LOGIN๗
ห้องมิติในโรงเตี๊ยมจันทรามีห้องเพิ่มอีกห้อง
เหมยจิงเดินนำเฉินเหวินเหวินออกมาจากร้านบะหมี่ด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งโมโหตัวเองที่มีเงินหน่อย โดนกลยุทธ์บุรุษหน้าหยกอ้อนก็ควักเงินที่นางได้มาจากการเป็นหนี้จ่ายให้เขาโดยไม่รู้ตัว…
แต่ที่นางโมโหมากกว่าตัวเองก็คือเขา!
“เจี่ยเจีย ข้า…”
“บะหมี่ถ้วยนี้ข้าเลี้ยง ถือเป็นบะหมี่ถ้วยอำลา”
เฉินเหวินเหวินที่ถูกขัดจังหวะด้วยคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินนิ่งไป สองครั้งแล้วที่เขาสัมผัสได้ถึงความผลักไสไล่ส่งของนาง ถามเหตุผลไปตามตรง
“เจี่ยเจีย หากท่านจะไล่ข้าเพราะเงิน 1 เหรียญข้าคืนให้ท่านก็ได้ ต้องทำร้ายจิตใจกันเพียงนี้เชียวหรือ”
“คำไหนหรือการกระทำใดที่ข้าทำร้ายจิตใจ”
“ก็ที่ท่านเดี๋ยวไล่ ๆ ข้าเช่นนี้อย่างไรเล่า เราตกอยู่ในสภาพเดียวกันไยไม่พึ่งพาอาศัยกัน”
อ้อ ที่แท้ก็อยากยึดข้าเป็นที่ตั้งจริงด้วย
“เราต่างมีกงล้ออักขระเป็นของตัวเอง มีหนี้และจำนวนเงินที่ต้องเก็บ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่เป็นเดือน เพราะฉะนั้นเราต่างคนต่างอยู่ ค่าใช้จ่ายที่ควบคุมไม่ได้เช่นคุณชาย ข้าไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย”
เอ่ยเพียงเท่านี้เหมยจิงก็หมุนตัวเดินหันหลังให้ชายหนุ่ม เขาไม่เคยคิดเรื่องค่าใช้จ่ายที่คุมไม่ได้เพราะมีกินมีใช้ไม่ว่าจะชาติภพใดก็ไม่เคยขาด
“สู้ชีวิตน่าดู แล้วเหตุใดถึงจบชีวิตตัวเองได้นะ” เฉินเหวินเหวินนิ่งคิดเหตุผล จนกระทั่งเห็นนางเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมจันทราเขาถึงเดินตามมาด้วย “เจี่ยเจีย รอข้าด้วย”
จะไล่ก็ไล่ไปเถอะ เขาไม่ไปเสียอย่างใครจะทำอะไรเขาได้ รีบวิ่งตามหลังร่างบางเข้าไปในโรงเตี๊ยมจันทรา
นางย่อมรู้ว่าเขาตามมา แต่ก็ไม่หยุดเดิน
เดินตึง ๆ ขึ้นไปชั้นสองโดยชายหนุ่มคิดจะตามขึ้นมาด้วย ในตอนนั้นเองที่เสี่ยวเอ้อร์รั้งเขาเอาไว้
“คุณชาย ๆ ห้องพักของเรายังมีเหลืออีกมาก ทำการจ่ายเงินก่อนขึ้นไปก็ยังไม่สาย”
เสี่ยวเอ้อร์พูดเสียงสุภาพ เฉินเหวินเหวินมองตามเหมยจิงไปก็เห็นว่าเมื่อขึ้นไปชั้นสองแล้วนางได้เดินไปยังห้องทางฝั่งซ้าย
เมื่อเห็นว่านางอยู่ห้องใดก็เดินเข้าไปหาเสี่ยวเอ้อร์
“ข้าจะพักห้องข้าง ๆ นางมีว่างหรือไม่”
ถามว่างหรือไม่มิได้ถามราคาเช่นนี้เสี่ยวเอ้อร์ชอบ
“ห้องข้างแม่นางเหมยย่อมมี นางเช่าสามวันห้องมิติคืนละ 5 เหรียญ มีแววว่าจะต่อคืนไปอีกเรื่อย ๆ คุณชายสนใจเช่าเท่านางหรือไม่”
“สนใจ จ่ายผ่านเครดิตเลย”
เสี่ยวเอ้อร์เอียงคอคิด “ใช่หมายถึงผ่านกงล้ออักขระหรือไม่ หากเป็นจ่ายผ่านช่องทางนั้นย่อมได้”
เฉินเหวินเหวินไม่มัวโอ้เอ้เสียเวลา เปิดหน้าต่างกงล้อจ่ายเงินในทันที
“เครดิตเข้าระบบแล้ว คุณชายโปรดตามลูกแก้วนี้ไปขอรับ” สิ้นคำเสี่ยวเอ้อร์ลูกแก้วก็ลอยนำลูกค้าไปยังห้องที่ทำการเช่า
เฉินเหวินเหวินยิ้มร่า เดินตามลูกแก้วไปหยุดอยู่หน้าห้องเหมยจิง เขายังไม่เข้าห้องตัวเองในตอนนี้ แต่เลือกที่จะเคาะประตูห้องเหมยจิงแทน
“เจี่ยเจีย ข้าเองเฉินเหวินเหวิน”
…!!!
ไร้เสียงตอบรับกลับมา เฉินเหวินเหวินถึงเคาะประตูอีกครั้ง เอาหูแนบประตูฟังเสียงความเคลื่อนไหวด้านใน ในหัวเริ่มจินตนาการไปในทางร้ายแล้ว
“คงไม่ได้เป็นอันใดในห้องกระมัง…เจี่ยเจีย! เจี่ยเจีย”
เฉินเหวินเหวินลงมือเคาะแรงขึ้นจนคนที่อยู่ห้องใกล้เคียงทนไม่ไหวเปิดประตูออกมา
“ทำอะไรของเจ้า! รบกวนเวลาพักผ่อนของผู้อื่น”
บุรุษที่ออกมาเป็นคนรูปร่างกำยำ เฉินเหวินเหวินที่นับเป็นบุรุษร่างบาง ไร้วรยุทธ์ ไม่มีพลังเซียนจึงรีบหยุดเคาะ โค้งตัวลงปลก ๆ เป็นการขออภัย
“ฮึย! อย่าให้ได้ยินว่าเคาะประตูอีก”
จอมยุทธ์ผู้นั้นเดินกลับเข้าห้องของตนเองไป เฉินเหวินเหวินจ้องหน้าประตูอยู่สักพักหนึ่ง
“หรือท่าทีของข้าจะดูคุกคามเกินไป…นั่นสิ! ต่อให้ข้ารูปงามมากเพียงใดก็ดูเป็นการคุกคามได้เหมือนกัน เห็นทีต้องออกจากห้องคนละทีกับนาง หากตกใจแล้วย้ายหนีขึ้นมา ข้าลำบากตามหาอีก”
คิดได้เช่นนั้นเฉินเหวินเหวินก็เดินเข้าห้องของตัวเองไป ในตอนนั้นเองเขาถึงได้คำตอบว่าเหตุใดเหมยจิงไม่ได้ยินที่เขาเรียก
“หนุ่มหล่อ…นี่คือมิติของข้าหรือ”
หนุ่มหล่อคือชื่อผู้ช่วยห้องมิติที่เขาตั้งให้!
มิติของเฉินเหวินเหวินสร้างขึ้นตามใจปรารถนา สวนสวยงามที่มีบ่อน้ำพุร้อน ไม่มีสิ่งใดทำเงินให้เขาเลยเพราะเน้นการจรรโลงใจ
“ซื้อฉินไว้สักตัวก็น่าจะดี ถ้าหากว่าเจี่ยเจียอยากฟังเพลง ข้าจะได้ชวนนางมาเล่นในมิตินี้”
คิดได้เช่นนั้นเฉินเหวินเหวินก็แตะมือไว้กลางอากาศ พิมพ์ชื่อสินค้าลงในช่องค้นหา สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิดตอนที่กดสั่งซื้อฉินราคา 2,000 เหรียญมาใช้
พรึบ!
เมื่อฉินปรากฏตรงหน้า ร่างสูงรูปร่างสมบูรณ์แบบมีมัดกล้ามให้พอดูสุขภาพดีก็ลุกขึ้นจากน้ำอุ่น หยิบเสื้อคลุมตัวบางสีขาวมาคลุมร่าง เช็ดมือให้แห้งแล้วเริ่มทดสอบเสียง
ดวงตาเจ้าเล่ห์หลับพริ้มเมื่อยามที่ได้ยินเสียง เบา ใส ลึกที่เกิดจากเครื่องดนตรีสาย
เสียงเปิดที่เริ่มจากดีดเบา ๆ เปลี่ยนเป็นเสียงอันอิน นิ้วมือซ้ายกดลงบนสายเพื่อเปลี่ยนระดับเสียง
สุดท้ายมาเปลี่ยนเป็นเสียงฟานอิน ใช้นิ้วข้างซ้ายกดตรงจุดดีดเบา ๆ เกิดเป็นเสียงสูงที่ไพเราะ ยาวและค่อย ๆ หายไป
ในตอนนั้นเองที่เขาคิดวิธีหาเงินจากฉินได้!
“เล่นดนตรีเปิดหมวกก็ไม่เสียหาย นอกจากจะไม่ลำบากแล้วยังจะสร้างรายได้อีกด้วย”
เฉินเหวินเหวินยิ้มภูมิใจในความคิดของตัวเองแล้วเริ่มฝึกซ้อมเพลงไปพลาง ๆ
เขาย่อมเคยเปิดดูภารกิจที่จะได้รับเหรียญเช่นปลูกผัก ปลูกผลไม้ เก็บใบชา ทว่าภารกิจเหล่านั้นคือสิ่งที่เขาไม่อยากทำจึงทำตัวประหนึ่งคุณชายไม่มีความทุกข์ร้อนใด ๆ
แต่ในตอนนี้เขาคิดหนทางทำเงินฉบับตัวเองได้แล้ว!
ทางด้านเหมยจิง…
ด้วยความที่อยู่ว่าง ๆ เหมยจิงจึงเลื่อนดูภารกิจที่สามารถทำเงินให้นางได้
“เล่นดนตรีเปิดหมวกต้องลงทุนซื้อเครื่องดนตรี”
ส่ายหน้าทันทีเมื่อคิดว่าข้อนี้ไม่น่าลงทุน สำคัญที่สุดเลยก็คือนาง…
เล่นดนตรีไม่ได้สักอย่าง!
“แฝงตัวในคณะนางรำหรือ เต้นปรกติยังไม่เป็นเลยยังจะมีหน้าไปเต้นรำได้อย่างไร”
เห็นแต่ภารกิจแล้วเหมยจิงก็ถอนหายใจ ปิดหน้าต่างกงล้ออักขระไปเพราะสิ่งที่นางทำได้ตอนนี้ก็คือการปลูกผัก ปลูกดอกไม้ รอวันเก็บผลผลิต
“ข้าจะขายได้หรือไม่ ดอกไม้ขายดีตามเทศกาลเสียด้วย…เดี๋ยวก่อน! เทศกาลเช่นนั้นหรือ”
เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล เหมยจิงยอมเป็นหนี้กงล้อเพิ่มเพื่อดูว่าช่วงนี้บรรพตใดจัดงานเทศกาลรื่นเริงบ้าง จนกระทั่งเห็นว่าบรรพตธารากำลังจะจัดพิธีบูชาบรรพต ตอนเช้าเป็นงานบวงสรวง ตอนเย็นเป็นตลาดกลางคืน
“พอดีเลย! อีกสองวันถึงจะเริ่ม เวลานั้นดอกไม้เราก็ตัดใส่แจกันได้แล้ว”
เอาละ! แจกันสักสี่ใบต้องมีแล้ว
แจกันที่เหมยจิงกดสั่งซื้อวางเรียงกันตรงหน้า ราคาสี่ใบรวมกันเป็น 100 เหรียญ
“สรุปติดลบปัจจุบันที่ 1,865 เหรียญ ตอนแรกคิดว่าทำอย่างไรถึงจะมีเหรียญเก็บ 1,000 ได้เร็ว ๆ แต่ตอนนี้ขอตั้งคำถามใหม่แล้วว่าเพดานหนี้ สูงได้เท่าไร”
ว่าแล้วนางก็ถอนหายใจแล้วเตรียมตัวเข้านอน หากไม่ใช่ว่าเสียงของสาวสวยดังขึ้นมาเสียก่อน
“จิงจิง ฝนใกล้จะตกแล้ว ให้สาวสวยทำหลังคาให้ท่านดีหรือไม่”
เหมยจิงเด้งตัวขึ้นนั่ง ท่าทางไม่ติดความงัวเงียอีกต่อไปแล้ว ดวงตาสำรวจแผ่นฟ้าก็เห็นว่ามีเมฆฝนกำลังจะกระหน่ำลงมาจริง ๆ
“ไม่มีสัตว์แต่มีพายุฝน เอากับเขาสิ!”
“เช่นนั้นสาวสวยสร้างหลังคาให้จิงจิงเลยนะ สถานการณ์พิเศษในมิติเช่นนี้ไม่คิดเงิน”
เหมยจิงมองตามการเปลี่ยนแปลงบริเวณเตียงนอนของตน หลังคาในจินตนาการคือกระเบื้องแผ่นหนาที่สามารถรับน้ำฝนได้
ทว่าสิ่งที่ได้กลับเป็นหลังคาเศษฟางหนา ๆ แม้จะดูแข็งแรงอยู่บ้างแต่ก็เป็นแค่หลังคาหญ้าที่เสารับคานเป็นไม้ไผ่ธรรมดาเท่านั้น
ซ่า!
ในตอนนั้นเองที่ฝนเริ่มเถกระหน่ำลงมา เหมยจิงคิดว่าเป็นเพียงฝนเทียมจึงได้ยื่นมือไปรับน้ำที่ตกลงจากหลังคา ปรากฏว่าน้ำเย็นสมกับที่เป็นน้ำฝน
“ดีเหลือเกิน ไม่ได้เดินตากฝนแบบนี้มานานเท่าไรกันแล้วนะ นี่ข้าอยู่กับวังวนการทำงานมากไปจนออกห่างจากธรรมชาติเล็กน้อยอย่างเช่นฝนตกไปแล้วหรือ”
เหมยจิงจมอยู่กับตัวเองไปครู่หนึ่ง จนกระทั่งสาวสวยถามหาคำชม นางถึงชมอีกฝ่ายให้ใจชื้น
“ดีมากสาวสวย ขอบคุณเจ้า”
๖เรียกเกอเกอก็คือการตอบตกลงแล้วเหมยจิงและเฉินอวี้เหวินต่อให้วันนี้จะทำงานหนักมาทั้งวันและเหนื่อยมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครคิดจะกลับไปนอนที่บ้านแล้วข่มตาหลับพร้อมกับฝันดีเหมยจิงไม่อยากให้นี่เป็นเพียงความฝัน เธอชวนเฉินอวี้เหวินมาที่ห้องเธอแล้วสั่งเค้กปอนด์ใหญ่สองปอนด์เดินถือคนละถุงขึ้นลิฟต์มาห้องชั้น 23ติ๊ง!เมื่อลิฟต์เปิดออก เหมยจิงก็เดินนำชายหนุ่มมาที่ห้องของตัวเอง คนชวนไม่เกร็งแต่คนถูกชวนกลับรู้สึกว่าการเข้ามาในห้องของหญิงสาวในตอนนี้อันตรายยิ่งนัก“จิงจิงอยู่คนเดียวเหรอ”“ใช่! เข้ามาเลย ห้องแคบหน่อยนะ แอบแม่ซื้อที่นี่ไว้นะ…นี่! สลิปเปอร์”รองเท้าแตะรูปปลาสีชมพูน่ารัก แต่ชายหนุ่มไม่เขินที่จะได้ใส่รองเท้าแบบเดียวกับเหมยจิง ต่างกันตรงที่ของเขาเป็นสีชมพู ของเธอเป็นสีน้ำตาลแม้แต่เค้กที่สั่งมาของเหมยจิงก็ยังเป็นช็อกโกเลต ของเฉินอวี้เหวินเป็นนมสดสตรอเบอร์รี่“กว้างขวางใช้ได้เลย ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นแยกในตัวแบบนี้ แต่จิงจิงเพิ่งเข้ามาอยู่ใช่ไหม ของยังมีไม่เยอะเท่าไร”“ใช่ ไม่ได้ขนมาจากบ้านแม่มากเท่าไร อยากดูทีวีไหม รีโมตอยู่นี่เปิดได้เลย”เฉินอวี้เหวินเริ่มเกร็งน้อยลงเมื่อรู้ว่าที่น
๕ที่เคยรับปากไปทำได้แล้วนะตึ๊ง!เหมยจิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อได้รับข้อความ มุมปากผุดเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นชื่อกล่องสนทนา นิ้วเลื่อนไปเปิดข้อความดูก็เห็นว่าเป็นภาพบทละครเหมยจิงบอกเขาสู้ ๆ ในใจแต่ไม่ได้ตอบแชทกลับไป จนกระทั่งข้อความแชทเด้งขึ้นอีกครั้ง เธอจึงเปิดอ่านก็เห็นว่าเป็นเฉินอวี้เหวินคนเดิม เพิ่มเติมคือถ่ายรูปตัวเองส่งมาให้ด้วย สีหน้าที่ดูออดอ้อนของเขาทำให้เธอเผลอนึกถึงเฉินเหวินเหวินตอนที่เขาแสดงสีหน้าออดอ้อนเธอสุดท้ายก็พิมพ์ข้อความตอบเขาไปว่า…‘สู้ค่ะ’ตึ๊ง!ตึ๊ง!และเพียงเธอตอบกลับไปเท่านั้นก็ได้รับข้อความถึงสองครั้งติดกัน‘เหนื่อยไหม’‘ง่วงหรือเปล่า’เธอเริ่มคิดแล้วว่าวันนี้เปิดกล้องวันแรกจริงหรือไม่ ทำไมถึงมีเด็กดื้อเล่นโทรศัพท์ไม่อ่านบท“หรือเพราะผ่านซีรีส์เรื่องยาวมาแล้ว มินิซีรีส์เลยสบาย บทเท่านี้ไม่ทำให้เขาเครียด”เหมยจิงพยายามหาเหตุผลให้ชายหนุ่ม แต่เมื่อคิดว่าตนจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรก็วางโทรศัพท์เอาไว้ ลืมไปว่าข้อความที่เขาส่งมาเป็นคำถาม อีกทั้งหลังจากนั้นเธอไม่ได้รับข้อความจากเขาอีก…ทำงานเพลินจึงลืมเรื่องนี้ไปสนิท!ทางด้านเฉินอวี้เหวิน…“หรือเธอจะยุ่งจนไม่มีเวลาตอบ
๔คนแปลกหน้าที่หัวใจบอกรู้สึกดีพิธีการเปิดกล้องเสร็จสิ้นแล้ว ยามนี้นักแสดงทุกคนมายืนหลังโปสเตอร์โปรโมตมินิซีรีส์เรื่อง ‘บอสจัดหนัก’ โดย ที่นักแสดงทุกคนถือหงเปาที่หน้าซองจ่าชื่อเรื่องเอาไว้ ตะโกนพร้อมกันตอนถ่ายรูปรวมว่า“บอสจัดหนักฤกษ์งามยามดีเปิดกล้อง…เฮ!”เหมยจิงที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมงานยืนอยู่หลังตากล้อง อย่างเงียบ ๆ โดยที่ด้านข้างเธอมีหลูอิงเสี่ยวและเหลียงเจ๋อฮั่นยืนอยู่ด้วยแต่เขายืนอยู่ได้ไม่นานก็ถูกผู้กำกับดึงไปถ่ายรูปพร้อมให้ช่วยกันจับผ้าแดงที่ปิดกล้องใหญ่ที่ถ่ายทำเอาไว้เปิดออกพร้อมกันก็เป็นการเปิดกล้องอย่างเป็นทางการ ผลไม้ที่เซ่นไหว้แจกจ่ายให้ทุกคนโดยถ้วนหน้า“จิงจิงเอาแอปเปิ้ลไหม เจี่ยเจียไปเอาให้”แอปเปิ้ล! ผลไม้ที่เหมยจิงไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องตั้งแต่ที่กลับมาจากเมืองลอยฟ้าเพราะเธอไม่ตอบทำเพียงจับจ้องไปยังแอปเปิ้ลเท่านั้น หลูอิงเสี่ยวจึงคิดว่าเธออยากได้ รีบวิ่งไปขอจากทีมงานมาให้ลูกน้องสาว รู้ตัวอีกทีมือของเธอก็มีแอปเปิ้ลลูกใหญ่อยู่ในมือ!น้ำตาร่วงเผาะเมื่อคิดว่าตอนนี้เฉินเหวินเหวินกำลังใช้ชีวิตอยู่ในมิติสวนของเธออย่างไร หรือเขาจะยังอยู่ที่เมืองลอยฟ้าหรือไม่ หรือว่าจะกลับไ
๓ความรักความแค้นเลือกอันใด เฉินเหวินเหวินนั่งมองบึงตรงหน้า สถานที่ที่ดูดกลืนร่างของเหมยจิงลงไปใต้ล่างเขาอยากกระโดดน้ำลงไปดู หากใต้ล่างนั้นเป็นทางเชื่อมระหว่างยุค 2025 กับเมืองลอยฟ้าแห่งนี้ เหมยจิงจะรอเขาอยู่ที่นั่นหรือไม่! “คุณชายเฉินกำลังคิดอันใดอยู่” เขาหันไปมองหลิวปู้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คอยคุมตัวเขาไม่ให้กระโดดลงบึงตามเหมยจิงไป “กำลังคิดอยู่ว่าจะกระโดดตามนางลงไป” หมับ! แขนทั้งสองข้างของเฉินเหวินเหวินถูกคว้าหมับทันที เฉินเหวินเหวินแม้จะรำคาญ แต่ส่วนลึกก็อบอุ่นหัวใจที่ยังมีคนคอยห่วงใยเขาแทนเหมยจิง “อย่าคิดจะทำเป็นอันขาด บึงนี้ไม่ใช่ทางของคุณชาย หากอยากตามนางไปช่องทางที่ถูกต้องมีอยู่ แต่อยู่ที่ว่าคุณชายอยากเลือกเส้นทางนี้หรือไม่” คำพูดของชิงจ้านทำให้เฉินเหวินเหวินนิ่งไป นั่นสินะ! ก่อนหน้านี้เจ้าบอกนางว่าขอเวลาคิดก่อน ไม่รู้ว่าเวลาที่นั่นกับที่นี่คลาดเคลื่อนเพียงใด หากข้าไม่รีบตัดสินใจต้องเสียใจในภายหลังแน่ แต่ว่าเขาจะเลือกอันใดระหว่างกลับภพเดิมเพื่อไปล้างแค้น กับ ยอมทิ้งความแค
๒ตามหานักแสดงเซ็นสัญญาเกาเข่าสอบต้นมิถุนายนและประกาศผลปลายเดือนมิถุนายน ใกล้สอบเกาเข่าโรงเรียนมัธยมปลายจะปล่อยเด็กนักเรียนเกาซาน[1]กลับบ้านช่วงสี่ทุ่ม เหมยจิงจะไปดักเจอพวกเขาให้ไม่ไกลจากโรงเรียกนัก แต่ก็ไม่ให้ใกล้จนทำให้พวกเขาถูกอาจารย์และเพื่อนนักเรียนเพ่งเล็ง“เจี่ยเจีย!”เหมยจิงส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มทั้งสองที่จอดจักรยานทันทีเมื่อเห็นเธอโบกมือให้ทั้งคู่จอดรถจักรยานไว้เรียบถนนก่อนที่จะเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าตื่นเต้น“สวัสดี! ผู้มีพระคุณ”“เจี่ยเจียยังไม่ได้ไปเยือนแม่น้ำลืมเลือน ดียิ่ง!”เหมยจิงหลุดหัวเราะ จากคำพูดของเขารู้ในทันทีว่าอีกฝ่ายก็ติดซีรีส์ไม่เบา ซึ่งเจ้าของคำพูดนี้จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่หลิวปู้คนที่ชอบพูดอะไรติดสำบัดสำนวน!“เจี่ยเจีย! เราอยากโทร.หาเจี่ยเจียตามนามบัตรที่ให้ไว้มาก แต่ก็ไม่กล้าโทร.ไปเพราะกลัวจะได้รับฟังข่าวร้าย เห็นเจี่ยเจียตัวไม่ซีดเซียว ยังมีลมหายใจแล้วยืนอยู่ตรงหน้าพวกเราดีใจมากเลยครับ”ชิงจ้านก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจไม่แพ้กัน ภายนอกเขาดูเป็นหนุ่มพูดน้อย แต่การได้สัมผัสเขาสองชาติภพทำให้เธอรู้ว่านี่เป็นเพียงเปลือกเท่านั้น“วันนั้นยังไม่ได้ขอบคุณกันดี ๆ
๑เมื่อเจ้านายเพิ่มหน้าที่ให้หัวหน้าแผนกเหมยจิงกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม ก้มหน้าก้มตาทำงานใช้หนี้ที่เกิดจากการตามล้างตามเช็ดให้น้องชาย ไม่มีเวลาท้อ ไม่มีเวลาให้เสียใจ มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้นย้อนกลับไปวันที่เธอกลับมายังยุค 2025 สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากที่เดินกลับจากสะพานไน่เหอคือย้ายของออกจากบ้านมารดามาอยู่คอนโดไม่กี่ตารางวาที่แอบซื้อเอาไว้ตอนที่ได้เงินก้อนมาจากขายลิขสิทธิ์นิยายเพื่อสร้างซีรีส์ถามว่ายังคงช่วยส่งเสียดูแลแม่หรือไม่…แน่นอนว่าต้องมีจุนเจือให้ แต่จะไม่มากเท่าเมื่อก่อนเพราะเธอก็มีหนี้สิ้นที่ต้องแบกรับ!ณ บริษัทเอเจนซี่หลงฮั่วกรุ๊ปที่เหมยจิงนั่งในตำแหน่งหัวหน้าการตลาดในขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่ห้องที่กั้นแยกจากคนในแผนกนั้น ซีโอโอ[1]หญิงวัยกลางคนก็เดินดุ่ม ๆ เข้ามาหาเธอที่ห้องทำงาน มือเคาะประตูกระจกที่เปิดเอาไว้สองครั้งอย่างคนมีมารยาท“จิงจิง”ดวงตากรีดอายไลเนอร์คมเฉี่ยวที่จ้องเพียงหน้าจอคอมพิวเตอร์เงยขึ้นมองเจ้าของเสียง ลุกขึ้นยืนต้อนรับในทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเจ้านายโดยตรงของเธอ“อิงเจี่ย”“นั่ง ๆ”เหมยจิงนั่งลงเก้าอี้ ดวงตาสำรวจสีหน้าท่าทางของหลูอิงเสี่ยวที่ฉายควา







