LOGIN๓
เมื่อกงล้ออักขระทำงานเก็บเหรียญก็ต้องเริ่ม
เหมยจิงตื่นตาตื่นใจยิ่งแล้ว เริ่มสงสัยว่าฝ่ามือของประมุขบรรพตบรรจุพลังไว้มากเท่าไร ไยสะบัดมือเพียงครั้งตรงหน้าเธอก็ปรากฏวงล้ออักขระขึ้นแล้ว
“ระบุสิ อยากได้ความเป็นส่วนตัวอย่างไรก็ระบุลงในวงล้อได้ จะเรื่องอาบน้ำหรือเรื่องบนเตียงอันใดก็ว่าไป”
สมกับที่ดูซีรีส์มากกว่าดูสารคดีจริง ๆ
“แล้วข้าต้องระบุอย่างไร”
“แตะมือลงบนวงล้อแล้วพูด”
โอ้โฮ เรื่องนี้เอไอยังสู้ไม่ได้
เหมยจิงแตะมือลงบนวงล้อสีทองแล้วระบุสิ่งที่ตนอยากได้ พอเลิกแตะมือแล้ววงล้อก็เริ่มหมุนอีกครั้ง เมื่อหยุดลง ตรงกลางวงล้อก็เกิดภาพเหตุการณ์ปัจจุบันของเธอ ด้านหลังมีประมุขบรรพตยืนอยู่ห่าง ๆ จ้องมองด้วยรอยยิ้ม
“สำเร็จแล้ว คราวนี้เจ้าจะมีระบบปฏิบัติการฝังอยู่ในร่างกาย วงล้อจะตามเจ้าไปทุกที่ คิดอยากทำอะไรก็ได้เพียงแตะมือไว้กลางอากาศก็จะเห็นกงล้ออักขระที่มีเมนูมากมายให้เจ้าใช้สอย”
เมนูมากมายเลยเช่นนั้นหรือ
เหมยจิงเลื่อนนิ้วไปจิ้มเครื่องหมายบวกตรงด้านหลังยอดเหรียญที่เป็นศูนย์ก็มีภารกิจที่ทำแล้วได้เหรียญเพิ่ม
แต่ละภารกิจนั้นมีรางวัลเหรียญอยู่ในหลักหน่วยหลักสิบ เท่ากับว่ากว่าเธอจะทำภารกิจครบก็ต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวันถึงขั้นเป็นเดือน
“นี่คือภารกิจเพื่อลงโทษกันชัด ๆ ดีที่เราผ่านวัยถล่มไลค์ไอดอลมาแล้ว ปั๊มวิวซีรีส์ ซื้อที่นั่งในโรงภาพยนตร์ ไม่อย่างนั้นได้ลงแดงเพราะขาดเน็ตแน่”
“ยินดีด้วยที่เจ้าไม่ตายตอนนั้น ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ได้ทำอย่างที่กล่าวมาแล้วแน่ ๆ”
เพราะการเจริญเติบโตทำให้ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้น
“คิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นแล้วก็ยิ่งอยากกลับ ถ้ากลับไปได้ ฉันจะไม่ทำงานเป็นม้าเป็นวัวเพื่อเจ้าน้องชายสองคนนั้นอีกแล้ว ปัญหาของใครคนนั้นก็รับไปเลย!”
“จิตใจเข้มแข็งขึ้นแบบนี้ กลับไปก็คงมีใจสู้ต่อไปได้ เอาล่ะ! ก่อนจะพูดถึงตอนนั้น เจ้าต้องผ่านตอนนี้ไปให้ได้ก่อน เปลี่ียนคำแทนตัวได้แล้ว”
ต้องข้ากับเจ้าแล้วเหรอ ในใจก็คิดไม่ได้แล้วสินะ
“เปลี่ยนก็เปลี่ยน แล้วฉัน…แล้วข้าต้องกลับไปบรรพตผกาใช่ไหม…เอ๊ย! ใช่หรือไม่”
“เจ้าไม่มีครอบครัวอยู่ที่นี่ ฮวาเตี้ยนบนหน้าผากเป็นตัวเลือกของธรรมชาติว่าจะส่งเจ้าไปอยู่ที่บรรพตใด”
เท่ากับว่าที่นี่ไม่มีใครรู้จักข้าสินะ
“ข้าไม่ชอบฮวาเตี้ยนบนหน้าผาก ท่านสามารถซ่อนมันให้ข้าได้หรือไม่”
“ไม่มีปัญหา”
ประมุขบรรพตโบกมือหนึ่งครั้ง
เหมยจิงที่จ้องภาพเหตุการณ์ของตนบนวงล้ออักขระอยู่ก็เห็นว่าหน้าผากที่มีรูปดอกเหมยประทับอยู่หายไปแล้ว ทว่าในด้านความรู้สึกนั้นไม่ได้แตกต่างจากก่อนหน้านี้ มีหรือไม่มีก็ให้ค่าเพียงเรื่องความงาม
“ค่อยชินตาหน่อย แต่ว่าชุดคงไม่เข้ากับยุคสมัยนี้ ท่านประมุขมีชุดให้ข้าเปลี่ยนหรือไม่”
คำพูดเริ่มเข้าปากแล้ว
“ชุดย่อมมี แต่คนที่จะมอบชุดให้เจ้าไม่ใช่ข้า อยากได้ชุดใหม่ก็ขอเอากับวงล้อ เสียมากเสียน้อยก็อยู่ที่คุณภาพของเสื้อผ้า”
งกที่สุด
แม้ใจจะคิดเช่นนั้น แต่มือเรียวก็จิ้มไปตรงคำว่า ‘ร้านค้า’ ก็เห็นว่ามีสินค้ามากมายให้นางเลือกซื้อ จิ้มต่อไปที่ ‘เสื้อผ้า’ ดวงตาเบิกโพลงทันทีเมื่อเห็นผ้าเนื้อดีทั้งชุดอยู่ที่ 250 เหรียญ ส่วนชุดที่ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 10 เหรียญเป็นผ้าติดปะจากการเอาเศษผ้ามากมายมาเย็บเข้าด้วยกัน
ด้วยไม่อยากให้คุณภาพชีวิตอยู่ในขั้นนั้น นางจึงยอมติดลบ 50 เหรียญเพื่อให้ได้ใส่ชุดผ้าฝ้ายทั่วไปที่ไร้เครื่องประดับ นิ้วเรียวสั่นเล็กน้อยตอนที่กดซื้อ
สถานการณ์ปัจจุบันเชื่อมโยงกับอดีตที่ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนนางก็ไร้เงิน เมื่อหักใจที่จะเป็นหนี้จำนวนแรกแล้วนางก็จิ้มซื้อ พริบตาเดียวเท่านั้นแสงสีทองก็วาบออกจากมือของนางตามมาด้วยชุดผ้าฝ้ายสีขาวราคาถูก
“นี่มันตู้กดโดราเอมอนชัด ๆ ใช้คาถาอันใดกันถึงทำได้แบบนี้ จะได้ยืมโมเดลนี้ไปใช้ในโลกปัจจุบัน”
“ในชั้นนี้ไม่มีใครอีกแล้ว ข้าจะลงไปด้านล่างต้อนรับคนมาใหม่ รีบเปลี่ยนให้เร็วก่อนที่ข้าจะพาเขาขึ้นมาที่นี่” สิ้นคำเขาก็หมุนตัวเดินจากไป
เหมยจิงรอจนแน่ใจว่าเขาลงไปชั้นล่างแล้วถึงได้รีบเปลี่ยนชุดที่ซื้อมาใหม่
“ขอบคุณที่มีเอี๊ยมบังทรงกับกางเกงในมาด้วย ไม่อย่างนั้นคงโล่งทั้งข้างบนทั้งข้างล่าง”
ครึ่งก้านธูปผ่านไป…
“คงใส่แบบนี้แหละ”
เหมยจิงหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่หน้ากงล้อเพื่อดูว่าตนสวมชุดถูกแล้วหรือไม่ เมื่อมั่นใจว่าสวมถูกต้องแล้วก็เดินลงจากชั้นสิบของหอคอยมาที่ชั้นหนึ่ง
ยิ่งเดินลงมาชั้นล่างมากเท่าไร นางก็ได้ยินเสียงสนทนาสองเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น เท้าชะงักอยู่ตรงชั้นสอง ลังเลว่าจะเดินลงไปชั้นล่างตอนนี้ดีหรือไม่
หากลงไปก็ขัดจังหวะการสนทนา หากไม่ลงไปก็เหมือนแอบฟัง ส่วนทางเลือกที่สามคือต้องขึ้นไปชั้นสิบอีกครั้ง ซึ่งข้อนี้ก็เหนื่อยเกินกว่าจะรับไหว สุดท้ายยอมเป็นคนที่ขัดจังหวะแทนถูกตราหน้าว่าแอบฟัง
นางเดินลงมาหยุดอยู่ที่บันไดขั้นที่สามที่จะขึ้นไปชั้นที่สอง ดวงตาสะดุดอยู่ที่บุรุษหนุ่มสวมผ้าคลุมสีแดงมีขนสัตว์สีขาวแซมไว้ตรงคอให้ความอบอุ่น ชุดคลุมที่ดูก็ทราบว่ามาจากตระกูลใหญ่
“...นายน้อยตระกูลเฉินต้องมาตกระกำลำบากอยู่ต่างแดน ท่านประมุขจะให้ข้าเอาตัวรอดอย่างไรในยุคนี้”
“มีระบบวงล้อแห่งอักขระแล้วยังต้องกลัวอันใด คุณชายเฉินก็แค่ทำภารกิจเพิ่มเหรียญก็เท่านั้น”
“ภารกิจหาบน้ำ แบกกระสอบ ขอทาน เป็นหน่วยสอดแนม คุณชายตระกูลเฉินเช่นข้าจะทำได้อย่างไร เห็นใจข้าแล้วส่งกลับที่เดิมเถอะนะ หรือจะภพก่อนที่ข้าจะมาเป็นคุณชายตระกูลเฉินก็ได้”
เขาข้ามมาสองภพหรือ น่าสนใจ
“จะภพใดก็ย่อมได้ แค่ทำภารกิจให้ผ่านก็พอ…โอ้!เจ้าใส่ชุดนี้ขึ้นไม่น้อย”
คุณชายเฉินหันมามองด้านหลังตามสายตาประมุขบรรพต สายตาที่เขามองนางเริ่มจากความสงสัยก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นประเมิน
เหมยจิงย่อมอ่านสายตาเขาออก เดินเข้ามาหาทั้งสองใกล้ขึ้นพร้อมใช้สายตาประเมินเลียนแบบคุณชายเฉิน ชายหนุ่มเจ้าสำอาง ดวงตาคมเฉี่ยวไว้ผมหน้าม้าแบบสมัยใหม่เผลอชักสีหน้าใส่นางในทันที
สตรีจืดชืดผู้นี้กล้าใช้สายตาประเมินข้าหรือ
“ข้าก็คิดเช่นนั้น ข้าอยากถามว่าต่อจากนี้ข้าจะเดินทางไปบรรพตอื่นได้อย่างไร ในเมื่อข้าไม่มีพลังใดเลย”
“กงล้ออักขระจะพาเจ้าไปได้ทุกที่ในเมืองลอยฟ้าแห่งนี้ แน่นอนว่า…”
“ไม่ฟรี!”
ประมุขบรรพตหัวเราะแล้วพยักหน้าให้ “ใช่ ของฟรีไม่มีในโลก”
เหมยจิงให้ความสนใจประมุขบรรพตจึงไม่สังเกตว่าคุณชายเฉินชะงักไปกับคำพูดของนาง ประมุขบรรพตเห็นสีหน้าของทั้งคู่ มุมปากพลันผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เอาล่ะ ที่ข้าควรตอบข้าก็ตอบหมดแล้ว วันนี้ข้าจะไม่รับแขกจากแดนใดอีก เชิญแม่นางเหมยกับคุณชายเฉิน ภารกิจสำเร็จเมื่อใดจากไปได้ทันทีไม่ต้องมากล่าวคำอำลา”
หึ ข้าหรือจะกล่าวคำอำลากับเจ้า ประมุขหน้าระรื่น
“เช่นนั้นขอตัว”
แม้ในใจคุณชายเฉินจะคิดเช่นนั้น แต่ก็ยกสองแขนขึ้นระดับกลางอก มือซ้ายประกบมือขวา ผงกศีรษะเป็นการขอบคุณแล้วสะบัดผ้าคลุมเดินออกไปเป็นคนแรก
“มาทีหลังยังคิดจะกลับก่อนอีก”
เหมยจิงพูดไล่หลังเขา ก่อนที่จะหันมากล่าวคำอำลากับประมุขบรรพต
“หากข้ามีข้อสงสัยใด กงล้ออักขระจะตอบคำถามข้าแทนท่านประมุขใช่หรือไม่”
“ใช่ ไม่ต้องกลัวจะเป็นหนี้ไป ทุกคนต้องเป็นหนี้ อย่างไรเจ้าก็เป็นหัวหน้าการตลาดของบริษัทอยู่แล้ว วางแผนกลยุทธ์การทำภารกิจคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงกระมัง”
นั่นสิ! ยังต้องกลัวอะไรอีก ก็แค่เป็นหนี้เพิ่ม
“เช่นนั้นขอลา!”
เหมยจิงผงกศีรษะให้ประมุขบรรพตหนึ่งครั้ง ไม่คิดว่าตอนก้าวออกมาจากด้านในแล้วจะเห็นคุณชายเฉินกอด อกหรี่ตามองนางอยู่ด้านนอก
ดักรอหรือ
แม้จะคิดแบบนั้น เหมยจิงก็ยังเดินผ่านเขาไป คุณชายเฉินน้อยนักจะถูกเมิน รีบเดินตามนางมาแล้วกล่าวถามเป็นภาษาอังกฤษ
“What’s your name?”
…!!!
เหมยจิงชะงักเท้า ค่อย ๆ หมุนตัวหันมาหาเขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายยิ้มร่าทันทีเพราะเดาได้ว่านางเข้าใจ
“จริง ๆ ด้วย มาจากภพปัจจุบันใช่หรือไม่”
“ปัจจุบันของเราไม่เท่ากัน ปัจจุบันของคุณชายเฉินปีใดเล่า ของข้า ค.ศ.2025”
คุณชายเฉินยกมือปิดปากตัวเองทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น!
คลาดกันมากหรือ
๖เรียกเกอเกอก็คือการตอบตกลงแล้วเหมยจิงและเฉินอวี้เหวินต่อให้วันนี้จะทำงานหนักมาทั้งวันและเหนื่อยมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครคิดจะกลับไปนอนที่บ้านแล้วข่มตาหลับพร้อมกับฝันดีเหมยจิงไม่อยากให้นี่เป็นเพียงความฝัน เธอชวนเฉินอวี้เหวินมาที่ห้องเธอแล้วสั่งเค้กปอนด์ใหญ่สองปอนด์เดินถือคนละถุงขึ้นลิฟต์มาห้องชั้น 23ติ๊ง!เมื่อลิฟต์เปิดออก เหมยจิงก็เดินนำชายหนุ่มมาที่ห้องของตัวเอง คนชวนไม่เกร็งแต่คนถูกชวนกลับรู้สึกว่าการเข้ามาในห้องของหญิงสาวในตอนนี้อันตรายยิ่งนัก“จิงจิงอยู่คนเดียวเหรอ”“ใช่! เข้ามาเลย ห้องแคบหน่อยนะ แอบแม่ซื้อที่นี่ไว้นะ…นี่! สลิปเปอร์”รองเท้าแตะรูปปลาสีชมพูน่ารัก แต่ชายหนุ่มไม่เขินที่จะได้ใส่รองเท้าแบบเดียวกับเหมยจิง ต่างกันตรงที่ของเขาเป็นสีชมพู ของเธอเป็นสีน้ำตาลแม้แต่เค้กที่สั่งมาของเหมยจิงก็ยังเป็นช็อกโกเลต ของเฉินอวี้เหวินเป็นนมสดสตรอเบอร์รี่“กว้างขวางใช้ได้เลย ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นแยกในตัวแบบนี้ แต่จิงจิงเพิ่งเข้ามาอยู่ใช่ไหม ของยังมีไม่เยอะเท่าไร”“ใช่ ไม่ได้ขนมาจากบ้านแม่มากเท่าไร อยากดูทีวีไหม รีโมตอยู่นี่เปิดได้เลย”เฉินอวี้เหวินเริ่มเกร็งน้อยลงเมื่อรู้ว่าที่น
๕ที่เคยรับปากไปทำได้แล้วนะตึ๊ง!เหมยจิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อได้รับข้อความ มุมปากผุดเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นชื่อกล่องสนทนา นิ้วเลื่อนไปเปิดข้อความดูก็เห็นว่าเป็นภาพบทละครเหมยจิงบอกเขาสู้ ๆ ในใจแต่ไม่ได้ตอบแชทกลับไป จนกระทั่งข้อความแชทเด้งขึ้นอีกครั้ง เธอจึงเปิดอ่านก็เห็นว่าเป็นเฉินอวี้เหวินคนเดิม เพิ่มเติมคือถ่ายรูปตัวเองส่งมาให้ด้วย สีหน้าที่ดูออดอ้อนของเขาทำให้เธอเผลอนึกถึงเฉินเหวินเหวินตอนที่เขาแสดงสีหน้าออดอ้อนเธอสุดท้ายก็พิมพ์ข้อความตอบเขาไปว่า…‘สู้ค่ะ’ตึ๊ง!ตึ๊ง!และเพียงเธอตอบกลับไปเท่านั้นก็ได้รับข้อความถึงสองครั้งติดกัน‘เหนื่อยไหม’‘ง่วงหรือเปล่า’เธอเริ่มคิดแล้วว่าวันนี้เปิดกล้องวันแรกจริงหรือไม่ ทำไมถึงมีเด็กดื้อเล่นโทรศัพท์ไม่อ่านบท“หรือเพราะผ่านซีรีส์เรื่องยาวมาแล้ว มินิซีรีส์เลยสบาย บทเท่านี้ไม่ทำให้เขาเครียด”เหมยจิงพยายามหาเหตุผลให้ชายหนุ่ม แต่เมื่อคิดว่าตนจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรก็วางโทรศัพท์เอาไว้ ลืมไปว่าข้อความที่เขาส่งมาเป็นคำถาม อีกทั้งหลังจากนั้นเธอไม่ได้รับข้อความจากเขาอีก…ทำงานเพลินจึงลืมเรื่องนี้ไปสนิท!ทางด้านเฉินอวี้เหวิน…“หรือเธอจะยุ่งจนไม่มีเวลาตอบ
๔คนแปลกหน้าที่หัวใจบอกรู้สึกดีพิธีการเปิดกล้องเสร็จสิ้นแล้ว ยามนี้นักแสดงทุกคนมายืนหลังโปสเตอร์โปรโมตมินิซีรีส์เรื่อง ‘บอสจัดหนัก’ โดย ที่นักแสดงทุกคนถือหงเปาที่หน้าซองจ่าชื่อเรื่องเอาไว้ ตะโกนพร้อมกันตอนถ่ายรูปรวมว่า“บอสจัดหนักฤกษ์งามยามดีเปิดกล้อง…เฮ!”เหมยจิงที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมงานยืนอยู่หลังตากล้อง อย่างเงียบ ๆ โดยที่ด้านข้างเธอมีหลูอิงเสี่ยวและเหลียงเจ๋อฮั่นยืนอยู่ด้วยแต่เขายืนอยู่ได้ไม่นานก็ถูกผู้กำกับดึงไปถ่ายรูปพร้อมให้ช่วยกันจับผ้าแดงที่ปิดกล้องใหญ่ที่ถ่ายทำเอาไว้เปิดออกพร้อมกันก็เป็นการเปิดกล้องอย่างเป็นทางการ ผลไม้ที่เซ่นไหว้แจกจ่ายให้ทุกคนโดยถ้วนหน้า“จิงจิงเอาแอปเปิ้ลไหม เจี่ยเจียไปเอาให้”แอปเปิ้ล! ผลไม้ที่เหมยจิงไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องตั้งแต่ที่กลับมาจากเมืองลอยฟ้าเพราะเธอไม่ตอบทำเพียงจับจ้องไปยังแอปเปิ้ลเท่านั้น หลูอิงเสี่ยวจึงคิดว่าเธออยากได้ รีบวิ่งไปขอจากทีมงานมาให้ลูกน้องสาว รู้ตัวอีกทีมือของเธอก็มีแอปเปิ้ลลูกใหญ่อยู่ในมือ!น้ำตาร่วงเผาะเมื่อคิดว่าตอนนี้เฉินเหวินเหวินกำลังใช้ชีวิตอยู่ในมิติสวนของเธออย่างไร หรือเขาจะยังอยู่ที่เมืองลอยฟ้าหรือไม่ หรือว่าจะกลับไ
๓ความรักความแค้นเลือกอันใด เฉินเหวินเหวินนั่งมองบึงตรงหน้า สถานที่ที่ดูดกลืนร่างของเหมยจิงลงไปใต้ล่างเขาอยากกระโดดน้ำลงไปดู หากใต้ล่างนั้นเป็นทางเชื่อมระหว่างยุค 2025 กับเมืองลอยฟ้าแห่งนี้ เหมยจิงจะรอเขาอยู่ที่นั่นหรือไม่! “คุณชายเฉินกำลังคิดอันใดอยู่” เขาหันไปมองหลิวปู้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คอยคุมตัวเขาไม่ให้กระโดดลงบึงตามเหมยจิงไป “กำลังคิดอยู่ว่าจะกระโดดตามนางลงไป” หมับ! แขนทั้งสองข้างของเฉินเหวินเหวินถูกคว้าหมับทันที เฉินเหวินเหวินแม้จะรำคาญ แต่ส่วนลึกก็อบอุ่นหัวใจที่ยังมีคนคอยห่วงใยเขาแทนเหมยจิง “อย่าคิดจะทำเป็นอันขาด บึงนี้ไม่ใช่ทางของคุณชาย หากอยากตามนางไปช่องทางที่ถูกต้องมีอยู่ แต่อยู่ที่ว่าคุณชายอยากเลือกเส้นทางนี้หรือไม่” คำพูดของชิงจ้านทำให้เฉินเหวินเหวินนิ่งไป นั่นสินะ! ก่อนหน้านี้เจ้าบอกนางว่าขอเวลาคิดก่อน ไม่รู้ว่าเวลาที่นั่นกับที่นี่คลาดเคลื่อนเพียงใด หากข้าไม่รีบตัดสินใจต้องเสียใจในภายหลังแน่ แต่ว่าเขาจะเลือกอันใดระหว่างกลับภพเดิมเพื่อไปล้างแค้น กับ ยอมทิ้งความแค
๒ตามหานักแสดงเซ็นสัญญาเกาเข่าสอบต้นมิถุนายนและประกาศผลปลายเดือนมิถุนายน ใกล้สอบเกาเข่าโรงเรียนมัธยมปลายจะปล่อยเด็กนักเรียนเกาซาน[1]กลับบ้านช่วงสี่ทุ่ม เหมยจิงจะไปดักเจอพวกเขาให้ไม่ไกลจากโรงเรียกนัก แต่ก็ไม่ให้ใกล้จนทำให้พวกเขาถูกอาจารย์และเพื่อนนักเรียนเพ่งเล็ง“เจี่ยเจีย!”เหมยจิงส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มทั้งสองที่จอดจักรยานทันทีเมื่อเห็นเธอโบกมือให้ทั้งคู่จอดรถจักรยานไว้เรียบถนนก่อนที่จะเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าตื่นเต้น“สวัสดี! ผู้มีพระคุณ”“เจี่ยเจียยังไม่ได้ไปเยือนแม่น้ำลืมเลือน ดียิ่ง!”เหมยจิงหลุดหัวเราะ จากคำพูดของเขารู้ในทันทีว่าอีกฝ่ายก็ติดซีรีส์ไม่เบา ซึ่งเจ้าของคำพูดนี้จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่หลิวปู้คนที่ชอบพูดอะไรติดสำบัดสำนวน!“เจี่ยเจีย! เราอยากโทร.หาเจี่ยเจียตามนามบัตรที่ให้ไว้มาก แต่ก็ไม่กล้าโทร.ไปเพราะกลัวจะได้รับฟังข่าวร้าย เห็นเจี่ยเจียตัวไม่ซีดเซียว ยังมีลมหายใจแล้วยืนอยู่ตรงหน้าพวกเราดีใจมากเลยครับ”ชิงจ้านก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจไม่แพ้กัน ภายนอกเขาดูเป็นหนุ่มพูดน้อย แต่การได้สัมผัสเขาสองชาติภพทำให้เธอรู้ว่านี่เป็นเพียงเปลือกเท่านั้น“วันนั้นยังไม่ได้ขอบคุณกันดี ๆ
๑เมื่อเจ้านายเพิ่มหน้าที่ให้หัวหน้าแผนกเหมยจิงกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม ก้มหน้าก้มตาทำงานใช้หนี้ที่เกิดจากการตามล้างตามเช็ดให้น้องชาย ไม่มีเวลาท้อ ไม่มีเวลาให้เสียใจ มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้นย้อนกลับไปวันที่เธอกลับมายังยุค 2025 สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากที่เดินกลับจากสะพานไน่เหอคือย้ายของออกจากบ้านมารดามาอยู่คอนโดไม่กี่ตารางวาที่แอบซื้อเอาไว้ตอนที่ได้เงินก้อนมาจากขายลิขสิทธิ์นิยายเพื่อสร้างซีรีส์ถามว่ายังคงช่วยส่งเสียดูแลแม่หรือไม่…แน่นอนว่าต้องมีจุนเจือให้ แต่จะไม่มากเท่าเมื่อก่อนเพราะเธอก็มีหนี้สิ้นที่ต้องแบกรับ!ณ บริษัทเอเจนซี่หลงฮั่วกรุ๊ปที่เหมยจิงนั่งในตำแหน่งหัวหน้าการตลาดในขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่ห้องที่กั้นแยกจากคนในแผนกนั้น ซีโอโอ[1]หญิงวัยกลางคนก็เดินดุ่ม ๆ เข้ามาหาเธอที่ห้องทำงาน มือเคาะประตูกระจกที่เปิดเอาไว้สองครั้งอย่างคนมีมารยาท“จิงจิง”ดวงตากรีดอายไลเนอร์คมเฉี่ยวที่จ้องเพียงหน้าจอคอมพิวเตอร์เงยขึ้นมองเจ้าของเสียง ลุกขึ้นยืนต้อนรับในทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเจ้านายโดยตรงของเธอ“อิงเจี่ย”“นั่ง ๆ”เหมยจิงนั่งลงเก้าอี้ ดวงตาสำรวจสีหน้าท่าทางของหลูอิงเสี่ยวที่ฉายควา







