LOGIN๙
ข้าไม่ได้หน้าตาดีเท่านั้น
“เจี่ยเจีย! จากคุณภาพน้ำแล้ว เราต้องรีบไปจากที่นี่กันเถิด รสชาติฝาดเฝื่อนเช่นนี้ข้าทนอยู่ได้ไม่นานแน่ เราต้องเก็บเหรียญให้ครบหนึ่งพันโดยเร็ว ข้าจะช่วยท่านเก็บเอง ท่านอยากกลับภพใด ข้าจะไปตามท่าน”
เหตุใดข้ารู้สึกราวกับว่ากำลังล่อลวงหนุ่มน้อย
“เราจำเป็นต้องมีพันธะต่อกันด้วยหรือ ที่จริงต่างคนต่างเก็บก็ย่อมได้”...อีกอย่างดูจากนิสัยการใช้เงินของเจ้าแล้วเป็นหนี้มากกว่ามีเงินเก็บแน่
ประโยคหลังเหมยจิงคิดในใจ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าชายหนุ่มเดาอารมณ์จากสีหน้านางได้แล้ว
“เถอะนะเจี่ยเจีย ข้าไม่เพียงหน้าตาดีเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการดึงเสน่ห์มาใช้ด้วย ไม่อย่างนั้น…”
เฉินเหวินเหวินเอ่ยเพียงเท่านั้นก็ยกมือขึ้นปิดริมฝีปากราวกับประโยคเมื่อครู่ได้เผลอพูดไปเท่านั้น
“ไม่อย่างนั้นอันใดหรือ หากอยากลงเรือลำเดียวกันก็ต้องบอกข้อมูลและความเสี่ยงให้กันรับรู้ด้วย”
เฉินเหวินเหวินมีท่ามีลังเลไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็เอ่ยออกมาตามตรง
“เจ้าพวกนั้นเป็นลูกน้องของสามีสตรีที่ตกหลุมรักข้าตอนอยู่บรรพตอาทิตย์อัสดง…แต่ ๆ อย่าเพิ่งตัดสินข้าเล่า ข้าก็แค่เดินหล่อ ๆ ตามหาท่านเท่านั้น ใครจะคิดว่าใบหน้าของข้าจะล่อลวงสตรีที่ออกเรือนไปแล้วได้”
เฉินเหวินเหวินพูดด้วยท่าทางเหนื่อยใจเหลือคณาเหมยจิงเห็นเช่นนั้นก็เผลอมองบน แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็พยักหน้ารับเป็นการเป็นงาน
ทว่าไม่อาจรอดสายตาเขาไปได้!
“อ้อ เพราะเช่นนี้เอง ก็หวังว่าคนพวกนั้นจะไม่ปักหลักอยู่ที่นี่แล้วตามไปบรรพตธาราเล่า”
มิเช่นนั้นก็อย่าหวังว่าจะได้กลับภพใดเลย
“เฮ้อ~ข้าก็หวังจะเป็นเช่นนั้น พบเจอกับเหตุการณ์ในวันนี้แล้วข้าไม่กล้าลอยชายอีกแล้ว เห็นทีต้องออกไปเล่นดนตรีเปิดหมวกอย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียที”
มีระบบกงล้อติดตัวขนาดนี้แล้วยังจะไม่จริงจังอยู่อีกหรือ ข้าล่ะนับถือเจ้าจริง ๆ
“เฉินเหวินเหวิน ชื่อสามพยางค์เช่นนี้ ตระกูลเฉินในภพที่คุณชายเพิ่งจากมาคงมีอำนาจมากทีเดียว”
เฉินเหวินเหวินนั่งลงบนโขดหินน้ำตก เรื่องต่อจากนี้ต้องใช้เวลาเล่าพอสมควร ท่าทางที่ติดขี้เล่นหายไป กลายเป็นบรรยากาศจริงจังที่เหมยจิงถึงกับกะพริบตาถี่ดูว่าตนมองผิดไปหรือไม่
“ตระกูลเฉินของข้าอยู่ในแคว้นต้าหมิง ให้การสนับสนุนอ๋องหมิงเยี่ยนซีชิงบัลลังก์ การก่อกบฏเป็นผล อ๋องเยี่ยนซีขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ทรราช แม้แต่ตระกูลของข้าที่ให้การสนับสนุนเขาก็เริ่มไม่ไว้หน้ากันแล้ว”
อย่าบอกว่าเสร็จนาฆ่าโคถึกเสร็จศึกฆ่าขุนพล ก็อย่างว่า เริ่มต้นกระบวนการก็ไม่ชอบธรรมแล้วยังจะหวังให้เขาเป็นฮ่องเต้ที่มีทศพิธราชธรรมได้อย่างไร
“ต่อมาพี่ชายของข้ารับหน้าที่ผู้นำตระกูลต่อจากท่านพ่อ ข้าไม่เห็นด้วยที่ท่านพี่จะสนับสนุนฮ่องเต้ทรราชต่อเลยโดนเขาจับขังเอาไว้ในคุกใต้ดิน ต่อมากลุ่มอดีตองค์รัชทายาทที่ยังมีชีวิตอยู่ลอบโจมตีตระกูลเฉิน แม้แต่คุกใต้ดินก็ไม่ละเว้น ข้าเลยสำลักควันตายแล้วมาที่นี่”
ก็คิดว่าฮ่องเต้ทรราชฆ่าตายเสียอีก ที่แท้ก็ตายเพราะพี่ชายส่วนหนึ่ง
“เพราะแบบนี้คุณชายเลยลังเลที่จะกลับไปที่นั่นใช่หรือไม่ อย่างไรภพนั้นก็ไม่เหลือชีวิตที่ดีแล้ว”
“ท่านแม่เป็นความห่วงใยเดียวที่ข้าอยากกลับไปภพนั้น ข้าอยากกลับไปพาตัวเองออกจากคุกใต้ดินแล้วพาท่านแม่หนีไปหุบเขามังกรหลบ อยู่หลบภัยกับท่านตา ทิ้งท่านพี่ที่ลุ่มหลงในอำนาจไว้ที่นั่นเพียงลำพังเสีย”
เหมยจิงหลุบตาลงเพราะสะท้อนใจในความตายของเขา อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ตายเพราะปลิดชีพตัวเอง ยังหวงแหนชีวิตที่พร้อมจะกลับไปแก้ไข ส่วนในด้านที่เขามีความคิดกลับมาโลกปัจจุบันก็ไม่ผิด เกิดเป็นตัวเลือกสองภพแบบนี้ อย่างไรก็ต้องมีตัวตนของอีกโลกหนึ่งรออยู่แน่
“หากคุณชายกลับไปยุคที่เพิ่งจากมาได้ คุณชายยังจะกลับไปที่โลกปัจจุบันได้หรือไม่ ข้าหมายถึงปัจจุบันของข้าปี 2025”
ใบหน้าเฉินเหวินเหวินเริ่มมีรอยยิ้ม
“หรือเจี่ยเจียอยากให้ข้ากลับไปยุคนั้นด้วย”
เหมยจิงตีหน้าดุใส่เขาในทันที
“ข้าไม่ได้พูด หากคุณชายจะคิดเองเออเองก็ตามใจ”
เหมยจิงหันหน้าไปทางอื่น รอยยิ้มล้อเลียนของเขาเมื่อครู่กวนใจจนนางอยากใช้เล็บข่วน
“เจี่ยเจียเล่า เหตุใดถึงมาอยู่ในภพนี้ได้”
ถึงตาข้าที่ต้องเล่าแล้วสินะ
เหมยจิงหน้าร้อนผ่าวเมื่อต้องเล่าเรื่องสาเหตุการตายของตนให้เขาฟัง
“คุณชายจะไม่หัวเราะข้าใช่หรือไม่”
“เรื่องความตาย ใครเขาหัวเราะกัน”
เห็นสีหน้าจริงจังจริงใจของเขาแล้ว เหมยจิงก็ไม่รู้สึกอายที่จะเล่าอีกต่อไป
“ข้า…ข้ากระโดดน้ำฆ่าตัวตาย”
…!!!
เกิดความเงียบระหว่างกันขึ้นในทันทีทันใด ก่อนหน้านี้เฉินเหวินเหวินก็ทำสีหน้าจริงจังอยู่แล้ว มาตอนนี้หว่างคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเพราะความไม่เข้าใจ
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เจี่ยเจียดูขยันขันแข็งเช่นนี้ไม่น่าจะหมดไฟในการทำงาน”
เหมยจิงยิ้มเศร้า
“ไฟในการทำงานย่อมมีอยู่ แต่ไม่มีไฟที่จะใช้ชีีวิตต่อ คุณชายเคยมีเวลาหนึ่งที่คิดว่าแม่ไม่รักตัวเองหรือไม่”
เก่งมาจากไหนก็แพ้เรื่องในบ้านจริง ๆ
เฉินเหวินเหวินคิดเช่นนั้นในใจ ดวงตาฉายความลึกซึ้งขึ้นเพราะจมเข้าสู่เหตุการณ์ในอดีต
“ข้าไม่เคยตั้งคำถามว่าท่านแม่รักข้าหรือไม่ แต่ข้าก็เคยคิดว่าท่านพ่อรักพี่ชายข้ามากกว่า” เฉินเหวินเหวินเว้นคำพูดไว้เพียงเท่านั้น ยกยิ้มบางให้หญิงสาว “พูดเรื่องของเจี่ยเจียอยู่จะวกมาเรื่องของข้าทำไมกัน”
เหมยจิงถอนหายใจ สุดท้ายก็เล่าเรื่องส่วนตัวของตนให้เขาฟังเพราะคิดว่าหากออกไปจากภพนี้ได้ก็คงไม่เจอกันอีกแล้ว นางไม่ต้องกลัวว่าใครจะเอาเรื่องครอบครัวไปพูดลับหลังอีกแล้ว
“นโยบายภาครัฐลูกคนเดียวทำให้พ่อกับแม่ของข้ายื่นขอมีลูกชายไว้สืบสกุล ข้าจึงมีน้องชายแฝดที่อายุห่างกัน 5 ปี ฐานะการเงินของครอบครัวเรานับว่าดีที่จะเลี้ยงลูกสามคน แต่หลังจากที่พ่อประสบอุบัติเหตุ สถานะการเงินของครอบครัวเราก็แย่ขึ้น แม่ต้องยกลูกชายแฝดให้ญาติช่วยเลี้ยง ส่วนข้าที่เป็นสตรีก็อยู่กับแม่เพียงสองคน”
“...”
“แม่ไม่ได้เลี้ยงดูพวกเขา ในใจทั้งรู้สึกผิดและคิดถึงพวกเขา ท่านป้ามีฐานะไร้ทายาทเลี้ยงดูพวกเขามาอย่างคุณชาย พวกเขาเรียนรู้การทำธุรกิจจากท่านป้า แต่ธุรกิจที่เขาทำผิดกฎหมาย น้องชายคนรองเอาชื่อข้าไปจดทะเบียนบริษัทโดยมีแม่เป็นคนออกความเห็น ถึงวันที่ทุกอย่างถูกเปิดโปงต้องสู้คดีกันมาหลายปี เงินที่ข้าหามาอย่างยากลำบากถูกใช้ไปกับการสู้คดีหมดแล้ว”
เหมยจิงหยุดพูด อ่านสีหน้าเฉินเหวินเหวินว่ามีแววจะเยาะเย้ยตนหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีก็พูดต่อ
“อาจฟังดูเป็นปัญหาเรื่องเงิน วันสุดท้ายก่อนที่ข้าจะกระโดดลงแม่น้ำท่านแม่โทร.มาขอความช่วยเหลือให้น้องชายคนเล็ก ข้าก็เลยโอนเงินก้อนสุดท้ายให้เขาไปทั้งหมด ช่วยให้ท่านแม่รู้สึกติดค้างเขาน้อยลง”
“อาจฟังดูเหมือนเรื่องเงินอย่างที่เจี่ยเจียพูดจริง ๆ แต่สุดท้ายก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนของครอบครัว ข้าไม่ขอวิจารณ์เรื่องนี้มาก แต่การที่เจี่ยเจียอยากกลับไปภพเดิมเพราะสุดท้ายก็ยังพร้อมที่จะเข้าใจท่านแม่ใช่หรือไม่”
เหมยจิงไม่เคยตั้งคำถามข้อนี้กับตัวเองเลย ก่อนหน้านี้นางอ้างเรื่องความสบาย แต่พอได้อยู่ที่นี่แล้วรู้สึกเบาใจ นางก็ยังเผลอคิดว่าหากตนปลูกผักที่โลกปัจจุบันจะเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ใจนางแล้วว่า ยังตัดโลกปัจจุบันไม่ขาดจริง ๆ
“มนุษย์มีกลไกป้องกันการฆ่าตัวตาย จะอ้างว่าเป็นความคิดชั่ววูบก็ไม่ได้ จะเรียกว่าข้าสำนึกในการกระทำของตัวเองแล้วก็ได้ ต่อให้คนอื่นจะใจร้ายกับข้ามากแค่ไหน ข้าก็ห้ามใจร้ายกับตัวเอง”
แปะ! แปะ! แปะ!
เสียงปรบมือดังขึ้นทันทีที่นางกล่าวประโยคนี้ เหมยจิงจ้องบุรุษหน้าหยก เลิกคิ้วเป็นเชิงตั้งคำถาม
“เจี่ยเจียกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ดังนั้นต่อไปนี้ให้ใช้ชีวิตโดยคำนึงถึงใจตัวเองเป็นหลัก ข้าคิดว่าการที่ท่านมาที่นี่ก็เป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่ง อย่างน้อยท่านก็ได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองแล้ว ลองมองอาณาจักรที่ท่านสร้างดูสิ”
เหมยจิงสำรวจพื้นที่มิติก่อนที่มุมปากจะผุดยิ้มอาณาจักรน้อย ๆ ในโลกของนางตอนนี้คือสิ่งที่นางสร้างขึ้นเอง เพื่อตัวเองทั้งนั้น
ตึง! ตึง!
เสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นในหัวทำให้เหมยจิงทาบมือกลางอากาศเปิดกงล้ออักขระขึ้นมา
“เฮือก! เข้าแล้ว 60 เหรียญ เมื่อวานนี้ไม่เข้ามาเข้าวันนี้ ระบบรวนหรือ”
เหมยจิงหักลบยอดทั้งหมด รู้สึกชื่นใจที่อย่างน้อยก็มีรายได้เข้ามามิใช่ออกอย่างเดียว
“เข้า 60 เหรียญต้องดีใจขนาดนี้เลยหรือเจี่ยเจีย”
“ดีใจสิ! อย่างน้อยตอนนี้ก็ติดลบ 1,805 เหรียญ”
๖เรียกเกอเกอก็คือการตอบตกลงแล้วเหมยจิงและเฉินอวี้เหวินต่อให้วันนี้จะทำงานหนักมาทั้งวันและเหนื่อยมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครคิดจะกลับไปนอนที่บ้านแล้วข่มตาหลับพร้อมกับฝันดีเหมยจิงไม่อยากให้นี่เป็นเพียงความฝัน เธอชวนเฉินอวี้เหวินมาที่ห้องเธอแล้วสั่งเค้กปอนด์ใหญ่สองปอนด์เดินถือคนละถุงขึ้นลิฟต์มาห้องชั้น 23ติ๊ง!เมื่อลิฟต์เปิดออก เหมยจิงก็เดินนำชายหนุ่มมาที่ห้องของตัวเอง คนชวนไม่เกร็งแต่คนถูกชวนกลับรู้สึกว่าการเข้ามาในห้องของหญิงสาวในตอนนี้อันตรายยิ่งนัก“จิงจิงอยู่คนเดียวเหรอ”“ใช่! เข้ามาเลย ห้องแคบหน่อยนะ แอบแม่ซื้อที่นี่ไว้นะ…นี่! สลิปเปอร์”รองเท้าแตะรูปปลาสีชมพูน่ารัก แต่ชายหนุ่มไม่เขินที่จะได้ใส่รองเท้าแบบเดียวกับเหมยจิง ต่างกันตรงที่ของเขาเป็นสีชมพู ของเธอเป็นสีน้ำตาลแม้แต่เค้กที่สั่งมาของเหมยจิงก็ยังเป็นช็อกโกเลต ของเฉินอวี้เหวินเป็นนมสดสตรอเบอร์รี่“กว้างขวางใช้ได้เลย ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นแยกในตัวแบบนี้ แต่จิงจิงเพิ่งเข้ามาอยู่ใช่ไหม ของยังมีไม่เยอะเท่าไร”“ใช่ ไม่ได้ขนมาจากบ้านแม่มากเท่าไร อยากดูทีวีไหม รีโมตอยู่นี่เปิดได้เลย”เฉินอวี้เหวินเริ่มเกร็งน้อยลงเมื่อรู้ว่าที่น
๕ที่เคยรับปากไปทำได้แล้วนะตึ๊ง!เหมยจิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อได้รับข้อความ มุมปากผุดเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นชื่อกล่องสนทนา นิ้วเลื่อนไปเปิดข้อความดูก็เห็นว่าเป็นภาพบทละครเหมยจิงบอกเขาสู้ ๆ ในใจแต่ไม่ได้ตอบแชทกลับไป จนกระทั่งข้อความแชทเด้งขึ้นอีกครั้ง เธอจึงเปิดอ่านก็เห็นว่าเป็นเฉินอวี้เหวินคนเดิม เพิ่มเติมคือถ่ายรูปตัวเองส่งมาให้ด้วย สีหน้าที่ดูออดอ้อนของเขาทำให้เธอเผลอนึกถึงเฉินเหวินเหวินตอนที่เขาแสดงสีหน้าออดอ้อนเธอสุดท้ายก็พิมพ์ข้อความตอบเขาไปว่า…‘สู้ค่ะ’ตึ๊ง!ตึ๊ง!และเพียงเธอตอบกลับไปเท่านั้นก็ได้รับข้อความถึงสองครั้งติดกัน‘เหนื่อยไหม’‘ง่วงหรือเปล่า’เธอเริ่มคิดแล้วว่าวันนี้เปิดกล้องวันแรกจริงหรือไม่ ทำไมถึงมีเด็กดื้อเล่นโทรศัพท์ไม่อ่านบท“หรือเพราะผ่านซีรีส์เรื่องยาวมาแล้ว มินิซีรีส์เลยสบาย บทเท่านี้ไม่ทำให้เขาเครียด”เหมยจิงพยายามหาเหตุผลให้ชายหนุ่ม แต่เมื่อคิดว่าตนจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรก็วางโทรศัพท์เอาไว้ ลืมไปว่าข้อความที่เขาส่งมาเป็นคำถาม อีกทั้งหลังจากนั้นเธอไม่ได้รับข้อความจากเขาอีก…ทำงานเพลินจึงลืมเรื่องนี้ไปสนิท!ทางด้านเฉินอวี้เหวิน…“หรือเธอจะยุ่งจนไม่มีเวลาตอบ
๔คนแปลกหน้าที่หัวใจบอกรู้สึกดีพิธีการเปิดกล้องเสร็จสิ้นแล้ว ยามนี้นักแสดงทุกคนมายืนหลังโปสเตอร์โปรโมตมินิซีรีส์เรื่อง ‘บอสจัดหนัก’ โดย ที่นักแสดงทุกคนถือหงเปาที่หน้าซองจ่าชื่อเรื่องเอาไว้ ตะโกนพร้อมกันตอนถ่ายรูปรวมว่า“บอสจัดหนักฤกษ์งามยามดีเปิดกล้อง…เฮ!”เหมยจิงที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมงานยืนอยู่หลังตากล้อง อย่างเงียบ ๆ โดยที่ด้านข้างเธอมีหลูอิงเสี่ยวและเหลียงเจ๋อฮั่นยืนอยู่ด้วยแต่เขายืนอยู่ได้ไม่นานก็ถูกผู้กำกับดึงไปถ่ายรูปพร้อมให้ช่วยกันจับผ้าแดงที่ปิดกล้องใหญ่ที่ถ่ายทำเอาไว้เปิดออกพร้อมกันก็เป็นการเปิดกล้องอย่างเป็นทางการ ผลไม้ที่เซ่นไหว้แจกจ่ายให้ทุกคนโดยถ้วนหน้า“จิงจิงเอาแอปเปิ้ลไหม เจี่ยเจียไปเอาให้”แอปเปิ้ล! ผลไม้ที่เหมยจิงไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องตั้งแต่ที่กลับมาจากเมืองลอยฟ้าเพราะเธอไม่ตอบทำเพียงจับจ้องไปยังแอปเปิ้ลเท่านั้น หลูอิงเสี่ยวจึงคิดว่าเธออยากได้ รีบวิ่งไปขอจากทีมงานมาให้ลูกน้องสาว รู้ตัวอีกทีมือของเธอก็มีแอปเปิ้ลลูกใหญ่อยู่ในมือ!น้ำตาร่วงเผาะเมื่อคิดว่าตอนนี้เฉินเหวินเหวินกำลังใช้ชีวิตอยู่ในมิติสวนของเธออย่างไร หรือเขาจะยังอยู่ที่เมืองลอยฟ้าหรือไม่ หรือว่าจะกลับไ
๓ความรักความแค้นเลือกอันใด เฉินเหวินเหวินนั่งมองบึงตรงหน้า สถานที่ที่ดูดกลืนร่างของเหมยจิงลงไปใต้ล่างเขาอยากกระโดดน้ำลงไปดู หากใต้ล่างนั้นเป็นทางเชื่อมระหว่างยุค 2025 กับเมืองลอยฟ้าแห่งนี้ เหมยจิงจะรอเขาอยู่ที่นั่นหรือไม่! “คุณชายเฉินกำลังคิดอันใดอยู่” เขาหันไปมองหลิวปู้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คอยคุมตัวเขาไม่ให้กระโดดลงบึงตามเหมยจิงไป “กำลังคิดอยู่ว่าจะกระโดดตามนางลงไป” หมับ! แขนทั้งสองข้างของเฉินเหวินเหวินถูกคว้าหมับทันที เฉินเหวินเหวินแม้จะรำคาญ แต่ส่วนลึกก็อบอุ่นหัวใจที่ยังมีคนคอยห่วงใยเขาแทนเหมยจิง “อย่าคิดจะทำเป็นอันขาด บึงนี้ไม่ใช่ทางของคุณชาย หากอยากตามนางไปช่องทางที่ถูกต้องมีอยู่ แต่อยู่ที่ว่าคุณชายอยากเลือกเส้นทางนี้หรือไม่” คำพูดของชิงจ้านทำให้เฉินเหวินเหวินนิ่งไป นั่นสินะ! ก่อนหน้านี้เจ้าบอกนางว่าขอเวลาคิดก่อน ไม่รู้ว่าเวลาที่นั่นกับที่นี่คลาดเคลื่อนเพียงใด หากข้าไม่รีบตัดสินใจต้องเสียใจในภายหลังแน่ แต่ว่าเขาจะเลือกอันใดระหว่างกลับภพเดิมเพื่อไปล้างแค้น กับ ยอมทิ้งความแค
๒ตามหานักแสดงเซ็นสัญญาเกาเข่าสอบต้นมิถุนายนและประกาศผลปลายเดือนมิถุนายน ใกล้สอบเกาเข่าโรงเรียนมัธยมปลายจะปล่อยเด็กนักเรียนเกาซาน[1]กลับบ้านช่วงสี่ทุ่ม เหมยจิงจะไปดักเจอพวกเขาให้ไม่ไกลจากโรงเรียกนัก แต่ก็ไม่ให้ใกล้จนทำให้พวกเขาถูกอาจารย์และเพื่อนนักเรียนเพ่งเล็ง“เจี่ยเจีย!”เหมยจิงส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มทั้งสองที่จอดจักรยานทันทีเมื่อเห็นเธอโบกมือให้ทั้งคู่จอดรถจักรยานไว้เรียบถนนก่อนที่จะเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าตื่นเต้น“สวัสดี! ผู้มีพระคุณ”“เจี่ยเจียยังไม่ได้ไปเยือนแม่น้ำลืมเลือน ดียิ่ง!”เหมยจิงหลุดหัวเราะ จากคำพูดของเขารู้ในทันทีว่าอีกฝ่ายก็ติดซีรีส์ไม่เบา ซึ่งเจ้าของคำพูดนี้จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่หลิวปู้คนที่ชอบพูดอะไรติดสำบัดสำนวน!“เจี่ยเจีย! เราอยากโทร.หาเจี่ยเจียตามนามบัตรที่ให้ไว้มาก แต่ก็ไม่กล้าโทร.ไปเพราะกลัวจะได้รับฟังข่าวร้าย เห็นเจี่ยเจียตัวไม่ซีดเซียว ยังมีลมหายใจแล้วยืนอยู่ตรงหน้าพวกเราดีใจมากเลยครับ”ชิงจ้านก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจไม่แพ้กัน ภายนอกเขาดูเป็นหนุ่มพูดน้อย แต่การได้สัมผัสเขาสองชาติภพทำให้เธอรู้ว่านี่เป็นเพียงเปลือกเท่านั้น“วันนั้นยังไม่ได้ขอบคุณกันดี ๆ
๑เมื่อเจ้านายเพิ่มหน้าที่ให้หัวหน้าแผนกเหมยจิงกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม ก้มหน้าก้มตาทำงานใช้หนี้ที่เกิดจากการตามล้างตามเช็ดให้น้องชาย ไม่มีเวลาท้อ ไม่มีเวลาให้เสียใจ มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้นย้อนกลับไปวันที่เธอกลับมายังยุค 2025 สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากที่เดินกลับจากสะพานไน่เหอคือย้ายของออกจากบ้านมารดามาอยู่คอนโดไม่กี่ตารางวาที่แอบซื้อเอาไว้ตอนที่ได้เงินก้อนมาจากขายลิขสิทธิ์นิยายเพื่อสร้างซีรีส์ถามว่ายังคงช่วยส่งเสียดูแลแม่หรือไม่…แน่นอนว่าต้องมีจุนเจือให้ แต่จะไม่มากเท่าเมื่อก่อนเพราะเธอก็มีหนี้สิ้นที่ต้องแบกรับ!ณ บริษัทเอเจนซี่หลงฮั่วกรุ๊ปที่เหมยจิงนั่งในตำแหน่งหัวหน้าการตลาดในขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่ห้องที่กั้นแยกจากคนในแผนกนั้น ซีโอโอ[1]หญิงวัยกลางคนก็เดินดุ่ม ๆ เข้ามาหาเธอที่ห้องทำงาน มือเคาะประตูกระจกที่เปิดเอาไว้สองครั้งอย่างคนมีมารยาท“จิงจิง”ดวงตากรีดอายไลเนอร์คมเฉี่ยวที่จ้องเพียงหน้าจอคอมพิวเตอร์เงยขึ้นมองเจ้าของเสียง ลุกขึ้นยืนต้อนรับในทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเจ้านายโดยตรงของเธอ“อิงเจี่ย”“นั่ง ๆ”เหมยจิงนั่งลงเก้าอี้ ดวงตาสำรวจสีหน้าท่าทางของหลูอิงเสี่ยวที่ฉายควา







