LOGIN๒
ประมุขบรรพตที่หล่อเหมือนเอไอ
บรรพตของประมุขเมืองลอยฟ้ามีหอคอยสิบชั้นตั้งเด่นเป็นสง่ากลางบรรพตที่รอบนอกไร้สิ่งมีชีวิตใดไม่เว้นแม้แต่ต้นไม้
หินตรงที่เหมยจิงยืนอยู่เป็นหินกรวดทั่วไป แต่หินที่เท้าเล็กของเธอกำลังจะก้าวลงไปเหยียบนั้นเหมือนลาวาที่เย็นตัวลงแล้ว เพราะผ่านตาภูเขาไฟระเบิดในโลกอินเตอร์เน็ต ลาวาสีแดงส้มที่กำลังไหลเยิ้มค่อย ๆ ไหลลงจากป่องภูเขาไฟย้อมพื้นที่ให้เป็นทุ่งลาวา
ชั่วขณะหนึ่งเธอลังเลที่จะก้าวลงไปเหยียบตรงนั้น หากไม่ได้ยินเสียงนี้ เธอก็คงยืนลังเลอยู่ตรงนี้สักพัก
“มาแล้วก็เข้ามาเถิด ไม่อยากได้ตัวเท่าเดิมหรือ ชุดลากพื้นเปื้อนหมดแล้ว”
เหมยจิงเอี้ยวตัวมองด้านหลัง ยกเสื้อสูตรตัวใหญ่ขึ้นเพราะเสื้อที่เปียกน้ำเมื่อครู่เปื้อนดินดำเปรอะแล้ว
“อี๋~คิดถึงเมืองใหญ่”
“หึ ๆ เพิ่งมาที่นี่วันแรกก็อยากกลับแล้วหรือ นานทีจะมีคนจากภพเจ้ามาหาข้า อยู่เล่นเป็นเพื่อนกันก่อน”
พรึบ!
สิ้นคำเจ้าของเสียงควบตำแหน่งเจ้าของบรรพตก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าเหมยจิง เรือนร่างสูงในชุดสีดำเหลือบแดง ใบหน้ายาวได้รูป จมูกโด่งคมสัน ดวงตาเรียวรี องค์ประกอบบนใบหน้าลงตัวชวนคนมองตะลึงค้าง
“หล่อแบบเอไอเป็นแบบนี้เอง”
“หล่อเหมือนไม่มีจริงใช่หรือไม่”
คนถูกชมเข้าใจความหมาย ยกแขนขึ้นกอดอก อิริยาบถผ่อนคลายไม่คล้ายบุรุษที่กุมอำนาจการต่อลองไว้ เหมยจิงในฐานะหัวหน้าการตลาดคิดในใจ…
เหมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์เลือกสินค้ามากกว่าสินค้าเลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์ การต่อลองในครั้งนี้ฉันจะผ่านไปได้ด้วยดีใช่ไหม
“เป็นเช่นที่ท่านพูด เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านประมุขจะช่วยฉันกลับภพเดิมได้ใช่ไหม”
“บอกแล้วว่าอย่าเพิ่งรีบ…ว่าแต่แม่นางทราบได้อย่างไรว่าข้าเป็นประมุขบรรพตในเมืองลอยฟ้า ใช่ดูมีออร่าเหมือนซีอีโอหรือไม่”
เหมยจิงนิ่งไปเมื่ออีกฝ่ายดูเข้าใจภาษาภพที่เธอจากมามากกว่าที่คิด เริ่มสงสัยแล้วว่าคนจากภพเธอหลงมาอยู่ที่นี่เท่าไรกัน
“เหมือนโคซีอีโอ[1]บริษัทฉัน คนหนึ่งขี้เล่นคนหนึ่งจริงจังตีหน้าเครียดเป็นอยู่หน้าเดียว แต่สุดท้ายแล้วทั้งสองคนก็คือบอส จี้งานฝ่ายฉันอย่างกับว่าเป็นแผนกเดียวในบริษัท ฉันเป็นหัวหน้าของเหล่าลูกน้องอีกทีก็ต้องตีหน้าดุตามไปด้วย ป่านนี้ลูกน้องทั้งหลายคงยิ้มกันหน้าบานแล้ว ในที่สุดป้าวัยใกล้สามสิบอย่างฉันก็ตายเสียที”
เสียงหัวเราะดังขึ้นดึงเหมยจิงให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง ผงะไปเมื่อเห็นว่าท่านประมุขกำลังเปลี่ยนสีหน้าไปเป็นเรียบดุเหมือนเจ้านายอีกคนของเธอแล้ว
“ท่านประมุข ฉันรู้ว่าบริษัทย่อมอยู่ต่อไปได้แม้ฉันจะตายแล้ว แต่ว่า…ครอบครัวฉันจะอยู่อย่างไรถ้าขาดเสาหลักแบบฉันไป ช่วยฉันย้อนเวลากลับไปตอนก่อนโดดสะพานได้ไหม ให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันยอมทั้งนั้น”
“ก่อนกระโดดลงมาคิดหรือไม่ว่าตนจะมีชีวิตหลังความตายเป็นแบบนี้”
ใบหน้าเล็กส่ายระรัว
“ไม่คิด ยิ่งไม่คิดว่าตัวจะหดเหลือแค่นี้ด้วย พี่ชาย…ไม่สิ! หากฉันร่างเท่าเดิมแล้วก็คงเป็นพี่พวกเขาเป็นสิบปี ควรเรียกว่าน้องชายมากกว่า…น้องชายจากบรรพตนทีมาส่งฉันที่นี่ บอกว่าท่านประมุขคืนร่างให้ฉันได้”
เหมยจิงแอบบีบมือเมื่อเห็นประมุขบรรพตเริ่มแสดงท่าทางของผู้ที่มีอำนาจการต่อรองแล้ว รู้ในทันทีว่าตนกำลังจะต้องแลกด้วยอะไร
“คืนร่างย่อมทำได้ แต่คืนกลับภพเดิมก็ต้องทำงานแลกเหรียญในระบบกันหน่อย”
แลกเหรียญเข้าใจได้ แต่คำว่าระบบนี่ยังไง
“ฟังดูเป็นภาษาเกมส์ แต่ฉันไม่เคยเล่นเกมส์เลย ท่านประมุขมีทางเลือกอื่นให้ฉันอีกไหม”
“เจ้าไม่ได้อยู่ในสถานะที่เลือกได้เหมยจิง นี่คือบทลงโทษสำหรับคนที่คิดฆ่าตัวตาย หากเจ้าอยากกลับไปได้ก็ต้องสะสมเหรียญกันหน่อย”
รู้จักชื่อฉันเสียด้วย ขนาดน้องชายชุดขาวดำเมื่อกี้ฉันยังไม่ได้บอกพวกเขาเลย
“แต่ว่า…”
“เมื่อครู่เจ้าพูดเองมิใช่หรือ ให้ทำอันใดทำได้ทั้งนั้น เวลาผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็คิดผิดคำพูดเสียแล้ว”
ภาพลักษณ์เจ้านายที่ร่าเริงกลับมาแล้ว ทว่าต่อให้ใบหน้าท่านประมุขบรรพตจะยังคงยิ้ม แต่ดวงตายังคงฉายความกดดันเธอไม่ลดละ
เอาสิเหมยจิง ชีวิตก่อนหน้านี้ก็ไม่ต่างจากหาเงินเป็นม้าเป็นวัวอยู่แล้ว ก็แค่หาเหรียญในระบบเท่านั้น
“ก็ได้ แต่ก่อนอื่นคืนร่างให้ฉันก่อนได้ไหม แหงนหน้าจนปวดคอแล้ว”
“หึ ๆ”
ประมุขบรรพตหัวเราะร่วนในลำคอ เขาสะบัดมือเพียงครั้งเหมยจิงที่มีขนาดเท่าปลาใหญ่ก็ค่อย ๆ ยืดร่าง เสื้อที่หลวมโคร่งยาวลากพื้นกลายเป็นพอดีตัว
มือเรียวจับใบหน้า ลูบแขน ก้มลงสำรวจตัวเองก่อนที่จะมองหน้าประมุขบรรพตที่สุดท้ายเธอก็ยังคงเงยหน้ามองเขาเพราะขนาดความสูงที่ต่างกันอยู่ดี
“ก็ดีกว่าเมื่อกี้”
สติ! เธอให้เขาคืนร่างให้ไม่ใช่เนรมิตร่างใหม่
“สบายใจแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นแล้วเราจะพูดเรื่องระบบกันได้หรือยัง”
เหมยจิงพยักหน้า สูดหายใจเข้าลึกในยามที่ร่างสูงหันหลัง หมุนตัวเดินนำนางผ่านลาวาที่เย็นตัวลงแล้วเข้าไปในหอคอยสิบชั้น
ระหว่างเดินเข้าไป เหมยจิงก็สำรวจแวดล้อมไปด้วย เพราะห้ามความสงสัยของตัวเองเอาไว้ไม่ได้จึงเอ่ยถามในที่สุด
“ท่านประมุข ลาวาที่นี่เพิ่งเย็นตัวลงเหรอ อีกนานไหมกว่าจะกลายเป็นลาวามอส”
“ลาวามอสคำนี้คืออันใด ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
ไม่เคยดูสารคดีเลยสินะ
“คือทุ่งที่มอสสีเขียวเกิดขึ้นหลังจากที่ลาวาเย็นตัวลง นี่ฉันต้องอธิบายคำว่ามอสกับลาวาอีกไหม”
“ต้อง เพราะยังไม่เคยมีใครทักเรื่องศิลาอัคคีของข้า และข้าก็ไม่เคยดูสารคดีดูแต่ซีรีส์รัก ๆ ใคร่ ๆ”
ถ้างั้นมอสกับลาวาก็ไม่มีค่าให้พูดถึงแล้ว
“เห็นทีพูดไปท่านประมุขก็ไม่ให้เหรียญเพิ่ม ฉันขอไม่พูดก็แล้วกัน”
“หึ!”
ประมุขบรรพตไม่กล่าวอันใดนอกจากก้าวเดินด้วยจังหวะที่เร็วขึ้น ช่วงขายาวของเขาเร็วจนเธอต้องเร่งจังหวะการก้าว จนกระทั่งเดินเข้าไปในหอคอยชั้นที่หนึ่ง
“นี่…”
ตะลึงไปเลยทันทีเมื่อเห็นว่าที่นี่มีกงล้ออักขระมากมายตั้งอยู่ทั้งชั้น ตรงกลางกงล้ออักขระเป็นภาพเหตุการณ์ของคน ๆ หนึ่งไม่ซ้ำกัน
“นี่คือคนที่กำลังเก็บเหรียญใช่ไหม ต่อไปทุกการกระทำของฉันก็ต้องอยู่ในสายตาท่านประมุขนะสิ”
“ใช่! แต่วางใจได้ ตอนเจ้าอาบน้ำข้าจะไม่แอบดูอย่างแน่นอน”
เหมยจิงกลอกตาใส่ทันทีเพราะไม่เชื่อใจ
จังหวะนั้นประมุขบรรพตหันมาเห็นเข้าพอดีจึงทำเสียงดุใส่ ท่าทางเหมือนซีอีโอจอมดุกลับมาแล้ว
“ข้าเป็นสุภาพชนพอ อีกอย่างกงล้ออักขระสามารถระบุสิ่งที่เจ้าของกระดานต้องการได้ เจ้าอยากระบุความเป็นส่วนตัวข้อใด ไม่อยากให้ละเมิดข้อใดก็ระบุไปเลย”
“แล้วกงล้อของฉันอยู่ตรงไหนล่ะ”
ประมุขบรรพตหมุนตัวเดินนำเหมยจิงไปอีกทางหนึ่ง เธอเห็นเป็นทางบันไดจึงทราบว่ากงล้อตนอาจอยู่ชั้นสอง เดินตามเขาไปเรื่อย ๆ ก็เห็นว่ายังต้องขึ้นบันไดวนไปอีก จนกระทั่งผ่านไปประมาณห้าชั้นแล้วเธอจึงตั้งคำถาม อาการเหนื่อยหอบไม่น้อย
“ท่านประมุข ยังไม่ถึงอีกเหรอ ถ้านี่เป็นนิยายเรื่องหนึ่งก็เปลืองหน้ากระดาษไปหลายหน้าแล้ว”
“หึ! ยังมาบอกว่าตนดูสารคดี ที่แท้ก็อ่านนิยายในอินเทอร์เน็ตเหมือนกันใช่หรือไม่”
“ก็…มันก็ต้องมีช่วงเวลาผ่อนคลายกันบ้าง”
“เช่นนั้นเจ้าก็มีหวังจะทำภารกิจสำเร็จแล้ว อย่างน้อยก็ยังรู้เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ บ้าง”
เหมยจิงให้ความสนใจอยู่ที่บทสนทนา รู้ตัวอีกทีเธอก็เดินตามชายหนุ่มขึ้นมายังชั้นบนสุดแล้ว
“แฮ่ก ๆ ฉันก็ออกกำลังกายอยู่นะ แต่ทำไมเหนื่อยแบบนี้…แล้วฉันไม่มีพลังเซียนแบบน้องชายทั้งสองบ้างเลยเหรอ ลิฟต์ไม่มีพอทน เดินขึ้นแบบคนธรรมดาพอเลย”
“หากเจ้าอยากมีพลังเซียนก็ต้องละทิ้งชีวิตจากโลกเดิมเพื่อฝึกวิถีเซียน เลือกเอาอยากกลับโลกปัจจุบันหรืออยู่ที่นี่เพื่อความเป็นอมตะ”
เหมยจิงได้คำตอบโดยไม่ต้องคิด
“หากเป็นอมตะที่โลกเดิมก็น่าสนใจอยู่ แต่เป็นอมตะในโลกนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด ขอฉันกลับไปใช้ชีวิตร้อยปีที่โลกเดิมเถอะ…ไม่สิ! 60 ปีก็หรูแล้ว อยู่นานเกินไปก็สงสารกายหยาบ”
“ดี! ชัดเจนแบบนี้ก็ดีจะได้ไม่นึกเสียใจในภายหลัง เอาล่ะ…ถึงเวลาที่กงล้ออักขระของเจ้าต้องทำงานแล้ว”
[1]โคซีอีโอ (Co-CEO) คือ การมีผู้บริหารระดับสูงสุดสองคน ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ร่วมกันในองค์กรเดียวกัน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระและแบ่งความรับผิดชอบในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ การกำหนดทิศทาง และการดำเนินงานภาพรวมของบริษัท ซึ่งมักเกิดขึ้นในองค์กรขนาดใหญ่ หรือเมื่อต้องการความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันมาเสริมกัน
๖เรียกเกอเกอก็คือการตอบตกลงแล้วเหมยจิงและเฉินอวี้เหวินต่อให้วันนี้จะทำงานหนักมาทั้งวันและเหนื่อยมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครคิดจะกลับไปนอนที่บ้านแล้วข่มตาหลับพร้อมกับฝันดีเหมยจิงไม่อยากให้นี่เป็นเพียงความฝัน เธอชวนเฉินอวี้เหวินมาที่ห้องเธอแล้วสั่งเค้กปอนด์ใหญ่สองปอนด์เดินถือคนละถุงขึ้นลิฟต์มาห้องชั้น 23ติ๊ง!เมื่อลิฟต์เปิดออก เหมยจิงก็เดินนำชายหนุ่มมาที่ห้องของตัวเอง คนชวนไม่เกร็งแต่คนถูกชวนกลับรู้สึกว่าการเข้ามาในห้องของหญิงสาวในตอนนี้อันตรายยิ่งนัก“จิงจิงอยู่คนเดียวเหรอ”“ใช่! เข้ามาเลย ห้องแคบหน่อยนะ แอบแม่ซื้อที่นี่ไว้นะ…นี่! สลิปเปอร์”รองเท้าแตะรูปปลาสีชมพูน่ารัก แต่ชายหนุ่มไม่เขินที่จะได้ใส่รองเท้าแบบเดียวกับเหมยจิง ต่างกันตรงที่ของเขาเป็นสีชมพู ของเธอเป็นสีน้ำตาลแม้แต่เค้กที่สั่งมาของเหมยจิงก็ยังเป็นช็อกโกเลต ของเฉินอวี้เหวินเป็นนมสดสตรอเบอร์รี่“กว้างขวางใช้ได้เลย ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นแยกในตัวแบบนี้ แต่จิงจิงเพิ่งเข้ามาอยู่ใช่ไหม ของยังมีไม่เยอะเท่าไร”“ใช่ ไม่ได้ขนมาจากบ้านแม่มากเท่าไร อยากดูทีวีไหม รีโมตอยู่นี่เปิดได้เลย”เฉินอวี้เหวินเริ่มเกร็งน้อยลงเมื่อรู้ว่าที่น
๕ที่เคยรับปากไปทำได้แล้วนะตึ๊ง!เหมยจิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อได้รับข้อความ มุมปากผุดเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นชื่อกล่องสนทนา นิ้วเลื่อนไปเปิดข้อความดูก็เห็นว่าเป็นภาพบทละครเหมยจิงบอกเขาสู้ ๆ ในใจแต่ไม่ได้ตอบแชทกลับไป จนกระทั่งข้อความแชทเด้งขึ้นอีกครั้ง เธอจึงเปิดอ่านก็เห็นว่าเป็นเฉินอวี้เหวินคนเดิม เพิ่มเติมคือถ่ายรูปตัวเองส่งมาให้ด้วย สีหน้าที่ดูออดอ้อนของเขาทำให้เธอเผลอนึกถึงเฉินเหวินเหวินตอนที่เขาแสดงสีหน้าออดอ้อนเธอสุดท้ายก็พิมพ์ข้อความตอบเขาไปว่า…‘สู้ค่ะ’ตึ๊ง!ตึ๊ง!และเพียงเธอตอบกลับไปเท่านั้นก็ได้รับข้อความถึงสองครั้งติดกัน‘เหนื่อยไหม’‘ง่วงหรือเปล่า’เธอเริ่มคิดแล้วว่าวันนี้เปิดกล้องวันแรกจริงหรือไม่ ทำไมถึงมีเด็กดื้อเล่นโทรศัพท์ไม่อ่านบท“หรือเพราะผ่านซีรีส์เรื่องยาวมาแล้ว มินิซีรีส์เลยสบาย บทเท่านี้ไม่ทำให้เขาเครียด”เหมยจิงพยายามหาเหตุผลให้ชายหนุ่ม แต่เมื่อคิดว่าตนจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรก็วางโทรศัพท์เอาไว้ ลืมไปว่าข้อความที่เขาส่งมาเป็นคำถาม อีกทั้งหลังจากนั้นเธอไม่ได้รับข้อความจากเขาอีก…ทำงานเพลินจึงลืมเรื่องนี้ไปสนิท!ทางด้านเฉินอวี้เหวิน…“หรือเธอจะยุ่งจนไม่มีเวลาตอบ
๔คนแปลกหน้าที่หัวใจบอกรู้สึกดีพิธีการเปิดกล้องเสร็จสิ้นแล้ว ยามนี้นักแสดงทุกคนมายืนหลังโปสเตอร์โปรโมตมินิซีรีส์เรื่อง ‘บอสจัดหนัก’ โดย ที่นักแสดงทุกคนถือหงเปาที่หน้าซองจ่าชื่อเรื่องเอาไว้ ตะโกนพร้อมกันตอนถ่ายรูปรวมว่า“บอสจัดหนักฤกษ์งามยามดีเปิดกล้อง…เฮ!”เหมยจิงที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมงานยืนอยู่หลังตากล้อง อย่างเงียบ ๆ โดยที่ด้านข้างเธอมีหลูอิงเสี่ยวและเหลียงเจ๋อฮั่นยืนอยู่ด้วยแต่เขายืนอยู่ได้ไม่นานก็ถูกผู้กำกับดึงไปถ่ายรูปพร้อมให้ช่วยกันจับผ้าแดงที่ปิดกล้องใหญ่ที่ถ่ายทำเอาไว้เปิดออกพร้อมกันก็เป็นการเปิดกล้องอย่างเป็นทางการ ผลไม้ที่เซ่นไหว้แจกจ่ายให้ทุกคนโดยถ้วนหน้า“จิงจิงเอาแอปเปิ้ลไหม เจี่ยเจียไปเอาให้”แอปเปิ้ล! ผลไม้ที่เหมยจิงไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องตั้งแต่ที่กลับมาจากเมืองลอยฟ้าเพราะเธอไม่ตอบทำเพียงจับจ้องไปยังแอปเปิ้ลเท่านั้น หลูอิงเสี่ยวจึงคิดว่าเธออยากได้ รีบวิ่งไปขอจากทีมงานมาให้ลูกน้องสาว รู้ตัวอีกทีมือของเธอก็มีแอปเปิ้ลลูกใหญ่อยู่ในมือ!น้ำตาร่วงเผาะเมื่อคิดว่าตอนนี้เฉินเหวินเหวินกำลังใช้ชีวิตอยู่ในมิติสวนของเธออย่างไร หรือเขาจะยังอยู่ที่เมืองลอยฟ้าหรือไม่ หรือว่าจะกลับไ
๓ความรักความแค้นเลือกอันใด เฉินเหวินเหวินนั่งมองบึงตรงหน้า สถานที่ที่ดูดกลืนร่างของเหมยจิงลงไปใต้ล่างเขาอยากกระโดดน้ำลงไปดู หากใต้ล่างนั้นเป็นทางเชื่อมระหว่างยุค 2025 กับเมืองลอยฟ้าแห่งนี้ เหมยจิงจะรอเขาอยู่ที่นั่นหรือไม่! “คุณชายเฉินกำลังคิดอันใดอยู่” เขาหันไปมองหลิวปู้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คอยคุมตัวเขาไม่ให้กระโดดลงบึงตามเหมยจิงไป “กำลังคิดอยู่ว่าจะกระโดดตามนางลงไป” หมับ! แขนทั้งสองข้างของเฉินเหวินเหวินถูกคว้าหมับทันที เฉินเหวินเหวินแม้จะรำคาญ แต่ส่วนลึกก็อบอุ่นหัวใจที่ยังมีคนคอยห่วงใยเขาแทนเหมยจิง “อย่าคิดจะทำเป็นอันขาด บึงนี้ไม่ใช่ทางของคุณชาย หากอยากตามนางไปช่องทางที่ถูกต้องมีอยู่ แต่อยู่ที่ว่าคุณชายอยากเลือกเส้นทางนี้หรือไม่” คำพูดของชิงจ้านทำให้เฉินเหวินเหวินนิ่งไป นั่นสินะ! ก่อนหน้านี้เจ้าบอกนางว่าขอเวลาคิดก่อน ไม่รู้ว่าเวลาที่นั่นกับที่นี่คลาดเคลื่อนเพียงใด หากข้าไม่รีบตัดสินใจต้องเสียใจในภายหลังแน่ แต่ว่าเขาจะเลือกอันใดระหว่างกลับภพเดิมเพื่อไปล้างแค้น กับ ยอมทิ้งความแค
๒ตามหานักแสดงเซ็นสัญญาเกาเข่าสอบต้นมิถุนายนและประกาศผลปลายเดือนมิถุนายน ใกล้สอบเกาเข่าโรงเรียนมัธยมปลายจะปล่อยเด็กนักเรียนเกาซาน[1]กลับบ้านช่วงสี่ทุ่ม เหมยจิงจะไปดักเจอพวกเขาให้ไม่ไกลจากโรงเรียกนัก แต่ก็ไม่ให้ใกล้จนทำให้พวกเขาถูกอาจารย์และเพื่อนนักเรียนเพ่งเล็ง“เจี่ยเจีย!”เหมยจิงส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มทั้งสองที่จอดจักรยานทันทีเมื่อเห็นเธอโบกมือให้ทั้งคู่จอดรถจักรยานไว้เรียบถนนก่อนที่จะเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าตื่นเต้น“สวัสดี! ผู้มีพระคุณ”“เจี่ยเจียยังไม่ได้ไปเยือนแม่น้ำลืมเลือน ดียิ่ง!”เหมยจิงหลุดหัวเราะ จากคำพูดของเขารู้ในทันทีว่าอีกฝ่ายก็ติดซีรีส์ไม่เบา ซึ่งเจ้าของคำพูดนี้จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่หลิวปู้คนที่ชอบพูดอะไรติดสำบัดสำนวน!“เจี่ยเจีย! เราอยากโทร.หาเจี่ยเจียตามนามบัตรที่ให้ไว้มาก แต่ก็ไม่กล้าโทร.ไปเพราะกลัวจะได้รับฟังข่าวร้าย เห็นเจี่ยเจียตัวไม่ซีดเซียว ยังมีลมหายใจแล้วยืนอยู่ตรงหน้าพวกเราดีใจมากเลยครับ”ชิงจ้านก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจไม่แพ้กัน ภายนอกเขาดูเป็นหนุ่มพูดน้อย แต่การได้สัมผัสเขาสองชาติภพทำให้เธอรู้ว่านี่เป็นเพียงเปลือกเท่านั้น“วันนั้นยังไม่ได้ขอบคุณกันดี ๆ
๑เมื่อเจ้านายเพิ่มหน้าที่ให้หัวหน้าแผนกเหมยจิงกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม ก้มหน้าก้มตาทำงานใช้หนี้ที่เกิดจากการตามล้างตามเช็ดให้น้องชาย ไม่มีเวลาท้อ ไม่มีเวลาให้เสียใจ มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้นย้อนกลับไปวันที่เธอกลับมายังยุค 2025 สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากที่เดินกลับจากสะพานไน่เหอคือย้ายของออกจากบ้านมารดามาอยู่คอนโดไม่กี่ตารางวาที่แอบซื้อเอาไว้ตอนที่ได้เงินก้อนมาจากขายลิขสิทธิ์นิยายเพื่อสร้างซีรีส์ถามว่ายังคงช่วยส่งเสียดูแลแม่หรือไม่…แน่นอนว่าต้องมีจุนเจือให้ แต่จะไม่มากเท่าเมื่อก่อนเพราะเธอก็มีหนี้สิ้นที่ต้องแบกรับ!ณ บริษัทเอเจนซี่หลงฮั่วกรุ๊ปที่เหมยจิงนั่งในตำแหน่งหัวหน้าการตลาดในขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่ห้องที่กั้นแยกจากคนในแผนกนั้น ซีโอโอ[1]หญิงวัยกลางคนก็เดินดุ่ม ๆ เข้ามาหาเธอที่ห้องทำงาน มือเคาะประตูกระจกที่เปิดเอาไว้สองครั้งอย่างคนมีมารยาท“จิงจิง”ดวงตากรีดอายไลเนอร์คมเฉี่ยวที่จ้องเพียงหน้าจอคอมพิวเตอร์เงยขึ้นมองเจ้าของเสียง ลุกขึ้นยืนต้อนรับในทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเจ้านายโดยตรงของเธอ“อิงเจี่ย”“นั่ง ๆ”เหมยจิงนั่งลงเก้าอี้ ดวงตาสำรวจสีหน้าท่าทางของหลูอิงเสี่ยวที่ฉายควา







