โรงยาเจี้ยนคัง
ติงยวี่ถิงกำลังคัดแยกสมุนไพรอยู่ตรงตั่งหลังร้าน จังหวะนั้นเจียวมิ่งเดินเข้ามา
“มีเทียบเชิญถึงนายหญิงเจ้าค่ะ”
ติงยวี่ถิงวางงานในมือรับกระดาษแผ่นน้อยมาเปิดออกอ่าน ใจความว่าสกุลเว่ยกำลังจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้คุณหนูใหญ่เว่ยหนิง
ขอเชิญเถ้าแก่เนี้ยโรงยาเจี้ยนคังไปให้ความดูแลผิวพรรณและบำรุงความงาม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานเลี้ยงที่กำลังจะเกิดขึ้น
ย่อมเป็นการทำสปาผิวเดลิเวอร์รี่นั่นเอง
การรับงานนอกเช่นนี้เป็นแผนการตลาดแบบใหม่สำหรับที่นี่ซึ่งได้ผลตอบรับดีเยี่ยม
จากเดิมร้านขายยาทั่วไปมีเพียงคนป่วยเข้ามาซื้อหาสมุนไพร แต่ตอนนี้ร้านขายยาของนางนอกจากคนป่วยยังมีคนสวยเต็มไปหมด และเมื่อก่อนมีเพียงการเชิญท่านหมอไปดูอาการคนป่วยถึงในจวน แต่ยามนี้เชิญคนขายยาเช่นนางเข้าไปดูแลบำรุงความงามแทน
“เตรียมรถม้าเลย ข้าจัดของสักครู่” ติงยวี่ถิงสั่งการ
“เจ้าค่ะ”
เจียวมิ่งวิ่งออกไปบอกสารถีทันที เสี่ยวจิงรีบเข้ามาช่วยนายหญิงจัดของอย่างขยันขันแข็ง
สิ่งของที่ต้องนำไปใช้ล้วนเป็นเครื่องบำรุงผิวชั้นเลิศที่ติงยวี่ถิงคิดค้นขึ้นให้เหมาะกับสภาพอากาศและสตรีที่นี่ นับเป็นการบริการพิเศษทำเงินได้มากกว่าเดิมหลายเท่า และเหล่าคุณหนูตระกูลใหญ่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี
ติงยวี่ถิงชอบการค้าเช่นนี้เป็นที่สุด เพราะนอกจากจะได้ค่าสินค้าตามที่นางกำหนดใช้กับลูกค้าทั้งหมดทุกชนิดที่นำไป นางยังได้เงินจากค่าบริการนอกสถานที่เพิ่มด้วย
ชาติก่อนถิงถิงเรียนการนวดและฝึกฝนจนชำนาญ นางนำมาผสานกับครีมบำรุงต่างๆ ได้อย่างลงตัว
“พวกเจ้าสองคนเฝ้าโรงยา ข้าไปคนเดียวได้”
“เจ้าค่ะ”
ใช้เวลาไม่นาน ติงยวี่ถิงก็ถึงจวนสกุลเว่ย สาวใช้รีบเข้ามาต้อนรับนางและพาเดินทางไปยังเรือนของคุณหนูใหญ่
“แม่นางติง มาแล้วหรือ?” เสียงทักทายเรียบนิ่งนั้นเป็นของสาวใช้รุ่นเยาว์คนหนึ่งหาใช่เสียงคุณหนูใหญ่เว่ย เพราะอีกฝ่ายนั่งหน้าเชิดอยู่โน่น ท่าทีหยิ่งยโสอย่างยิ่ง แววตาดูแคลนขั้นสุด
ติงยวี่ถิงไม่ใส่ใจ เพียงทำหน้าที่ของตนเองอย่างดี ในห้องส่วนตัวที่ปิดสนิท น้ำอุ่นถูกตระเตรียมเอาไว้แล้วนั้น นางนำสิ่งของที่ตระเตรียมมาออกวางเรียงรายอย่างสวยงาม เพิ่มการตกแต่งอย่างตระการตาเข้าไปอลังการงานสร้างสุดๆ ทำเอาใครบางคนที่นั่งรอนิ่งๆ ด้วยใบหน้าที่เชิดรั้นสูงส่ง ต้องชำเลืองมองอย่างสนใจ
เทียนหอมสมุนไพรสลักรูปบุปผาถูกจุดไฟในตำแหน่งที่เหมาะสมทำให้กลิ่นกำจายผสานกำยานได้ลงตัว ช่วยปรับอารมณ์ผู้คนให้ดีขึ้น
ใช้เวลาแค่เพียงไม่นาน ใบหน้าบึ้งตึงของคุณหนูเว่ยค่อยๆ คลายลง แววตามืดดำยังอ่อนแสงลงมาก หากบอกว่าเริ่มเคลิบเคลิ้มก็ย่อมได้
ติงยวี่ถิงลอบสังเกตอีกฝ่าย ผิวพรรณที่ค่อนไปทางกร้านแดดดำคล้ำไม่ถึงหยาบกระด้างนั้น ทำให้นางเข้าใจได้ คุณหนูเว่ยไม่ใช่สตรีรักสวยรักงามสักเท่าใด และยามนี้คงถูกทางบ้านบังคับให้ทำตัวงดงามอย่างแน่นอน
สงสัยคงใช้งานเลี้ยงดูตัวเตรียมแต่งงานนั่นแล
ครั้นหันไปจะด่าสักหลายประโยคกลับเห็นบุรุษผู้นั้น จัดการถอดเสื้อผ้าเอง แก้ผ้าอวดโฉมอันงดงามต่อสายตา เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั้งตัวอย่างไม่ปิดบัง ผิวพรรณขาวเนียนเรียบตึงเปล่งประกายนั้น เผยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศเฉพาะตัวออกมา เซียวหงเย่ยามนี้เปลือยกายล่อนจ้อนเผยมัดกล้ามเป็นลอนๆ สัดส่วนน่าดูชมมากล้น ทำเอาใครบางคนเลือดลมพลุ่งพล่านทันควัน เลือดกำเดาแทบพุ่งแบบยั้งไม่ทันติงยวี่ถิงรีบหันหน้ากลับ เสมองไปนอกหน้าต่าง ระบายลมหายใจยาว ผู้ชายคนนี้เปล่งประกายมากเกินไป ไม่เหมือนขุนนางราชสำนักหรือคุณชายสูงศักดิ์ที่นางเคยเจอ หากเผลอมองนานอีกนิดเดียวอาจเสียหัวใจโดยง่าย หน้าไม่อาย อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ! ไม่สนแล้ว...ห้องของติงยวี่ถิงค่อนข้างเล็กและคับแคบ ดังนั้น ห้องอาบน้ำจึงมีเพียงฉากเตี้ยกางกั้นระหว่างห้องนอนควันอุ่นลอยเอื่อย ม้วนตัวในอากาศ ในอ่างอาบน้ำมีชายหนุ่มรูปโฉมโดดเด่นนั่งแช่ตัวอยู่ในนั้นอย่างผ่อนคลาย วงหน้าหล่อเหลาของเขาราวหยกที่สลักได้อย่างเกลี้ยงเกลา เปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนของบุรุษเพศมากล้นริมฝีปากแดงสด เรียวตาคมคาย สันจมูกเหยียดตรง เรียวแขนแข็งแรงที่รับกับบ่ากว้างอันทรงพลังนั้นกางออกพาดไว้บนขอบอ่า
วันเวลาเหมือนติดปีกโบยบินเซียวหงเย่เดินทางไปทำการค้ากับเมืองต่างๆ ในขณะที่ติงยวี่ถิงยุ่งกับงานที่โรงยาเจี้ยนคัง กิจการค้าขายที่ยุ่งเหยิงแทบไม่มีเวลาว่างนั้น ทำให้ยามกลางวันเช้าจดเย็น หญิงสาวมิได้รู้สึกว่ามีอะไรขาดหาย ทว่าในยามราตรีกลับต่างไปริมหน้าต่างในห้องนอน ติงยวี่ถิงยังคงนั่งเท้าคาง นึกถึงแต่ใครบางคนภาพลึกซึ้งติดตรึงยังคงไหลวนให้ภวังค์มิคลาย หญิงสาวคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วซ้ำไปซ้ำมาอย่างต้องการตกผลึกทางความคิด ซึ่งกำลังสวนทางกับจิตใจนางควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดีเล่า เขาก็ดีนะ หล่อด้วย แต่ดันมีสาวสวยเคียงกายเสียแล้วเนี่ยสิ! เฮ้อ...ชีวิตคนโสด อยากได้สามีสักคน เหตุใดถึงยากเย็นเช่นนี้พรึ่บ!เสียงสะบัดชายเสื้อตามด้วยบุรุษรูปงามร่างสูง ซึ่งเขาเพิ่งปีนขอบหน้าต่างเข้ามาโดยที่ท่าทางมิได้ทุลักทุเลเหมือนคืนก่อนแม้แต่น้อยชอบเหลือเกินนะปีนหน้าต่างเนี่ย ประเดี๋ยวต้องให้คนเอาบันไดไปวางพาดไว้เสียแล้ว ติงยวี่ถิงหรี่ตาถามเสียงเย็นชา “คล่องแคล่วเชียวนะ มิใช่ว่าถูกยาปลุกกำหนัดมาอีกล่ะ?”เซียวหงเย่เอ่ยยิ้มๆ “วันนี้ไม่มียา มีแค่หน้าที่สามี”หน้าที่สามี? คนฟังกะพริบตา ครั้นคิดได้แล้วก็ตว
จากนั้นนางก็อาศัยต้มยาในห้องครัวเล็กด้านหลังด้วยตัวเองอย่างยากลำบากเพราะร่างเก่าไม่เคยทำ จึงค่อนข้างเงอะงะพอควร อะไรที่ต้องการก็หาไม่ค่อยเจอ บ่าวไพร่ก็หนีหน้าไม่กล้าเข้าใกล้ระหว่างนี้นางยังปรนนิบัติดูแลเขาอย่างเอาใจใส่ คอยเช็ดตัวให้ ป้อนข้าวป้อนยา ไม่นาน เขาก็ค่อยๆ หายดี ช่วงเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับสามีเริ่มต้นในทิศทางที่ดี กระทั่งมีราตรีวสันต์ด้วยกันจนรุ่งสางบนเตียงนอนหลังม่านพลิ้วไหวบนเตียงนอนวันนั้น มีสองร่างเปลือยเปล่าแนบชิดสนิทแน่นต่างคลอเคลียลูบไล้เสมือนไม่เคยผลักไส ดวงตาหญิงสาวปริ่มน้ำหยาดเยิ้มยั่วยวนใจ ดวงตาชายหนุ่มร้อนแรงยิ่งกว่าเปลวไฟ สันกรามที่ขบแน่นทรงเสน่ห์ลวงใจใบหน้าเนียนที่แดงก่ำและชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดเหงื่อเกาะพราวมีดวงตาสั่นไหวที่ทอดมองชายหนุ่มเหนือร่างอย่างหลงใหล ชั่วขณะหนึ่ง นางมองเขาอย่างแปลกใจ สมองเลอะเลือน เขาเป็นใคร? อ้อ...สามี หากแต่จากความทรงจำของร่างเก่า เขาคือบุรุษที่รังเกียจและผลักไสนางทุกวันนี่นาแต่บัดนี้ การแนบชิดที่สนิทแน่นปานนั้น โดยเฉพาะตอนใกล้เสร็จและหลังเสร็จภารกิจสัมพันธ์ เขาก็ยังกอดนางเอาไว้ใต้ร่าง ทาบทับนางทั้งตัว ซุกซ
หลินซิงเยียนให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและใบหู จนต้องยกพัดกลมโบกกระพือใส่ใบหน้าอย่างมิอาจควบคุม ขนนกสีฟ้าปลิ่วว่อนเนื่องจากนางไม่เคยมีเรื่องราวอันลึกซึ้งกับบุรุษคนใด แต่กลับ ‘เคยเกือบจะทำเรื่องแบบนั้นมาแล้ว’ จึงพอเข้าใจ แต่รู้สึกกระดากอายจนทำตัวไม่ถูกอย่างยิ่ง เพราะภาพที่นึกออกมันค่อนข้างสมจริงเกินไป...“เจ้ากับอดีตสามีนี่เป็นมาอย่างไรกันแน่ ถิงถิง เจ้าคิดกับเขาเช่นใด บอกมาเถอะ เผื่อข้ามีสิ่งใดช่วยเจ้าได้”“ข้าไม่รู้ต้องคิดยังไงกับเขา”“อ้าว?”ติงยวี่ถิงถอนหายใจ ค่อยๆ เปรยด้วยคำถาม “หากเจ้าต้องมาแทนที่ใครสักคนนึง ในตำแหน่งภรรยา เจ้าจะรักผู้ชายคนนั้นไหม?”หลินซิงเยียนทำท่าครุ่นคิด “เหมือนข้าหรือเปล่าที่มาสลับตัวกับพี่สาว แต่ว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวของข้านั้น ทั้งเจ้าชู้มากตัณหา ข้ารักไม่ลงหรอก แต่คิดอีกที ต่อให้ข้ารักแต่คนๆนั้นเป็นของพี่สาว ข้าก็ไม่อาจจะแย่งได้หรอก” นางเงียบไปพักหนึ่งก่อนตัดสินใจถามสหายตามตรงอีกว่า “แต่เจ้าไม่เหมือนข้า ถึงอย่างไรอดีตสามีก็เป็นคนของเจ้า”ติงยวี่ถิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า ท้ายที่สุดก็บอก “ช่างเถอะ เรื่องของข้ามันซับซ้อน”หลินซิงเยียนจึงเงียบไป นางไม่เข้าใจส
โรงยาเจี้ยนคังวันนี้มีสหายรักมาเยี่ยมเยียนถึงเรือน อีกฝ่ายพร่ำบ่นไม่หยุดถึงบุรุษที่เห็นแก่ตัวผู้หนึ่ง“เห็นได้ชัดว่าเขาแค่ทำไปเพราะต้องการเอาชนะข้า ช่างเป็นบุรุษที่เอาแต่ใจอย่างยิ่ง” ติงยวี่ถิงที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวพยักหน้าเออออ “ใช่! เขาทั้งสุภาพและดูดี ข้ายอมรับว่าหวั่นไหวจึงเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว”“หือ...” วาจายาวเหยียดทำคิ้วงามขมวด “ถิงถิง เจ้ากำลังพูดถึงใคร?” นึกไปนึกมาพลันร้องห๊ะ! “ถิงถิง! อดีตสามีเจ้า เขาหาตัวเจ้าเจอแล้วหรือ? เขาทำร้ายเจ้าหรือไม่ ทวงเงินหรือเปล่า” เหตุที่หลินซิงเยียนถามเช่นนี้เพราะวันที่ถิงถิงออกมา ลักลอบหอบเงินของสามีมาเยอะเลยทีเดียวติงยวี่ถิงร้องเฮอะ “เขาร่ำรวยปานนั้นไม่มีทวงเงิน” พูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทั้งยังตบโต๊ะดังปัง “อ่อนโยนกับผู้อื่น แต่กับข้า ชอบทำตัวหยาบคาย เล่นท่ายาก แซ่บตลอด บ้าที่สุด”“หือ...” หลินซิงเยียนหรี่ตา ให้รู้สึกปวดหัวแล้วนะ “เจ้ากำลังพูดอันใด? แสบตรงไหน? บาดแผลรึ? ตกลงเขาทำอะไรเจ้า บอกมา ข้าจะไปจัดการเขาเอง”ติงยวี่ถิงพลันมีสติกลับคืนรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน“ไม่ๆ ไม่ได้ทำอะไร เขาไม่ทำร้ายทุบตีข้าหรอก” ติงยวี่ถิงนัยน์ตาเศ
จังหวะนั้นซูหลินพลันเดินเข้ามา นางจ้องมองน้องสาวในอ่างไม้ด้วยสองตาเปล่งประกาย “ฟางเอ๋อร์...” เพราะที่นี่เป็นจวนสกุลซูและนางก็เป็นเจ้าของเรือนที่ญาติผู้น้องมาพำนัก การเข้านอกออกในย่อมสะดวกยิ่งนัก แม้แต่สาวใช้ที่ยืนเฝ้าหน้าห้องยังไม่กล้าขัด ซูหลินจึงเดินเข้ามาได้จนถึงห้องอาบน้ำเลยทีเดียว ซูหลินใช้ดวงตาสมหวังจดจ้องน้องสาวอย่างลิงโลด “ฟางเอ๋อร์ พี่ได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่? สำเร็จแล้วสินะ!”เหวินฟางชะงักกึก นางให้รู้สึกอยากมุดน้ำแล้วจมดิ่ง ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่สมควรเล่าให้ใครฟังแน่นอน“พี่หลิน ข้า...” นางเอ่ยตะกุกตะกัก ในขณะที่อีกคนรีบหันไปหยิบเสื้อคลุมมายื่นให้น้องสาว ดวงตาที่พร่างพราวไล่สำรวจเนื้อตัวขาวจัดที่บัดนี้มีรอยจ้ำเหล่านั้นเต็มไปหมด นางรู้ดีเชียวล่ะ ว่าพวกมันคือรอยที่เกิดจากอะไร “มาเถิด รีบเช็ดตัวก่อน ค่อยพูดคุยกัน พวกเรายังต้องวางแผนกันต่อ อ้อ...หาฤกษ์งามยามดีรอไว้เลยดีหรือไม่?”“ไม่!”“...”เห็นน้องสาวตะเบ็งเสียงปฏิเสธดังลั่นปานนั้น ซูหลินให้รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก “ฟางเอ๋อร์ หมายความว่าอย่างไร?”เหวินฟางอึกอัก “เอ่อ...ข้า...” นางรีบลุกจากถังไม้ เผ