หลังจากจัดท่าให้คุณหนูเว่ยลงนอนบนตั่งตัวยาวและเริ่มต้นขั้นตอนการดูแลผิวพรรณอย่างนุ่มนวลเอาใจใส่ ตั้งแต่ทำความสะอาด ขัด พอก ประคบร้อนและเย็นต่างๆ ระหว่างนวดกดจุดเรียกเลือดลม ระบายความอัดอั้นภายใน ติงยวี่ถิงอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไปด้วย นางบอกถึงสิ่งที่ต้องทา ต้องหมั่นบำรุงเพิ่มเติม และสิ่งที่ต้องใช้ประกอบการนวด เสริมด้วยยาสมุนไพรตัวใดเพื่อให้ผิวกลับมาเนียนนุ่มชุ่มชื่น
แต่แทนที่คุณหนูเว่ยจะชอบใจกลับเอ่ยเสียงเย็นชายืดยาว
“ข้าไม่ได้อยากสะสวยปานนั้น ทางที่ดีเจ้าช่วยทำให้ข้าขี้ริ้วขี้เหร่ไปเลยก็ได้ อุตส่าห์เดินตากแดดตั้งหลายวัน สุดท้ายท่านแม่ก็เชิญเจ้ามาดูแล ข้าเบื่อจะแย่ ถูกบังคับให้งดงามเพื่อเอาใจบุรุษ ท้ายที่สุดก็คงถูกบังคับแต่งงานกับใครไม่รู้ คนเราต้องได้แต่งกับคนที่รักสิถึงจะถูก” พูดพลางปรายตามองเหยียด “เจ้าเอง ข้ายังได้ยินข่าวลือ เพราะไปบีบเค้นเขาจนได้แต่งงานนี่ แล้วเป็นอย่างไรเล่าตอนนี้ ถูกหย่าร้างกลายเป็นหญิงหม้าย ข้าไม่อยากเป็นเช่นเจ้าหรอกนะ”
การเป็นหญิงหม้ายให้รู้สึกเหมือนเป็นดาราท่านหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังขจรไกล ใครๆ ล้วนรู้จัก รู้กระทั่งประวัติ ประหนึ่งเป็นคนรู้จักชิดใกล้
ติงยวี่ถิงร้องเฮ้อในใจ แต่ใบหน้ายังคงแย้มยิ้มแจ่มใส “สตรีเราไม่ได้งามเพื่อคนอื่น แต่ควรสวยสะพรั่งเพื่อตัวเอง สุขภาพดีทั้งภายนอกและภายใน เครื่องประทินผิวเองก็มิใช่เพียงเพื่อความงาม แต่ล้วนเป็นยารักษาใจ ช่วยดูแลความรู้สึก คลายโศกเศร้า เราควรสวยเพื่อตัวเรา ต้องหันมารักตัวเองด้วยการเลือกสิ่งดีๆ เป็นอาหารผิวพรรณ ไม่ว่าใครทำร้ายให้เสียใจ หากเรายังคงงดงาม ทุกวันเราจะมีความสุข ใครก็ไม่อาจทำร้ายจิตใจเราได้เจ้าค่ะ”
“หืม...”
คุณหนูเว่ยเลิกคิ้วแต่ยังไม่ทันต่อคำกลับได้ยินคำสั่งเสียงหวานของติงยวี่ถิง “หลับตาลงเจ้าค่ะ”
สาวน้อยหลับตา ติงยวี่ถิงจึงค่อยๆ นวดหน้าแผ่วเบา นวดระเรื่อยไปตามจุดต่างๆ กระทั่งคนนอนบนตั่งผ่อนคลาย กลายเป็นผู้ว่านอนสอนง่าย
การทำงานของติงยวี่ถิงเริ่มสบายขึ้น ไม่ว่าจะบอกให้อีกฝ่ายนอนตะแคงหรือนอนคว่ำล้วนทำได้ทั้งนั้น
หญิงสาวใช้ยาสมุนไพรที่คัดสรรอย่างดีทุกตัวชโลมลูบไล้อย่างไม่ตระหนี่ ไม่ว่ากลิ่นหรือสีล้วนทำให้รู้สึกดีทั้งสิ้น เมื่อกอปรกับการนวดยิ่งให้ความรู้สึกสบายตัว
สุ้มเสียงเว่ยหนิงมิได้กระด้างดุจเก่า “แต่วันงานเลี้ยง หากข้าสะสวยเฉิดฉาย คุณชายไป๋คงไม่แคล้วตอบตกลง ข้าเพียรอุตส่าห์หลบหน้าตลอดไม่ให้เขาพบเจอถึงรอดมาได้จนทุกวันนี้”
ติงยวี่ถิงสงสัย “พวกท่านยังไม่เคยพบกันหรือ?”
“พวกเราไม่เคยเจอกัน และไม่อยากเจอด้วย”
“ทำไมเล่าเจ้าคะ?”
“เพราะข้าพอรู้เรื่องชั่วร้ายเกี่ยวกับเขาอยู่บ้างน่ะสิ อีกอย่าง บุรุษล้วนชอบโฉมสะคราญเหมือนกันมิใช่หรือ? หากเขาเจอข้า ต้องชอบข้าแน่นอน”
คนฟังกะพริบตา นางมิอาจออกความเห็นใดได้อีก แต่ที่เว่ยหนิงกล่าวมานั้น...เอิ่ม...
หญิงสาวจึงเสนอ “ข้าช่วยคุณหนูเว่ยได้เจ้าค่ะ”
คนนอนหลับตาคว่ำหน้าอย่างสบายเนื้อตัวถามอู้อี้ “ช่วยอย่างไร ทำให้ข้าขี้เหร่ได้หรือไม่ เอาให้คุณชายไป๋ตกใจจนหนีไปเลยยิ่งดี”
ติงยวี่ถิงครุ่นคิดเล็กน้อย ค่อยๆ เอ่ยอีกว่า “แต่ทว่า หากคุณหนูเว่ยอยากขี้เหร่ล่ะก็ ทำแค่วันงานเลี้ยงน่าจะพอ ข้าช่วยได้เจ้าค่ะ แต่วันนี้คุณหนูต้องสวยงามที่สุดก่อน ประเดี๋ยวข้าเบิกเงินกับนายท่านเว่ยมิได้เจ้าค่ะ”
เว่ยหนิงเคลิบเคลิ้มผ่อนคลายอย่างยิ่ง นางจึงเชื่อฟัง บอกให้ทำสิ่งใดล้วนทำตามอย่างไม่เย่อยิ่งถือตัวอีกต่อไป
“อืม...ตามใจเจ้า”
ครั้นหันไปจะด่าสักหลายประโยคกลับเห็นบุรุษผู้นั้น จัดการถอดเสื้อผ้าเอง แก้ผ้าอวดโฉมอันงดงามต่อสายตา เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั้งตัวอย่างไม่ปิดบัง ผิวพรรณขาวเนียนเรียบตึงเปล่งประกายนั้น เผยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศเฉพาะตัวออกมา เซียวหงเย่ยามนี้เปลือยกายล่อนจ้อนเผยมัดกล้ามเป็นลอนๆ สัดส่วนน่าดูชมมากล้น ทำเอาใครบางคนเลือดลมพลุ่งพล่านทันควัน เลือดกำเดาแทบพุ่งแบบยั้งไม่ทันติงยวี่ถิงรีบหันหน้ากลับ เสมองไปนอกหน้าต่าง ระบายลมหายใจยาว ผู้ชายคนนี้เปล่งประกายมากเกินไป ไม่เหมือนขุนนางราชสำนักหรือคุณชายสูงศักดิ์ที่นางเคยเจอ หากเผลอมองนานอีกนิดเดียวอาจเสียหัวใจโดยง่าย หน้าไม่อาย อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ! ไม่สนแล้ว...ห้องของติงยวี่ถิงค่อนข้างเล็กและคับแคบ ดังนั้น ห้องอาบน้ำจึงมีเพียงฉากเตี้ยกางกั้นระหว่างห้องนอนควันอุ่นลอยเอื่อย ม้วนตัวในอากาศ ในอ่างอาบน้ำมีชายหนุ่มรูปโฉมโดดเด่นนั่งแช่ตัวอยู่ในนั้นอย่างผ่อนคลาย วงหน้าหล่อเหลาของเขาราวหยกที่สลักได้อย่างเกลี้ยงเกลา เปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนของบุรุษเพศมากล้นริมฝีปากแดงสด เรียวตาคมคาย สันจมูกเหยียดตรง เรียวแขนแข็งแรงที่รับกับบ่ากว้างอันทรงพลังนั้นกางออกพาดไว้บนขอบอ่า
วันเวลาเหมือนติดปีกโบยบินเซียวหงเย่เดินทางไปทำการค้ากับเมืองต่างๆ ในขณะที่ติงยวี่ถิงยุ่งกับงานที่โรงยาเจี้ยนคัง กิจการค้าขายที่ยุ่งเหยิงแทบไม่มีเวลาว่างนั้น ทำให้ยามกลางวันเช้าจดเย็น หญิงสาวมิได้รู้สึกว่ามีอะไรขาดหาย ทว่าในยามราตรีกลับต่างไปริมหน้าต่างในห้องนอน ติงยวี่ถิงยังคงนั่งเท้าคาง นึกถึงแต่ใครบางคนภาพลึกซึ้งติดตรึงยังคงไหลวนให้ภวังค์มิคลาย หญิงสาวคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วซ้ำไปซ้ำมาอย่างต้องการตกผลึกทางความคิด ซึ่งกำลังสวนทางกับจิตใจนางควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดีเล่า เขาก็ดีนะ หล่อด้วย แต่ดันมีสาวสวยเคียงกายเสียแล้วเนี่ยสิ! เฮ้อ...ชีวิตคนโสด อยากได้สามีสักคน เหตุใดถึงยากเย็นเช่นนี้พรึ่บ!เสียงสะบัดชายเสื้อตามด้วยบุรุษรูปงามร่างสูง ซึ่งเขาเพิ่งปีนขอบหน้าต่างเข้ามาโดยที่ท่าทางมิได้ทุลักทุเลเหมือนคืนก่อนแม้แต่น้อยชอบเหลือเกินนะปีนหน้าต่างเนี่ย ประเดี๋ยวต้องให้คนเอาบันไดไปวางพาดไว้เสียแล้ว ติงยวี่ถิงหรี่ตาถามเสียงเย็นชา “คล่องแคล่วเชียวนะ มิใช่ว่าถูกยาปลุกกำหนัดมาอีกล่ะ?”เซียวหงเย่เอ่ยยิ้มๆ “วันนี้ไม่มียา มีแค่หน้าที่สามี”หน้าที่สามี? คนฟังกะพริบตา ครั้นคิดได้แล้วก็ตว
จากนั้นนางก็อาศัยต้มยาในห้องครัวเล็กด้านหลังด้วยตัวเองอย่างยากลำบากเพราะร่างเก่าไม่เคยทำ จึงค่อนข้างเงอะงะพอควร อะไรที่ต้องการก็หาไม่ค่อยเจอ บ่าวไพร่ก็หนีหน้าไม่กล้าเข้าใกล้ระหว่างนี้นางยังปรนนิบัติดูแลเขาอย่างเอาใจใส่ คอยเช็ดตัวให้ ป้อนข้าวป้อนยา ไม่นาน เขาก็ค่อยๆ หายดี ช่วงเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับสามีเริ่มต้นในทิศทางที่ดี กระทั่งมีราตรีวสันต์ด้วยกันจนรุ่งสางบนเตียงนอนหลังม่านพลิ้วไหวบนเตียงนอนวันนั้น มีสองร่างเปลือยเปล่าแนบชิดสนิทแน่นต่างคลอเคลียลูบไล้เสมือนไม่เคยผลักไส ดวงตาหญิงสาวปริ่มน้ำหยาดเยิ้มยั่วยวนใจ ดวงตาชายหนุ่มร้อนแรงยิ่งกว่าเปลวไฟ สันกรามที่ขบแน่นทรงเสน่ห์ลวงใจใบหน้าเนียนที่แดงก่ำและชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดเหงื่อเกาะพราวมีดวงตาสั่นไหวที่ทอดมองชายหนุ่มเหนือร่างอย่างหลงใหล ชั่วขณะหนึ่ง นางมองเขาอย่างแปลกใจ สมองเลอะเลือน เขาเป็นใคร? อ้อ...สามี หากแต่จากความทรงจำของร่างเก่า เขาคือบุรุษที่รังเกียจและผลักไสนางทุกวันนี่นาแต่บัดนี้ การแนบชิดที่สนิทแน่นปานนั้น โดยเฉพาะตอนใกล้เสร็จและหลังเสร็จภารกิจสัมพันธ์ เขาก็ยังกอดนางเอาไว้ใต้ร่าง ทาบทับนางทั้งตัว ซุกซ
หลินซิงเยียนให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและใบหู จนต้องยกพัดกลมโบกกระพือใส่ใบหน้าอย่างมิอาจควบคุม ขนนกสีฟ้าปลิ่วว่อนเนื่องจากนางไม่เคยมีเรื่องราวอันลึกซึ้งกับบุรุษคนใด แต่กลับ ‘เคยเกือบจะทำเรื่องแบบนั้นมาแล้ว’ จึงพอเข้าใจ แต่รู้สึกกระดากอายจนทำตัวไม่ถูกอย่างยิ่ง เพราะภาพที่นึกออกมันค่อนข้างสมจริงเกินไป...“เจ้ากับอดีตสามีนี่เป็นมาอย่างไรกันแน่ ถิงถิง เจ้าคิดกับเขาเช่นใด บอกมาเถอะ เผื่อข้ามีสิ่งใดช่วยเจ้าได้”“ข้าไม่รู้ต้องคิดยังไงกับเขา”“อ้าว?”ติงยวี่ถิงถอนหายใจ ค่อยๆ เปรยด้วยคำถาม “หากเจ้าต้องมาแทนที่ใครสักคนนึง ในตำแหน่งภรรยา เจ้าจะรักผู้ชายคนนั้นไหม?”หลินซิงเยียนทำท่าครุ่นคิด “เหมือนข้าหรือเปล่าที่มาสลับตัวกับพี่สาว แต่ว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวของข้านั้น ทั้งเจ้าชู้มากตัณหา ข้ารักไม่ลงหรอก แต่คิดอีกที ต่อให้ข้ารักแต่คนๆนั้นเป็นของพี่สาว ข้าก็ไม่อาจจะแย่งได้หรอก” นางเงียบไปพักหนึ่งก่อนตัดสินใจถามสหายตามตรงอีกว่า “แต่เจ้าไม่เหมือนข้า ถึงอย่างไรอดีตสามีก็เป็นคนของเจ้า”ติงยวี่ถิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า ท้ายที่สุดก็บอก “ช่างเถอะ เรื่องของข้ามันซับซ้อน”หลินซิงเยียนจึงเงียบไป นางไม่เข้าใจส
โรงยาเจี้ยนคังวันนี้มีสหายรักมาเยี่ยมเยียนถึงเรือน อีกฝ่ายพร่ำบ่นไม่หยุดถึงบุรุษที่เห็นแก่ตัวผู้หนึ่ง“เห็นได้ชัดว่าเขาแค่ทำไปเพราะต้องการเอาชนะข้า ช่างเป็นบุรุษที่เอาแต่ใจอย่างยิ่ง” ติงยวี่ถิงที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวพยักหน้าเออออ “ใช่! เขาทั้งสุภาพและดูดี ข้ายอมรับว่าหวั่นไหวจึงเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว”“หือ...” วาจายาวเหยียดทำคิ้วงามขมวด “ถิงถิง เจ้ากำลังพูดถึงใคร?” นึกไปนึกมาพลันร้องห๊ะ! “ถิงถิง! อดีตสามีเจ้า เขาหาตัวเจ้าเจอแล้วหรือ? เขาทำร้ายเจ้าหรือไม่ ทวงเงินหรือเปล่า” เหตุที่หลินซิงเยียนถามเช่นนี้เพราะวันที่ถิงถิงออกมา ลักลอบหอบเงินของสามีมาเยอะเลยทีเดียวติงยวี่ถิงร้องเฮอะ “เขาร่ำรวยปานนั้นไม่มีทวงเงิน” พูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทั้งยังตบโต๊ะดังปัง “อ่อนโยนกับผู้อื่น แต่กับข้า ชอบทำตัวหยาบคาย เล่นท่ายาก แซ่บตลอด บ้าที่สุด”“หือ...” หลินซิงเยียนหรี่ตา ให้รู้สึกปวดหัวแล้วนะ “เจ้ากำลังพูดอันใด? แสบตรงไหน? บาดแผลรึ? ตกลงเขาทำอะไรเจ้า บอกมา ข้าจะไปจัดการเขาเอง”ติงยวี่ถิงพลันมีสติกลับคืนรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน“ไม่ๆ ไม่ได้ทำอะไร เขาไม่ทำร้ายทุบตีข้าหรอก” ติงยวี่ถิงนัยน์ตาเศ
จังหวะนั้นซูหลินพลันเดินเข้ามา นางจ้องมองน้องสาวในอ่างไม้ด้วยสองตาเปล่งประกาย “ฟางเอ๋อร์...” เพราะที่นี่เป็นจวนสกุลซูและนางก็เป็นเจ้าของเรือนที่ญาติผู้น้องมาพำนัก การเข้านอกออกในย่อมสะดวกยิ่งนัก แม้แต่สาวใช้ที่ยืนเฝ้าหน้าห้องยังไม่กล้าขัด ซูหลินจึงเดินเข้ามาได้จนถึงห้องอาบน้ำเลยทีเดียว ซูหลินใช้ดวงตาสมหวังจดจ้องน้องสาวอย่างลิงโลด “ฟางเอ๋อร์ พี่ได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่? สำเร็จแล้วสินะ!”เหวินฟางชะงักกึก นางให้รู้สึกอยากมุดน้ำแล้วจมดิ่ง ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่สมควรเล่าให้ใครฟังแน่นอน“พี่หลิน ข้า...” นางเอ่ยตะกุกตะกัก ในขณะที่อีกคนรีบหันไปหยิบเสื้อคลุมมายื่นให้น้องสาว ดวงตาที่พร่างพราวไล่สำรวจเนื้อตัวขาวจัดที่บัดนี้มีรอยจ้ำเหล่านั้นเต็มไปหมด นางรู้ดีเชียวล่ะ ว่าพวกมันคือรอยที่เกิดจากอะไร “มาเถิด รีบเช็ดตัวก่อน ค่อยพูดคุยกัน พวกเรายังต้องวางแผนกันต่อ อ้อ...หาฤกษ์งามยามดีรอไว้เลยดีหรือไม่?”“ไม่!”“...”เห็นน้องสาวตะเบ็งเสียงปฏิเสธดังลั่นปานนั้น ซูหลินให้รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก “ฟางเอ๋อร์ หมายความว่าอย่างไร?”เหวินฟางอึกอัก “เอ่อ...ข้า...” นางรีบลุกจากถังไม้ เผ