แชร์

ตอนที่ 8 แผนซ้อนรัก

ผู้เขียน: ฟู่จินเฟย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-18 11:16:21

กว่าพายุจะสงบลงก็กินเวลาไปเสียหลายชั่วยาม จนกระทั่งยามเหม่า [05.30 น.] เหยียนเฟิงก็ลอบอาศัยวิชาตัวเบาส่งสัญญาณลับปลุกผู้เป็นนาย ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งเค่อหานกงกงได้มาหาเขาพร้อมบอกสถานการณ์บางอย่างที่ได้บังเอิญได้ยินสาวใช้เรือนเยว่หลันพูดคุยกัน

และขันทีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านเล่ห์เพทุบายมาสารพัดพลันฉุกคิดขึ้นได้ถึงเหตุการณ์บัดซบอุบายที่จวนเสนาบดีจะทำให้เกิดขึ้นจึงเร่งมาหาเขาเพื่อให้มาพาหยางจวิ้นอ๋องออกมาจากห้องของบุตรสาวคนโตของเสนาบดีได้ทันท่วงทีอย่างหวุดหวิด โดยที่ซูเหยาที่เหน็ดเหนื่อยจากการร่วมรักนั้นหลับสนิทจนไม่รู้สึกตัวว่าบุรุษที่กกกอดนางไว้บัดนี้ยืนกำหมัดแน่นมองนางด้วยแววตาอาฆาตเมื่อรับรู้แผนการร้ายของนาง

“ข้าเกือบจะใจอ่อนกับนางอยู่แล้วเชียว” อันที่จริงเรื่องที่จ้าวอ๋องจงใจก่อกวนอารมณ์นางเมื่อช่วงหัวค่ำก็เพราะตอนเช้าเขาบังเอิญเห็นนางยืนพูดคุยยิ้มแย้มกับบัณฑิตผู้นั่งอย่างใกล้ชิดจึงเกิดความไม่พอใจ เลยพาลมาหาเรื่องนางทั้งทำประชดประชันในงานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่า แต่เมื่อครู่ที่ได้ฟังแผนการของนางจากเหยียนเฟิงแล้วนั้นเขากลับนึกรังเกียจนางขึ้นมาเสียอย่างนั้น

‘ทั้งโกรธ ทั้งเกลียด และผิดหวัง หึ!’

[ยามเฉิน 07.00 น.]

เป็นดังคาดการไว้เมื่อบัดนี้เสนาบดีจาง เหล่าฮูหยิน ฮูหยินรอง และชิงเยว่ ทั้งบ่าวรับใช้หลายคนต่างมารวมกันที่หน้าเรือนเยว่หลัน ประตูเรือนนั้นถูกเสนาบดีหลินพังเข้าไปไม่เป็นท่าเมื่อสาวใช้ของเรือนเยว่หลันไปตามเขามาตั้งแต่เช้าตรู่

“นังลูกไม่รักดี หลินซูเหยาเจ้าตื่นเดี๋ยวนี้ ตื่นสิ! งามหน้านักดูเจ้าสิ” ร่างบางในชุดนอนตัวบางเบาถูกกระชากให้ลุกขึ้นจากเตียง ซ้ำผลักนางลงพื้นจนเซถลา

ซูเหยาที่ยังไม่ตื่นเต็มตานัก เมื่อได้สติก็แสร้งตกใจแต่ครั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเห็นหยางจวิ้นอ๋องและหลินชิงเยว่ยืนเคียงคู่กัน ในสภาพที่อาภรณ์ครบชุดเรียบร้อยจึงได้มีสีหน้าฉงน ก่อนจะเหลือบมองเยว่ถานเพื่อขอคำตอบว่าแผนพวกนางเกิดอะไรขึ้นก็ได้รับเพียงการส่ายหน้าน้อย ๆ กลับมา เมื่อเป็นเช่นนั้นร่างบางถึงกลับหมดแรงทรุดลงกับพื้น ปิดตาลงแน่นอย่างคิดไม่ตก

“เจ้าลูกไม่รักดี เจ้าอธิบายมาเมื่อคืนเจ้าเอาไอ้บุรุษหน้าไหนมานอนด้วยห๊า ข้าเลี้ยงเจ้าไม่ดีรึ เหตุใดถึงทำเช่นนี้ห๊ะ” เสนาบดีหลินบัดนี้โมโหจนหน้ามืด เขาฟาดฝ่ามือหนัก ๆ ลงที่ตัวของซูเหยาหลายคราจนนางเริ่มส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น ส่วนเหล่าฮูหยินนั้นบัดนี้เป็นลมไปเสียเป็นที่เรียบร้อย

“ท่านพ่อ” ซูเหยาร้องครางอย่างเสียใจ นางยังคงมึนงงกับสิ่งที่เกิดเหตุใดทุกอย่างผิดพลาดไปเสียหมด ก่อนจะตกใจดึงแขนกลับแทบไม่ทันเมื่อมารดาเลี้ยงกระชากแขนของนางเพื่อดูแต้มพรหมจันทร์ ซึ่งเมื่อคืนนั้นก่อนจะมีสัมพันธ์รักกันจ้าวหยางได้ลบสีที่นางแต้มไว้ออกจนเสียหมด และบัดนี้ท้องแขนของนางขาวกระจ่างปราศจากรอยแต้มจุดสีแดงยิ่งทำให้ใจของซูเหยาร่วงไหวยวบลง หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงราวเม็ดไข่มุกร่วงหล่น นางพยายามส่งสายตาให้จ้าวหยางช่วยเหลือแต่เขากลับปิดปากเงียบ

“บอกมามันเป็นใคร! ห๊ะ ซูเหยาไอ้หน้าไหนที่เจ้าเอามันมานอนด้วยเมื่อคืน บอกมา! ไม่บอกใช่มั๊ย ได้! ดี! ลากคุณหนูใหญ่ออกไปดูสิวันนี้นางจะปริปากรึไม่”

สิ้นเสียงด่าว่าหานกงกงลอบมองสีหน้าหยางจวิ้นอ๋องที่ทำใบหน้านิ่งขรึมเหี้ยมน่าหวาดหวั่น แต่เมื่อเห็นว่ามิทรงเอ่ยสิ่งใดจึงได้แต่ยืนดูสถานการณ์เพียงเงียบ ๆ

“ไม่นะท่านพ่อ ข้าไม่ไป ฮือ ท่านพ่อ ข้าไม่ไป ท่านย่า เยว่ถานฮึก ช่วยข้าด้วย ไม่เอาท่านพ่อลูกไม่ไปนะ ฮึก ฮือ ท่านพ่ออย่าตี ข้ากลัวแล้ว ข้าไม่ไป          ท่านอ๋อง ๆ ช่วยข้าที  ฮึก ฮือ ช่วยข้าทีได้โปรดข้ากลัว ฮึก” ซูเหยาเมื่อหมดหนทางจึงสะบัดสาวใช้ที่รุมจับนางให้พ้นทางวิ่งฝ่ามานั่งกอดขาอ้อนวอนของให้หยางจวิ้นอ๋องช่วย แต่นอกจากเขาจะไม่ช่วยแล้วยังมองนางด้วยสายตาเย็นชา ซ้ำยังเอ่ยปากขอลากลับเพราะไม่อยากรับรู้เรื่องราวภายในของครอบครัว นั่นเองที่ทำให้     ซูเหยาถึงกับหมดแรง นางส่งสายตาตัดพ้อต่อว่าหยางจวิ้นอ๋องด้วยหัวใจร้าวรานแหลกสลาย

‘เหตุใด เพราะเหตุใดพระองค์ถึงได้เป็นเช่นนี้’ ร่างบอบบางทรุดตัวลงนั่งหมดอาลัยกับพื้นร้องไห้สะอึกสะอื้นปริ่มจะขาดใจ เยว่ถานที่เห็นเช่นนั้นก็วิ่งเข้ามาโอบกอดผู้เป็นนายอย่างปลอบประโลม

“นังบ่าวชั่วเฝ้าเจ้านายเช่นไรถึงปล่อยให้เรือนเกิดเรื่องบัดสีเช่นนี้ขึ้นห๊ะ ไปลากออกไปทั้งนายทั้งบ่าว” ซูฉีถือโอกาสว่าร้ายสาดพ่นวาจาเติมเชื้อไฟใส่ซูเหยา

“ไม่นะ คุณหนู ๆ ปล่อยสิปล่อยข้า ข้าจะไปหาคุณหนู” เยว่ถานดิ้นรนจากแรงฉุดดึงแต่ก็ไม่เป็นผล สองนายบ่าวถูกจับแยกกันไปลงโทษคนละที่ แต่การลงโทษล้วนเป็นการโบยตี

ซูเหยาบัดนี้ความคิดเลื่อนลอยแผนการที่วางไว้ใยมันกลับวกกลับมาทำร้ายนางเอง มันผิดพลาดที่ตรงไหนกันแน่ และตอนนี้ยามที่ร่างกายถูกผู้เป็นพ่อฟาดไม้ลงคราใดนางมิได้ส่งเสียงแม้เพียงสักนิด ส่วนเสนาบดีหลินนั้นด้วยความที่รักบุตรสาวผู้นี้มากในใจยิ่งร้าวราน คราฟาดไม้ลงหลังนางทีไรในใจเขาเจ็บจนเจียนตาย แม้จะถามไถ่เช่นใดบุตรสาวเขาก็ยังปกป้องไอ้ชายชั่วคนนั้นมิยินยอมบอก เขาตีจนกระทั่งอาภรณ์สีขาวนางเริ่มซับสีเลือดและพอดีกับที่เหล่าฮูหยินปรี่เข้ามาร้องขอแทนนางเขาถึงได้หยุดพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดอาลัยตายยาก ในที่สุดน้ำตาลูกผู้ชายก็หลั่งเมื่อเห็นสภาพบุตรสาวอันที่ที่รักสลบไปต่อหน้าต่อตา และเป็นเขาที่อุ้มนางกลับเข้าเรือนพร้อมให้คนไปตามหมอมาดูอีกทั้งกำชับให้รักษาบาดแผลของนางให้ดีอย่าได้ให้ทิ้งริ้วรอย แม้แพงก็ยินดีจ่ายในเมื่อนางยังมิยอมบอกเช่นนั้นรอนางพื้นค่อยถามไถ่เอาความก็ยังไม่สาย

ว่าแล้วก็สะบัดชุดเดินก้าวอาด ๆ ออกไปอย่างโมโหจนแทบกระอักเลือด ก่อนจากมิลืมกำชับสาวใช้หากว่านางฟื้นให้ไปตามตนอีกครา เขาต้องสอบสวน    ซูเหยาให้รู้ว่าผู้ใดที่บังอาจเข้ามาหยามเขาถึงที่จวนเสนาบดี มันช่างบังอาจยิ่งนัก!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 44 ครรลอง ของสองเรา

    หลังจากดูถูกหยางจวิ้นอ๋องครานั้นซูเหยาก็ไม่คิดจะทำอีกเลย เขาพละกำลังล้นเหลือราวม้าศึกมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยจนซูเหยาประจักษ์แจ้งแก่ใจนัก หลังจากวันนั้นนางก็ร่างกายอ่อนแรงนี่ก็เข้าเดือนที่สองแล้วกระมังที่นางมักเวียนศีรษะอยู่บ่อย ๆ อีกทั้งยังต้องเทียวไปมาระหว่างจวนตระกูลหลินกับตำหนักป่าไผ่ทำให้หลายวันมานี้นางถึงกับทนไม่ไหวเวียนศีรษะจนสำรอกออกมาเสียกลางทาง ทั้งร่างกายมิมีแรงไหนจะทั้งรู้สึกง่วงนอนอยู่ตลอดเวลาอีกเล่าแต่อาการเหล่านี้นั้นช่างน่าประหลาดยิ่งซูเหยาค้นพบว่าอาการนางจะทุเลาลงถึงขั้นหายไปเมื่อได้สูดดมกลิ่นกายของหยางจวิ้นอ๋อง ซึ่งน่าประหลาดนักทำให้หลัง ๆ มานี้จากที่เขาติดนางกลายเป็นนางที่ติดเขาแทนไปเสียแล้ว“ท่านอ๋อง”“ซูเหยาลุกขึ้นก่อนเถิดท่านหมอมาแล้ว” ซูเหยาฝืนอาการเวียนศีรษะหน้ามืดนางพยายามมองดูจ้าวหยางแต่กลับพบว่าบัดนี้มิได้มีเพียงหมอหลวง กลับมีญาติฝั่งนางมาครบอีกแม้กระทั่งพระชายาและท่านปู่ของเขาก็ยังมาด้วย นางเห็นเช่นนั้นก็พยายามลุกขึ้นเพื่อถวายความเคารพ แต่ก็ถูกผู้ใหญ่ทัดทานเอาไว้เสียก่อนเมื่อเห็นใบหน้านางซีดเผือดมิสู้ดีนัก“ซูเหยาเจ้าไม่ต้องลุก ๆ นอนลง ๆ เดี๋ยวให้หมอหลวงตรวจให

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 43 คลี่คลาย

    [จวนตระกูลหลิน]ซูเหยาบัดนี้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากเมื่อบิดาเอาแต่จ้องตนแต่มิยอมพูดจา นางจึงได้แต่ก้มหน้าแล้วจับชายอาภรณ์พลิกไปพลิกมาแทนเมื่อเริ่มรู้ถึงสถานการณ์กดดัน และเป็นนางที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องยอมเอ่ยปากกับผู้เป็นบิดาก่อน ส่วนท่านย่านั้นมิได้ถูกเชิญออกมากลัวว่าได้ยินเรื่องราวของนางแล้วเดี๋ยวเป็นการซ้ำเติมอาการเข้าไปใหญ่“ท่านพ่อ...”“เจ้ารู้ความผิดตัวเองรึไม่!” หลินเจียงเอ่ยด้วยใบหน้าเข้มน้ำเสียงราบเรียบจนซูเหยานึกขยาดเสียวสันหลังวาบดวงตาเริ่มแดงก่ำเจือด้วยหยาดน้ำวาววับ“ทะท่านพ่อลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ขะข้าทำให้ท่านต้องเสื่อมเสีย ละลูก”“นางมิผิด หากจะผิดล้วนเป็นข้าที่ผิด” จ้าวหยางที่นึกเป็นห่วงนางหลังพูดคุยกับมารดาเสร็จก็รีบควบม้าวิ่งทะยานตรงมาหานางที่จวนในทันที“ทะท่านอ๋อง” เสนาบดีเจียงลุกขึ้นทำความเคารพตามปกติแต่บรรยากาศโดยรอบนั้นกลับเต็มไปด้วยเมฆหมอกอึมครึม“ท่านหลินเป็นข้าทั้งนั้นที่ผิดเจ้าอย่าได้โทษนาง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนถูกล่อลวงจากข้าทั้งนั้น”“ไม่ใช่นะเจ้าคะท่านพ่อ มิใช่เช่นนั้นเป็นข้าเองที่ชอบท่านอ๋องมาก” ซูเหยาที่นึกกลัวผู้เป็นพ่อที่มีท่าทางเอาจริงเอาจังอย่างที่ไม

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 42 โฉมหน้าที่แท้จริิง

    การที่องค์ชายรองประคองมารดาเดินมาชมบุปผาในอีกด้านนั้นก็พอดีกับเหล่าขุนนางที่ว่าราชการจบ ไท่จื่อเฟยจึงได้ถือโอกาสเชิญพวกเขามาดื่มชา ชมบุปผางามเพื่อผ่อนคลายจากงานราชกิจ โดยทุกอย่างนั้นล้วนถูกจ้าวหยางและมารดาจัดแจงความเป็นไปไว้เสียหมดสิ้น“ท่านแม่ ๆ ท่านแม่ว่าป่านนี้พี่สาวของข้านางจะเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ หึ!”.”ก็คงนอนตายอยู่ใต้หน้าผาลึกแล้วกระมัง ฮ่า ๆ ช่างเถอะคนมันไม่มีวาสนาก็เหมือนแม่นางนั้นแหละ ชะตาอาภัพผู้ใดจะคิดกันเล่านังเด็กซูเหยานั้นออกจะเก่งกาจจะมาตายง่ายดายถึงเพียงนี้ หึ ๆ”“แต่ท่านแม่หากท่านพ่อรู้เล่าเจ้าคะ ท่านพ่อต้องถามหานางแน่ ๆ” ชิงเยว่เมื่อนึกถึงผู้เป็นพ่อขึ้นมาก็กลับเกิดหวาดกลัวขึ้นในใจ“พ่อเจ้าหนะรึโง่สิ้นดีหนะสิ ขนาดฮูหยินใหญ่นางตายเพียงข้าโกหกเพียงนิด บีบน้ำตาเสียหน่อยเขาก็คิดเสียแล้วว่าการตายของนางเป็นอุบัติเหตุ” ซูฉีที่นางมั่นใจเพียงนี้นั้นก็เพราะตระกูลนางกว้างขวางซ้ำร่ำรวยทำสิ่งใดจึงมิต้องได้เปลืองแรงมากนัก สองแม่ลูกพูดคุยกันเพลิดเพลินโดยหารู้ไม่ว่าบัดนี้คนที่อยู่นอกห้องนั้นได้ยินถ้อยคำพวกนางเสียหมดสิ้น“ซูฉี! หลินชิงเยว่! ” เสนาบดีหลินเดินออกมาอย่างเลื่อนลอยแต่ใ

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 41 กระชากหน้ากาก

    “ท่านแม่ ๆ มีเทียบเชิญเข้าเฝ้าพระชายาเช่นนั้นรึเจ้าคะ” ชิงเยว่รีบวิ่งหน้าตั้งมาหาผู้เป็นมารดาที่เรือน หลายวันมานี้นางมิต้องสำรวมสิ่งใด ท่านย่าป่วย ท่านพ่ออยู่ว่าช่วยราชกิจฝ่าบาทในวัง อีกทั้งนังพี่สาวตัวดีหายสาบสูญ ดูเถิดคนในเรือนนางยังคิดว่านายหญิงพวกมันอยู่ที่ตำหนักป่าไผ่ หึ! เป็นซากศพเฝ้าหน้าผาลึกต่างหากเล่า ช่วยมิได้ใครใช้ให้เจ้ากล้ามาแย่งชิงความชอบขององค์ชายรองกับข้า“ใช่ ๆ เจ้าหนะหัดสำรวมเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นเกิดผู้ใดทะเล่อทะล่าเข้ามาเห็นเข้าแล้วเอาไปพูดต่อละก็ไม่ดีแน่” ซูฉียิ้มปริ่มนึกปลาบปลื้มในใจที่เทียบเชิญเขียนชื่อชิงเยว่กับนางเพียงสองคน ไม่มีชื่อนังเด็กซูเหยา ใช่สิ! จะมีได้เช่นไรในเมื่อนางส่งมันไปหาแม่มันด้วยมือตนเอง หึ!“แม่นมอวิ๋นเร็วเข้าไปเตรียมรถม้าให้เร็ว ข้าจะพาลูกข้าไปซื้อหาอาภรณ์ใหม่เสียหน่อยเข้าวังครานี้จะน้อยหน้าสตรีอื่นได้เช่นไร”“เจ้าค่ะฮูหยิน”“ท่านแม่ดีที่สุด วันพรุ่งลูกต้องโดดเด่นกว่าใครในงานชมบุปผาให้ได้” ชิงเยว่ยิ้มอีกทั้งกอดแขนมารดาอย่างออดอ้อน[ตำหนักเทียนจื่อ]“ท่านอ๋องพระองค์อยู่นิ่ง ๆ เถิดเลิกกลั่นแกล้งข้าเพียงครู่ ข้าขอดูเหล่าบรรดาคุณหนูพวกนั้น

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 40 พยานรัก

    “แค่ก ๆ” เสียงไอแห้ง ๆ ติดกันเรียกความสนใจให้จ้าวหยางที่อ่านฎีกาต้องรีบวางมือและเข้ามาโอบประชิดร่างบางเข้าแนบอก พร้อมฝ่ามือใหญ่ที่ลูบตามตัวนางไปมาอย่างต้องการปลอบประโลม“ซูเหยาเป็นเช่นไร ยังเจ็บส่วนใดอยู่รึไม่ ข้าขอโทษ ๆ ข้าไม่น่าเอาแต่ใจนัดเจ้าออกมาวันนี้เลยจริง ๆ ข้าขอโทษ หากว่าข้าไปช่วยไว้ไม่ทันป่านนี้ ๆ เกรงว่าข้าคงจะเสียเจ้าไปแล้ว” จ้าวหยางพูดทั้งหมดความที่มีอยู่ในใจเสียหมดสิ้นจนทำให้ซูเหยาที่ถูกกดศีรษะให้แนบชิดฝังแน่นกับอกแกร่งต้องลอบยิ้มกับแผ่นอกกว้างทั้งน้ำตา พร้อมกับมือบางที่ค่อย ๆ ยกขึ้นทำทีคล้ายจะกอดตอบ นางชั่งใจอยู่เพียงครู่ก่อนจะตัดสินใจโอบกอดร่างหนาไว้เฉกเช่นกัน“ซูเหยา” จ้าวหยางที่รับรู้ว่านางกอดตอบตนมาเช่นนั้นก็เผยยิ้มดีใจ ทั้งสองตกอยู่ในห้วงภวังค์ของกันและกันมีเพียงเสียงลมหายใจระหว่างกันให้ได้ยิน ซ้ำไร้การเอื้อยเอ่ยบทสนทนาใด ๆ ออกมาใช้เพียงใจและกายสื่อความรู้สึกถึงกันและกัน“องค์ชาย...อะเอ่อคือกระหม่อม คือกระหม่อมว่าควรออกไปดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนเฟิงที่บังเอิญเข้ามาถูกจังหวะก็รีบหันตัวกลับแทบจะในทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงตะกุกตะกักจนจ้าวหยางเอ่ยออกคำสั่งให้รายงานได้จึงได้

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 39 ลอบทำร้าย

    หลังจากวันนั้นซูเหยาก็รู้สึกหายใจโล่งนักที่หยางจวิ้นอ๋องมิได้มาตามตื้อก่อกวนนาง แต่นั้นเพียงกลางวันกลางคืนเล่าท่านอ๋องกลับทำตัวเป็นโจร บุปผาลอบเข้าออกเรือนนางราวเรือนตน ทั้งที่นางจ้างคนมาเฝ้าเรือนนางมากขึ้นแต่นั่นก็มิได้เป็นอุปสรรค ทั้งนางข่มขู่ก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว นางใช้สารพัดวิธีแต่ก็มิอาจขัดขวางเขาได้ และเหตุผลที่ให้แก่นางคือ ทำลูกและวันนี้เป็นอีกวันที่นางถูกเขาเชิญให้ไปตำหนักป่าไผ่เหตุผลแกมข่มขู่คือให้หมอหลวงตรวจชีพจรว่านางนั้นท้องแล้วรึไม่ และเป็นนางเองที่เริ่มคิดแล้วว่าสรุปเป็นผู้ใดกันแน่ที่อยากมีลูกเขานั้นดูจริงจังกว่านางมากนัก ซ้ำยังน่าไม่อายกลับกางตำรากามสูตรบ้าบอนั่นให้นางดูถึงท่วงท่าทำรักที่ว่าท่าใดได้บุตรชายท่าใดได้บุตรสาวอีกทั้งให้นางเลือก องค์ชายรองผู้นี้เดิมทีสุขุมเยือกเย็นมาบัดนี้นางกลับค้นพบอีกตัวตนหนึ่งของเขาเข้าเสียอย่างนั้น“คนหน้าไม่อายชิ!” ซูเหยาที่เดินทางมาเพียงลำพังโดยเข้าใจว่าขึ้นรถม้าที่นางขึ้นนั่งนั้นเป็นของตำหนักป่าไผ่ส่งมารับ จึงได้แต่บ่นต่อว่าหยางจวิ้นอ๋องกับลมกับฟ้าโดยหารู้ไม่ว่ารถม้าที่ตนนั่งมานั้นหาใช่ของตำหนักป่าไผ่ไม่“ท่านแม่จะได้ผลแน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status