หลังจากถูกผลักไสจนตกจากเตียงไม่รู้กี่รอบ เซียวหงเย่ก็พาร่างระบมของตนออกมาจากโรงยาเจี้ยนคังแต่โดยดี
ไป๋ซั่วที่นั่งจิบชารอเขาไม่รู้กี่กาจำต้องกลับมารอที่โรงเตี๊ยมยู๋อี้จึงเพิ่งได้พบหน้าสหายเสียที
“นึกว่าตายไปแล้ว ข้ารอจนตาแข็งไปหมด”
ไป๋ซั่วบ่นอย่างหงุดหงิด คืนนี้จะนอนหลับหรือไม่?
เซียวหงเย่นั่งลงตรงหน้า เอ่ยเสียงชืดชา “เมื่อคืน ข้านึกว่าตาฝาดเพราะคิดถึงอดีตภรรยาเกินไป แต่อันที่จริง มีคนเข้ามาวางยาปลุกกำหนัดถึงในห้องพักของข้า และนางก็นอนรอบนเตียงข้า มิใช่ภาพลวงตา” หลังจากครุ่นคิดกอปรกับการที่เหวินฟางไประรานถึงโรงยาเจี้ยนคังแต่เช้า ย่อมคาดเดาได้ไม่ยาก
เขาหรี่ตา เป็นเหวินฟางสินะ!
แม้จะมีนิสัยติดเที่ยวเล่นไร้แก่นสารและเจ้าสำราญ แต่ไป๋ซั่วมิได้โง่เขลา ชายหนุ่มเริ่มกระจ่าง “แต่ว่าแม่นางเหวินผู้นั้น เจ้าไปไหนมาไหนกับนาง มิใช่ว่าจะเอามาแทนที่อดีตภรรยาหรอกหรือ?”
เซียวหงเย่แค่นเสียงฮึ “ไม่มีทาง ข้าไม่ได้ชอบนาง”
ไป๋ซั่วร้องอ้อ... “เป็นนางที่เป็นฝ่ายตามติดเจ้า ชอบเจ้าฝ่ายเดียวสินะ ถึงได้อาจหาญวางยาเจ้าเพื่อรวบรัด แต่กลับเป็นข้าที่เข้าหา ทำนางผิดแผนไปหมด”
มิน่าเล่าถึงได้ปฏิเสธขนาดนั้น เขาถอนหายใจกลุ้ม “เฮ้อ! ทั้งเมาทั้งถูกยารุมเร้า พอมีสาวงามทอดกายรออยู่ มีหรือมังกรน้อยจะไม่เติบใหญ่และฮึดสู้ทั้งคืน ข้าจึงได้ถูกร่างแหไปด้วยปะไร ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ใช่ความผิดข้าเสียหน่อย”
เซียวหงเย่แค่นเสียงเย็นชา “นางช่างเหิมเกริมยิ่งนัก เห็นทีข้าต้องไปจัดการนางขั้นเด็ดขาด ต่อไปจะได้ไม่ทำให้เรื่องของข้ากับภรรยายุ่งยากอีก”
“อย่านะๆ” ไป๋ซั่วรีบยกมือห้ามสหายอย่างลนลาน “ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีของข้าแล้ว เรื่องต่อจากนี้ ข้าย่อมเป็นคนจัดการเองแล้วกัน เจ้าถือเป็นคนนอกสำหรับนาง ห้ามยุ่ง! ห้ามสอดมือ และห้ามทำร้ายนางด้วย”
ช่างเป็นการปกป้องจากสามีแสนดีโดยแท้
เพิ่งรู้ว่าบุรุษเสเพลทำตัวเหลวไหลไร้สาระไปวันๆ อย่างไป๋ซั่วจะมีความคิดแยกแยะดีชั่วเช่นนี้ด้วย
ดังนั้น เซียวหงเย่ที่ปรารถนาสะสางเรื่องเหวินฟางด้วยตนเองจึงทำได้เพียงรับปากสหาย ไม่คิดก้าวก่ายอันใด
“ได้...จัดการกันเองแล้วกัน”
ชายหนุ่มเลือกที่จะไปจัดการอดีตภรรยาของตนแทน
คืนนี้แอบเข้าทางหน้าต่างบานใดดีเล่า?
จวนอู่หยางโหวตั้งตระหง่านอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมืองหลวงต้าเจิ้ง
เหวินฟางเร่งรุดกลับเข้าเรือนมาไม่พูดจา พอสืบเท้าเข้าห้องได้ก็ขังตัวเองอยู่ในนั้น เนิ่นนานก็ยังไม่อนุญาตให้สาวใช้เข้ามาปรนนิบัติเลยสักคน
ในอ่างไม้ ควันขาวจากไอร้อนที่เคยพวยพุ่ง บัดนี้สลายหายไปแล้ว น้ำที่เคยอุ่นยังเย็นเยียบปานนั้น
แต่เหวินฟางกลับยังคงนั่งขัดผิวพรรณจนแดงก่ำ หมายลบรอยช้ำที่เป็นจ้ำสีกุหลาบเหล่านั้นให้หมดไป
ทว่าช่างยากเย็นแสนเข็ญ ต่อให้ลบเลือนริ้วรอยได้ แต่ความทรงจำเล่า ความจริงที่เกิดขึ้นอีกเล่า ใครจะลืมลง
“พี่หงเย่นะพี่หงเย่ ไฉนไม่ออกมารับผิดชอบในสิ่งที่ผิดพลาดเล่า? ฮือ...”
เหวินฟางร่ำไห้พร่ำบ่นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
หลินซิงเยียนให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและใบหู จนต้องยกพัดกลมโบกกระพือใส่ใบหน้าอย่างมิอาจควบคุม ขนนกสีฟ้าปลิ่วว่อนเนื่องจากนางไม่เคยมีเรื่องราวอันลึกซึ้งกับบุรุษคนใด แต่กลับ ‘เคยเกือบจะทำเรื่องแบบนั้นมาแล้ว’ จึงพอเข้าใจ แต่รู้สึกกระดากอายจนทำตัวไม่ถูกอย่างยิ่ง เพราะภาพที่นึกออกมันค่อนข้างสมจริงเกินไป...“เจ้ากับอดีตสามีนี่เป็นมาอย่างไรกันแน่ ถิงถิง เจ้าคิดกับเขาเช่นใด บอกมาเถอะ เผื่อข้ามีสิ่งใดช่วยเจ้าได้”“ข้าไม่รู้ต้องคิดยังไงกับเขา”“อ้าว?”ติงยวี่ถิงถอนหายใจ ค่อยๆ เปรยด้วยคำถาม “หากเจ้าต้องมาแทนที่ใครสักคนนึง ในตำแหน่งภรรยา เจ้าจะรักผู้ชายคนนั้นไหม?”หลินซิงเยียนทำท่าครุ่นคิด “เหมือนข้าหรือเปล่าที่มาสลับตัวกับพี่สาว แต่ว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวของข้านั้น ทั้งเจ้าชู้มากตัณหา ข้ารักไม่ลงหรอก แต่คิดอีกที ต่อให้ข้ารักแต่คนๆนั้นเป็นของพี่สาว ข้าก็ไม่อาจจะแย่งได้หรอก” นางเงียบไปพักหนึ่งก่อนตัดสินใจถามสหายตามตรงอีกว่า “แต่เจ้าไม่เหมือนข้า ถึงอย่างไรอดีตสามีก็เป็นคนของเจ้า”ติงยวี่ถิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า ท้ายที่สุดก็บอก “ช่างเถอะ เรื่องของข้ามันซับซ้อน”หลินซิงเยียนจึงเงียบไป นางไม่เข้าใจส
โรงยาเจี้ยนคังวันนี้มีสหายรักมาเยี่ยมเยียนถึงเรือน อีกฝ่ายพร่ำบ่นไม่หยุดถึงบุรุษที่เห็นแก่ตัวผู้หนึ่ง“เห็นได้ชัดว่าเขาแค่ทำไปเพราะต้องการเอาชนะข้า ช่างเป็นบุรุษที่เอาแต่ใจอย่างยิ่ง” ติงยวี่ถิงที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวพยักหน้าเออออ “ใช่! เขาทั้งสุภาพและดูดี ข้ายอมรับว่าหวั่นไหวจึงเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว”“หือ...” วาจายาวเหยียดทำคิ้วงามขมวด “ถิงถิง เจ้ากำลังพูดถึงใคร?” นึกไปนึกมาพลันร้องห๊ะ! “ถิงถิง! อดีตสามีเจ้า เขาหาตัวเจ้าเจอแล้วหรือ? เขาทำร้ายเจ้าหรือไม่ ทวงเงินหรือเปล่า” เหตุที่หลินซิงเยียนถามเช่นนี้เพราะวันที่ถิงถิงออกมา ลักลอบหอบเงินของสามีมาเยอะเลยทีเดียวติงยวี่ถิงร้องเฮอะ “เขาร่ำรวยปานนั้นไม่มีทวงเงิน” พูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทั้งยังตบโต๊ะดังปัง “อ่อนโยนกับผู้อื่น แต่กับข้า ชอบทำตัวหยาบคาย เล่นท่ายาก แซ่บตลอด บ้าที่สุด”“หือ...” หลินซิงเยียนหรี่ตา ให้รู้สึกปวดหัวแล้วนะ “เจ้ากำลังพูดอันใด? แสบตรงไหน? บาดแผลรึ? ตกลงเขาทำอะไรเจ้า บอกมา ข้าจะไปจัดการเขาเอง”ติงยวี่ถิงพลันมีสติกลับคืนรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน“ไม่ๆ ไม่ได้ทำอะไร เขาไม่ทำร้ายทุบตีข้าหรอก” ติงยวี่ถิงนัยน์ตาเศ
จังหวะนั้นซูหลินพลันเดินเข้ามา นางจ้องมองน้องสาวในอ่างไม้ด้วยสองตาเปล่งประกาย “ฟางเอ๋อร์...” เพราะที่นี่เป็นจวนสกุลซูและนางก็เป็นเจ้าของเรือนที่ญาติผู้น้องมาพำนัก การเข้านอกออกในย่อมสะดวกยิ่งนัก แม้แต่สาวใช้ที่ยืนเฝ้าหน้าห้องยังไม่กล้าขัด ซูหลินจึงเดินเข้ามาได้จนถึงห้องอาบน้ำเลยทีเดียว ซูหลินใช้ดวงตาสมหวังจดจ้องน้องสาวอย่างลิงโลด “ฟางเอ๋อร์ พี่ได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่? สำเร็จแล้วสินะ!”เหวินฟางชะงักกึก นางให้รู้สึกอยากมุดน้ำแล้วจมดิ่ง ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่สมควรเล่าให้ใครฟังแน่นอน“พี่หลิน ข้า...” นางเอ่ยตะกุกตะกัก ในขณะที่อีกคนรีบหันไปหยิบเสื้อคลุมมายื่นให้น้องสาว ดวงตาที่พร่างพราวไล่สำรวจเนื้อตัวขาวจัดที่บัดนี้มีรอยจ้ำเหล่านั้นเต็มไปหมด นางรู้ดีเชียวล่ะ ว่าพวกมันคือรอยที่เกิดจากอะไร “มาเถิด รีบเช็ดตัวก่อน ค่อยพูดคุยกัน พวกเรายังต้องวางแผนกันต่อ อ้อ...หาฤกษ์งามยามดีรอไว้เลยดีหรือไม่?”“ไม่!”“...”เห็นน้องสาวตะเบ็งเสียงปฏิเสธดังลั่นปานนั้น ซูหลินให้รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก “ฟางเอ๋อร์ หมายความว่าอย่างไร?”เหวินฟางอึกอัก “เอ่อ...ข้า...” นางรีบลุกจากถังไม้ เผ
หลังจากถูกผลักไสจนตกจากเตียงไม่รู้กี่รอบ เซียวหงเย่ก็พาร่างระบมของตนออกมาจากโรงยาเจี้ยนคังแต่โดยดีไป๋ซั่วที่นั่งจิบชารอเขาไม่รู้กี่กาจำต้องกลับมารอที่โรงเตี๊ยมยู๋อี้จึงเพิ่งได้พบหน้าสหายเสียที“นึกว่าตายไปแล้ว ข้ารอจนตาแข็งไปหมด”ไป๋ซั่วบ่นอย่างหงุดหงิด คืนนี้จะนอนหลับหรือไม่?เซียวหงเย่นั่งลงตรงหน้า เอ่ยเสียงชืดชา “เมื่อคืน ข้านึกว่าตาฝาดเพราะคิดถึงอดีตภรรยาเกินไป แต่อันที่จริง มีคนเข้ามาวางยาปลุกกำหนัดถึงในห้องพักของข้า และนางก็นอนรอบนเตียงข้า มิใช่ภาพลวงตา” หลังจากครุ่นคิดกอปรกับการที่เหวินฟางไประรานถึงโรงยาเจี้ยนคังแต่เช้า ย่อมคาดเดาได้ไม่ยาก เขาหรี่ตา เป็นเหวินฟางสินะ!แม้จะมีนิสัยติดเที่ยวเล่นไร้แก่นสารและเจ้าสำราญ แต่ไป๋ซั่วมิได้โง่เขลา ชายหนุ่มเริ่มกระจ่าง “แต่ว่าแม่นางเหวินผู้นั้น เจ้าไปไหนมาไหนกับนาง มิใช่ว่าจะเอามาแทนที่อดีตภรรยาหรอกหรือ?”เซียวหงเย่แค่นเสียงฮึ “ไม่มีทาง ข้าไม่ได้ชอบนาง”ไป๋ซั่วร้องอ้อ... “เป็นนางที่เป็นฝ่ายตามติดเจ้า ชอบเจ้าฝ่ายเดียวสินะ ถึงได้อาจหาญวางยาเจ้าเพื่อรวบรัด แต่กลับเป็นข้าที่เข้าหา ทำนางผิดแผนไปหมด” มิน่าเล่าถึงได้ปฏิเสธขนาดนั้น เขาถอนหายใจก
ไป๋ซั่วสะบัดชายเสื้อดังพรึบ หรี่ตาลงอย่างหงุดหงิด ครั้นหันหน้ากลับมาทางสาวใช้ของโรงยาเจี้ยนคัง เขาถาม “สหายเซียวหงเย่อยู่ที่นี่ใช่หรือไม่? หากอยู่ รบกวนพวกเจ้าเข้าไปรายงานว่าข้า ไป๋ซั่วต้องการพบ”เสี่ยวจิงกับเจียวมิ่งมองไป๋ซั่วด้วยดวงตาพร่างพราวราวดวงดาวสุกสกาวบนท้องฟ้า ช่างรูปงามหล่อเหลายิ่งนัก เหมาะแล้วที่เป็นสหายของนายท่านเซียว ทั้งสองรีบค้อมกายคารวะก่อนเชื้อเชิญไป๋ซั่วเข้ามา“เชิญคุณชายนั่งรอตรงนี้ก่อนเจ้าค่ะ” เสี่ยวจิงว่า“ข้าจะไปชงชาให้เจ้าค่ะ” เจียวมิ่งเอาอกเอาใจช่างแตกต่างจากการปฏิบัติกับเหวินฟางอย่างชัดเจนบนเตียงนอนยับย่น ผ้าห่มไหลไปกองที่พื้นห้อง หมอนที่มีเพียงหนึ่งใบกลายเป็นไร้ความหมาย หลังม่านพลิ้วไหวบนเตียงนั้น มีสองร่างเปลือยเปล่านอนนิ่ง กึ่งกอดกึ่งเกยเสมือนไม่เคยผลักไส “ไปซะ! อยากรักกับใครก็รักไป ข้าไม่รักท่านแล้ว” หญิงสาวเอ่ยปากไล่ทันทีที่ลมหายใจหอบกระชั้นกลับมาเป็นปกติ นางเพิ่งรู้สึกตัว ว่าตนเองกำลังทำไม่ถูกต้อง ผู้อื่นเป็นคู่หมาย ส่วนนางเป็นอันใดเล่า? “ถูกไล่ขนาดนี้ข้าไปแน่ แต่เจ้าต้องฟังข้าพูดก่อน เหวินฟางกับข้า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน”“อมนักบวชทั้งอารามไว
สาวใช้ของเหวินฟางรีบดึงตัวเจ้านายของตนหลบน้ำ พวกนางจึงถอยหลังหลบน้ำได้อย่างฉิวเฉียด จังหวะนั้น บุรุษรูปงามผู้หนึ่งพลันเดินเข้ามาขวาง เขาใส่ชุดสีฟ้าคราม เป็นชุดคล้ายคลึงกับใครบางคนเมื่อคืนนี้ เหวินฟางพลันหน้าแดงก่ำ เม้มปากแน่นคนผู้นั้นคือไป๋ซั่วนั่นเองชายหนุ่มถูกสตรีถีบตกเตียงทันทีที่ตะวันแยงตา ภายใต้ความพร่าเบลอได้ยินแต่เสียงกรีดร้องอันโหยหวน และคำปฏิเสธอันบ้าคลั่งซ้ำๆ คล้ายเน้นย้ำว่า ‘ไม่จริง ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่ ไม่มีทาง’ ครั้นได้สติขึ้นมาก็เพิ่งมีโอกาสเห็นชัดเจนว่าสาวงามในอ้อมแขนเมื่อคืนเป็นใครเขาไม่ทันตั้งตัวนางก็วิ่งหนี เขาจึงรีบแต่งตัววิ่งตาม มาจนถึงที่นี่ไป๋ซั่วมองเหวินฟางด้วยแววตาคลุมเครือก่อนหันไปทางเสี่ยวจิงกับเจียวมิ่ง “พวกเจ้าทำอะไรกัน ห้ามล่วงเกินผู้หญิงของ...” กำลังจะบอกว่าผู้หญิงของข้า แต่ทว่ายังพูดไม่ทันจบ เหวินฟางรีบผลักไหล่เขาออกห่าง ตวาดลั่น “หยุด! ไม่ต้องพูด ห้ามปากมาก” เหวินฟางรีบยกมือขึ้นกุมสาบเสื้อของตัวเองทันทีหมายหลีกหนีความจริงโดยการปกปิดริ้วรอยกลีบบุปผาที่มีเต็มลำคออย่างหงุดหงิด นางไม่มีทางยอมรับ ไม่เด็ดขาด! ต่อให้ถูกใจปานใดแต่นางไม่มีทางยอมรับความผิดพล