยู่ เห็นองค์ชายรองเข้ามา นางก็ยิ้มอย่างยินดี เดินไปหาเขา คิดว่าเขาจะมาช่วยนางเลือกเสียงฝ่ามือกระทบลงบนใบหน้าของจินเซียนดังออกไปถึงด้านนอก พวกบ่าวต่างก็พากันถอยห่างไปไกลด้วยความหวาดกลัว“หญิงชั่ว!!! เจ้ารู้เรื่องที่บิดาของเจ้าถูกจับโทษฐานลอบค้าเกลือหรือไม่”“...” จินเซียนจ้องมองเขาอย่างโกรธแค้น นางดูไม่ตกใจในคำถามของเขา และยกยิ้มที่มุมปากอย่างเยาะเย้ย“แล้วพระองค์คิดว่า เจ้าเมืองเล็กๆ เช่นบิดาหม่อมฉัน จะหาเงินมากเพียงนั้นมาให้พระองค์ได้อย่างไรเล่าเพคะ”“เจ้ารู้อยู่แล้วหรือ” ดวงตาของเขาแดงก่ำไปด้วยโทสะ มือทั้งสองข้างบีบที่ต้นแขนของจินเซียนเอาไว้แน่น“เพคะ พระองค์ก็พูดเองว่าเข้าหาหม่อมฉันเพื่อหวังสมบัติ ในเมื่อได้มาแล้วมิยินดีหรือเพ....โอ๊ยยยย” นางถูกตบไปอีกสองที จนฟุบไปอยู่บนพื้น“สมควรตาย!!! การรับเจ้าเข้าตำหนัก เป็นความคิดโง่เขลาที่สุดสำหรับข้า” เขาเดินไปเตะเข้าที่ท้องนางหนึ่งทีก่อนจะออกไปด้านนอก เพื่อไปจัดการสมบัติทั้งหมดที่ได้มาโดยเร็วจินเซียนนอนงอตัวหัวเราะอยู่ที่พื้น ไม่รู้ว่านางพลาดที่ใด ตั้งแต่เรื่อ







