LOGIN๖
บรรพตมีมากมายก็ยังหากันจนเจอ
เหมยจิงกดซื้อชุดเพิ่มอีกสองชุด เป็นชุดคลุมหลังอาบน้ำที่นางจะถือชุดนี้เป็นชุดนอน กับชุดผ้าฝ้ายธรรมดา รูปทรงเหมือนชุดที่นางกดซื้อมาก่อนหน้านี้ ราคาประหยัดรวมสองชิ้นติดลบเพิ่มอีก 100 เหรียญ
กอปรกับก่อนหน้านี้ซื้อเตียงและหมอนมาในราคา 100 เหรียญและของใช้ส่วนตัวที่มีขนาดไม่มากถนอมใช้อย่างประหยัดในราคา 300 เหรียญอาทิ สบู่ แชมพู เซรั่มบำรุงผิวหน้า แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สินค้าจากโลกปัจจุบันที่นางหักใจซื้อเพราะไม่อยากใช้ของที่นี่
“สรุปติดลบ 1,695 เหรียญ…แต่ก็เอาเถอะ! ของจำเป็นทั้งนั้น อีกอย่างไม่ได้ใช้แค่วันเดียวแล้วจะหมด ประหยัดใช้หน่อยก็อยู่ได้หลายวันแล้ว”
ปลุกปลอบใจตัวเองเช่นนั้นก็เอนกายลงนอนบนเตียง เม้มปากแน่นเพราะพื้นไม้ไผ่ไม่ได้อ่อนโยนต่อแผ่นหลัง
“ตื่นมาอีกทีหลังข้าเป็นรอยแน่ หรือจะกดซื้อผ้าปูที่นอนมาสักหน่อย อย่างไรการนอนก็สำคัญ”
เหมยจิงนอนคิดอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงหย่อนกระปุก เมื่อตรวจสอบดูในกงล้ออักขระก็เห็นว่า 30 เหรียญค่าปลูกดอกไม้เข้ามาในระบบแล้ว
“เหรียญเข้าแล้ว!...อะ! ปวดหลัง”
มือเรียวจับหลังตัวเองไว้ เริ่มคิดแล้วว่าหากทำงานหนักได้นอนบนที่นอนนิ่ม ๆ ก็คงดีกว่านี้
“ของมันต้องมีแล้วเหมยจิง!”
คิดได้เช่นนั้นเหมยจิงก็ไม่รอช้า กดที่นอนมาหนึ่งชุดในราคา 100 เหรียญ หักลบกลบหนี้กับรายได้ 30 เหรียญเมื่อครู่แล้วนางติดลบเพิ่ม
ยอดรวมเพื่อที่จะกลับบ้านอยู่ที่ 1,765 เหรียญ!
เหมยจิงเอนกายลงที่นอนนุ่มแล้วเปิดกงล้ออักขระ แม้จะเจ็บปวดใจกับยอดติดลบสีแดง แต่อย่างน้อยก็ยังได้นอนที่นอนนิ่ม ๆ
“เอาเถอะเหมยจิง! เจ้าต้องนอนทุกวัน ที่ต้องรักษาเอาไว้คือห้องนี้ ค่ากินไม่มีอดเอาได้ ดื่มน้ำจากในน้ำตก ผลไม้ที่จะสุกในอีกสามวัน มันหวานทานอิ่มนาน เมนูลดน้ำหนักของผู้หญิง อันอื่นไม่มีอดเอาได้ แต่ค่าห้องต้องมี”
เหมยจิงท้องร้องจอก ทว่ายังไม่คิดจะหาอะไรทาน ได้แต่ลูบท้องตัวเองแล้วปลอบมันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนสลับกับขู่เบา ๆ
“อย่าเพิ่งร้อง อดข้าวแค่มื้อสองมื้อไม่ตายหรอก โตแล้ว อดเอา!”
เหมยจิงสะกดตัวเองให้นอนหลับเพื่อจะได้ไม่ต้องทนหิว นางทำสำเร็จเพราะจมเข้าสู่นิทราจริง ๆ
ในความฝันนั้นนางกำลังเผามันอยู่ มือถือตะแกรงเหล็กสลับหน้าสลับหลังเผามันอยู่บนเตาฟืน
“จิงจิง ขอกินหน่อยได้ไหม”
เหมยจิงที่กำลังเผามันอยู่หันมามองเหมยจิงที่เป็นคนจินตนาการจนเกิดความฝัน
“จ่ายค่าตะแกรงกับเตาให้ข้าก่อนแล้วเจ้าจะได้กิน”
เฮือก!
ประโยคเมื่อครู่ปลุกนางได้ดีนัก เพียงได้ยินว่าต้องจ่ายก็สะดุ้งตื่น เด้งตัวขึ้นนั่งในทันที
“ค่าเตากับค่าตะแกรง ข้าลืมไปได้อย่างไรว่าจะทำอาหารเองก็ต้องมีอุปกรณ์อีก ถ้าสั่งซื้ออุปกรณ์มาครบชุด ข้าไม่ต้องเปิดร้านขายมันเผาหรือ!”
เหมยจิงเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่สั่งมันหวานมา
“ทำอาหารเองใครว่าประหยัด นอกจากจะไม่อร่อยแล้วยังเปลืองค่าวัตถุดิบและค่าอุปกรณ์อีก ก็ลองดูว่าขายแบบสด ๆ จะได้หรือไม่”
เหมยจิงเอนตัวลงไปนอนอีกครั้งแล้ววางแผนธุรกิจ คิดไปคิดมาเริ่มทนความหิวไม่ได้ สุดท้ายก็กดสั่งเหรียญในกงล้ออักขระเพื่อจะเอาเงินนั้นไปซื้ออาหารที่ขายเรียงรายอยู่ตามทาง
นางกดมาใช้ 20 เหรียญค่าบริการ 1 เหรียญเท่ากับติดลบเพิ่มอีก 21 เหรียญ ยอดรวมติดลบที่ 1,786 เหรียญ!
“จะอยู่ให้รอดท้องก็ต้องรอดด้วย หาอะไรกินง่าย ๆ ก็แล้วกัน…ใส่ชุดใหม่เลยดีกว่า!”
เหมยจิงถอดชุดคลุมตัวออกแล้วใส่ชุดใหม่ที่มาพร้อมเอี๊ยมบังทรงอีกเช่นเคย
“ดีที่แม่ไม่ได้ให้มามาก สภาพไร้โครงพยุงแบบนี้ ไม่อยากจะคิดว่าจะเป็นไปตามแรงโน้มถ่วงแค่ไหน”
ณ ตลาดข้างทาง
เหมยจิงออกมาจากด้านนอกโรงเตี๊ยมก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว นางทราบข้อมูลจากเสี่ยวเอ้อร์ว่าบรรพตจันทราเร้นจะสลัวทั้งกลางคืนและกลางวัน
แต่หากเมื่อใดร้านในเมืองแขวนโคมสีแดงเอาไว้จะจัดว่าเป็นเวลากลางคืน นำโคมลงเมื่อใดจัดเป็นเวลากลางวัน ร้านค้าในยามนี้จึงเหลือน้อยเต็มทีแล้ว
ดีที่ยังเหลือร้านบะหมี่เปิดอยู่ สอบถามราคาแล้วถ้วยละ 1 เหรียญเท่าค่าบริการถอนเงินสด
นางถึงรู้ว่าระบบในกงล้อเลือดเย็นแค่ไหน!
“เสื้อผ้าเอยอะไรเอย คอยดูนะ! ข้าได้เงินจากการขายของเมื่อไรจะไม่ง้อเจ้าแล้ว”
เหมยจิงค่อนขอดกงล้อเสียงเบาขณะที่กำลังรอบะหมี่ถ้วยเล็กอยู่
“แม่นางบะหมี่ได้แล้ว”
เหมยจิงขอบคุณแม่ค้าก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาทานบะหมี่หนึ่งเหรียญที่ทานสามคำก็เหลือแต่น้ำ
“ทานช้า ๆ กระเพาะจะได้อิ่มเร็ว”
ด้วยไม่อยากควักเงินจ่ายอีกหนึ่งเหรียญนางจึงทานอย่างละเมียดละไม ค่อย ๆ กลืนเส้น
เก็บไข่ที่ถูกหั่นจนบางเท่ากับเนื้อเป็ดที่มีสามชิ้น ลมพัดหนึ่งครั้งก็สามารถปลิวได้แล้วเอาไว้ทานเป็นอย่างสุดท้าย
“นี่ทานบะหมี่หรือว่าไฟน์ไดน์นิ่งอยู่หรือ เหตุใดละเมียดละไมเช่นนี้”
เหมยจิงที่หลับตาเพราะกลัวน้ำบะหมี่กระเด็นเข้าตาลืมตาขึ้น ศัพท์นี้มีเพียงนักเรียนนอกเจนวายเท่านั้นที่พูดได้
“คุณชายเฉิน!”
บรรพตมีเป็นร้อยก็ยังตามกันจนเจออีกหรือ
“แม่ค้า บะหมี่หนึ่งถ้วย”
“ได้เลยคุณชาย”
คุณชายเฉินหันหน้ากลับมามองเหมยจิงที่ตอนนี้จ้องหน้าเขานิ่ง เส้นยังคงดูดค้างเอาไว้ ท่าทางในตอนนี้ดูตลกมากจนเขาหลุดหัวเราะเบา ๆ
“หน้าข้าหล่อเหลาจนต้องมองค้างเช่นนี้เลยหรือเจี่ยเจี่ย ที่แท้ท่านก็อยู่ที่นี่เอง หากข้าไม่หนีมาที่นี่ก็คงหลงอยู่บรรพตอาทิตย์อัสดงไปอีกนานเลย”
ซูด~
เหมยจิงสูดเส้นเข้าปากหมดในทีเดียว เพราะคำใหญ่เกินไปนางจึงยกถ้วยขึ้นซดน้ำ ที่ติดคออยู่เมื่อครู่จึงทุเลาลง
“ค่อย ๆ ขอรับเจี่ยเจีย ข้าไม่แย่งท่านทานหรอก โน้นของข้ามาแล้ว”
แม่ค้ายกบะหมี่ถ้วยเล็กมาให้คุณชายเฉิน
เหมยจิงถึงกับหันหน้าขวับไปมองอีกฝ่ายเพราะรู้สึกได้ว่าปริมาณของเราไม่เท่ากัน
“ราคาหนึ่งเหรียญแต่ข้าพิเศษให้คุณชายเพราะหน้าตาดี ทานเยอะ ๆ เล่า นานทีจะเห็นน้องชายหน้าตาดีอย่างคุณชายมาทานบะหมี่กับพี่สาวที่ร้านข้างทางแบบนี้”
“ขอบคุณคนงาม”
คุณชายเฉินแจกยิ้มสว่างไสวให้แม่ค้า นางยิ้มแก้มปริ หัวใจระทวย ไม่ว่าคำชมนี้จะมาจากใจหรือไม่…
นางขอรับไว้เลย!
“ชื่อข้าคุณชายยังไม่รู้จักเลย เหตุใดโดนคนอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นพี่สาวน้องชายกันได้”
เหมยจิงเอ่ยขึ้นในยามที่แม่ค้าเดินห่างไปจากโต๊ะของนางแล้ว ทว่าคนที่นางสนทนาด้วยกลับไม่ได้ใส่ใจประเด็นนี้ หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วทานเนื้อสัตว์ก่อน
“เจี่ยเจียยังติดค้างชื่อข้าอยู่เลย”
ไม่บอกชื่อก็เรียกว่าติดค้างได้แล้ว (เสียงสูง)
“ข้าก็รู้จักคุณชายเฉินเพียงคุณชายเฉินเท่านั้น อยากทราบนามของผู้อื่นก่อน ตามหลักไม่ต้องแนะนำตัวเองก่อนหรือ”
“โย่! เจี่ยเจียเริ่มพูดจาไม่เหมือนสาวยุค 2025 เข้าทุกทีแล้ว สมัยนั้นน่าจะแนะนำตัวกันอย่างง่ายดายแล้วกระมัง แต่ก็เอาเถอะ! ข้าจะบอกนามของข้า…เฉินเหวินเหวิน หรือจะเรียกว่าเหวินเหวินก็ได้”
“เหมยจิง”
เมื่ออีกฝ่ายแนะนำตัวมาแล้ว เหมยจิงก็มีมารยาทมากพอที่จะเอ่ยนามของตนกลับไป
“จิงจิง”
ไม่คิดว่าชายหนุ่มที่อายุร่างกายน้อยกว่าจะตีสนิทด้วยการเรียกกันอย่างคนที่สนิทสนมกันเช่นนี้
“ข้าไม่อนุญาตให้คุณชายเรียกเช่นนี้”
“เช่นนั้นข้าเรียกเจี่ยเจียเช่นเดิมก็แล้วกัน”
เห็นท่าทางดื้อรั้นของชายหนุ่มแล้ว เหมยจิงก็คร้านจะสนทนาด้วย นางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปหาแม่ค้าแล้วทำการจ่ายเงิน
“ไยมี 1 เหรียญ”
เหมยจิงทำหน้าฉงนเมื่อแม่ค้าชักสีหน้าใส่
“ข้าทานถ้วยเดียวก็ต้องจ่ายเพียงเหรียญเดียวไม่ถูกหรือ ทำมาค้าขายแบบนี้ขายได้ไม่นานนะพี่สาว”
แม่ค้ารีบปรับสีหน้าแล้วอธิบายเหตุผล
“น้องชายคนนั้นยังไม่ได้จ่ายเลย แม่นางจะให้น้องชายหน้าอ่อนเช่นนี้ควักเงินจ่ายค่าอาหารเองหรือ”
เหอะ! แถมให้เขาจนแทบจะเป็นสามถ้วยแล้วยังมางกกับอีกแค่เหรียญเดียว
“เจี่ยเจีย…”
สองสาวหันไปมองชายหนุ่มเจ้าของเสียงหวานที่กะพริบตาปริบ ๆ ในเชิงออดอ้อน แม่ค้าใจระทวยส่วนเหมยจิงควักเงินจ่าย
เผลอไผลไปแล้ว!
ใครใช้ให้เขาเหมือนไอดอลหน้าใส ทำหัวใจสาวเจนซีตอนต้นระทวย
๖เรียกเกอเกอก็คือการตอบตกลงแล้วเหมยจิงและเฉินอวี้เหวินต่อให้วันนี้จะทำงานหนักมาทั้งวันและเหนื่อยมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครคิดจะกลับไปนอนที่บ้านแล้วข่มตาหลับพร้อมกับฝันดีเหมยจิงไม่อยากให้นี่เป็นเพียงความฝัน เธอชวนเฉินอวี้เหวินมาที่ห้องเธอแล้วสั่งเค้กปอนด์ใหญ่สองปอนด์เดินถือคนละถุงขึ้นลิฟต์มาห้องชั้น 23ติ๊ง!เมื่อลิฟต์เปิดออก เหมยจิงก็เดินนำชายหนุ่มมาที่ห้องของตัวเอง คนชวนไม่เกร็งแต่คนถูกชวนกลับรู้สึกว่าการเข้ามาในห้องของหญิงสาวในตอนนี้อันตรายยิ่งนัก“จิงจิงอยู่คนเดียวเหรอ”“ใช่! เข้ามาเลย ห้องแคบหน่อยนะ แอบแม่ซื้อที่นี่ไว้นะ…นี่! สลิปเปอร์”รองเท้าแตะรูปปลาสีชมพูน่ารัก แต่ชายหนุ่มไม่เขินที่จะได้ใส่รองเท้าแบบเดียวกับเหมยจิง ต่างกันตรงที่ของเขาเป็นสีชมพู ของเธอเป็นสีน้ำตาลแม้แต่เค้กที่สั่งมาของเหมยจิงก็ยังเป็นช็อกโกเลต ของเฉินอวี้เหวินเป็นนมสดสตรอเบอร์รี่“กว้างขวางใช้ได้เลย ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นแยกในตัวแบบนี้ แต่จิงจิงเพิ่งเข้ามาอยู่ใช่ไหม ของยังมีไม่เยอะเท่าไร”“ใช่ ไม่ได้ขนมาจากบ้านแม่มากเท่าไร อยากดูทีวีไหม รีโมตอยู่นี่เปิดได้เลย”เฉินอวี้เหวินเริ่มเกร็งน้อยลงเมื่อรู้ว่าที่น
๕ที่เคยรับปากไปทำได้แล้วนะตึ๊ง!เหมยจิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อได้รับข้อความ มุมปากผุดเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นชื่อกล่องสนทนา นิ้วเลื่อนไปเปิดข้อความดูก็เห็นว่าเป็นภาพบทละครเหมยจิงบอกเขาสู้ ๆ ในใจแต่ไม่ได้ตอบแชทกลับไป จนกระทั่งข้อความแชทเด้งขึ้นอีกครั้ง เธอจึงเปิดอ่านก็เห็นว่าเป็นเฉินอวี้เหวินคนเดิม เพิ่มเติมคือถ่ายรูปตัวเองส่งมาให้ด้วย สีหน้าที่ดูออดอ้อนของเขาทำให้เธอเผลอนึกถึงเฉินเหวินเหวินตอนที่เขาแสดงสีหน้าออดอ้อนเธอสุดท้ายก็พิมพ์ข้อความตอบเขาไปว่า…‘สู้ค่ะ’ตึ๊ง!ตึ๊ง!และเพียงเธอตอบกลับไปเท่านั้นก็ได้รับข้อความถึงสองครั้งติดกัน‘เหนื่อยไหม’‘ง่วงหรือเปล่า’เธอเริ่มคิดแล้วว่าวันนี้เปิดกล้องวันแรกจริงหรือไม่ ทำไมถึงมีเด็กดื้อเล่นโทรศัพท์ไม่อ่านบท“หรือเพราะผ่านซีรีส์เรื่องยาวมาแล้ว มินิซีรีส์เลยสบาย บทเท่านี้ไม่ทำให้เขาเครียด”เหมยจิงพยายามหาเหตุผลให้ชายหนุ่ม แต่เมื่อคิดว่าตนจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรก็วางโทรศัพท์เอาไว้ ลืมไปว่าข้อความที่เขาส่งมาเป็นคำถาม อีกทั้งหลังจากนั้นเธอไม่ได้รับข้อความจากเขาอีก…ทำงานเพลินจึงลืมเรื่องนี้ไปสนิท!ทางด้านเฉินอวี้เหวิน…“หรือเธอจะยุ่งจนไม่มีเวลาตอบ
๔คนแปลกหน้าที่หัวใจบอกรู้สึกดีพิธีการเปิดกล้องเสร็จสิ้นแล้ว ยามนี้นักแสดงทุกคนมายืนหลังโปสเตอร์โปรโมตมินิซีรีส์เรื่อง ‘บอสจัดหนัก’ โดย ที่นักแสดงทุกคนถือหงเปาที่หน้าซองจ่าชื่อเรื่องเอาไว้ ตะโกนพร้อมกันตอนถ่ายรูปรวมว่า“บอสจัดหนักฤกษ์งามยามดีเปิดกล้อง…เฮ!”เหมยจิงที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมงานยืนอยู่หลังตากล้อง อย่างเงียบ ๆ โดยที่ด้านข้างเธอมีหลูอิงเสี่ยวและเหลียงเจ๋อฮั่นยืนอยู่ด้วยแต่เขายืนอยู่ได้ไม่นานก็ถูกผู้กำกับดึงไปถ่ายรูปพร้อมให้ช่วยกันจับผ้าแดงที่ปิดกล้องใหญ่ที่ถ่ายทำเอาไว้เปิดออกพร้อมกันก็เป็นการเปิดกล้องอย่างเป็นทางการ ผลไม้ที่เซ่นไหว้แจกจ่ายให้ทุกคนโดยถ้วนหน้า“จิงจิงเอาแอปเปิ้ลไหม เจี่ยเจียไปเอาให้”แอปเปิ้ล! ผลไม้ที่เหมยจิงไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องตั้งแต่ที่กลับมาจากเมืองลอยฟ้าเพราะเธอไม่ตอบทำเพียงจับจ้องไปยังแอปเปิ้ลเท่านั้น หลูอิงเสี่ยวจึงคิดว่าเธออยากได้ รีบวิ่งไปขอจากทีมงานมาให้ลูกน้องสาว รู้ตัวอีกทีมือของเธอก็มีแอปเปิ้ลลูกใหญ่อยู่ในมือ!น้ำตาร่วงเผาะเมื่อคิดว่าตอนนี้เฉินเหวินเหวินกำลังใช้ชีวิตอยู่ในมิติสวนของเธออย่างไร หรือเขาจะยังอยู่ที่เมืองลอยฟ้าหรือไม่ หรือว่าจะกลับไ
๓ความรักความแค้นเลือกอันใด เฉินเหวินเหวินนั่งมองบึงตรงหน้า สถานที่ที่ดูดกลืนร่างของเหมยจิงลงไปใต้ล่างเขาอยากกระโดดน้ำลงไปดู หากใต้ล่างนั้นเป็นทางเชื่อมระหว่างยุค 2025 กับเมืองลอยฟ้าแห่งนี้ เหมยจิงจะรอเขาอยู่ที่นั่นหรือไม่! “คุณชายเฉินกำลังคิดอันใดอยู่” เขาหันไปมองหลิวปู้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คอยคุมตัวเขาไม่ให้กระโดดลงบึงตามเหมยจิงไป “กำลังคิดอยู่ว่าจะกระโดดตามนางลงไป” หมับ! แขนทั้งสองข้างของเฉินเหวินเหวินถูกคว้าหมับทันที เฉินเหวินเหวินแม้จะรำคาญ แต่ส่วนลึกก็อบอุ่นหัวใจที่ยังมีคนคอยห่วงใยเขาแทนเหมยจิง “อย่าคิดจะทำเป็นอันขาด บึงนี้ไม่ใช่ทางของคุณชาย หากอยากตามนางไปช่องทางที่ถูกต้องมีอยู่ แต่อยู่ที่ว่าคุณชายอยากเลือกเส้นทางนี้หรือไม่” คำพูดของชิงจ้านทำให้เฉินเหวินเหวินนิ่งไป นั่นสินะ! ก่อนหน้านี้เจ้าบอกนางว่าขอเวลาคิดก่อน ไม่รู้ว่าเวลาที่นั่นกับที่นี่คลาดเคลื่อนเพียงใด หากข้าไม่รีบตัดสินใจต้องเสียใจในภายหลังแน่ แต่ว่าเขาจะเลือกอันใดระหว่างกลับภพเดิมเพื่อไปล้างแค้น กับ ยอมทิ้งความแค
๒ตามหานักแสดงเซ็นสัญญาเกาเข่าสอบต้นมิถุนายนและประกาศผลปลายเดือนมิถุนายน ใกล้สอบเกาเข่าโรงเรียนมัธยมปลายจะปล่อยเด็กนักเรียนเกาซาน[1]กลับบ้านช่วงสี่ทุ่ม เหมยจิงจะไปดักเจอพวกเขาให้ไม่ไกลจากโรงเรียกนัก แต่ก็ไม่ให้ใกล้จนทำให้พวกเขาถูกอาจารย์และเพื่อนนักเรียนเพ่งเล็ง“เจี่ยเจีย!”เหมยจิงส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มทั้งสองที่จอดจักรยานทันทีเมื่อเห็นเธอโบกมือให้ทั้งคู่จอดรถจักรยานไว้เรียบถนนก่อนที่จะเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าตื่นเต้น“สวัสดี! ผู้มีพระคุณ”“เจี่ยเจียยังไม่ได้ไปเยือนแม่น้ำลืมเลือน ดียิ่ง!”เหมยจิงหลุดหัวเราะ จากคำพูดของเขารู้ในทันทีว่าอีกฝ่ายก็ติดซีรีส์ไม่เบา ซึ่งเจ้าของคำพูดนี้จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่หลิวปู้คนที่ชอบพูดอะไรติดสำบัดสำนวน!“เจี่ยเจีย! เราอยากโทร.หาเจี่ยเจียตามนามบัตรที่ให้ไว้มาก แต่ก็ไม่กล้าโทร.ไปเพราะกลัวจะได้รับฟังข่าวร้าย เห็นเจี่ยเจียตัวไม่ซีดเซียว ยังมีลมหายใจแล้วยืนอยู่ตรงหน้าพวกเราดีใจมากเลยครับ”ชิงจ้านก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจไม่แพ้กัน ภายนอกเขาดูเป็นหนุ่มพูดน้อย แต่การได้สัมผัสเขาสองชาติภพทำให้เธอรู้ว่านี่เป็นเพียงเปลือกเท่านั้น“วันนั้นยังไม่ได้ขอบคุณกันดี ๆ
๑เมื่อเจ้านายเพิ่มหน้าที่ให้หัวหน้าแผนกเหมยจิงกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม ก้มหน้าก้มตาทำงานใช้หนี้ที่เกิดจากการตามล้างตามเช็ดให้น้องชาย ไม่มีเวลาท้อ ไม่มีเวลาให้เสียใจ มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้นย้อนกลับไปวันที่เธอกลับมายังยุค 2025 สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากที่เดินกลับจากสะพานไน่เหอคือย้ายของออกจากบ้านมารดามาอยู่คอนโดไม่กี่ตารางวาที่แอบซื้อเอาไว้ตอนที่ได้เงินก้อนมาจากขายลิขสิทธิ์นิยายเพื่อสร้างซีรีส์ถามว่ายังคงช่วยส่งเสียดูแลแม่หรือไม่…แน่นอนว่าต้องมีจุนเจือให้ แต่จะไม่มากเท่าเมื่อก่อนเพราะเธอก็มีหนี้สิ้นที่ต้องแบกรับ!ณ บริษัทเอเจนซี่หลงฮั่วกรุ๊ปที่เหมยจิงนั่งในตำแหน่งหัวหน้าการตลาดในขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่ห้องที่กั้นแยกจากคนในแผนกนั้น ซีโอโอ[1]หญิงวัยกลางคนก็เดินดุ่ม ๆ เข้ามาหาเธอที่ห้องทำงาน มือเคาะประตูกระจกที่เปิดเอาไว้สองครั้งอย่างคนมีมารยาท“จิงจิง”ดวงตากรีดอายไลเนอร์คมเฉี่ยวที่จ้องเพียงหน้าจอคอมพิวเตอร์เงยขึ้นมองเจ้าของเสียง ลุกขึ้นยืนต้อนรับในทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเจ้านายโดยตรงของเธอ“อิงเจี่ย”“นั่ง ๆ”เหมยจิงนั่งลงเก้าอี้ ดวงตาสำรวจสีหน้าท่าทางของหลูอิงเสี่ยวที่ฉายควา







